สะเทือนใจ! ยุ่นเหยื่อซานติก้าดับเหตุเพราะรุดช่วยเพื่อนคนไทย เจ้าตัวรู้ข่าวร่ำไห้ไม่หยุด ยอดดับรวม 64

สะเทือนใจ! ยุ่นเหยื่อซานติก้าดับเหตุเพราะรุดช่วยเพื่อนคนไทย เจ้าตัวรู้ข่าวร่ำไห้ไม่หยุด ยอดดับรวม 64

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
หนุ่มญี่ปุ่นเสียชีวิตอย่างสงบหลังระบบหายใจ-ไต-ไหลเวียนเลือดล้มเหลว เพื่อนชาวไทยรู้ช็อก ร้องไห้ไม่หยุด บอกเป็นคนช่วยชีวิตแต่กลับต้องมาตาย ยอดคนตายเพิ่มเป็น 6-4 อาการหนุ่มไต้หวันน่าเป็นห่วงแพทย์ดูแลใกล้ชิด ญาติเหยื่อเผยกระทบอย่างหนักวอนช่วยเหลือด้วย เหยื่อซานติก้าเพิ่มเป็น64ศพ

ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ซานติก้าผับเพิ่มเป็น 64 ศพ หลังจากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นซึ่งรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้สิ้นใจแล้ว ทั้งนี้ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 5 มกราคม ที่รพ.จุฬาลงกรณ์ คณะแพทย์จาก รพ.จุฬาฯ และ โรงพยาบาลตำรวจ สรุปข้อมูลสถานการณ์ ผู้ได้รับบาดเจ็บ การชันสูตรศพ เหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ โดยมี รศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ พล.ต.ท.สมยศ ดีมาก นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแถลง โดย รศ.นพ.อดิศร กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เมื่อเวลา 21.05 น.ของคืนวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา คือ นายเคนอิชิ วาดะ (Mr.KEIICHI WADA) ชาวญี่ปุ่น อายุ 38 ปี เนื่องจากเกิดภาวะระบบหายใจระบบไต และระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว และเสียชีวิตอย่างสงบ โดยมีญาติชาวญี่ปุ่นพร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูต และแพทย์ชาวญี่ปุ่น ได้เดินทางมาดูแลตั้งแต่หลังวันที่เกิดเหตุอย่างใกล้ชิดโดยตลอด ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตที่ รพ.จุฬาฯ ทั้งสิ้น 31 ราย ส่วนศพที่ชันสูตรสามารถพิสูจน์เอกลักษณ์ทางบุคคลเรียบร้อย และญาติมาติดต่อขอรับทั้งหมดแล้ว

ชาวไต้หวันน่าห่วงแพทย์ดูใกล้ชิด

รศ.นพ.อดิศร กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยที่ยังพักรักษาตัวที่ รพ.จุฬาฯ 4 ราย เป็นชาวไต้หวัน 1 ราย คือ Mr.MARSS WAN-CHENG อายุ 55 ปี ย้ายมาจาก รพ.ปิยะเวท อาการหนักพอสมควร เฉพาะแผลไฟไหม้ซึ่งมีประมาณร้อยละ 65 และแผลเริ่มติดเชื้อเล็กน้อย ผู้ป่วยได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ รู้สึกตัวดี แต่ต้องให้ยานอนหลับพักผ่อน ที่เป็นห่วงคือ ระบบทางเดินหายใจ และแผลไฟไหม้ ในวันที่ 6 มกราคมนี้ ศัลยกรรมตกแต่งพลาสติกจะเข้ามาดูแลตกแต่งแผล ส่วนผู้ป่วยอีก 3 ราย เป็นชาวไทย ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 2 ราย และถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว 1 ราย และแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านในวันเดียวกันอีก 2 ราย

พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า ขณะนี้ศพสามารถพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลได้ทั้งหมด 29 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด และมีญาติมาติดต่อขอรับศพทั้งหมดแล้ว ยังมีผู้ป่วยเหลืออยู่อีก 1 ราย อาการยังไม่พ้นขีนอันตราย เนื่องจากถูกความร้อนทำลายเนื้อเยื่อภายใน ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจไปตลอด ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกหรือไม่ เนื่องจากมีผู้ป่วยหนักในไอซียูอีกหลายราย เพราะร่างกายเสียเกลือแร่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน และอาจทำให้ไตวายได้ และยิ่งนานก็อาจทำให้แผลมีการติดเชื้อรุนแรงมากขึ้น ต้องใช้ยาปฏิชีวนะขั้นสูงในการรักษา ซึ่งผลจากการแทรกซ้อนต่างๆ อาจทำให้ผู้ป่วยทนบาดแผลไม่ไหว

สรุปยอดตาย64-อีก34ยังหนัก

ที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (สนว.ตร.) พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้บัญชาการ สนว.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้สามารถทราบแล้วว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นใครและได้แจ้งให้ญาติทราบแล้ว สรุปยอดผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 64 คน เป็นการเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 58 คน เสียชีวิตเพิ่มเติมที่โรงพยาบาล 6 คน แยกเป็นชาย 30 คน หญิง 34 คน แบ่งเป็นบุคคลสัญชาติไทย 59 คน สิงคโปร์ 3 คน ญี่ปุ่น 1 คน และ พมมดมีญาติติดต่อขอรับศพกลับไปแล้ว เหลือเพียงศพขอของ น.ส.จันทร์เจ้า แผนสมบูรณ์ อายุ 29 ปี เพียงรายเดียวที่ญาติยังไม่ได้มารับศพกลับไป

ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า รวมยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 64 ราย ขณะนี้เหลือผู้บาดเจ็บที่ยังรักษาตัว 67 ราย ในโรงพยาบาล 32 แห่ง เป็นโรงพยาบาลรัฐ 12 แห่ง ที่เหลือเป็นโรงพยาบาลเอกชน โดยผู้บาดเจ็บเป็นชาย 33 ราย หญิง 34 ราย ในจำนวนนี้อาการหนักอยู่ในห้องไอซียู 34 ราย ส่วนชาวต่างชาติที่นอนรักษาตัวมีทั้งหมด 15 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในห้องไอซียู 11 ราย

ขณะที่ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (เลขาธิการ อย.) กล่าวว่า สำหรับยาและเวชภัณฑ์ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนจะส่งมาช่วยเหลือ 5 รายการ ได้แก่ 1.ยาปฏิชีวนะ 2.สารน้ำให้ทางหลอดเลือด 3.เวชภัณฑ์ทำแผล 4.ยาแก้ปวด 5.ยาแผนจีนที่ใช้รักษาแผลไฟไหม้ระดับ 2 และ 3 เช่น บัวหิมะ จิงว่านหง ซึ่งการรักษาจะต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์เจ้าของไข้ โดย อย. จะอำนวยความสะดวกการนำเข้าให้ผ่านทางช่องทางผู้โดยสารขาเข้าตามปกติ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน

สาวช็อครู้เพื่อนญี่ปุ่นไปช่วยแต่ดับ

ส่วนที่รพ.รามาธิบดี เวลา 15.00 น. รศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผู้อำนวยการ รพ.รามาธิบดี แถลงถึงผู้บาดเจ็บ ซานติก้า ผับ 1 ว่า รพ.ยังคงมีผู้รักษาตัวอยู่ 6 ราย มี 2 รายที่ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด คือ น.ส.นัทชา ชัยรำลึก อายุ 21 ปี และ น.ส.ธัญญา ชูเกียรติ อายุ 38 ปี มีบาดแผลไฟไหม้บริเวณใบหน้า แขนและมีปัญหาเรื่องปอดจากสูดควันไฟ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่พ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วน 1 ราย คือ น.ส.ธนสร แดงสวัสดิ์ อายุ 34 ปี ยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรง อีก 3 ราย คือ น.ส.สุปราณี ทาเภา อายุ 23 ปี น.ส.ยิว เสี้ยว เฟิน (Yew Siew Fen) ชาวมาเลเซียอายุ 21 ปี และนายอัศวิน หวังทวีวงศ์ อายุ 22 ปี อาการดีขึ้นกลับบ้านได้ภายใน 1-2 วัน

น.ส.สุปราณี ซึ่งจะกลับบ้านได้วันที่ 6 มกราคม กล่าวว่า เห็นไฟลุกขึ้นบริเวณหน้าเวที เข้าใจว่าเป็นการแสดงของที่ร้าน แต่นายเคอิชิ ชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในเพื่อนจำนวน 8 คนที่มาเที่ยวด้วยกัน ได้เข้ามาสะกิดและบอกว่าเกิดไฟไหม้ พร้อมทั้งลากออกไป แต่อยู่ๆ ก็พลัดหลงกัน ขณะนั้นตกใจมาก แต่ก็สามารถรอดออกมาได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่น.ส.สุปราณี กำลังให้สัมภาษณ์อยู่นั้น พี่สาวของ น.ส.สุปราณี คือ นางลำเพย ทาเภา เข้ามาบอกว่านายเคอิชิเสียชีวิตแล้ว ทันทีที่ทราบข่าว น.ส.สุปราณี ถึงกับร้องไห้ไม่หยุด จนไม่สามารถให้สัมภาษณ์ต่อไปได้ และแพทย์ต้องพากลับเข้าห้องพักทันที

นางลำเพย กล่าวว่า นายเคอิชิ หนีออกไปก่อนได้แล้ว แต่ทราบว่าเพื่อนยังติดอยู่ในร้าน จึงเข้าไปช่วย แต่สุดท้ายต้องเสียชีวิต รู้สึกเสียใจมาก และต้องขอขอบคุณนายเคอิชิที่ช่วยเหลือน้องสาว อยากให้เจ้าของผับแสดงความรับผิดชอบด้วย เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อให้ความช่วยเหลือใดๆ เลย

ครอบครัวเหยื่อเจอกระทบหนัก

ที่จ.นครพนม นายพิสิทธิ์ พรมราช อายุ 38 ปี พี่ชายน.ส.ปัญญา ชัยสิทธิ์ อายุ 29 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตเหตุเพลิงไหม้ซานติกาผับ ให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.ปัญญา เป็นน้องสาวคนสุดท้อง ในบรรดาพี่น้อง10 คน เป็นความหวังของครอบครัว สอบเข้าทำงานเป็นอัตราจ้าง ในตำแหน่ง ผู้ช่วยวิชาการ สำนักเลขาธิการสภาการศึกษา เป็นเวลา 1 ปี กำลังจะได้รับการบรรจุ แต่สุดท้ายต้องมาสูญเส ทำให้สภาพจิตใจของคนในครอบครัวถูกกระทบอย่างหนัก ไม่อยากให้เกิดซ้ำอีกกับที่อื่น หลังเกิดเหตุการณ์ยังไม่ได้รับการช่วยเหลืออะไรเลย แม้กระทั่งตอนไปรับศพยังลำบาก ไม่มีศูนย์อำนวยความสะดวก จะเตรียมฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป

นางวิภาพร ชัยสิทธิ์ อายุ 72 ปี มารดาน.ส.ปัญญา กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวรู้สึกเสียใจ หมดกำลังใจทุกอย่าง เพราะเป็นลูกสาวคนสุดท้องที่เป็นความหวังของครอบครัว อยากเห็นลูกมีอนาคต และลูกเตรียมวางแผนจะแต่งงาน

ญาติทยอยทำพิธีเรียกวิญญาณ

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศที่บริเวณซานติก้าผับว่า ช่วงเช้ามีญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ ทยอยกันเดินทางมานำอาหารและเครื่องเซ่นไหว้มาวางไว้ที่เต้นท์ด้านหน้ากันตลอดทั้งวัน ช่วงเช้าญาติ น.ส.นงลักษณ์ อาจนนลา อายุ 27 ปี นำศพ น.ส.นงลักษณ์ พร้อมเครื่องเซ่นไหว้ใส่รถตู้มาทำพิธีเรียกวิญญาณกลับบ้าน ส่วนในช่วงบ่ายญาติของนายทิวากร ปิณฑะบุตร นำเครื่องเซ่นไหว้พร้อมรูปของนายทิวากร มาทำพิธีเรียกวิญญาณกลับบ้านเช่นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตลอดทั้งวันที่ สน.ทองหล่อ ได้มีญาติของผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ทยอยกันเดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยญาติผู้เสียชีวิตบางรายเมื่อเห็นทรัพย์สินของเหยื่อจากเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาฬิกา กำไล แหวนและอื่นๆ ถึงกับร่ำไห้

สปส.จ่ายผู้เสียชีวิตทั้งหมด2.6ล.

ที่กระทรวงแรงงาน นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า นำตัวเลขผู้ประกันตนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากกรณีไฟไหม้ที่ซานติก้า ผับ รายงานให้นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ล่าสุดเป็นผู้ประกันตนเสียชีวิต 27 คน บาดเจ็บอีก 29 คน ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตจะได้รับค่าทำศพรายละ 40,000 บาท และได้รับเงินสงเคราะห์กรณีที่ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเกิน 3 ปี รวมถึงเงินบำเหน็จชราภาพ ส่วนลูกจ้างที่ทำงานในซานติก้าผับมีกว่า 30 คนแต่ส่วนใหญ่รอด มี 2 รายที่เสียชีวิตซึ่งจะได้รับเงินประมาณ 300,000 บาท ทั้งนี้ ยอดเงินที่สปส.ต้องจ่ายสำหรับผู้เสียชีวิตมีทั้งสิ้น 2,660,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บกำลังตรวจสอบอยู่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook