นายกยันคาร์บอมบ์ไม่ส่งผลเลิกพรก.ที่อื่น

นายกยันคาร์บอมบ์ไม่ส่งผลเลิกพรก.ที่อื่น

นายกยันคาร์บอมบ์ไม่ส่งผลเลิกพรก.ที่อื่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการมอบนโยบายต่อ ผู้บริหารระดับสูงของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ว่า ตนได้รับทราบข่าวเหตุคาร์บอมบ์ หน้าแขวงการทางอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งยืนยันว่า ไม่ใช่การลองของกับรัฐบาลในการพิจารณายกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พื้นที่อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี รวมทั้ง เหตุดังกล่าวยังไม่สามารถสรุปได้ ที่จะส่งผลต่อการพิจารณายกเลิกในพื้นที่อื่นด้วย เพราะต้องดูในรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน รวมถึง ไม่ส่งผลต่อสถานการณ์ในช่วงปีใหม่ เพราะในเขตพื้นที่ ที่เป็นชุมชนนั้น ได้กำชับแล้ว อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าว ด้านการข่าวนั้น เคยมีการเตือนแล้วว่า จะมีแนวโน้มในการเคลื่อนไหวลักษณะนี้ แต่ยอมรับมีความยากในการควบคุมสถานการณ์ คือ การที่ไม่สามารถระบุเวลาและสถานที่ก่อเหตุได้ชัดเจน แต่ช่วงเวลานี้จะเป็นเป้าหมายของผู้ก่อเหตุ ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะเจ้าหน้าที่เอง ก็จะอำนวยความสะดวกในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ อย่างทั่วถึง

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการมอบนโยบายต่อผู้บริหารระดับสูงของ กอ.รมน. ว่า การทำงานต้องคำนึงถึงมติความมั่นคง ไม่ใช่จะพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เท่านั้น และต้องให้เน้นการหาต้นเหตุของปัญหา โดยการนำประชาชน มีส่วนร่วม ใช้ระบบอาสาสมัคร พร้อมทำงานเชิงรุกมากกว่ารอให้เกิดเหตุและแก่ปัญหาภายหลัง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวกล่าวถึง กรณีที่สื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล ตั้งฉายารัฐบาลประจำปี 2553 ว่า รัฐบาล รอดฉุกเฉิน ว่า ตนมีหน้าที่ทำให้บ้านเมืองและประเทศรอด ขณะนี้ก็ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจแล้ว และปี 2554 ก็จะทำให้ผ่านพ้นปัญหาการเมืองไปให้ได้ ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่า จะรอดฉุกเฉิน หรือไม่ เพราะเป็นรัฐบาลชุดใหม่แล้ว ส่วนจะมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นหรือไม่ ก็ยังไม่ทราบ เนื่องจาก เหตุการณ์ฉุกเฉิน เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่รัฐบาลก็มีหน้าที่แก้ไขให้ได้ ขณะที่ ฉายา ซีมาร์คโลชั่น ของตนเองนั้น เห็นว่าเป็นธรรมดาที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งก็ต้องพิสูจน์ แต่ยาบางตัวก็ต้องใช้เวลากว่าจะออกฤทธิ์

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีที่ ขณะนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้งนั้นว่า การดูแลป้องกันอุบัติเหตุ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปีใหม่ว่า ทุกหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องต้องทำงานเชิงรุกในพื้นที่ โดยเฉพาะเส้นทางหลัก จะมีการติดตามพร้อมกับมีระบบอาสาสมัคร ช่วยตรวจสอบผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย ทั้งนี้ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงถนนสายรอง รวมทั้ง ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ขณะที่ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในช่วงเทศกาลนั้น เกิดจาก ผู้ดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งต้องเน้นการรณรงค์เรื่องนี้ให้มากขึ้น ส่วนเรื่องสถิตินั้น รัฐบาล ได้ตั้งเป้าในอีก 10 ปีข้างหน้า จะต้องลดการสูญเสียครึ่งหนึ่ง และในปีนี้ก็มีอุบัติลดลง ร้อยละ 14

อย่างไรก็ตาม กรณีเหตุรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ชนรถตู้โดยสารบนทางยกระดับโทลล์เวย์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จนส่งผลมีผู้เสียชีวิต 8 ศพ ที่คดีไม่คืบหน้านั้น เรื่องดังกล่าว ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งต้องติดตามคดีอย่างเต็มที่ด้วย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พรรคการเมืองใหม่ ส่งทนายยื่นเรื่องให้ศาลปกครองพิจารณาเรื่องการขึ้นเงินเดือนของสมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยแสดงความมั่นใจว่ากรณีที่ขึ้นเงินเดือนให้ ส.ส. และ ส.ว.นั้น ไม่ได้ทำสิ่งใดผิดกฎหมาย ทั้งนี้ศาลจะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ได้ตรวจร่างกฎหมายนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว ทั้งนี้ยืนยันขณะนี้รัฐบาลได้ออกเป็นเพียงมติคณะรัฐมนตรีเท่านั้น ซึ่งหากจะนำไปปฏิบัติก็ต้องเป็นพระราชกฤษฎีกาก่อน และขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนดังกล่าว อย่างไรก็ตามเงินเดือนที่ขึ้นนั้น ก็จะได้กับ ส.ส.ชุดใหม่




แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook