เปลือยชีวิตดาวโป๊ มรกต-อุ้ยอ้าย

แอน มรกต มณีฉาย

ย้อนกลับไปเมื่อสักสิบกว่าปีก่อน น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก 2 "เซ็กซ์บอมบ์" แห่งยุค "แอน มรกต มณีฉาย" และ "อุ้ยอ้าย อัครนี แดงใส" เพราะในช่วงนั้นชื่อเสียงของ มรกต มณีฉาย และ อุ้ยอ้าย เรียกได้ว่า โด่งดังเป็นพลุแตก ในฐานะที่ใคร ๆ ก็เรียกพวกเธอว่า "ดาวโป๊" หรือ "ดาวยั่ว" เพราะด้วยความโด่งดังนั้น มาจากการเปลื้องผ้าขายเรือนร่างโชว์ความวาบหวิว ซึ่งแทบจะหาสาวใจกล้าขนาดนี้ในช่วงเวลานั้นได้ไม่ง่ายนัก

"แอน มรกต มณีฉาย" พลิกผันชีวิตของตัวเองจากเด็กสาวบ้านนา เดินทางเข้ากรุงมาเสาะแสวงหาเส้นทางแห่งดวงดาว จนในที่สุดเธอก็ได้เข้ามาอยู่ถนนสายวงการบันเทิงในฐานะ "เซ็กซี่สตาร์" คนใหม่ของวงการ ซึ่งมาพร้อมกับทรวงอกบิ๊กบึ้มขนาด 39 นิ้ว

ชื่อของ "มรกต มณีฉาย" โด่งดังเป็นพลุแตก หลังจากมีผลงานถ่ายแบบวาบหวิว ปลุกใจเสือป่าออกมาพร้อม ๆ กัน และหลังจากนั้นไม่นาน "มรกต มณีฉาย" ก็กลายเป็นนางแบบที่ปฏิทินนู้ด นิตยสาร พรีเซ็นเตอร์โฆษณา รวมทั้งมิวสิควีดิโอคาราโอเกะ ต้องการใช้บริการเธอมากที่สุดคนหนึ่ง และมีผลงานออกมาอย่างไม่ขาดสาย แน่นอนว่า ผลงานเหล่านั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นเงิน และชื่อเสียงที่หลั่งไหลเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว และยังทำให้เธอถูกจดจำในฐานะ 1 ใน 3 บอมบ์จูเนียร์ ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก

แต่ทว่า...ชื่อเสียงและเงินทองเหล่า นี้ กลับไม่สามารถซื้อความสุขในชีวิตให้ตัวเธอเองได้ เมื่อครอบครัวของ "มรกต มณีฉาย" ประกาศตัดขาดความสัมพันธ์กับเธอ เพราะรับไม่ได้ที่ลูกสาวกลายเป็นดาวโป๊ชื่อดังระดับประเทศ นั่นจึงทำให้ แอน มรกต ค่อย ๆ ปลีกตัวเดินออกมาจากเส้นทางเซ็กซ์บอมบ์ และประกาศแขวนเต้า เลิกเปลื้องผ้า เพราะเธอรู้สึกเบื่อกับงานประเภทนี้ "แอน มรกต" ตัดสินใจวางแผนชีวิตเสียใหม่ และใช้เวลาเป็นตัวช่วยสมานรอยร้าวของครอบครัว จนดีขึ้นทีละน้อยทีละน้อย

อุ้ยอ้าย ชฎาธร แดงใส

และหลังจากสาวเซ็กซี่ตัวแม่อย่าง "แอน มรกต" ประกาศหันหลังให้วงการมายา ดาวรุ่งดวงใหม่อย่าง "อุ้ยอ้าย" อัครนี แดงใส หรือชื่อใหม่ว่า "ชฎาธร แดงใส" เด็กสาวกำพร้าที่มาจากครอบครัวที่ไม่ สมบูรณ์ ก็กลายมาเป็นตัวตายตัวแทนของ "แอน มรกต" ในยุคต่อมา

ชีวิตและหน้าที่การงานของ "อุ้ยอ้าย" แทบจะไม่ต่างอะไรกับเซ็กซ์บอมบ์รุ่นพี่นัก ทั้งชื่อเสียง เงินทองหลั่งไหลเข้ามาหาเธออย่างมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ "อุ้ยอ้าย" ต้องแลกมาด้วยกับการถ่ายแบบวาบหวิว ผ่านผลงานนิตยสาร ปฏิทินนู้ด โฆษณาที่ปรากฎออกสู่สายตาสาธารณชน จนใคร ๆ ก็จดจำ "อุ้ยอ้าย" ได้ทั้งประเทศ

แต่แล้ว ณ วันหนึ่ง "อุ้ยอ้าย" กลับหลงภาพมายาที่อยู่ตรงหน้า ใช้จ่ายเงินอย่างไม่ยั้งมือ ฟุ่มเฟือย ติดหรู เอาแต่เที่ยวเตร่กลางคืน แถมสามียังไปมีผู้หญิงคนใหม่ ขณะเดียวกันงานของ "อุ้ยอ้าย" เริ่มหดหาย เงินเก็บก็ร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง "อุ้ยอ้าย" ตกเป็นข่าวคาวพัวพันกับยาเสพติด ก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเธอจะค่อย ๆ ดับวูบลงจนเลือนหายไปจากภาพมายาอดีตนักแสดงสาวเริ่มต้นเปิดปูมประวัติชีวิตตัวเองว่า

เป็นชาวอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ข้าวโพด ตอนเด็กถูกโจรปล้นบ้านฆ่าแม่ตาย แล้วพ่อก็หายสาปสูญไป ต้องมาอาศัยอยู่กับป้า ซึ่งมีฐานะยากจนที่กรุงเทพฯ ทำให้กลายเป็นเด็กที่มีปัญหาขาดความอบอุ่น หลังเรียนจบ กศน.ตอนอายุประมาณ 17 ปี มีคนมาชักชวนให้ไปเล่นมิวสิกวีดิโอเพลงของวง สาว สาว สาว จึงไม่ได้เรียนหนังสือต่อ และทำให้ได้เข้ามาสู่แวดวงบันเทิง

ช่วงนี้ชีวิตเริ่มมีเงินใช้ จึงออกจากบ้านป้ามาอาศัยอยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง กระทั่งมีทอมสาวมาติดพันและคบหากันอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ช่วงนั้นได้งานทำที่บริษัทเรียลเอสเตทแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนเดือนละ 5 พันบาท ต่อมามีอันต้องเลิกกับแฟนทอมแล้วไปมีสามีเป็นผู้ชาย แต่ต่อมาก็ต้องเลิกร้างกันไปอีก

อุ้ยอ้าย ยังเผยถึงชีวิตของตัวเองอย่างขมขื่นว่า ช่วงที่ยังมีชื่อเสียงว่าเป็นดาราอยู่ จึงมีคนมาชวนให้ไปนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับนักธุรกิจและนักการเมืองชื่อดังหลายคน ที่ชอบกินข้าวกับดารา ได้เงินครั้งละ 5 พันบาท ทำให้เริ่มมีเงินใช้อีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีคนติดต่อให้ไปร่วมหลับนอนกับนักการเมืองคนดัง ระดับประเทศคนหนึ่งที่ฮ่องกงเป็นเวลา 2 วัน ได้ค่าตัวมากถึง 1 แสนบาท ไม่นานก็มีเสี่ยคนหนึ่งมาเลี้ยงดูให้เงินใช้อยู่ประมาณ 1 ปี ก็เลิกร้างกันไปอีก ช่วงที่เที่ยวเตร่กลางคืนเคยติดยาและถูกเพื่อนเอายาอี ยาเค มาฝากจนถูกตำรวจจับ คดีรอลงอาญา ทำให้ชีวิตเริ่มถลำเข้าสู่มุมมืด จะหันกลับไปใช้ชีวิตในวงการบันเทิงก็ไม่ได้เพราะชื่อเสียงเน่าเสียไปแล้ว

ส่วนเส้นทางชีวิตที่ก้าวเข้ามา เป็นหมอนวด อุ้ยอ้ายเผยว่า เริ่มต้นด้วยการเป็นนางทางโทรศัพท์ก่อน ได้เงินครั้งละ 1 หมื่นบาท จนในที่สุดก็หันมาเป็นหมอนวดเต็มตัว ปัจจุบันได้ค่าตัวครั้งละ 1,600 บาท หักเปอร์เซ็นต์แล้วเหลือ ไม่เท่าไร ต้องทำงานตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงห้าทุ่ม เหตุที่ต้องพลิกชีวิต มาเป็นหมอนวดเพราะไม่มีทางเลือกอื่น ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีคนคอยให้คำปรึกษา จึงทำให้ชีวิตถลำลึกลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้ได้เขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อ ดาวตกอ่าง หารายได้ก้อนหนึ่งเป็นทุนไปค้าขาย เพื่อที่จะเลิกอาชีพหมอนวด เพราะทุกวันนี้ก็อึดอัดใจกับอาชีพนี้มาก แต่ก็ต้องจำใจทำ ที่สำคัญอยากจะให้เรื่องราวชีวิตของตนเป็นอุทาหรณ์แก่ดารานักแสดงรุ่นหลัง หรือคนที่คิดจะก้าวเข้ามาในเส้นทางชีวิตการเป็นนวลนางในอ่างน้ำ

 

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก

>http://www.tvburabha.com/tvb/home/program_list.asp?cate=1