ดีเบตปราสาทพระวิหารเบต2ฝ่าย

เวทีดีเบต ข้อพิพาทปราสาทประวิหาร นายกฯ ยืนยัน ไม่ยกเลิก MOU เพราะเป็นตัวสกัดกัมพูชารุกล้ำพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ลั่น หากจำเป็นไทยพร้อมใช้ความรุนแรงตอบโต้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ร่วมจัดรายการพิเศษพูดคุยและเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็นปัญหา ปราสาทเขาพระวิหารร่วมกับ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนฝ่ายรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายภาคีเครือข่ายประชาชนคนไทยรักชาติ ประกอบด้วย นายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่าย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ นายสมปอง สุจริตกุล อดีตทนายความผู้ประสานงานฝ่ายไทยต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร ปี 2503-2505 และนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ โดยนายกรัฐมนตรี ย้อนไประหว่างการเกิดข้อพิพาทไทยกัมพูชา ในปี 2505 ที่กัมพูชา นำเรื่องนี้เข้าสู่ศาลโลก ไทยได้ต่อสู้ทางคดี พร้อมยึดถือเขตแดนที่เป็นสนธิสัญญาในสันปันน้ำ เป็นเขตแดน ซึ่งมั่นใจปราสาทพระวิหารเป็นของไทย แต่กัมพูชาต่อสู้โดยอ้างแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ที่อ้างว่าจะทำโดยฝรั่งเศส ซึ่งลุกล้ำไทยพอสมควร เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ ศาลโลกพิพากษา โดยไม่ได้ตัดสินว่าเขตแดนไทย-กัมพูชา อยู่จุดใด รวมทั้ง ไม่ได้ระบุแผนที่รับรอง โดยคณะกรรมการ ขณะที่ไทยก็ไม่ได้มีการโต้แย้ง
เวทีดีเบต 2 ฝ่าย ระหว่างตัวแทนรัฐบาลนำโดย นายกฯ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ และ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และฝ่าย กลุ่มภาคีเครือข่ายประชาชนคนไทยรักชาติ นำโดย นายวีระ สมความคิด นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นายสมปอง สุจริตกุล และ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม ผ่านไปแล้วกว่า 1 ช.ม. แล้ว ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีการพูดย้อนไปตั้งแต่ปี 2505 ที่ ศาลโลกตัดสินให้ ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่พื้นที่โดยรอบยังเป็นข้อพิพาท
ด้านนายกฯ ยืนยันว่า ตั้งแต่ปี 2550 ไทยมีจุดยืนขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ร่วมกับกัมพูชา แต่พอปี 2551 การออกแถลง การร่วมสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดย นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ สมัยนั้น จึงเป็นเงื่อนไขที่กัมพูชานำไปอ้างได้ ซึ่งหลังจากนั้น ไทยก็ได้เดินหน้าคัดค้านเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ปฏิเสธว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยพูดว่า พื้นที่ 4.6 ตางรางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ทับซ้อน โดยยืนยันว่า พื้นที่ ที่ติดกับตัวปราสาทเป็นของพื้นที่ของไทย ไม่มีใครสามารถไปดำเนินใดๆ ได้ ต้องได้รับอนุญาตจากไทยก่อน พร้อมย้ำ MOU ปี 2543 ไม่ได้ยอมรับแผนที่ของฝรั่งเศส โดยระหว่างที่ยังไม่การกำหนดเขตแดน ก็ไม่ควรที่จะมีการดำเนินการใดๆ แต่ก็มีการละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา ซึ่งไทยก็มีการทำหนังสือประท้วงกลับไป
นายกฯ ยัน ไทยไม่ได้เสียดินแดน MOU ปี 2543 ยังมีประโยชน์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างรายการพิเศษพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประเด็นปัญหาปราสาทเขาพระวิหารกับ ตัวแทนภาคีเครือข่ายประชาชนคนไทยรักชาติ โดยยืนยันว่า ที่ผ่านมา คัดค้านเรื่องที่กัมพูชาจะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก มาโดยตลอด ซึ่งไทยไม่ได้เปลี่ยนดินแดนให้กัมพูชา ขณะที่ขอให้มั่นใจได้ว่า คำตัดสินของคณะกรรมการมรดกโลกนั้น จะใช้อ้างอธิปไตยไม่ได้ ทั้งนี้ ยืนยันบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU 2543 ไม่ได้ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ที่จัดทำโดยกัมพูชา และจุดยืนของรัฐบาลก็คัดค้านแผนที่ดังกล่าว มาโดยตลอด
ส่วนทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีนำบันทึกช่วยจำ โดยกระทรวงต่างประเทศได้ทำถึงกัมพูชา เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2551 ซึ่งระบุชัดเจนว่า ไทยไม่ยอมรับแผนที่ที่กัมพูชาใช้แนบท้าย MOU ปี 2543 อย่างไรก็ตาม การกระทำสิ่งใดของกัมพูชา ยูเนสโก หรือ หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ที่มีการพิพาทไม่สามารถทำได้ เว้นแต่จะได้รับการอนุญาติจากรัฐบาลไทย
โดย นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ไม่ยกเลิก MOU ปี 2543 เพราะ MOU ฉบับดังกล่าว ยังมีประโยชน์ เนื่องจากยังเป็นการสร้างพันธะกับกัมพูชา เพราะจะไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมในพื้นที่ได้ ซึ่งถือเป็นการสกัดกัมพูชาทางหนึ่ง แต่หากยกเลิก จะยิ่งทำให้กัมพูชา ดำเนินการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ส่วนเรื่องการรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของชาวกัมพูชานั้น ได้เกิดขึ้นมาร่วม 10 ปี ซึ่งไทยได้มีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง โดยยืนว่าเมื่อใดที่มีความจำเป็นต้องแสดงถึงสิทธิ์ของอธิปไตย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็จะมีการตอบโต้ ด้วยการปะทะกัน ทั้งนี้ หากเราจำเป็นต้องใช้กำลัง เราต้องคำนึงผลกระทบที่เกิดขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม เชื่อหากไทยใช้ความรุนแรงตอบโต้ จะมีคนลุกขึ้นต่อต้านอย่างแน่นอน ดังนั้น ตนจึงได้มอบหมายให้ให้กระทรวงการต่างประเทศ และ กระทรวงกลาโหม ทำงานประสานกัน ยืนยัน รัฐบาลมีเจตนาที่จะแก้ปัญหาให้เรื่องนี้ให้จบ ซึ่งอาจไม่ทันใจทุกคน
ด้านนายวีระ สมความคิด ตัวแทนกลุ่มภาคีเครือข่ายประชาชนคนไทยรักชาติ กล่าวว่า ชาวกัมพูชา ได้รุกล้ำเข้ามาภายหลัง ไทยได้ทำ MOU ปี 2543 พร้อมกับอ้างสิทธิ์ว่า ไทยได้ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน แล้ว เพราะกัมพูชาไม่ได้เข้าใจเหมือนไทย ด้าน นาย ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ยืนยัน MOU 2543 ไม่ได้อนุญาตให้ชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ข้อพิพาท พร้อมระบุกัมพูชาเข้ามาก่อน ทำ MOU ปี2543 และเตรียมนำเรื่อง MOU เข้าขอความเห็นต่อที่ประชุม ครม. ว่าจะให้นำเข้าพิจารณาในสภาหรือไม่