แฉอีก ลัมโบร์กินีดาวติ๊กต็อก เคยเจอก่อนเป็นข่าว ขับรถกวนxx เบรกเหมือนแกล้งให้ชน

แฉอีก ลัมโบร์กินีดาวติ๊กต็อก เคยเจอก่อนเป็นข่าว ขับรถกวนxx เบรกเหมือนแกล้งให้ชน

แฉอีก ลัมโบร์กินีดาวติ๊กต็อก เคยเจอก่อนเป็นข่าว ขับรถกวนxx เบรกเหมือนแกล้งให้ชน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มโผล่แฉอีก ลัมโบร์กินีดาวติ๊กต็อก เคยเจอก่อนเป็นข่าว ขับรถกวนxx เบรกเหมือนแกล้งให้ชน

จากกรณีเมื่อวันที่ 12 เมษายน หญิงสาวรายหนึ่งโพสต์เล่าเรื่องราวที่กระทบกระทั่งกับคนขับลัมโบร์กินี โดยอีกฝ่ายไม่พอใจที่เธอบีบแตรเตือน เพราะเขาขับเบียดรถของเธอ ก่อนจอดขวางถนน

ซึ่งต่อมาเจ้าของลัมโบร์กินี ซึ่งใน TikTok มีผู้ติดตามมากถึง 2 แสนคน ได้ออกมาชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าว บอกว่าได้รถมาถูกต้องทุกอย่าง และไม่ได้เป็นจีนเทา โดยวันเกิดเหตุ รถมีปัญหาเรื่องเกียร์ มันหยุดเอง เลยเปิดไฟฉุกเฉิน  พยายามอยู่ 5-10 นาที สุดท้ายเข้าเกียร์ได้ และขับรถออกไป ไม่รู้ว่ามีคันหลัง ไม่รู้ว่ามีการถ่ายคลิป ไม่รู้ว่ามีการบีบแตรด้วย 

ต่อมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอและข้อความว่า “เหตุเกิดวันที่ 24 มี.ค.67 ย่านติวานนท์ จ.นนทบุรี รถหรูลัมโบร์กินีที่พึ่งจะแกล้งจอดรถแช่บริเวณถนนกาญจนาไปเมื่อ3-4 วันก่อน คนขับรถหรูอ้างว่าเกียร์ค้าง หลังจากออกข่าวไป มีครอบครัวนึงได้แจ้งกับทางเพจมาว่า รถหรูคันนี้มาแกล้งเบรกให้ชนท้ายถึง 2 ครั้ง ที่ย่านติวานนท์ ในตอนนั้นที่ไม่ได้เอาเรื่องเพราะยังไม่ทราบว่ารถหรูคันนี้เป็นใคร แต่ตอนนี้มีข้อมูลรถหรูคันนี้แล้ว“

เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 14 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวติดต่อ นายโอม (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ทึ่เกิดขึ้น ซึ่งนายโอม ยืนยันว่าเป็นรถลัมโบร์กินีคันเดียวกัน สีและทะเบียนเดียวกัน และอยากจะนำพฤติกรรมของคนขับมาเปิดเผยเพื่อเตือนให้คนที่ใช้รถใช้ถนนต้องมีสติหากต้องเจอคนที่ขับรถและเป็นแบบนี้ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ 

นายโอม กล่าวว่า เกิดเหตุวันที่ 24 มี.ค.67 เวลาประมาณ 22.20 น. ผมและครอบครัวขับรถกลับจากทานข้าวมาจอดติดไฟแดงตรงแยกติวานนท์ เพื่อมุ่งหน้ากลับคอนโดแถวแยกวงศ์สว่าง พอผมกำลังจะเลี้ยวขวาไปวงศ์สว่าง มีรถจยย.อยู่หน้าผม 2 คัน ลัมโบร์กินีขับมาจากทางซ้าย ซึ่งหน้ารถเขามีรถบรรทุกจอดอยู่ข้างทางน่าจะจอดเสียเพราะเปิดไฟฉุกเฉินไว้ รถลัมโบร์กินีพยายามเร่งเครื่องมาทางซ้ายของผม เพื่อจะปาดเข้ามาในช่องทางด้านหน้าผม แต่ปาดไม่พ้นเกือบชนโดนประตูรถผม ซึ่งผมไม่สามารถหลบไปทางขวาได้เนื่องจากติดเกาะกลาง พอเลยจุดนั้นไปเล็กน้อย รถลัมโบร์กินีได้ขับปาดเข้ามาด้านหน้ารถผมและเบรกถึง 2 ครั้ง เหมือนจะให้ผมชนท้าย จากนั้นเขาก็ขับชะลอไปเรื่อยๆ ประมาณ 1-2 กม.ก่อนที่ผมจะถึงแยกเข้าคอนโด จากนั้นก็แยกย้ายกัน

นายโอม กล่าวต่อว่า วันนี้ครอบครัวอยู่ในรถทั้งหมด 5 คน ยืนยันว่าเป็นรถคันเดียวกับที่เป็นข่าว เพราะหลังจากเห็นในข่าวก็จำทะเบียนรถได้ หลังวันเกิดเหตุไม่ได้ติดใจอะไร แต่พอมาเห็นข่าวก็คิดว่าเขาทำพฤติกรรมแบบนี้ สักวันเขาก็ต้องไปทำกับคนอื่นอีก และตนเองอยากแจ้งความแต่อยู่ต่างจังหวัด การจะแจ้งความก็ต้องเดินทางไปแจ้งที่เกิดเหตุ ที่จะแจ้งความเพราะจากที่เขาทำ สามารถทำให้เราเสียทรัพย์ได้ เพราะถ้าเกิดเหตุชนขึ้นมาและะเราไม่มีกล้องหน้ารถ ไม่มีประกันภัย ผมก็ไม่มีปัญญาไปชดใช้เขา

และจากเหตุการณ์ที่เกิดกับสาวคนในข่าวอ้างว่าเกียร์ค้าง ในมุมมองของผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะรถราคาระดับนั้นและไม่ใช่รถเก่าไม่น่าจะเกิดอาการแบบนั้น เพราะถ้าในวันนั้นเป็นผมที่ขับรถลัมโบร์กินี ผมจะจอดรถไว้แล้วเปิดประตูไปแจ้งให้รถคันหลังทราบ ไม่ใช่จอดแช่แบบนั้น และจากพฤติกรรมที่ทำกับพี่สาวคนนั้นกับทำกับรถผม ทำให้เชื่อไม่ได้เลยว่าเกียร์มีปัญหา

นายโอม กล่าวเพิ่มเติมว่า วันเกิดเหตุถ้าผมไปคนเดียวอาจมีเรื่องแน่นอน แต่เพราะไปกับครอบครัวและมีลูกด้วย จึงต้องกลั้นใจถึงที่สุด ประกอบกับภรรยาขอว่าให้ปล่อยเขาไป ผมก็พยายามไม่ขับไล่จี้ ขับให้ช้าที่สุดประมาณ 20 กม.ต่อชั่วโมง ปล่อยให้เขาขับพ้นไปก่อนเลย อีกอย่างคนระดับนั้นในรถมีอะไรบ้างก็ไม่รู้ ผมก็กลัวเหมือนกัน

ก็อยากฝากเตือนคนที่ขับรถและเจอรถที่ทำพฤติกรรมแบบนี้ให้คิดเลยว่ามีคนที่บ้านรอเราอยู่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นลูกเราพ่อแม่เราที่รออยู่จะอยู่อย่างไร เพราะเกิดไปเจอคนจริง อารมณ์ร้อนมีของขึ้นมา อารมณ์ชั่ววูบเกิดขึ้นอาจสูญเสีย ปล่อยได้ให้ปล่อยไปดีกว่า

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook