หนังหน้าไฟ กิตติพงษ์ กิตยารักษ์

หนังหน้าไฟ กิตติพงษ์ กิตยารักษ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
และคนที่ต้องรับศึกหนักคงหนีไม่พ้น ปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่เปรียบเสมือนเป็น หนังหน้าไฟ ที่ต้องรับนโยบายจากฝ่ายการเมือง เพื่อประสานไปยังข้าราชการประจำให้เกิดผลในทางปฏิบัติตามนโยบายที่ รัฐมนตรี ต้องการ และเรื่องนี้ กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เปิดใจกับ คม ชัด ลึก ถึงแนวทางการทำงานให้ฟังไว้อย่างน่าสนใจ

# เตรียมชงข้อมูลอะไรให้รัฐมนตรีบ้าง ?

// //

โชคดีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม คนใหม่ เคยรับราชการเป็นผู้พิพากษาและเคยเป็น ผอ.กองวิชาการ กระทรวงยุติธรรม และนายพีระพันธุ์ติดตามงานของกระทรวงยุติธรรมมาโดยตลอด จึงไม่ต้องห่วงเรื่องการนำเสนอข้อมูลในประเด็นต่างๆ

ทั้งนี้ เท่าที่ทราบงานในด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและดูแลสิทธิของผู้บริโภค เป็นงานที่รัฐมนตรีคนใหม่ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ เนื่องจากนายพีระพันธุ์เคยมีส่วนร่วมในจัดตั้งกรมคุ้มครองสิทธิฯ จึงอยากให้กรมนี้เป็นกฤษฎีกาภาคประชาชน ทำหน้าที่หลักในการเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้ประชาชน ทั้งในด้านให้คำแนะนำ ผลักดันการแก้กฎหมายให้เกิดความเป็นธรรมต่อประชาชน นอกจากนี้ยังต้องการให้ประชาชนรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เพื่อช่วยกันดูแลและปกป้องสิทธิเสรีภาพของตนเอง

และในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว รัฐมนตรีเกรงว่าบัณฑิตจบใหม่อาจตกงาน จึงอยากให้กระทรวงช่วยว่าจ้างบัณฑิตจบใหม่ให้เข้ามาช่วยเสริมงานให้คำปรึกษากฎหมายแก่ประชาชน ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงก็พยายามว่าจ้างนิติกรที่เป็นบัณฑิตจบใหม่ แต่ติดขัดที่งบประมาณไม่เพียงพอ

#ร่วมงานกับรัฐมนตรีที่เป็นนักกฎหมาย จะง่ายกว่ารัฐมนตรีที่ไม่มีทักษะด้านกฎหมายหรือไม่?

ข้าราชการประจำพร้อมที่จะสนับสนุนและผลักดันนโยบายทุกเรื่องที่ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย เราเป็นกระทรวงยุติธรรม จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราทำเต็มที่ วัฒนธรรมองค์กรของเราเป็นอย่างนี้ นายพีระพันธุ์อยู่ในศาลมาโดยตลอดและมีส่วนร่วมปรับโครงสร้างกระทรวงยุติธรรม จึงไม่ต้องเริ่มต้นที่เอ บี ซี วิธีการทำงานต้องต่างกันกับรัฐมนตรีคนอื่น เพราะนายพีระพันธุ์รู้ว่าต้องการอะไร ในส่วนของข้าราชการก็ไม่มีปัญหา เราต้องการความชัดเจน เพื่อให้สบายใจที่จะปฏิบัติตามในสิ่งที่ดีและถูกต้อง ข้าราชการอาจต้องปรับตัวบ้าง แต่ถ้าเราทุกคนยึดมั่นบนหลักสุจริต ยุติธรรม ไม่มีอะไรต้องกังวล โดยตนเชื่อในคุณธรรมและสิ่งที่รัฐมนตรียึดมั่นและดำรงตนมาโดยตลอด ซึ่งรัฐมนตรีคงไม่ไประรานใครโดยไม่ถูกต้องหรือไม่มีเหตุผล

# ข้าราชการกระทรวงยุติธรรมรู้สึกกังวล ถูกมองว่ามีความใกล้ชิดกับกลุ่มอำนาจเก่าอย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ที่เคยเป็นปลัดยุติธรรม มายาวนาน?

เป็นความบังเอิญที่นายสมชายเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลทุกกระทรวงก็พบกับความเปลี่ยนแปลงเหมือนกันทั้งหมด เพราะรัฐบาลพรรคไทยรักไทยต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลพลังประชาชนเป็นผู้บริหารประเทศต่อเนื่องถึง 8 ปี ข้าราชการทุกคนต้องทำตามนโยบายของรัฐบาล

แม้ว่าอดีตผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมจะเคยเป็นนายกฯ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเอาเรื่อง การเมือง เข้ามาเกี่ยวข้องกับนโยบายของกระทรวงยุติธรรม ข้าราชการจึงไม่น่าจะต้องหวั่นไหว หากทำตามนโยบายที่ถูกต้องของผู้บังคับบัญชา และเชื่อว่ารัฐมนตรีคงเข้าใจและมองด้วยความเป็นธรรม

#ดีเอสไอถูกมองว่าดำเนินงานผิดไปจากวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง?

ดีเอสไอเพิ่งเริ่มต้นมาเพียง 5 ปี ทิศทางโดยรวมของกฎหมายและการทำงานของกรมเป็นสิ่งที่ดีสำหรับประเทศไทย แต่การนำเอาแนวคิดใหม่มาปฏิบัติจริงไม่ง่ายนัก เพราะดีเอสไอก่อตั้งขึ้นในช่วงที่การเมืองผันผวนและมีนโยบายเชิงการเมืองสูงตลอดมา ส่วนตัวมองว่าดีเอสไอควรได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นอย่างไรคงต้องรอฟังนโยบายของรัฐมนตรี

#รัฐบาลมักเข้ามาสั่งการให้ดีเอสไอทำงานเฉพาะเรื่องให้ จนทำให้เสียภาพความเป็นกลาง?

ไม่ว่ารัฐบาลใดเข้ามาก็อยากเข้ามาคุมกลไกตรงนี้ก่อน ถ้าไม่สร้างกลไกที่ดีในการทำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายให้มีความเป็นอิสระพอสมควร ก็เป็นวัฏจักรอยู่อย่างนี้ ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใด ตนจึงอยากสร้างหลักประกันให้ดีเอสไอ

#รัฐมนตรีอยากให้ทำเว็บไซต์รายงานความคืบหน้าของคดีเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้?

ความโปร่งใสและรวดเร็วเป็นหัวใจของงานยุติธรรม แต่ต้องดูว่าข้อมูลระดับใดเปิดเผยได้ ที่ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบและเร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่โดยไม่กระทบต่อการสอบสวน

#งานของกระทรวงยุติธรรมถูกมองว่าเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ จะแก้ไขอย่างไร ?

งานอำนวยความยุติธรรมเป็นเรื่องยากและเป็นปัญหาใหญ่ในสังคม มีทั้งปัญหาไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม เพราะกฎหมายไม่ยุติธรรมพอ และยังมีปัญหาการฝ่าฝืนกฎหมายแล้วไม่สามารถเอาตัวคนผิดมาลงโทษได้ ที่ผ่านมากระทรวงมองปัญหาอย่างครอบคลุมและชัดเจน

ขั้นตอนต่อไปคือผลักดันอย่างไรให้เป็นรูปธรรม และถ้ารัฐบาลเห็นด้วยกับเราชัดเจน โดยยอมรับว่าความยุติธรรมไปไม่ถึงคนรากหญ้า ก็ต้องเพิ่มแรงผลักให้มากขึ้น โดยเข้าไปให้ความรู้สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่พวกเขาในการป้องกันอาชญากรรมระดับชุมชน รวมถึงการพัฒนาประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนระดับรากหญ้า

** ปิยะนุช ทำนุเกษตรไชย**

อาถรรพณ์นรกซานติก้า ที่ดินนี้มีตำนาน...เลือด!!!

จากที่ดินทำเลทองย่านเอกมัย เพียงชั่วข้ามคืนของวันแรกที่ย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2552 กลับกลายเป็นสุสานของเหยื่อเพลิงนรก นำมาสู่การผูกโยงถึงความเชื่อของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับ สุสานซานติก้าผับ ด้วยความหวาดผวา และบอกเล่าถึงเรื่องราวอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงลางร้ายบอกเหตุที่อาจจะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook