ปปง.แกะเส้นทาง เงินใต้โต๊ะ ซานติก้า

ปปง.แกะเส้นทาง เงินใต้โต๊ะ ซานติก้า

ปปง.แกะเส้นทาง เงินใต้โต๊ะ ซานติก้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กทม.เป็นเจ้าภาพจัดทำบุญ 3 ศาสนา ให้เหยื่อซานติก้า 7 ม.ค.นี้ ด้านปธ.สอบซานติก้า-เสือป่าพลาซ่า ลั่นตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จภายใน 15 วัน ยธ.ขอข้อมูลซานติก้าผับส่ง ชี้ผับประดับโรงศพซานติก้าไม่สมควร-ไม่ใช่ลางบอกเหตุ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 ม.ค. ที่ศาลาว่าการ กทม. นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม.เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ประกอบด้วย ผอ.สำนัก และผอ.สำนักงานเขตทั้ง 50 แห่ง ภายหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ซานติก้า ผับ เขตวัฒนา และอาคารเสือป่า พลาซ่า เขตป้อมปราบฯ มีวาระเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาความปลอดภัยอาคารในพื้นที่กรุงเทพฯ นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ กทม.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและแก้ไขด้านความปลอดภัยการใช้อาคารเป็นกรณีพิเศษ เพื่อตรวจสอบมาตรการรักษาความปลอดภัยของอาคาร สถานบันเทิง หอพัก โรงแรม ห้างสรรพสินค้า รวมถึงอาคารที่มีประชาชนรวมกลุ่มเป็นจำนวนมาก โดยจะมีรองปลัด กทม.เป็นประธานในแต่ละเขตกลุ่มโซน ขณะที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(สปภ.) สำนักการโยธา(สนย.) และเขตจะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบมาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น อุปกรณ์ดับเพลิง สัญญาณไฟฉุกเฉิน ทางหนีไฟ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังให้ สปภ.เชิญกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องมาให้ความรู้ พร้อมทั้งแจกคู่มือตรวจสอบความปลอดภัย รวมทั้งแนะอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับป้องกันเหตุเพลิงไหม้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สำหรับการตรวจสอบโครงสร้างซานติก้าผับว่า มีการต่อเติมอาคารไปจากที่ขออนุญาตก่อสร้างหรือไม่นั้น ขณะนี้เขารอเอกสารต่าง ๆ จากทางเขตวัฒนาอยู่ ทั้งนี้ ภายในตัวอาคารเกิดการเผาไหม้ไป จนกระทั่งหลักฐานต่าง ๆ สูญหายไปเกือบหมดแล้ว ขณะที่โครงสร้างของอาคารนั้น จำเป็นจะต้องรื้อทิ้งทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า กทม.ยังคงดำเนินการตรวจสอบอาคารไปจนถึงตรวจสอบมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในอาคารเป็นประจำอยู่แล้ว ขณะที่ สปภ.ก็จะมีแผนการตรวจสอบอาคารหรือตึกสูงประจำปีเช่นเดียวกัน หากตรวจสอบพบว่า ผู้ประกอบการรายใดไม่ดำเนินการ ก็จะแจ้งเตือนพร้อมทั้งให้แก้ไขให้ถูกต้อง แต่หากพบว่า ยังมีการฝ่าฝืนไม่แก้ไขให้ถูกต้อง กทม.ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย โดยการสั่งปิดทันที จนกว่าจะมีการแก้ไขให้ถูกต้อง สิ่งที่เกิดขึ้น กทม.ไม่ได้ทำแบบวัวหายล้อมคอก เพราะที่ผ่านมา กทม.ได้ให้ข้อมูลคำแนะนำ พร้อมทั้งลงไปตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่อจากนี้ไป อยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญโดยเฉพาะเรื่องของชีวิตคน ที่จะละเลยไปไม่ได้ โดยในช่วงเดือน ก.พ.จะถึงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะต้องมีการจุดธูปไหว้เจ้า ได้สั่งการให้ทุกเขตออกไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ด้วย เพราะล่อแหลมและเกิดไฟไหม้เกือบทุกครั้ง นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าว เขาบอกด้วยว่า ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ เวลา 13.00 น. กทม.จะจัดพิธีกรรมทางศาสนาทั้ง 3 ศาสนา คือ พุทธ คริสต์และอิสลามบริเวณที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ซานติก้า ผับ โดยจะเชิญญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต ร่วมทำบุญเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจของผู้ที่มีชีวิตอยู่ให้กลับมา นายพงศ์ศักติฐ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ออกมาระบุว่า เป็นเพราะ พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ของ กทม.ที่ยังมีช่องโหว่อยู่ และจำเป็นต้องแก้ไขว่า เขาพร้อมทั้ง สนย. ได้เข้าไปชี้แจงในประเด็นดังกล่าวกับรัฐมนตรีแล้ว โดย กทม.ยอมรับว่า จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจริง เนื่องจากกฎหมายดังกล่าว มีจุดอ่อน เปิดช่องให้มีการอุทธรณ์ และต่อสู้คดีในชั้นศาล จนกลายเป็นช่องโหว่ ให้มีการขยายเวลารื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างไม่ถูกต้องออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าวขึ้น ทั้งนี้ เขาจะได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อรายงานให้ ครม.ทราบทันที ด้านนายชาตินัย เนาวภูติ ผู้อำนวยการสำนักการโยธา(สนย.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบและแก้ไขด้านความปลอดภัยการใช้อาคาร กรณีเหตุเพลิงไหม้สถานบันเทิงซานติก้าผับ และอาคารเสือป่าพลาซ่า เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้( 7 ม.ค. 52) เขาได้เรียกประชุมคณะกรรมการฯ นัดแรก ที่สำนักการโยธา โดยจะวางกรอบแนวทางการดำเนินการตรวจสอบ มาตรการรักษาความปลอดภัยของอาคาร โดยเฉพาะการปฏิบัติตามกฎหมาย การขออนุญาตและการใช้อาคาร ซึ่งอาจจะต้องเชิญเขตมาสอบถามข้อมูล และจะพิจารณาว่า จะต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องคนใดมาให้ข้อมูลบ้าง ทั้งนี้จะเร่งดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ส่วนการตรวจสอบอาคารต่างๆ ในพื้นที่ กทม.นั้น ก่อนหน้านี้ได้มีกฎกระทรวง ว่าด้วยการตรวจสอบอาคาร มาตรา 32 ทวิ แห่ง พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 กำหนดให้เจ้าของอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารชุมนุมคน และอาคาร 9 ประเภทตามที่กำหนดในกฎกระทรวง เช่น โรงมหรสพ โรงแรมที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป สถานบริการที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 200 ตารางเมตรขึ้นไป อาคารชุดหรืออาคารอยู่อาศัยรวมที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป อาคารโรงงานที่มีความสูงมากกว่า 1 ชั้น และมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 5,000 ตารางเมตรขึ้นไป เป็นต้น ต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบอาคาร ทำการตรวจสอบสภาพอาคาร โครงสร้างของอาคารระบบ และอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง กฎกระทรวงกำหนด มีกฎกระทรวงออกมาตั้งแต่ปี 2548 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2550 แต่ปรากฏว่า เจ้าของอาคารในพื้นที่ กทม.ที่มีกว่า 5,900 อาคาร ยื่นรายงานตรวจสอบอาคารมาที่ กทม.แล้วจำนวน 3,000 กว่าราย และไม่ยื่น 2,000 กว่าราย ซึ่งขณะนี้ สำนักการโยธา ได้รวบรวมข้อมูลและแจ้งไปยังสำนักงานเขตในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น ให้ดำเนินการส่งฟ้องศาล เพื่อดำเนินคดีทางแพ่งและอาญา กับอาคารที่ฝ่าฝืน โดยในพื้นที่เขตฝั่งธนบุรี สนย.สามารถส่งให้เขตครบถ้วนแล้วเพราะมีอาคารตั้งอยู่ไม่มาก แต่ในพื้นที่พระนครมีอาคารจำนวนมาก อยู่ระหว่างทยอยส่งเรื่องไปตามเขตต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ทั้ง 50 เขต ยังไม่สามารถส่งฟ้องศาลได้แม้แต่รายเดียว ผอ.สำนักการโยธา กล่าวว่า อยากขอความร่วมมือกับเจ้าของอาคารให้รีบปฏิบัติตามกฎกระทรวงดังกล่าว เพราะหากรีบดำเนินการจะต้องเจอโทษหนัก คือจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นการปรับรายวันๆ ละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะแก้ไขให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังเป็นกฎหมายใหม่ ประชาชนอาจยังไม่เข้าใจ มาตรการดังกล่าวอาจผ่อนผันได้ ซึ่ง กทม.จะขอหารือกับกรมโยธาธิการและผังเมืองก่อน นอกเหนือจากการยื่นตรวจสอบอาคารประจำปีด้วย นายธนู ศรีคช รอง ผอ.สำนักการโยธา กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 9 ม.ค. เวลา 14.00 น. นี้ นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองปลัด กทม. จะเป็นประธานเปิดอบรมความปลอดภัยอาคารกับกลุ่มกรุงเทพใต้ จำนวน 11 เขต ประกอบด้วย เขตปทุมวัน บางรัก สาทร บางคอแหลม ยานนาวา คลองเตย วัฒนา พระโขนง สวนหลวง บางนา และเขตประเวศ โดยเชิญเจ้าของอาคารกว่า 900 ราย มาแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันอาคาร และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัย โดยจัดขึ้นที่หอประชุมคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส.ทนายตั้งทีมให้คำปรึกษาเหยื่อ"ซานติก้าผับ"ฟ้องคดี นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ แถลงข่าวว่า สภาทนายความ จัดให้บริการรับเรื่องร้องขอความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหายกรณีเหตุเพลิงไหม้ ซานติก้าผับ ย่านเอกมัย โดยขณะนี้มอบให้นายสมัคร เชาวภานันท์ โฆษกสภาทนายความ และนายอุดม ศุภสินธ์ ประธานฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ดูแลรับผิดชอบคณะทำงาน ทั้งนี้ เงื่อนไขการร้องขอความเป็นธรรมนั้น ญาติผู้เสียหาย หรือผู้ประสบภัยเอง จะต้องมีฐานะยากจนหรือไม่มีทรัพย์สินเพียงพอในการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย โดยสภาทนายความจะช่วยดำเนินการรับว่าความให้ นอกจากนี้ถ้าญาติผู้เสียหาย หรือ ผู้ประสบภัย ต้องการคำปรึกษาก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข สภาทนายความ มีความพร้อมในการดำเนินคดีแก่ผู้เสียหาย ดังนั้น หากใครที่เป็นทายาทผู้ตาย ไม่อาจดำเนินคดีได้เองลำพัง หรือต้องการฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะ ค่ารักษาพยาบาล ก็ให้มาปรึกษาฟรีที่สภาทนายความ นายกสภาทนายความกล่าว นายเดชอุดม กล่าวว่า ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลซานติก้าผับ ขณะนี้ สภาทนายความ ได้ทราบจากผู้เสียหายมาบ้างแล้วว่า ซานติก้าผับ อาจมีข้อบกพร่องจากโครงสร้างการออกแบบอาคาร ที่มีการใช้อาคารผิดประเภท และ ต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นเช่นนั้นจริง ก็จะนำไปสู่มูลคดีที่จะฟ้องคดีแพ่ง เรื่องละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา420 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้ผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย ทำให้ได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต แก่ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้กระทำละเมิดนั้นต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน และการฟ้องคดี ตามพรบ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 ซึ่งมีการดำเนินคดีที่รวดเร็ว และสามารถเรียกค่าเสียหายทางจิตใจได้ เพราะการฟ้องแพ่งเรื่องละเมิด ปกติศาลจะไม่ค่อยพิจารณาค่าเสียหายทางด้านจิตใจ ส่วนเรื่องการใช้อาคารผิดประเภทหรือไม่ นายเดชอุดม กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบว่า ซานติก้าผับ ได้ขอใบอนุญาตในชั้นก่อสร้าง ถูกประเภทหรือไม่ เช่น ขอเป็นที่อยู่อาศัย แล้วดัดแปลงเป็นใช้เป็นอาคารพาณิชย์ หรือใช้เป็นสถานบริการ หรือมีการต่อเติมอาคารโดยได้รับอนุญาตหรือไม่ ผู้ครอบครองเคยขออนุญาตหรือไม่ ผู้เช่าเคยขออนุญาตหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการขออนุญาตเปิดสถานบันเทิงที่ต้องขออนุญาตกับตำรวจ "จุดนี้ จะนำไปสู่การพิสูจน์ว่า มีการละเมิดหรือไม่ ทั้งนี้ หากมีการฟ้องคดี ก็คาดว่า ฝ่ายผู้ประกอบการซานติก้า ผับ คงต่อสู้ในทุกประเด็น ซึ่งจะต้องพิสูจน์ในศาลต่อไป" งานศพ นศ.สาวปริญญาโทเหยื่อซานติก้าผับเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 7/2 ม.3 ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ นางสาวพรรณทิพา บัวมาก อายุ 31 ปี หนึ่งในเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ "ซานติก้าผับ" เมื่อเวลา 00.30 น.ของวันที่ 1 ม.ค.52 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จนทำให้ในขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วถึง 64 ศพ โดยบรรยากาศงานศพของนางสาวพรรณทิพา ที่บ้านดังกล่าวได้มีบรรดาญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านเดินทางมาร่วมในงานศพเป็นจำนวนมาก นางสาวสมจิตร บัวมาก อายุ 39 ปี พี่สาวของผู้ตาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.51 ที่ผ่านมา น้องสาวได้เดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนที่ซานติก้าผับ รวม 4 คน โดยน้องสาวและเพื่อนเสียชีวิต 3 คน รอดมาได้ 1 คน ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าน้องสาวจะกลายเป็น หนึ่งในเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์นี้ ภายหลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของน้องสาวตนก็รีบเดินทางไปรับศพจากโรงพยาบาลจุฬาฯเมื่อวันที่ 1 ม.ค.52 เพื่อนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดใน จ.ตรัง เมื่อวันที่ 2 ม.ค.52 ที่ผ่านมา พี่สาวผู้ตาย กล่าวอีกว่า น้องสาวอาศัยอยู่กับตนเองที่กรุงเทพฯนาน 8 ปี แล้ว ทำงานเป็นพนักงานของ บริษัท พีทีอี อินเตอร์ กรุ๊ป ในตำแหน่งเลขานุการ และกำลังศึกษาต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำหรับตัวน้องสาวนั้นเป็นคนขยันเรียนหนังสือและตั้งใจทำงาน ในวันเกิดเหตุก่อนที่น้องสาวจะเดินทางไปเที่ยวที่ซานติก้าผับก็ได้มีการพูดคุยกับตนเพื่อนัดหมายกันว่าจะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านที่ จ.ตรัง ในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่พร้อมกัน แต่ต่อมาน้องสาวบอกว่าขอเลื่อนการเดินทางกลับบ้านไปก่อน โดยจะขอจัดการเรื่องการสอบปริญญาโทให้เสร็จสิ้น และจะให้คำตอบอีกครั้งในวันที่ 2 ม.ค.ว่า จะสามารถเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.ตรัง ได้หรือไม่ "ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะกลายเป็นการสั่งเสียครั้งสุดท้ายของน้องสาวและการเดินทางกลับบ้านด้วยกัน ฉันต้องนำพาร่างที่ไร้วิญญาณของน้องสาวกลับ ซึ่งรู้สึกหดหู่และเสียใจมากๆ ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้เลย ในขณะเดียวกันน้องสาวโดยปกติแล้วเป็นคนไม่ชอบไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวกับน้องสาวถือว่าเป็นความสูญเสียอย่างมากจนยากที่จะบรรยาย ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายจากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ยังไม่ขอคิดอะไรในตอนนี้ จนกว่าการจัดงานศพจะเสร็จสิ้น" นางสาวสมจิตร ระบุทั้งน้ำตา ขณะที่นางแปลก บัวมาก มารดานางสาวพรรณทิพา ผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ตายเป็นบุตรสาวคนสุดท้องจากพี่น้องที่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 คน ปกติในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกๆปีนางสาวพรรณทิพา จะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านที่จ.ตรัง ทุกครั้ง แต่ในปี 2552 นี้และในปีต่อๆไปจะไม่มีอีกแล้ว สำหรับงานบำเพ็ญกุศลศพของนางสาวพรรณทิพา เหยื่อจากเหตุเพลิงไหม้ที่ซานติก้าผับในครั้งนี้ จะมีการทำบุญใหญ่ในวันที่ 6-7 ม.ค.52 ที่บ้านเกิดใน ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง ก่อนที่จะมีการฌาปนกิจศพในวันที่ 8 ม.ค.52 ที่วัดยอทอง ม.4 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.)เข้าตรวจสอบ"ซานติก้า ผับ" เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 มกราคม 2552 ที่ซานติก้า ผับ ย่านเอกมัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (รอง ผบก.น.5) หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีเหตุเพลิงไหม้ซานติก้า ผับ พร้อมกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้เข้าตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุอีกครั้ง โดยประสานให้บริษัทโฟกัส ไลท์ซาวด์ ซิสเต็ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่รับทำเอฟเฟกต์ในงานคืนวันเกิดเหตุ และบริษัท เมจิก ไลท์ แอนด์ ซาวด์ นำตัวอย่างเครื่องยิงเปเปอร์ชู๊ต จำนวน 2 ตัว ซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวกับที่บริษัทโฟกัสฯ ใช้ในจุดเกิดเหตุมาลองยิงกระดาษเปรียบเทียบด้วย ด้านพ.ต.อ.ขจรศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญบริษัทที่มาติดตั้งเอฟเฟกต์ในคืนวันเคาท์ดาวน์ที่ซานติก้า ผับ มาชี้จุดที่มีการวางเอฟเฟกต์ให้เจ้าหน้าที่ พฐ.ว่าวางจุดใดบ้าง เบื้องต้นพบว่ามีอยู่ 2 จุด คือ จุดหน้าเวที 4 ตัว และจุดกลางเวที 5 ตัว รวมทั้งหมด 9 ตัว โดยถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้ ซึ่งต้องรอตรวจสอบในส่วนอื่นๆ รวมถึงไฟเย็นที่มีการแจกซึ่งต้องรอดูผลอีกครั้ง โดยจากการตรวจที่เกิดเหตุพบสวิทซ์ที่ใช้จุดเอฟเฟกต์อยู่ที่ทางออก ซึ่งจะมีการนำมาตรวจสอบอีกครั้ง โดยในส่วนอื่นๆ พฐ. ยังอยู่ระหว่างตรวจหาหลักฐาน และยังไม่มีการตั้งข้อหาแต่อย่างใด ต้องรอผลจากพฐ. อีกครั้ง จากนั้นจึงจะประชุมพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ว่าอยู่ในข่ายที่จะมีการแจ้งข้อหาหรือไม่ คาดว่าต้องใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับนายสุริยา ฤทธิ์ระบือ อายุ 31 ปี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไวท์ แอน บราเธอร์ (2003) จำกัด ที่เปิดกิจการ ซานติก้า ผับ นั้น ถึงขณะนี้ยังไม่มาให้ปากคำ โดยให้ พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ ออกหมายเรียกอีกครั้งไปแล้ว คาดว่าวันที่ 9 มกราคม น่าจะมาพบพนักงานสอบสวน หากยังไม่มาก็อาจต้องขออนุมัติศาลออกหมายจับ แต่เชื่อว่าน่าจะมาเพราะสังคมก็อยากให้ออกมา อยากรู้เรื่อง ถึงขณะนี้ก็สอบปากคำไปแล้วกว่า 200 ปาก ซึ่งเป็นทั้งคนเจ็บ พนักงาน และญาติของผู้เสียชีวิต โดยหากไม่มาพบจะถือว่าขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน โดยมีความผิดสถานบริการ ฐานปล่อยให้มีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ เมื่อถามว่าได้มีการตั้งประเด็นเรื่องเปเปอร์ชู๊ต ตามที่นายภูมิใจ ตั้งสง่า หรือดีเจภูมิ เข้าให้ปากคำเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมากับพนักงานสอบสวนหรือไม่ พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้ตัดประเด็นทิ้งไป โดยทางพฐ. ก็ได้มีการเข้าไปตรวจในที่เกิดเหตุก็พบเศษกระดาษดังกล่าวด้วยและได้เก็บเป็นหลักฐานแล้ว แต่สาเหตุจะมาจากเอฟเฟกต์ หรือพลุ ต้องขอสอบให้ชัดเจนก่อน จากการสอบถามพนักงานของบริษัทเมจิก ไลท์ แอนด์ ซาวด์ เบื้องต้น แจ้งแต่เพียงว่า บริษัทฯไม่ได้รับงานในคืนวันเกิดเหตุ และไม่เคยรับงานจากซานติก้าผับแต่อย่างใด เพียงแต่ทางตำรวจได้ประสานให้ทางบริษัทฯ นำเครื่องยิงเปเปอร์ชู๊ตจำนวน 2 ตัว ซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวกันกับที่ใช้ในวันเกิดเหตุ มาทดสอบดูในภายในผับ ซึ่งตามปกติแล้วเครื่องยิงเปเปอร์ชู๊ตตัวนี้ไม่น่าจะยิงกระดาษได้สูงเกิน 5 เมตรแต่อย่างใด ต่อมาเวลา 13.30 น. นายสันติสุข มะโรงศรี อายุ 31 ปี พิธีกรรายการรู้ทันประเทศไทย ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น. 5 เพื่อให้ปากคำในฐานะพยานในที่เกิดเหตุ โดยนายสันติสุข เปิดเผยว่า ในคืนวันเกิดเหตุได้ไปฉลองปีใหม่กับเพื่อนที่ซานติก้าผับ จนกระทั่งช่วงเคาท์ดาวน์ ดีเจภูมิกับ ดีเจเพชรจ้า ก็อยู่เวทีจนมีการยิงเปเปอร์ชู๊ตจบไปแล้ว วงเบิร์น ก็กลับขึ้นมาเล่นดนตรีต่อจนจบเพลงหนึ่ง ก็มีการยิงเอฟเฟกต์เป็นเหมือนพลุไฟคล้ายกับน้ำพุขึ้นมาจากหลังเวที แต่พลุไฟไม่สูงถึงเพดาน นายสันติสุข กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีเสียงคนตะโกนบอกว่า ไฟไหม้ เมื่อมองขึ้นไปบนเพดานก็เห็นมีไพลุกเล็กน้อย จากนั้นคนในผับก็เริ่มแตกตื่นพากันหนีออกไป แต่ตนยังไม่หนีเพราะคิดว่าจะดับได้ จนกระทั่งไฟฟ้าดับ เหตุการณ์ก็เริ่มโกลาหล มีเสียงคนหวีดร้อง เริ่มมีสะเก็ดไฟร่วงลงมาบนเวที ตนจึงหนีลงชั้นใต้ดินไปอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ซึ่งตอนนั้นมีคนอยู่น้อยมาก มีพนักงานยืนถือไฟฉายอยู่เพียงคนเดียวพร้อมกับบอกลูกค้าที่อยู่ชั้นใต้ดินว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวดับได้ แต่หลังจากนั้นไม่นานไอร้อนก็เริ่มลงมา มีเสียงของหล่น ตนจึงตะโกนถามกลับไปชั้นบนแต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมา ผมเลยตัดสินใจพุ่งตัวกลับไปที่ชั้นบน แล้วเริ่มคลานโดยใช้มือตบไปตามทางก็พบว่ามีคนนอนอยู่จำนวนมาก แต่ไม่มีใครตอบกลับผมมาเลย ผมก็เลยคลำทางต่อพยายามตบหาทางไปตามผนังเรื่อยๆ จนไปเจอทางตัน เลยต้องคลำทางต่อ จนไปเจอเคาท์เตอร์ ก็เลยปีนขึ้นมา จากนั้นก็เห็นแสงไฟส่องมาทางผม แต่ไม่รู้ว่าจากไฟฉายหรือไฟรถ ก็เลยรีบพุ่งตัวสวนออกไปจนตกลงไปในน้ำ พอลุกขึ้นมาได้ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเจ็บที่เข่า ฝ่าเท้าพอง ข้อมือเป็นแผล ก็เลยรีบพาเพื่อนออกจากจุดเกิดเหตุทันที ก่อนจะไปหาหมอที่โรงพยาบาล นายสันติสุข กล่าว ทั้งนี้ในเวลาเดียวกันที่ซานติก้าผับ นายนำสัน ชินสมบัติ และนายสมนึก คงจำปี ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานเขตวัฒนา พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตวัฒนา ประมาณ 100 คนได้นิมนต์พระจากวัดภาษี จำนวน 4 รูป มาทำพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณ โดยเริ่มจากนำเครื่องเซ่นไหว้ ไปวางไว้ทั้ง 4 มุม รอบซากอาคารผับ ประพรมน้ำมนต์โดยรอบ ใช้สายสิญจน์ล้อมรอบอาคาร และทำพิธีสวด ยธ.ขอข้อมูลซานติก้าผับส่งปปง.แกะเส้นทาง"เงินใต้โต๊ะ" นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการอำนวยการและศูนย์ปฏิบัติการประสานงานผู้เสียหาย ติดตามผลการดำเนินคดีและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุเพลิงไหม้สถานบริการซานติก้าผับ ซึ่งเป็นการทำงานที่ไม่ซับซ้อนกับหน่วยงานอื่น สำหรับเหตุผลที่กระทรวงยุติธรรม ต้องตั้งคณะทำงานฯชุดดังกล่าว เนื่องจากต้องการทำงานประสานกับทุกหน่วย และต้องการช่วยเหลือเหยื่อให้รับเงินชดเชยโดยเร็ว เพราะที่ผ่านมา ตาม พรบ.จ่ายเงินชดเชย และผู้เสียหายในคดีอาญา ต้องรอผลสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่คณะกรรมการชุดนี้ จะเข้าไปตรวจสอบว่า เข้าข่ายความผิดอาญาประเภทใด เพื่อลดขั้นตอนการจ่ายเงินให้รวดเร็ว และคดีดังกล่าว เป็นคดีที่ได้รับความสนใจ กรมสอบสวนคดีพิเศษควรเข้าไปร่วมตรวจสอบเบื้องต้น นอกจากนี้ อาจมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง จึงเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ปปท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เข้าไปร่วมตรวจสอบ นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า การดำเนินทางคดีของผู้เกี่ยวข้อง ทางกระทรวงยุติธรรม เห็นว่า ควรเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่จำเป็นต้องโอนมาเป็นคดีพิเศษ และในวันพรุ่งนี้ จะให้นาย ชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวง ในฐานะรองประธานฯ และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการปปท. เข้าหารือกับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ตร.) และปลัดกรุงเทพฯ เพื่อขอข้อมูลซานติก้าผับ และกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกัน สำหรับประเด็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ จะแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ เรื่องการปล่อยให้เปิดสถานบันเทิง โดยไม่มีใบอนุญาตถูกต้อง และตรวจสอบเรื่องอาคารสถานที่ ว่าออกแบบอย่างถูกต้อง ตามพรบ.ควบคุมอาคาร หรือไม่ ซึ่งทั้ง 2 ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังเข้าไปตรวจสอบย้อนหลังว่า มีการจ่ายเงินตอบแทนให้เจ้าหน้าที่หรือไม่ เนื่องจากเปิดบริการมานานหลายปีโดยไม่มีใบอนุญาต ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนมั่นใจการตรวจสอบได้ว่าโปร่งใส และข้อมูลทุกอย่างจะรายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทุกสัปดาห์ ด้านนางสุวรรณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ขอข้อมูลจากสน.ทองหล่อ ซึ่งหากพบว่า ผู้เสียหายไม่เกี่ยวข้องกับกับเหตุเพลิงไหม้ ทั้งโดยเจตนาและโดยประมาท จะได้รับเงินช่วยเหลือ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไปให้คำแนะนำทางกฎหมายกับญาติและผู้เสียชีวิต สำหรับคณะกรรมการอำนวยการและศูนย์ปฏิบัติการประสานงานผู้เสียหาย ติดตามผลการดำเนินคดีและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุเพลิงไหม้สถานบริการซานติก้าผับ ประกอบด้วย นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน โดยมีอำนาจหน้าที่อำนวยการเพื่อให้มีการประสานงานผู้เสียหาย ติดตามผลการดำเนินคดีและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุเพลิงไหม้สถานบริการซานติก้าผับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและพิจารณาศึกษาแนวทางอันสำคัญ อีกทั้งยังเสนอแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอาคาร การขออนุญาต เกี่ยวกับสถานบริการ การประกันภัยและกำหมายอื่นๆ เพื่อแก้ไขป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายเช่นกรณีนี้อีก ผบช.น.ยันลงลึกตรวจสอบใบอนุญาตซานติก้าผับ ด้วยตนเอง เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 มกราคม พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงกรณีทนายความซานติก้าผับ ยื่นเรื่องขอต่อใบอนุญาติประกอบการสถานบันเทิง เมื่อปี 2547 แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาติ และได้มีการขอให้ศาลอุธรคุ้มครองชั่วคราว แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้คัดค้าน ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดว่า ขอยืนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าการขอใบอนุญาติประกอบการสถานบันเทิงล่าช้านั้น ในส่วนนี้ขอยืนยันว่าจะตรวจสอบรายละเอียดให้โดยเร็ว ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่บางนายมีนอกมีในเกี่ยวกับการขอใบอนุญาติ หากพบก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนซึ่งจะเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองสื่อมวลชนไม่ต้องเป็นห่วงตนมีคำตอบให้แน่นอน ชี้ผับประดับโรงศพซานติก้าไม่สมควร-ไม่ใช่ลางบอกเหตุ ศจ.นำชัย อิศรากร ศิษยาภิบาล คริสตจักรอุดมสุขกรุงเทพฯ กล่าวถึงกรณีที่ ซานติกาผับ ได้นำไม้กางเขนและโลงศพที่มีธรรมมาสน์ มาประดับตกแต่งภายในร้าน ว่าการกระทำลักษณะดังกล่าวไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะผู้ที่นับถือไม้กางเขนเป็นคนที่ศรัทธาในศาสนาคริสต์ ไม่ควรนำสัญลักษณ์ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนพระเจ้าสิ้นพระชนม์ มาประดับไว้ในสถานที่อโคจรอย่างนั้น ตนคงไม่เรียกร้องและหวังให้ผู้บริหารรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถ้าให้คนประเภทนี้มาขอโทษ ก็คงขอโทษอย่างไม่จริงใจ และถือว่าเป็นการลบหลู่ต่อศาสนาคริสต์ คนบาปทำอะไรก็ทำได้แต่ต้องมีจิตสำนึกมากกว่านี้ " ศจ.นำชัยกล่าว และว่าในต่างประเทศ อย่างสวิสเซอร์แลนด์ ร้านค้านำพระพุทธรูปมาประดับไว้หน้าร้าน ชาวพุทธยังเห็นว่าไม่สมควร ชาวคริสต์ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ดังนั้นในฐานะชาวคริสต์เราต้องอธิบายให้เข้าใจ เมื่อถามว่าการนำไม้กางเขนมาประดับไว้ในร้านเป็นลางบอกเหตุถึงการสูญเสียในครั้งนี้หรือไม่ ศจ.นำชัยกล่าวว่าไม่ใช่ลางบอกเหตุร้ายแต่อย่างใด แต่เป็นความประมาทของทางร้านมากกว่า และตนไม่โกรธ และพร้อมที่จะให้อภัย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook