ตร.ยะลา จับรถยนต์หนีภาษี จาก มาเลย์
พ.ต.ท.สมพร ดำราษฎร์ รักษาราชการแทน สารวัตรสถานีตำรวจภูธรอัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากสายว่า จะมีขบวนการลักลอบนำรถยนต์ที่ไม่ได้จดทะเบียน จากประเทศมาเลเซีย หนีเข้ามาในพื้นที่ทางด่านชายแดนอำเภอเบตง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตั้งด่านสกัด บริเวณจุดตรวจบ้าน กม. 27 ม.1 ต.อัยเยอร์เวง ซึ่งก็เป็นไปตามที่สายรายงาน เมื่อมีรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้าซีวิค สีบรอนซ์ ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน พ-3165กรุงเทพมหานคร ขับผ่านมา โดยมี นายสหชล จันทร์มีอ้น อายุ 21 ปี เป็นคนขับ และอีกคันเป็น รถยนต์เก๋งยี่
ห้อ โตโยต้า เอสติมา สีขาว ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ว-8265 กรุงเทพมหานคร มี นายสุรพงษ์ แสนหลวง อายุ 26 ปี ทั้งสองคน เป็นคนมาจากพื้นที่ภาคกลาง จึงขอตรวจค้น
และเมื่อขอดูหลักฐานการจดทะเบียนเสียภาษี ปรากฏว่า รถยนต์ทั้ง 2 คัน ยังไม่ผ่านการชำระภาษีอากร และชื่อเจ้าของ ไม่ตรงกับทะเบียน จึงได้ยึดรถ และจับกุมคนขับมาดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ร่วมกันช่วยจำหน่าย ร่วมกันซื้อรับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งรู้ว่าได้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง สำหรับการลักลอบนำรถยนต์หนีภาษีจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในประเทศมีการทำมาเป็นเวลานาน และทำกันเป็นขบวนการโดยมีเครือข่ายเชื่อมโยงทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าว จะเป็นรถหนีไฟแนนซ์ ราคาในประเทศมาเลเซีย มีราคาประมาณคันละ 70,000-100,000 บาท เท่านั้น
ห้อ โตโยต้า เอสติมา สีขาว ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ว-8265 กรุงเทพมหานคร มี นายสุรพงษ์ แสนหลวง อายุ 26 ปี ทั้งสองคน เป็นคนมาจากพื้นที่ภาคกลาง จึงขอตรวจค้น
และเมื่อขอดูหลักฐานการจดทะเบียนเสียภาษี ปรากฏว่า รถยนต์ทั้ง 2 คัน ยังไม่ผ่านการชำระภาษีอากร และชื่อเจ้าของ ไม่ตรงกับทะเบียน จึงได้ยึดรถ และจับกุมคนขับมาดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ร่วมกันช่วยจำหน่าย ร่วมกันซื้อรับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งรู้ว่าได้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง สำหรับการลักลอบนำรถยนต์หนีภาษีจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในประเทศมีการทำมาเป็นเวลานาน และทำกันเป็นขบวนการโดยมีเครือข่ายเชื่อมโยงทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าว จะเป็นรถหนีไฟแนนซ์ ราคาในประเทศมาเลเซีย มีราคาประมาณคันละ 70,000-100,000 บาท เท่านั้น