นายกฯ เผยยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินพื้นที่ จ.อุดรฯ-ขอนแก่น-โคราชแล้ว

นายกฯ เผยยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินพื้นที่ จ.อุดรฯ-ขอนแก่น-โคราชแล้ว

นายกฯ เผยยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินพื้นที่ จ.อุดรฯ-ขอนแก่น-โคราชแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงตลอดทั้งวัน เตรียมสานงานต่อจาก "สุเทพ" ที่จะลาออกไปสมัคร ส.ส.สุราษฎร์ฯ เผยได้ลงนามยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ จ.อุดรฯ - ขอนแก่น - โคราชแล้ว ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑลเตรียมพิจารณาใน ครม.สัปดาห์หน้า ยอมรับ "พล.อ.ประวิตร" เหมาะนั่ง ผอ.ศอฉ. ขณะเดียวกัน เตรียมเรียกประชุม ก.ตร. เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บัญชาการ 8 ต.ค.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเชิญ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานด้านความมั่นคง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม มาหารือตลอดทั้งวันว่า เป็นการเตรียมรองรับการบริหารงานด้านความมั่นคงต่อจากนายสุเทพ ที่จะลาออกไปลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 30 กันยายน ได้ลงนามยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอีก 3 จังหวัด คือ อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา ส่วนอีก 4 จังหวัดที่เหลือคือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 5 ตุลาคมนี้ จะพิจารณาว่าจะยกเลิกหรือไม่ โดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) จะส่งข้อมูลมาประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ การพิจารณาว่าจะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ จะดูจากความจำเป็นในเรื่องของการก่อวินาศกรรมเป็นหลัก

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังได้หารือถึงการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในช่วงที่ผ่านมาว่า มีเรื่องใดบ้างที่เป็นการดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมย้อนหลัง และให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ไปตรวจสอบรายละเอียดผู้ถูกคุมขัง 189 คนว่า ถูกจับกุมในประเด็นที่เกี่ยวกับการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ ขณะเดียวกัน ได้รับข้อมูลจากองค์กรภาคเอกชนกรณีมีผู้สูญหาย 25 ราย แต่ยังไม่มีคำยืนยันชัดเจนว่า การสูญหายดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่มีการชุมนุมหรือไม่ นอกจากนี้ ยังตรวจสอบข่าวที่นักเรียนถูกคุ้มขังในเรือนจำ ซึ่งได้รับการยืนยันว่า ไม่มี ส่วนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก กำลังตรวจสอบอยู่

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับการรับงานต่อจากนายสุเทพมาดูแลนั้น มีคณะกรรมการในความรับผิดชอบ 30 กว่าคณะ แต่มีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องพิจารณาคือ การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่จะมีการพิจารณาโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการลงมา ที่ต้องทำให้แล้วเสร็จกลางเดือนตุลาคม เพื่อรักษาสิทธิของนายตำรวจ ดังนั้น หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ที่ประเทศเบลเยียม ก็จะเรียกประชุม ก.ตร. ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ โดยตนจะเป็นประธานด้วยตนเอง

ผู้สื่อข่าวถามถึงการสรรหาบุคคลมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) คนใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า ซึ่งเห็นว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความเหมาะสม เพราะเป็นรองผู้อำนวยการฯ อยู่แล้ว คาดว่านายสุเทพจะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 7-8 ตุลาคมนี้

เมื่อถามว่า การที่มีหลายฝ่ายวิตกว่าเดือนตุลาคม จะมีเหตุความรุนแรง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ติดตามต่อเนื่อง ทั้งเรื่องระเบิด การก่อความวินาศกรรม และความวุ่นวาย ซึ่ง ศอฉ.ก็มีการประชุม และ พล.อ.ประวิตร ได้รายงานแล้วว่า มีการเตรียมมาตรการอย่างไร และวันพรุ่งนี้ (2 ต.ค.) จะเชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาพบ เพื่อหาแนวทางป้องกัน ส่วนที่มีเหตุขู่วางระเบิดโรงพยาบาลศิริราช ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ผู้ที่ก่อเหตุต้องการสร้างเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาก็มีการก่อเหตุในพื้นที่สัญลักษณ์ แต่ตำรวจ และ ศอฉ.ก็มีการวางมาตรการดูแลที่ดีขึ้น

เมื่อถามว่า เป็นห่วงว่าจะมีการก่อเหตุท้าทายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีปัญหาในการดูแลความมั่นคง ที่ผ่านมาก็ดูแลในภาพรวมอยู่แล้ว และเมื่อผู้ก่อเหตุมีการปรับปรุงวิธีการ ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องปรับปรุงวิธีการในการติดตามอย่างใกล้ชิด ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ติดตามขยายผลและมีข้อมูลเชื่อมโยงเครือข่ายชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ ในการนำตัวผู้บงการมาลงโทษตามกฎหมาย

ส่วนกรณีที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นฝีมือของคนใน ศอฉ. และขอให้ชี้แจงการใช้งบประมาณของ ศอฉ. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีประโยชน์ที่เจ้าหน้าที่ ศอฉ.จะก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และอยากให้ พล.ต.ท.ชัจจ์ มาร่วมประณามผู้ก่อเหตุด้วย ส่วนงบประมาณที่ใช้ใน ศอฉ.ก็เป็นค่าเบี้ยเลี้ยงตามกฎเกณฑ์ ซึ่งก็ให้ไปตามสิทธิ์ของเจ้าหน้าที่ที่จะได้รับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook