ปปช.ชี้คุณหญิงทิพาวดีผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

ปปช.ชี้คุณหญิงทิพาวดีผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(14ม.ค.) ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. ในฐานะโฆษกแถลงผลการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. ว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับเรื่องกล่าวหาคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เลขาธิการก.พ.ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีหนังสือสำนักงานก.พ.แจ้งเวียนไปยังส่วนราชการโดยปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการและขั้นตอนการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญที่จะแต่งตั้งให้ดำเรงตำแหน่ง นักบริหาร 9 และกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการคัดเลือกไม่เป็นไปตามมติ ครม. และกล่าวหานายสมใจนึก เองตระกูล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง กับพวก ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญ เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 9 (กระทรวงการคลัง) ดำเนินการคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากรโดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนโดยมีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า คณะกรรมการป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่าคุณหญิงทิพาวดี ได้นำเสนอเรื่องระบบนักบริหารระดับสูงต่อ ครม.เพื่อขอความเห็นชอบ และอนุมัติให้นำระบบดังกล่าวมาใช้ โดยสำนักงาน ก.พ.จะจัดทำบัญชีของผู้มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหารระดับสูง กลุ่มที่ 1 (นักบริหาร 9 ) จากผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมและผ่านการประเมิน โดยผู้ที่ผ่านการประเมินจะมีชื่ออยู่ในบัญชีนักบริหารและบัญชีจะมีอายุ 2 ปี ซึ่งที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2543 มีมติเห็นชอบให้สำนักงาน ก.พ.นำระบบดังกล่าวมาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2544

// //

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า แต่ในวันที่ 15 ส.ค. 2544 คุณหญิงทิพาวดีได้ดำเนินการออกหนังสือเวียน แจ้งส่วนราชการเพื่อดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับ 9 เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ ครม.ได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว ซึ่งหลักเกณฑ์เพิ่มเติมดังกล่าวทำให้มีผู้ได้รับความเสียหายและฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง จนในที่สุดศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาว่า การที่สำนักงานก.พ.กำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมดังกล่าวไม่ชอบด้วยมติ ครม.และไม่เป็นธรรมแก่ผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ผ่านการประเมิน ดังนั้นหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2544 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โฆษก ป.ป.ช. กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าผลจากการกระทำของคุณหญิงทิพาวดีตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ได้สร้างความเสียหายแก่ ครม.และระบบราชการในด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างร้ายแรง ส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงในด้านข้อกฎหมาย และคำสั่งทางปกครองทำให้สถานภาพความเป็นข้าราชการและการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ในตำแหน่งของผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับความกระทบกระเทือนอย่างร้ายแรง การกระทำของคุณหญิงทิพาวดีจึงเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบราชการ มติ ครม.หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2535 มาตรา 85 วรรค 2

โฆษก ป.ป.ช. กล่าวว่า ส่วนกรณีกล่าวหานายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลังขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 9 (กระทรวงการคลัง) นายสมหมาย ภาษี รองปลัดกระทรวงการคลัง ในขณะนั้น นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อธิบดีกรมสรรพากรขณะนั้น นายวีระ ไชยธรรม ที่ปรึกษาระบบราชการ สำนักงาน ก.พ. และนายเมธี ภมรานนท์ ผู้แทน ก.พ.ในอ.ก.พ.กระทรวงการคลัง ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ โดยทุจริตในการคัดเลือกข้าราชการ เพื่อดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร ซึ่งเรื่องนี้มีผู้ได้รับความเสียหายจากการคัดเลือก ฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุด พิพากษาว่าการดำเนินการคัดเลือกไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และมีการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้สมัคร โดยพฤติการเชื่อได้ว่ามีการกำหนดตัวบุคคลไว้ล่วงหน้าแล้วจึงไม่เป็นธรรมต่อผู้สมัครรายอื่น จึงทำให้คำสั่งแต่งตั้งรองอธิบดีกรมสรรพากรดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายสมใจนึก นายสมหมาย นายศุภรัตน์ และนายวีระ มีมูล ถือเป็นความผิดอาญา ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ส่วนนายเมธี ซึ่งในขณะกระทำผิดได้พ้นจากราชการไปแล้ว มีมูลความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 นอกจากนี้ นายศุภรัตน์ยังมีมูลวามผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการด้วย โดยป.ป.ช.จะส่งรายงานเอกสารและความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และ ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญา กับผู้ถูกกล่าวหาต่อไป

ภูมิใจไทย:ก้าวสำคัญของเนวิน

การเมืองแบบไทยๆ อะไรๆ ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ฟัดกันแทบจะตายกันไปข้าง วันหนึ่งก็อ้าขาผวาปีกเข้าหากันได้อย่างไม่เคอะเขิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook