มาร์ค สุรเดช ฟันธง บอลโลกกลุ่ม E และ F

มาร์ค สุรเดช ฟันธง บอลโลกกลุ่ม E และ F

มาร์ค สุรเดช ฟันธง บอลโลกกลุ่ม E และ F
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิเคราะห์เจาะลึก ศึกฟุตบอลโลก 2010 จาก มาร์ค สุรเดช ผู้บรรยายกีฬา True Visions และ บรรณาธิการบทความ FourFourTwo


กลุ่ม อี
ฮอลแลนด์ vs เดนมาร์ก

อาร์เยน ร็อบเบน ยังไม่ฟิตลงเล่นในเกมนี้ได้ โดยคาดว่าในตำแหน่งของเขา เบิร์ต ฟาน มาร์ไวก์ กุนซือเตรียมส่ง ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท ลงไปทำเกมแทน ส่วน เดนมาร์ก นั้น ตัวของกุนซือ มอร์เตน โอลเซ่น ฟื้นจากพิษไข้จากสัปดาห์ก่อนแล้ว ในส่วนความพร้อมของลูกทีมนั้น
ไม่มีใครติดไข้ตามกันมา แต่รายของ นิคลาส เบนท์เนอร์ ดาวยิงจากอาร์เซน่อลมีอาการบาดเจ็บที่ขาหนีบอยู่ รวมถึง ไซม่อน แคร์ ปราการหลังตัวกลางจาก ปาแลร์โม่ ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา เจ็บเข่าจากเกมอุ่นเครื่องกับ เซเนกัล สภาพร่างกายยังไม่เต็มร้อย ส่วนผู้รักษาประตูนั้นแม้จะบาดเจ็บที่ข้อศอก
มาตั้งแต่เดือนเมษายน แต่เชื่อว่า โอลเซ่น จะไฟเขียวเตรียมส่ง โธมัส โซเรนเซ่น นายประตูจอมหนึบจาก สโต๊ค ซิตี้ ลงเล่นในเกมนี้แน่นอน

เกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจ
- นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2008 ขุนพล "ฟลายอิ้งดัตช์แมน" ฮอลแลนด์ ภายใต้การนำทีมของ ฟาน มาร์ไวก์ ยังทำผลงานชนิดไม่มีสะดุด โดยไม่แพ้ใครมาแล้วเป็นจำนวน 19 เกม โดยชัยชนะนัดล่าสุดนั้นพวกเขาไล่ยิงสลุต ฮังการี ถึง 6-1 แต่ต้องแลกกับอาการบาดเจ็บที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยกับ อาร์เยน ร็อบเบน

- ทั้งสองทีมเคยดวลแข้งกันมาถึง 28 ครั้ง แต่กลับไม่เคยเจอกันเลยในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดย ฮอลแลนด์ ชนะ 11 ครั้ง เสมอกัน 10 ครั้ง และ เดนมาร์ก ชนะ 7 ครั้ง

- ถ้าได้ลงเล่นในเกมนี้จะเป็นเกมที่ 100 ของ โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ ในการเล่น ฮอลแลนด์

- 2 เกมหลังสุดของ เดนมาร์ก จบลงด้วยความพ่ายแพ้ต่อคู่แข่งด้วยสกอร์  0-1 ทั้ง 2 เกม

ความน่าจะเป็น
ต่างก็คว้าแชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือกของ โซนยุโรป มาด้วยกันทั้งคู่ โดยมีจุดเด่นไปคนละอย่าง ฮอลแลนด์ เน้นเกมรุก ส่วน เดนมาร์ก จะรัดกุมกว่า แต่กองหลังดูดีกว่าทีมดัตช์เยอะ ต่างเป็นตัวเต็งที่จะควงแขนกันเข้ารอบ โอกาสเสมอกันแบ่งแต้มมีสูง แต่ ฮอลแลนด์ มีทีเด็ดในการทำประตู ดูแล้วถ้าเลือกทีมที่จะชนะ
ก็ต้องเป็นพวกเขา แต่การจะมีประตูยิงกันเยอะแยะมากมาย ยังดูไม่น่าสจะเป้นเช่นนั้น

ผลการแข่งขันที่คาด
ฮอลแลนด์ ชนะ เดนมาร์ก 1-0


ญี่ปุ่น vs แคเมอรูน

ในช่วงการอุ่นเครื่อง ทาเกชิ โอกาดะ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ทำการทดลองแท็คติกที่หลากหลาย โดยในบางเกมอาทิเช่นในเกมอุ่นเครื่องกับ ซิมบับเว ที่ โอกาดะ ใช้ เคสึเกะ ฮอนดะ ขึ้นไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าคนเดียว รายของ มาโกโตะ ฮาเซเบะ ที่เจ็บหลังพร้อมเรียกความฟิตกลับมาช่วยทีมในเกมนี้
ด้านทีม "หมอผี" แคเมอรูน ปอล เลอ กูเอ็น กุนซือชาวฝรั่งเศสไม่มีอาการบาดเจ็บของลูกทีมให้ต้องกังวลแต่อย่างใดสำหรับเกมนี้ รายของ อเล็กซ์ ซง ต้องลุ้นว่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงหรือไม่ เช่นเดียวกับ ฮาเมดู สุเลมานู ที่อาจจะได้ลุ้นเฝ้าเสาแทนที่ตัวจริงอย่าง คาร์ลอส กาเมนี่

เกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจ
- ญี่ปุ่น เคยดวลกับ แคเมอรูน มาแล้ว 3 หน และไม่เคยเพลี่ยงพล้ำเสียทีให้กับทีม "หมอผี" ด้วยความพ่ายแพ้ แถมยังไม่เสียประตูจากการเจอกันอีกด้วย

- การเจอกันหนล่าสุดของทั้ง 2 ทีมเกิดขึ้นเมื่อปี 2007 ซึ่งเกมดังกล่าวจบลงด้วยชนะของทีม "ซามูไร" เหนือคู่แข่งด้วยสกอร์ 2-0

- แคเมอรูน เข้ารอบสุดท้ายหนนี้เป็นครั้งที่ 6 ถือว่าเป็นตัวเลขที่มากที่สุดของบรรดาทีมจากทวีป แอฟริกา ด้วยกัน

- อย่างไรก็ดี แคเมอรูน ภายใต้การนำทีมของ เลอ กูเอ็น ก็ยังไม่ชนะใครเลยใน 7 นัดหลังสุด

ความน่าจะเป็น
ต่างฝ่ายต้องเน้นเต็มที่เพราะลุ้นที่จะเป็นตัวสอดแทรกเข้ารอบ ญี่ปุ่น เล่นด้วยวินัย และมีนักเตะที่ไปค้าแข้งในยุโรปอยู่หลายคนทำให้พวกเขาดูแข็งแกร่งไม่น้อย ส่วนทางฝั่ง แคเมอรูน คงอาศัยความได้เปรียบทางด้านร่างกายไล่ชนผู้เล่นของ ญี่ปุ่น ให้ฝ่อกันไปเลย แต่หากไปดูกันในส่วนของแดนหน้าที่จะเป็นตัวตัดสินเกมนั้น
ตรงจุดนี้ดูทางฝั่งของ แคเมอรูน จะดีกว่านิดๆ

ผลการแข่งขันที่คาด
ญี่ปุ่น แพ้ แคเมอรูน 0-1

 

 

กลุ่ม เอฟ
อิตาลี vs ปารากวัย

อันเดรีย ปีร์โล่ ที่ร่วมเดินทางมากับทีมด้วยแต่มาพร้อมกับอาการบาดเจ็บที่น่อง ยังไม่ฟิตสมบูรณ์เต็มที่ โดยคาดว่าจะกลับมาอีกทีคือเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มกับ สโลวะเกีย แต่ในส่วนของ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ที่เจ็บน่องเช่นกันสามารถผ่านการทดสอบความฟิตทัน ขณะที่ เมาโร คาโมราเนซี่ ที่เจ็บเข่า
ไปก่อนนี้ก็กลับมาฟิตเต็มร้อยทันเวลา โดยในส่วนของรูปแบบการเล่นคาดว่า มาร์เชลโล่ ลิปปี้ จะใช้ระบบ 4-3-3 โดยมี อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ ลงยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า

ด้าน ปารากวัย แม้ว่า ออสการ์ คาร์โดโซ่ กองหน้าฟอร์มร้อนจาก เบนฟิก้า จะมีอาการที่ดีขึ้นที่ข้อเท้า แต่เกมนี้เขาอาจจะเป็นแค่ตัวสำรองไปก่อน โดย ลูคัส บาร์ริออส ที่แปลงสัญชาติจาก อาร์เจนติเนี่ยน มาเป็น ปารากวัย จะได้ยืนเป็นศูนย์หน้าคู่กับ โรเก้ ซานตา ครู้ซ ในระบบ 4-4-2

เกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจ
- ทั้งคู่เคยเจอกันเพียงแค่ 2 ครั้งในเกมระดับทีมชาติชุดใหญ่ โดยชัยชนะตกเป็นของทางฝั่ง อิตาเลี่ยน ถึง 2 ครั้ง

- อิตาลี เป็นแชมป์เก่าชาติแรกที่ประสบความพ่ายแพ้ตั้งแต่เกมแรกของการป้องกันแชมป์ โดยเกิดขึ้นในปี 1950

- ปารากวัย ของกุนซือ เกราร์โด้ มาร์ติโน่ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อมีสถิติไม่เสียประตูในเกม หรือ ทำคลีนชีตได้ถึง 9 เกมจากรอบคัดเลือก

- ลูคัส บาร์ริออส ที่เพิ่งโอนสัญชาติมาเมื่อเดือนเมษายน ตะบันไป 3 ประตูทันทีจาก 3 เกมแรกที่ลงเล่นให้กับประเทศที่เขาเล่นให้อยู่ในปัจจุบัน

ความน่าจะเป็น
น่าจะเป็นเกมที่สนุก และ สูสี อิตาลี ชุดนี้โดนมองว่าไม่น่าจะไปถังดวงดาวแต่ด้วยประสบการณ์ของโค้ช และ ลูกทีม ทำให้ทุกทีมไม่สามารถประมาทพวกเขาได้แน่ ส่วน ปารากวัย เป็นฟุตบอลสไตล์ อเมริกาใต้ เกมรุกดุดัน เกมรับใช้ได้ น่าจะเป็นเกมที่ชิงจังหวะกันสุดฤทธิ์ โอกาสที่ อิตาลี จะชนะ หรือ เสมอ
มีมากกว่าที่ ปารากวัย จะพลิกชนะได้

ผลการแข่งขันที่คาด
อิตาลี ชนะ ปารากวัย 2-1

 

 

"Copyright AFP, [2010]."

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook