ประธานบอร์ดสลากมีแนวคิดปรับระบบพิมพ์สลากใหม่

ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เผยมีแนวคิดที่จะให้สำนักงานสลากฯ ปรับปรุงการพิมพ์สลากใหม่ ให้ปรับเป็น 1 ใบ 80 บาทไปเลย

นายมนัส แจ่มเวหา ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมโรงพิมพ์สำนักงานสลากฯ ว่า มีแนวคิดที่จะให้สำนักงานสลากฯ ปรับปรุงการพิมพ์สลากใหม่ จากปัจจุบันพิมพ์ 2 ใบเล็ก อยู่ใน 1 ใบใหญ่ หรือ 1 คู่ แต่เห็นว่า ในระบบการซื้อขายปัจจุบันลักลั่นอยู่ เพราะในท้องตลาดไม่มีใครซื้อสลาก 1 ใบ 40 บาทเลย แต่ซื้อ 1 คู่ 80 บาท จึงต้องการให้ปรับเป็น 1 ใบ 80 บาทไปเลย

นอกจากนี้ จะให้มีพื้นที่โฆษณาต่าง ๆ อยู่บนสลาก เพื่อเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจโรงพิมพ์สลากอีกทางหนึ่ง จากปัจจุบันที่เห็นว่าแนวโน้มรายได้ของธุรกิจโรงพิมพ์ ปีงบประมาณ 2554 ปรับลดลงจากปีงบประมาณ 2553 ซึ่งทราบว่านอกจากระบบเทคโนโลยีของโรงพิมพ์ไม่สามารถพิมพ์บางรายการได้แล้ว ยังเป็นเพราะลูกค้าสั่งยอดพิมพ์ลดลง อาทิ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มีบริการรถเมล์ฟรี ทำให้สั่งพิมพ์ตั๋วโดยสารลดลง เช่นเดียวกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่มีบริการบัตรอีซีพาส ทำให้ยอดพิมพ์บัตรทางด่วนลดลง

"เรื่องดังกล่าวต้องให้สำนักงานสลากไปดูข้อกฎหมายอีกครั้งหนึ่งว่าติดขัดอะไรหรือไม่และให้เร่งแก้ไข เพื่อให้สามารถโฆษณาได้ต่อไป ซึ่งทราบว่าในส่วนของการโฆษณาบนสลากนั้น กำลังพิจารณารูปแบบอยู่ คาดว่าภายในปีงบประมาณ 2554 จะสามารถเปิดขายพื้นที่โฆษณาบนสลากได้ โดยทริสและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ต้องการให้มีการหารายได้เพิ่มอยู่แล้ว" นายมนัส กล่าว

นายวันชัย สุระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า นโยบายดังกล่าว สำนักงานสลากฯ พร้อมที่จะดำเนินการ แต่ต้องรอให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯ และมีมติเห็นชอบก่อน ซึ่งการรวมสลากฯ จาก 1 คู่ เป็น 1 ใบนั้น ต้องดูในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากหากจะรวม 1 ใบ ราคา 80 บาท อาจถูกข้อครหาได้ว่าสำนักงานสลากฯ เพิ่มราคาขายหรือไม่ และต้องเพิ่มรางวัลต่าง ๆ เป็น 2 เท่า รวมถึงการผลิตที่ปัจจุบันพิมพ์อยู่ที่ 64 ล้านฉบับ จะเหลือเพียง 32 ล้านฉบับ

ส่วนต้นทุนการผลิตนั้น นายวันชัย กล่าวว่า จะทำให้ถูกลงแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันสำนักงานสลากฯ พิมพ์สลาก 64 ล้านฉบับ มีต้นทุนที่ต่ำอยู่แล้ว โดย 1 ใบมีต้นทุนอยู่ที่ 16 สตางค์เท่านั้น หรือ 1 คู่อยู่ที่ 32 สตางค์ หากรวมเป็น 1 ใบ ก็มีต้นทุนเพียง 16 สตางค์ พร้อมกันนี้ในปี 2555 สำนักงานสลากฯ ได้เตรียมตั้งงบประมาณในการปรับปรุงระบบการพิมพ์สายการผลิตต่าง ๆ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้สามารถพิมพ์งานได้ทุกประเภท ส่วนปีงบประมาณ 2554 จะยกระดับการจัดพิมพ์สีในกระบวนการพิมพ์ต่าง ๆ และพัฒนาสิ่งพิมพ์ที่ปลอดการปลอมแปลงให้มากขึ้น โดยปัจจุบันโรงพิมพ์ใช้ระบบฮาร์ดแวร์การพิมพ์ด้วยระบบอิงค์-เจท จากสหรัฐ ระบบซอฟต์แวร์จากออสเตรเลีย และระบบบริหารจัดการจากสิงคโปร์ โดยมีบริษัทล็อคซ์เล่ย์ จำกัด (มหาชน) บริหารจัดการระบบเหล่านี้ให้

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาขายปลีกสลากที่ยังแพงอยู่นั้น ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ถูกลงมาก โดยเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ที่มีทั้งปัญหาน้ำท่วม ฝนตกบ่อย ทำให้ไม่มีผู้ขายปลีกเข้ามาซื้อสลาก ไปขาย เนื่องจากต้องดูแลบ้านเรือนตัวเองที่กำลังประสบปัญหาอุทกภัย พร้อมทั้งยืนยันว่าขณะนี้สำนักงานสลากฯ ยังคงพิมพ์สลากอยู่ที่ 64 ล้านฉบับ โดยเป็นสลากปกติ 54 ล้านฉบับ และสลากการกุศล 14 ล้านฉบับ และยังไม่มีคำสั่งพิมพ์สลากเพิ่มแต่อย่างใด

"การแก้ปัญหาสลากราคาแพงนั้น อยู่ที่การพิมพ์สลากเพิ่ม โดยปัจจุบันอยู่ที่ 64 ล้านฉบับ ถือว่าแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง เพราะมีสินค้ามากขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ หากจะให้ราคาลงมาอยู่ที่ 80 บาทได้ต้องพิมพ์จำนวน 66-68 ล้านฉบับ แต่ก็ต้องดูเสียงสะท้อนกลับมาด้วย เพราะอาจจะมีหลายฝ่ายเห็นว่า การพิมพ์สลากมาก จะเป็นการมอมเมา ซึ่งต้องยอมรับว่าสลากนั้นเป็นสินค้าอย่างเดียวในโลกที่ขายดีไม่ได้" ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ กล่าว