ขยายปม-ถึงเวลาเปิดเกมรุก

ทำให้พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ พรรคชาติไทยพัฒนา โล่งอกไปตามๆ กัน การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ครั้งนี้มี 29 ตำแหน่ง มาจาก กทม.1 คน, ภาคกลาง 15 คน, ภาคเหนือ 2 คน, ภาคอีสาน 10 คน และภาคใต้ 1 คน

หากวิเคราะห์เจาะเป็นรายพื้นที่ ก็พอจะวิเคราะห์ได้ดังนี้ เริ่มจาก กรุงเทพมหานคร เขต 10

// //

เป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ หมายเลข 3 กับพรรคเพื่อไทย จารุวงศ์ เรืองสุวรรณ หมายเลข 1 ซึ่งดูแล้ว ณัฏฐพล น่าเป็นต่อ เพราะเคยแพ้ สุวัฒน์ เจ้าของ ส.ส.5 สมัยเพียง 1,000 คะแนนเท่านั้น

ส่วน ฉะเชิงเทรา เขต 1 พื้นที่นี้น่าจะเป็นของ ณัชพล ตันเจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อแผ่นดิน เนื่องจากเป็นลูกชายของ พิเชษฐ์ ตันเจริญ ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน

ด้าน นครปฐม เขต 1 เป็นการแข่งขันกันระหว่าง มารุต บุญมี พรรคประชาธิปัตย์ ลูกชายของปัญจวัฒน์ (ประสาน) บุญมี ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และ ฐานุพงศ์ รังสิไตรพงศ์ จากพรรคประชาราช ซึ่งมีนายใหญ่จากตระกูล สะสมทรัพย์ จากค่ายเพื่อไทย เป็นแรงหนุน จึงเป็นเขตที่ไม่ง่ายสำหรับรัฐบาล

ปทุมธานี เขต 1 มีผู้สมัครเพียง 2 คน คือ ชนากานต์ ยืนยง จากพรรคประชาราช และ อภินันท์ ช่วยบำรุง จากประชาธิปัตย์ โดย ชนากานต์ มีแรงหนุนจาก ตระกูลหาญสวัสดิ์ น่าจะได้เปรียบ

ด้าน ราชบุรี เขต 1 แข่งขันกันระหว่าง ยศศักดิ์ ชีววิญญู จากพรรคประชาธิปัตย์ และ เดชา ตุลาธาร จากพรรคเพื่อไทย ถือว่า ยศศักดิ์ ได้เปรียบจากเคยลงสนามมาแล้ว 2 ครั้ง ประกอบกับโหนกระแสคนเสื้อเหลืองน่าจะมีสิทธิพาตัวเองเข้าสภา

ลพบุรี เขต 1 นาทีนี้ถือว่า พรรคชาติไทยพัฒนา โดย มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช ลูกสาวของ กมล จิระพันธุ์วาณิช อดีต ส.ส.พรรคชาติไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองลอยลำเข้าสภาแน่นอน

สมุทรปราการ เขต 1 เป็นการต่อสู้ระหว่าง อรุณลักษณ์ กิจเลิพโรจน์ จากพรรคเพื่อไทย ภรรยาของ สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ กับ สรชา วีรชาติวัฒนา จากพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่างานนี้ สรชา เหนื่อย

สระบุรี เขต 2 แข่งกันระหว่าง องอาจ วงษ์ประยูร จากพรรคประชาธิปัตย์กับ ตระกูล จันทร์แจ่มใส พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ถือว่า องอาจ ค่อนข้างได้เปรียบ ส่วน สิงห์บุรี เขต 1 แข่งขันระหว่าง โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ จากประชาธิปัตย์ กับ พายัพ ปั้นเกตุ จากเพื่อไทย ถือว่า พายัพ มีแต้มต่อ

ส่วน สุพรรณบุรีเขต 1, สุพรรณบุรี เขต 2, อ่างทอง เขต 1 และอุทัยธานี เขต 1 ฟันธงได้เลยว่าเป็นของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มี บรรหาร ศิลปอาชา นั่งให้คำแนะนำ

ขณะที่ ภาคเหนือ ส่วนใหญ่น่าเป็นการเลือกตั้งซ่อมแทนคนของพรรคเพื่อไทย ดังนั้น ทั้งกระแสคนรักทักษิณและแรงสนับสนุนในพื้นที่ น่าจะเป็นของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะที่ ลำปาง เขต 1 ลำพูน เขต 1

ส่วน ภาคอีสาน นครพนมเขต 1 น่าจะเสียงแตก หลังมีกลุ่มเพื่อนเนวินไปสนับสนุน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่พื้นที่นี้ กลุ่มเนวิน ให้การสนับสนุน พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งเสียงในพื้นที่ค่อนข้างดี ส่วน บุรีรัมย์ เขต 2 น่าจะเป็นของ พรรคประชาราช ที่กลุ่มเพื่อนเนวินนำไปฝากเลี้ยง ส่วน บุรีรัมย์ เขต 4 น่าจะเป็นของ พรรคชาติไทยพัฒนา ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ มีกำนันและได้น้ำเลี้ยงจากพรรคเพื่อแผ่นดิน

มหาสารคาม เขต 1 พื้นที่นี้น่าจะเป็นของ กุสุมาลวดี ศิริโกมุท จากพรรคเพื่อแผ่นดิน เนื่องจากเคยลงสมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย 2-3 สมัย คาดว่าจะชนะคู่แข่งอย่าง ขจิตร ชัยนิคม จากพรรคเพื่อไทย ชนิดเฉียดฉิว

ร้อยเอ็ด เขต 2 น่าจะเป็นของ เพื่อไทย ที่ได้แรงเชียร์จากคนรักทักษิณ และมี นิสิต สินธุไพร เป็นพี่เลี้ยง ส่วน ศรีสะเกษ เขต 1 น่าจะเป็นของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ผูกขาด ส.ส.มาหลายสมัย ศรีสะเกษ เขต 2 น่าจะเป็นของ จิระวดี จึวรานนท์ จากประชาราช ที่ได้แรงหนุนจาก ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง อดีต ส.ส.พลังประชาชนที่ถูกตัดสิทธิ์

ส่วน อุดรธานี เขต 2 น่าจะเป็นของ พรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นพื้นที่ของกลุ่มเสื้อแดง และมีกลุ่ม คนรักอุดร สนับสนุน อุบลราชธานี เขต 2 และเขต 3 น่าจะเป็นของพรรคชาติไทยพัฒนา

ขณะที่ภาคใต้ นราธิวาส เขต 2 น่าจะเป็นของพรรคชาติไทยพัฒนา เจ้าของพื้นที่เดิม ประกอบกับพรรคประชาธิปัตย์หลีกทางให้

การเลือกตั้งครั้งนี้ คาดว่า ประชาธิปัตย์ จะได้ 3 ที่นั่งบวกลบ 1-2 ที่นั่ง ส่วน เพื่อแผ่นดิน จะได้ 3 ที่นั่ง ประชาราช ได้ 3 ที่นั่ง ชาติไทย 10 ที่นั่ง ส่วน เพื่อไทย น่าจะได้ 6 ที่ บวกลบ 2-3 ที่นั่ง

จากนี้ไปคงต้องจับตาเกมรุกหาเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ ประชาธิปัตย์ ที่ส่ง ชวน หลีกภัย เป็นด่านหน้า แม้จะถูกไข่ปาหน้า แต่ก็ได้ใจคนในพื้นที่ไปเต็มๆ

ตะลุยข่าว : THE GREEN POLICE กองปราบฯ สู่ศตวรรษที่ 21

ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกสามารถระงับยับยั้งปัญหาอาชญากรรมให้ลดลงและควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ ตรงกันข้ามกับประเทศไทย กลับมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และมีการกล่าวถึงในระดับนานาชาติว่า