เสียงจากคนกรุงที่ทุกฝ่ายต้องฟัง

เสียงจากคนกรุงที่ทุกฝ่ายต้องฟัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายณัชพล เกิดเกษม ประธานเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนกรุงเทพฯ

ดีกว่าเราปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้น

เราจะมีกระบวนการเวทีพูดคุยปรึกษาหารือกับพี่น้องประชาชนในชุมชนโดยนำเอาเรื่องของชุมชนเป็นตัวตั้งเพื่อสอบถามถึงปัญหาหรือความกังวลต่าง ๆ แล้วจะป้องกันได้อย่างไร อีกทั้ง บรรดาแกนนำของแต่ละชุมชนยังมีการพูดคุยกันตลอดเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ โดยติดตามจากข่าวสารและเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมถึงโทรศัพท์สอบถามข้อเท็จจริงจากชุมชนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหรือไม่ แล้วให้มีการรายงานผล ซึ่งถ้าเรารู้ข่าววงในว่าจะมีอะไร ก็แจ้งบอกกัน เช่น ถ้าเรารู้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนผ่านมายังชุมชนของเรา เราจะแจ้งพี่น้องในชุมชนให้ได้รับข้อมูลข่าวสารเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจทันและเพื่อจะได้รู้ว่าควรใช้เส้นทางไหนเวลาใดจึงจะสะดวกหรือกรณีที่ถ้าเราพบว่ามีคนแปลกหน้าหรือไม่ใช่คนที่อยู่ในชุมชนของเราก็ขอให้ช่วยแจ้งกันให้ทราบเพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามาก่อเหตุในชุมชน ตลอดจนมาหารือกันว่าจะรับมือกันอย่างไรเมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรที่เป็นความรุนแรง

ที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามาช่วยเราดูแล แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นจึงจะวิ่งกรูเข้ามาซึ่งเราไม่ต้องการแบบนั้นและวันนี้ก็ยังไม่มีเข้ามา ภาครัฐไปดูแค่สถานที่ราชการ แต่ยังไม่เคยมาคุยกับชุมชน แม้การจัดแผนในตอนนี้อาจจะดูล่าช้า แต่คิดว่าดีกว่าเราปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

นายสุรศักดิ์ อินทรประสิทธิ์ สมาชิกสภาพัฒนาการเมือง กรุงเทพฯ

ขอให้พลังเงียบที่อยู่ทั่วประเทศออกมา

ทุกสีเสื้อมีสิทธิแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย แต่เรามีสัญญาประชาคมร่วมกัน คือ ต้องอยู่ในกรอบของความสมานฉันท์ สันติวิธีแม้จะมีความหลากหลายทางความคิดไปบ้างที่เปรียบเหมือนดอกไม้หลากสี ทางเครือข่ายฯ มีความกังวลใน 2 เรื่องคือ 1. ผลกระทบด้านจิตใจ 2. กระทบกับวิถีชีวิตของคนเมืองที่ต้องทำ มาหากิน ใช้รถใช้ถนน เราอยากให้มีการเจรจาพูดคุยกันโดยยกประโยชน์ของประเทศชาติส่วนมากมาเป็นที่ตั้ง อย่าสร้างการเผชิญหน้า เพื่อผลประโยชน์ส่วนกลุ่มหรือส่วนตน

ขอเรียกร้องให้พลังเงียบที่อยู่ทั่วประเทศออกมาแสดงตน อย่าปล่อยให้เสียงของคนกลุ่มเล็ก ๆ เอาประชาชนกว่าร้อยละ 80 มาเป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อเข้าสู่อำนาจ แสวงหาผลประโยชน์ จากนี้ไปแผนระยะสั้นคงทำได้เพียงดูแลรักษาความปลอดภัยในชุมชนของตัวเอง ส่วนแผนระยะกลางจะจัดให้มีเวทีสัมมนาในระดับแกนนำของชุมชนต่าง ๆ เพื่อร่วมระดมความคิดเห็น โดยจะมีขึ้นในวันที่ 28 มี.ค. ที่ลานปรีดี ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ขณะที่แผนระยะยาวนั้น จะมีการจัดเวทีกลางโดยมีการเชิญทุกภาคส่วนมาร่วมพูดคุย ระดมความเห็น ในการหาทางออกให้กับประเทศชาติ

นายธีรพล คชาชีวะ ประธานชุมชนแพร่งภูธร

อยากให้มีการเจรจาหาข้อยุติ

จากเหตุการณ์ที่มีผู้ยิงจรวดอาร์พีจีเข้าไปในซอยแพร่งภูธร ทำให้คนในชุมชนรู้สึกเสียขวัญเล็กน้อย แต่เราอยากรณรงค์ไม่ให้ใช้ความรุนแรงในพื้นที่ชุมชน ซึ่งชุมชนของผมถือเป็นกรณีศึกษาเราไม่โทษ ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะผู้ชุมนุมก็มีแนวคิดอย่างหนึ่ง ส่วนรัฐบาลก็มีอีกอย่างหนึ่ง ทุกคนมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเราไม่ไปก้าวล่วงแต่เราก็ออกมาแสดงสิทธิของเราว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่ อยากให้มองเห็นความสำคัญกับชุมชนบ้าง อย่าใช้พื้นที่เป็นสนามประลองกำลังเพราะเราไม่ได้ไปสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและไม่ได้ถูกจัดตั้งมาชนกับใครอย่างที่มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งกล่าวหา แต่เราทำตามที่เราเป็น มีช่องทางไหนที่เราสามารถประชาสัมพันธ์ได้ เราก็เข้ามาคุยว่าเราเป็นอย่างไร เราอยากให้มีการเจรจา เราอยากเสนอว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่า ในนามของชุมชนจะให้เป็นพื้นที่กลางในการเจรจา ซึ่งน่าจะเป็นแนวทางที่ดีเพราะผมเชื่อว่าเรามีทุกฝ่าย หลากหลายความคิดเห็นอยู่ในชุมชน จึงอยากให้มีการเจรจาหาข้อยุติ เพราะถ้าสถานการณ์ยิ่งยืดเยื้อก็ยิ่งมีผลกระทบมากขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับการดูแลชุมชนนั้น เวลาที่เราประชุมชุมชน เราก็ได้เสนอต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ แต่ก็เงียบ ๆ ไป สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราก็แจ้งกับเขา เขาก็มาตรวจตามเวลาของเขา เราก็มีการคุยกันในชุมชน และได้ให้วัยรุ่นในชุมชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาเมื่อพบเห็นคนแปลกหน้าที่มีท่าทางน่าสงสัย เพราะชุมชนของเราเป็นพื้นที่เปิด เนื่อง จากมีร้านค้า ร้านอาหาร ทำให้มีผู้คนเข้า-ออกผ่านไปมาอยู่ตลอด

นางมณี จีรโชติมงคล ประธานสภาองค์กรชุมชนเขตดุสิต

เราต้องลุกขึ้นมาสร้างจิตสำนึกชุมชน

ผลสะท้อนจากที่มีการชุมนุมในพื้นที่ เป็นเรื่องความไม่สะดวกในการเดินทางจากที่มีการปิดถนน ทำให้การจราจรติดขัด ส่งผลให้คนในชุมชนเดินทางกลับถึงบ้านล่าช้ากว่าเดิมมาก นอกจากนี้ยังมีความเป็นห่วงของคนในชุมชนว่าจะมีการก่อเหตุรุนแรง ซึ่งการดูแลชุมชนนั้น ในการประชุมกับเครือข่ายของสภาองค์กรชุมชนทั้ง 50 เขตในกรุงเทพฯ มีความเห็นว่าการดูแลแต่ละพื้นที่ เราก็ต้องลุกขึ้นมาสร้างจิตสำนึกให้คนชุมชนรู้จักเฝ้าระวังและดูแลชุมชนของเราเองให้เข้มแข็ง โดยไม่อิงฝ่ายใดทั้งสิ้น และเราไม่ได้ห้ามคนในชุมชนไปร่วมแสดงออกทางการเมือง แต่ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนการเฝ้าระวังป้องกันการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ เรามีอาสาสมัครเฝ้าระวังอยู่ทั้งอาสาสมัครสาธารณสุข กรรมการชุมชน หรือคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง โดยเรามีการวางสายไว้เป็นจุด ๆ ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้ามาก็ต้องแจ้งกันให้ทราบ ซึ่งเรามีผู้นำอยู่ นอกจากนี้ เรามีการทำงานร่วมกับสำนักงานเขตและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อยู่แล้ว

ข้อเสนอของเราคือเรียกร้องให้มีการเจรจาระหว่างฝ่ายผู้ชุมนุมและรัฐบาลด้วยสันตินั้น ก็ควรเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วน ในการเจรจาเพื่อให้ได้ข้อสรุปเพราะเราอยู่ในพื้นที่ขณะที่คนข้างนอกจะมารู้เรื่องของเราได้อย่างไร.

เครือข่ายพลเมืองชุมชนคนกรุงเทพฯ เป็นการรวมตัวกันของปัจเจกบุคคล องค์กรชุมชน และเครือข่ายชุมชนในเขตกรุงเทพฯ โดยเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนมีสมาชิก 1,283 องค์กร ซึ่งเราดำเนินการพัฒนาและการทำตามสิทธิชุมชนที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 เรามีความเป็นกลาง และเคารพในสิทธิการชุมนุมหรือการแสดงออกทางการเมืองอย่างสันติ โดยเราไม่ได้บอกว่าจะไปต่อต้านใคร ทั้งนี้เครือข่ายฯ มีความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและยินดีที่ไม่เกิดความรุนแรงในช่วงการชุมนุม แต่ที่ผ่านมาทางเครือข่ายฯ มีความกังวลและห่วงใยต่อทุกฝ่ายและประชาชนทุกกลุ่ม เพราะสถานการณ์เริ่มส่อเค้าลางว่าจะเกิดความรุนแรงต่อชีวิตทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในชุมชนกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง ทางเครือข่ายฯ จึงขอเรียกร้องการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมและสันติ ดังนี้ 1. ให้ทุกฝ่ายร่วมแสวงหาหนทางยุติปัญหาไม่ใช้ความรุนแรงมีการเจรจาให้เร็วที่สุด 2. ให้ทุกฝ่ายเคารพในสิทธิและความปลอดภัยของประชาชนและชุมชน โดยชุมชนต้องได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย 3. ขอให้รัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุม เข้าร่วมกับชุมชนในการจัดระบบความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชุมชน และ 4. ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ออกมาตรการป้องกันคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของชุมชนและสิทธิในการใช้พื้นที่สาธารณะของชุมชนอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ เราจะใช้พลังเครือข่ายชุมชนทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง จัดทำแผนป้องกันตนเองเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชุมชน รวมทั้งเชื่อมประสานทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและฝ่ายรัฐบาล ให้เกิดกระบวนการปรึกษาหารือเพื่อหาทาง ออกร่วมกันโดยเร็วที่สุด

*** เป็นเนื้อหาแถลงการณ์เครือข่ายพลเมืองชุมชนคนกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 มี.ค.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook