การเงิน และการลงทุนทั้งหมด
แสดง 5026 - 5,050 จาก 32,893 ข่าว
การซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีดาวโจนส์ พุ่ง 193.45 จุด ไปปิดที่ 10,944.72 จุด สูงสุดในรอบ 5 เดือน แนสแดค ปิดที่ 2,399.83 จุด เพิ่มขึ้น 55.31 จุด และเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,160.75 จุด เพิ่มขึ้น 23.72 จุด
หลังข้อมูลล่าสุดชี้ว่า การขยายตัวของภาคเศรษฐกิจและบริการในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ เป็นผลจากการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การตัดสินใจของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ที่ลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ก็ช่วยให้ดัชนีพุ่งขึ้นด้วย
ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 82.82 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (5 ต.ค.) ดัชนีปรับตัวผันผวนจากความกังวลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าจะออกมาตรการคุมเงินทุนเคลื่อนย้าย เพื่อป้องกันค่าเงินบาทแข็งค่า โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีลดลงต่ำสุดที่ 952.99 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 969.28 จุด บวก 5.06 จุด หรือ 0.52% ปริมาณการซื้อขาย4,134,700,000 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 36,050.87 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายตลาดดัชนีพลิกกลับมาเป็นบวก หลังจากผู้บริหารธปท.ออกมายอมรับว่าธปท.อยู่ระหว่างศึกษาการออกมาตรการคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายของแต่ละประเทศ ซึ่งยังไม่มีการออกมาตรการในขณะนี้
ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ออกมาระบุว่า ไม่มีนโยบายกำหนดเป้าหมายค่าเงินบาท และเจ้าหน้าที่กำลังศึกษาในเรื่องนี้ เพื่อป้องกันค่าเงินบาทผันผวน
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย
PTT ปิดที่ 297.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
PTTEP ปิดที่ 160.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
ITD ปิดที่ 4.64 บาท ลดลง 0.02 บาท
SCC ปิดที่ 325.00 บาท บวก 1.00 บาท
PTTCH ปิดที่ 134.50 บาท บวก 2.50 บาท
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันนี้ (5 ต.ค.) ว่า ปิดตลาดที่ระดับ 30.12/16 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.20/22 บาท/ดอลลาร์
สำหรับสาเหตุที่ค่าเงินบาทแข็งค่าในวันนี้มาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ตลาดผ่อนคลายความกังวลเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะออกมาตรการสะกัดเงินทุนไหลเข้า เพื่อป้องกันปัญหาเงินบาทแข็งค่า ซึ่งล่าสุดจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการนำมาตรการออกมาใช้เพิ่มเติม ส่วนอีกปัจจัยคือ เงินบาทแข็งค่าตามเงินสกุลหลักโดยเฉพาะค่าเงินยูโร
ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 83.40/43 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3774/3778 ดอลลาร์/ยูโร
สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันพรุ่งนี้ (6 ต.ค.) มีโอกาสแข็งค่าต่อเนื่อง คาดอยู่ที่ 30.10-30.20 บาท/ดอลลาร์
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ (5 ต.ค.) 20.48 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 22,639.14 จุด มีมูลค่าการซื้อขายลดลงจากเมื่อวานนี้แตะที่ 7.969 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (1 ดอลลาร์สหรัฐ = 7.759 ดอลลาร์ฮ่องกง) แม้ว่านักลงทุนจะเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรหลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ก็ตาม
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดในวันนี้ (5 ต.ค.)ลดลงเพียง 0.35 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ระดับ 1,878.94 จุด มีปริมาณการซื้อขายที่ 332.8 ล้านหุ้น มูลค่า 6.2 ล้านล้านวอน (5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยบรรดานักลงทุนในประเทศเทขายหุ้นที่พุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งแรงเทขายดังกล่าวได้บดบังแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่ส่งเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีนิกเกอิ 225 ตลาดโตเกียวปิดตลาดวันอังคาร (5 ต.ค.2553) อยู่ที่ระดับ 9,518.76 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 137.70 จุด เปลี่ยนแปลง 1.47%
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดซื้อขายภาคเช้าวันนี้(5ต.ค.)ที่ระดับ 959.98 จุด ลดลง 4.24 จุด หรือ -0.44% มูลค่าการซื้อขาย 16,132.93 ล้านบาท โดยระหว่างการซื้อขายดัชนีอ่อนตัวลงต่ำสุดที่ 955.68 จุดและสูงสุดอยู่ที่ 968.19 จุด
นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยในช่วงเช้าดัชนีลงไปทดสอบแนวรับที่ 955 จุด และเด้งกลับขึ้นมาได้ แต่การที่ตลาดยังกังวลเงินบาทที่แข็งค่า ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติยังเข้าซื้อหุ้นสุทธิจำนวนมาก จึงกลัวว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่จะออกมาตรการคุมเงินบาทที่แข็งค่า โดยมองกรอบดัชนีวันนี้อยู่ที่ 954-983 จุด
สำหรับหุ้น 5 อันดับแรกที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ประกอบด้วย
PTT ปิดที่ 294.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ -1.01 % มูลค่าการซื้อขาย 1,716 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 158.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -0.94% มูลค่าการซื้อขาย 1,438 ล้านบาท
ITD ปิดที่ 4.48 บาท ลดลง 0.18 บาท หรือ -3.86% มูลค่าการซื้อขาย 664 ล้านบาท
STPI ปิดที่ 34.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ +3.79 % มูลค่าการซื้อขาย 624 ล้านบาท
KTB ปิดที่ 16.90 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 585 ล้านบาท
นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (5 ต.ค.) ว่า ตลาดน่าจะแกว่งตัวในช่วงแคบ ๆ เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อาจจะออกมาตราการมาดูแลการแข็งค่าของเงินบาท
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตราบใดที่เงินบาทยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับค่าเงินอื่นในภูมิภาค ธปท.ไม่น่าจะมีมาตราการที่เข้มข้นออกมา
ส่วนปัจจัยในต่างประเทศเวลานี้ก็ออกมาในด้านลบ เนื่องจากความกังวลปัญหาหนี้ในยุโรปกลับมาอีกครั้ง ประกอบเมื่อคืนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ออกมาไม่ค่อยดี ทำให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดลบจึงเป็นตัวถ่วงให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับลดลงเป็นส่วนใหญ่
สำหรับกรอบกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้คาดแนวรับอยู่ที่960,955 จุด แนวต้าน 970-972 จุด
นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันนี้ (5 ต.ค.) ว่า เปิดตลาดที่ระดับ 30.20/22 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากเมื่อวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.17/19 บาท/ดอลลาร์
"การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ ยังไม่มีปัจจัยเด่นชัดที่จะเข้ามามีผลต่อตลาด แต่จากการที่เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวอ่อนค่าลงจากเมื่อวาน คาดว่าเป็นการเคลื่อนไหวไปตามทิศทางของเงินสกุลหลักในภูมิภาค ประกอบกับนักลงทุนเริ่มขายทำกำไร"
ส่วนความเคลื่อนไหวของสกุลเงินหลักต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 83.47/48 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3657/3660 ดอลลาร์/ยูโร
คืนนี้ สหรัฐฯ จะประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการและดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเดือนก.ย.
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันนี้คาดอยู่ที่30.10-30.30 บาท/ดอลลาร์
การซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐปิเบาบางเมื่อวานนี้ (4 ต.ค.) หลังนักลงทุนเทขายทำกำไรจากกดดันให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดลบ 78.41 จุดหรือ 0.72% ปิด 10,751.27, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 9.21 จุดหรือ 0.80% ปิด 1,137.03และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 26.23 จุด หรือ 1.11% ปิด 2,344.52 ปริมาณการซื้อขายเบาบางราว 6.84 พันล้านหุ้นในตลาดนิวยอร์ก, ASE และ Nasdaq
ด้านราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ ส่งมอบเดือนพ.ย. ปรับขึ้น 0.11 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 81.47 ดอลลาร์/บาร์เรล และน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย. ปรับลด 0.47 ดอลล์ปิดตลาดที่ 83.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดภาคเช้าขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันนี้ (5 ต.ค.) โดยปิดขยับขึ้น 1.53 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 9,382.59 จุดเนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดเผยมาตรการผ่อนคลายทางการเงินฉบับใหม่
โดยหุ้นกลุ่มอาหารร่วงลงหนักสุดในช่วงเช้าวันนี้ ตามด้วยหุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและกลุ่มอุปกรณ์การขนส่ง ส่วนหุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์กระดาษและเยื่อกระดาษ กลุ่มประกัน และกลุ่มสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ดีดตัวขึ้น
หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานในช่วงเช้าวันนี้ว่า บีโอเจอาจจะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ รวมถึงการขยายโครงการเงินกู้ให้กับสถาบันการเงิน อีกทั้งเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันและเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น เพื่อสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยนและรับมือกับภาวะเงินฝืดภายในประเทศ
ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ดัชนีสเตรทไทม์ปิดตลาดวันจันทร์ (4 ต.ค. 53) ที่ระดับ 3,157.45 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 26.55 จุด เปลี่ยนแปลง 0.85%
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (4 ต.ค.) ดัชนีผันผวนหนัก ท่ามกลางความกังวลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการคุมเงินทุนไหเลข้า เพื่อป้องการการแข็งค่าของเงินบาท ที่ในวันนี้ทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 ปีครั้งใหม่ แต่ 30.14/16 บาท/ดอลลลาร์
โดยหลังเปิดตลาดภาคเช้าดัชนีทะยานตัวในแดนบวกตามตลาดต่างประเทศ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากเงินทุนไหลเข้า ดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 986.75 จุด อย่างไรก็ตาม หลงเปิดตลาดภาคบ่ายดัชนีทรุดตัวในแดนลบต่อเนื่อง จากความกังวลธปท.ออกมาตรการคุมเงินทุนไหลเข้า ดัชนีลดลงต่ำสุดที่ 963.22 จุด ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 964.22 จุด ลบ 14.36 จุด หรือ 1.47% ปริมาณการซื้อขาย 5,569,393,000 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย48,623.43 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย
PTT ปิดที่ 297.00 บาท
PTTEP ปิดที่ 160.00 บาท บวก 2.00 บาท
SCC ปิดที่ 324.00 บาท ลดลง 10.00 บาท
PTTCH ปิดที่ 132.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
TOP ปิดที่ 56.00 บาท บวก 2.00 บาท
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ (4 ก.ย.) 23.17 จุด หรือ 0.25% แตะที่ 9,381.06 จุด เนื่องจากการแข็งค่าของเงินเยนได้ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลง ก่อนที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะตัดสินใจว่าควรใจนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมหรือไม่ ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ โดยหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ร่วงลงหนักสุด ตามด้วยหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มกระดาษและเยื่อกระดาษ ส่วนหุ้นกลุ่มประมงและป่าไม้ และกลุ่มผู้ผลิตโลหะนอกกลุ่มเหล็ก ส่วนหุ้นกลุ่มเบ็ดเตล็ดดีดตัวขึ้นในวันนี้
โดยตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดค่อนข้างทรงตัว ก่อนที่จะดีดขึ้นในเคลื่อนไหวในแดนบวกในช่วงเช้าเพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินเยนและดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อวันศุกร์
แต่ตลาดเริ่มอ่อนตัวลงในช่วงบ่าย ก่อนที่บีโอเจจะตัดสินใจว่าควรใจนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยนหรือไม่ ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเงินเยนที่แข็งค่ากำลังส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในขณะนี้
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับตัวสูงขึ้น260.49 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 22,618.66 จุด แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 เดือนในวันนี้ (4 ต.ค.) โดยมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วแตะที่ 9.603 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (1 ดอลลาร์สหรัฐ = 7.759 ดอลลาร์ฮ่องกง) หลังเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ากระตุ้นให้นักลงทุนต้องการซื้อหุ้นมากขึ้น รวมถึงการที่จีนเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้น
การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยช่วงเช้าวันนี้(4 ต.ค.)ปิดที่ 980.65 จุด เพิ่มขึ้น 2.07 เปลี่ยนแปลง +0.21% ปริมาณการซื้อขาย 2,598,572,000 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 21,665.87 ล้านบาท
ดัชนีนิกเกอิ 225 ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดทำการซื้อขายภาคเช้าวันจันทร์ (4 ต.ค.2553) ที่ระดับ 9,486.07 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 81.84 จุด เปลี่ยนแปลง 0.87%
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า แม้ดัชนีตลาดหลัทรัพย์แห่งประเทศไทยอาจมีโอกาสปรับขึ้นต่อได้ จากแรงหนุนกระแสเงินทุนไหลเข้า และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับขึ้น แต่ก็ควรระวังการปรับฐานของดัชนีในระยะสั้นและการขายทำกำไรของนักลงทุน ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตาม คงจะได้แก่ ประเด็นการแข็งค่าของเงินบาท โดยเฉพาะท่าทีของ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ความคืบหน้าของการชุมนุมเกี่ยวกับประเด็นการลงทุนในมาบตาพุด ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญโดยเฉพาะของสหรัฐฯ อาทิ การจ้างงานนอกภาคการเกษตร และอัตราการว่างงาน
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า จากแรงซื้อต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ แนวโน้มในสัปดาห์นี้ (4-8 ต.ค. 2553) ดัชนีจะมีแนวรับที่ 968 และ 945 จุด ขณะที่ แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 993 และ 1,000 จุด ตามลำดับ หลังจากดัชนีหุ้นไทยวันศุกร์(1ต.ค.)ปิดที่ 978.58 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดครั้งใหม่ในรอบเกือบ 14 ปี
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (4 ต.ค.) ว่า ตลาดมีโอกาสปรับตัวในแดนบวกตามตลาดต่างประเทศ เงินลงทุนไหลเข้ายังคงเป็นปัจจัยหนุน (Fund Flow) ประกอบกับ ช่วงนี้เข้าสู่ไตรมาส 4/53 ที่หลายฝ่ายมีการคาดการณ์กันว่าเป็นไตรมาสที่สดใส
ส่วนปัจจัยในต่างประเทศขณะนี้ความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ผ่อนคลายลงโดยไม่มีการพูดถึงเรื่องที่สหรัฐฯจะเกิดภาวะถดถถ้อยทางเศรษฐกิจอีกครั้งแล้ว
"ตอนนี้มองว่าตลาดน่าจะขึ้นถึง 1000 จุด แต่การขึ้นรอบนี้เองก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน เพราะในแง่ตลาดช่วงเวลานี้ก็ค่อนข้าง overbought แล้ว พร้อมที่จะมีโอกาสของการพักตัว ก็ต้องระมัดระวัง ช่วงเวลานี้เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นมากกว่าว่าจะมองว่าตลาดฯจะขึ้นต่อหรือไม่ขึ้นต่อ เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นแล้ว ไม่ได้มองที่ปัจจัยตลาด"
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ หลังดาวโจนส์ปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้ คาดแนวรับอยู่ที่ระดับ 963 จุด แนวต้าน 987 จุด
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้(1 ต.ค.) ดัชนีปรับตัวในแดนบวกต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากเงินทุนไหลเข้า ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรบตัวสูงสุดที่ 980.89 จุด ก่อนที่จะมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น ฉุดดัชนีปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 972.56 จุด ก่อนที่จะปิดตลาดในภาคบ่ายที่ระดับ 978.58 จุด บวก 3.28 จุด หรือ 0.34% โดยมีเงินทุนไหลเข้า เนื่องจากนักลงทุนแห่เก็งกำไรกลุ่ม ปตท. หลังราคาน้ำมันพุ่ง
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย
IRPCปิดที่ 4.40บาท บวก 0.24 บาท
PTTEPปิดที่ 158.00บาท บวก 4.00 บาท
PTT ปิดที่ 297.00บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
KTB ปิดที่ 17.40บาท บวก 0.40 บาท
PTTARปิดที่ 27.75บาท บวก 0.25 บาท
ดัชนี BSE SENSEX 30 หุ้นอินเดีย ปิดตลาดวันศุกร์ (1 ต.ค.53) ที่ระดับ 20,445.04 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 375.92 จุด เปลี่ยนแปลง 1.83%
ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ (1 ต.ค.) บวก 33.27 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 3,130.9 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1.77 พันล้านหุ้น มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 1.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อวานนี้ดัชนีสเตรทส์ไทม์ลบ 8.4 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 3,097.63 จุด
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดวันนี้ขยับลงเล็กน้อย 20.5 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 22,358.17 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งหมด 8.59 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยุโรปหลังเกิดเหตุประท้วงการใช้มาตรการคุมเข้มของรัฐบาล
ดัชนีนิกเกอิ 225 ตลาดโตเกียวปิดตลาดวันศุกร์ (1 ต.ค.2553) อยู่ที่ระดับ 9,404.23 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 34.88 จุด เปลี่ยนแปลง 0.37%
ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันปิดเกือบทรงตัวในวันนี้ (1 ต.ค.) ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 6.4 จุด หรือ 0.08% ปิดที่ระดับ 8,244.18 จุด เนื่องจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ช่วยชดเชยแรงขายหุ้นกลุ่มผู้ส่งออกสินค้าอิเลคทรอนิคส์
นายเผิง ไฝ่-หนาน ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวันตั้งเป้าใช้มาตรการป้องกันการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังจากที่ธนาคารได้ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.125% สู่ระดับ 1.50% เมื่อวานที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในปีนี้