แสดง 5076 - 5,100 จาก 32,893 ข่าว
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดภาคเช้าพุ่งขึ้นในวันนี้ (29 ก.ย.) 59.51 จุด หรือ 0.63% แตะระดับ 9,555.27 จุด เนื่องจาก เพราะได้แรงหนุนจากการปิดบวกของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาสที่ 3 ที่ออกมาดีเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะใช้นโยบายผ่อนคลายด้านการเงินเพิ่มเติม
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) หลังมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มต่างๆหนุนหุ้นดาวโจนส์ปิดบวก 46.10 จุดหรือ 0.43% ปิดที่ 10,858.14, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 5.54 จุดหรือ 0.49%ปิด 1,147.70 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 9.82 จุด หรือ 0.41% ปิด 2,379.59 ปริมาณการซื้อขายยังคงเบาบางราว 7.63 พันล้านหุ้นในตลาดนิวยอร์ค, ASE และ Nasdaq ด้านราคาน้ำมันดิบ ตลาดไนเม็กซ์ ส่งมอบเดือนพ.ย. ปรับลดลง 0.34 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 76.18 ดอลลาร์/บาร์เรล และน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดตลาดบวก 0.14 ดอลล์ ที่ระดับ 78.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำทุกระยะเวลา ระหว่าง 0.125-0.50% โดยเริ่มมีผล ตั้งแต่วันนี้ ส่งผล ให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน เพิ่มขึ้น 0.125% จาก 0.875% เป็น 1.00% เงินฝากประจำ 6 เดือน เพิ่มขึ้น 0.125-0.25% จาก 1.00% เป็น 1.125-1.25%, เงินฝากประจำ 12 เดือน เพิ่มขึ้น 0.25% จาก 1.25% เป็น 1.25-1.50% เงินฝากประจำ 24 เดือน เพิ่มขึ้น 0.25-0.50% จาก 1.75% เป็น 2.00-2.25% และเงินฝากประจำ 36 เดือน เพิ่มขึ้น 0.25% จาก 2.00% เป็น 2.25% การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ เป็นไปตามการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจไทย และดอกเบี้ยนโยบายซึ่งปรับขึ้นแล้ว 2 ครั้งในปีนี้ มาอยู่ที่ 1.75% ในขณะนี้ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุก่อนหน้านั้นว่า ดอกเบี้ยนโยบาย กำลังกลับสู่ภาวะปกติขณะที่อาจมีแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อมากขึ้นในปี 2554 สำหรับราคาหุ้น BBL ช่วงเช้านี้อยู่ที่ 154 บาท เพิ่มขึ้น 0.65%
ลูกค้าธนาคารกรุงไทยมีเฮ หลังประกาศเตรียมลดค่าธรรมเนียมเพิ่ม 2 รายการ การโอนเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และโอนเงินเข้าบัญชีอัตโนมัติภายในธนาคาร
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม. ) เห็นชอบตามที่กระทรววงการคลังเสนอ 5 ข้อ ได้แก่ การอนุมัติให้ดำเนินโครงการใหม่ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 17 โครงการ วงเงินรวม 5,621.24 ล้านบาท และอนุมัติการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ ให้แก่โครงการที่ ครม. อนุมัติให้ดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์สาขาเศรษฐกิจ และกรอบวงเงินตามกรอบการใช้จ่ายเงินกู้เสนอต่อรัฐสภาตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ วงเงิน 5,743.24 ล้านบาท รวมทั้งอนุมัติการขยายระยะเวลาลงนามในสัญญา การจัดสรรเงินและการดำเนินโครงการ กรณีเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทัน ให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินหลือจ่ายต่อไป โดยได้เสนอให้ครม. อนุมัติเงินตาม พ.ร.ก. เงินกู้ในโครงการดังกล่าวเพื่อเดิหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการแห่งชาติที่จังหวัดภูเก็ต วงเงิน2,600 ล้านบาทต่อไป เนื่องจากประเมินว่าโครงการดังกล่าวมีความล่าช้าและอาจไม่สามารถเสนอขอใช้งบประมาณได้ทันวันที่ 31 ธ.ค. 2553 ตามเป้าหมายเดิมได้ รวมทั้งอนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการโครงการ Creative Green Park ขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.)วงเงิน 76.8 ล้านบาท โครงการของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม วงเงิน 710.35 ล้านบาท โครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของข้าราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน วงเงิน 85.76 ล้านบาท ขณะที่โครงการที่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค. 2553 ตามหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เห็นสมควรผ่อนผันให้แล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2554 นอกจากนี้ที่ประชุม ครม. ยังมีการประเมินผลเรื่องการใช้เงินไทยเข้มแข็ง 2555 สาขาการศึกษา พบว่ามีลักษณะเป็นการดำเนินงานระยะสั้น เช่น การจัดสรรอัตราจ้างครูวุฒิปริญญาตรีจำนวน 4,224 อัตรา และการจัดสรรอัตราจ้างผู้ปฏิบัติในโรงเรียนจำนวน 3.09 หมื่นอัตราในโครงการพัฒนาครูทั้งระบบ รวมถึงการจัดหาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในโครงการปัจจัยสนับสนุนการศึกษา
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่า 8.7% โดยยอมรับว่าเงินทุนต่างชาติไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้น และตราสารหนี้เป็นเพียงปัจจัยเสริมให้ค่าเงินบาทแข็งค่า แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลัก สาเหตุหลักเกิดจากเงินทุนไหลเข้าลงทุนตรงมากกว่า เพราะสะท้อนจากเศรษฐกิจของประเทศมีการขยายตัวที่ดี ทั้งนี้ สามารถเปรียบเทียบเงินลงทุนของต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 24 ก.ย. มีจำนวน 976 ล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้ อีก 5,678 รวมกันประมาณ 6,654 ล้านดอลลาร์ มีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิผ่านดุลบัญชีเดินสะพัด 7 เดือนแรกประมาณ 5,400 ล้านดอลลาร์ และลงทุนตรง (เอฟดีไอ) ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ รวมกัน 8 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากประเมินจนถึงเดือนก.ย. เป็นไปได้ว่าจะสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าทุนของต่างชาติไหลเข้าลงทุนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากกว่าตลาดหุ้น นายไพบูลย์ เสนอแนะว่าประเทศควรใช้ประโยชน์จากการแข็งค่านี้ โดยในแง่เศรษฐกิจควรลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อจะได้มีเงินไหลออกและสร้างความสมดุลของค่าเงิน ในแง่ของการพัฒนาตลาดทุน ควรขจัดอุปสรรคให้บริษัทต่างประเทศสามารถเข้ามาระดมทุนและจดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้สะดวกขึ้น เช่น ภาษีเงินปันผล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวถึงความคืบหน้าผลักดันให้สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมาได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้เรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อแต่งตั้งสภาธุรกิจตลาดทุน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการรวมภาครัฐเอกชนแก้ไขเศรษฐกิจ (กอร.) ขณะนี้คงต้องรอการตอบรับจากภาครัฐ
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้(28 ก.ย. 2553) ดัชนีเคลื่อนไหวขึ้น-ลงแคบ ๆ ซึ่งช่วงเช้าดัชนีขึ้นไปสูงสุด 965 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดใหม่ แต่ไม่สามารถผ่านได้ ทำให้มีแรงขายออกมาตลอดทั้งวัน และปิดที่ 959.27 จุด ลดลง 3.20 จุด หรือ 0.33 % มูลค่าซื้อขายหนาแน่น 41,873.09 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 2,656.57 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 1,097.59 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 2,642.64 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 1,111.52 ล้านบาท สำหรับหลักทรัพย์ซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย TRUE ปิด 5.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.57 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,761.32 ล้านบาท BANPU ปิด 704 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,052.24 ล้านบาท TMB ปิด 2.48 บาท ลดลง 0.08 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,600.42 ล้านบาท ITD ปิด 5 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,487.37 ล้านบาท PTTEP ปิด 149 บาท ลดลง 2 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,472.12 ล้านบาท
ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวันปิดตลาดวันอังคาร (28 ก.ย.2553) ที่ระดับ 8,189.44 จุด ปรับลดลง -2.10 จุด เปลี่ยนแปลง -0.03%
ดัชนีคอมโพสิต (KOSPI) ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดตลาดวันอังคาร (28 ก.ย.2553) ที่ระดับ 1,855.97 จุด ปรับลดลง -4.86 จุด คิดเป็น -0.26%
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดวันนี้(28ก.ย.) ที่ 9,495.76 จุด ลบ 107.38 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้(28ก.ย.)ที่ 960.68 ลบ 1.79 จุด เปลี่ยนแปลงลดลง 0.19% มูลค่าการซื้อขาย 22,740.58 ล้านบาท เนื่องจากมีแรง take profit แต่ไม่น่ากังวล เหตุตลาดฯแค่ปรับฐานระหว่างวันหลังขึ้นเร็ว-แรง ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ตลาดภูมิภาคจึงแกว่งในแดนบวก-ลบ ส่วนตลาดหุ้นไทย ขณะนี้นักลงทุนกำลังรอการประกาศงบฯ Q3/53 ของกลุ่มแบงก์กลางเดือนหน้า ทำให้ยังมีแรงเก็งกำไรเข้ามา อีกทั้งมีแรงเก็งกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะ TRUE ส่วนปัจจัยการเมืองคงจะเข้ามาครอบงำตลาดฯช่วงกลางต.ค.เป็นต้นไป อย่างไรก็ดีตลาดฯยังได้แรงหนุนจากเม็ดเงินไหลเข้า บ่ายนี้คาดว่า ดัชนีคงแกว่งเหมือนช่วงเช้าในกรอบ 960-967 จุด ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,692.66 ล้านบาท ปิดที่ 5.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.42 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,114.12 ล้านบาท ปิดที่ 706.00 บาท ลดลง 2.00 บาท TMB มูลค่าการซื้อขาย 1,019.42 ล้านบาท ปิดที่ 2.50 บาท ลดลง 0.06 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 847.41 ล้านบาท ปิดที่ 102.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 754.12 ล้านบาท ปิดที่ 16.20 บาท ลดลง 0.10 บาท
ดัชนีดาวโจนส์ (DJIA) ตลาดหุ้นนิวยอร์คปิดวันจันทร์ (27 ก.ย.2553) ที่ 10,812.04 จุด ปรับลดลง 48.22 จุด เปลี่ยนแปลง -0.44%
ดัชนีนิกเกอิ 225 ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดทำการซื้อขายภาคเช้าวันอังคาร (28 ก.ย.2553) ที่ระดับ 9,529.79 จุด ปรับลดลง -73.35 จุด เปลี่ยนแปลง -0.76%
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ลงนามในบันทึกความตกลงร่วมกันกับนายชาญชัย จารุวัสตร์ กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) เพื่อจะส่งเสริมให้การปฏิบัติหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการและผู้บริหารของสถาบันการเงินให้เป็นที่ยอมรับและเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยให้กรรมการและผู้บริหารของสถาบันการเงินมีจริยธรรม คุณธรรม ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีการบริหารความเสี่ยง รวมทั้งปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย หลักเกณฑ์ ด้วยความมีธรรมาภิบาล ให้สถาบันการเงินมีความมั่นคงสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ได้ดำเนินการจัดหลักสูตร Financail Institutions Governance Program (FGP) ขึ้นและจะมีการเริ่มจัดครั้งแรกในเดือนพ.ย. 2553 นี้ และในปีต่อไปด้วยอีกอย่างต่อเนื่อง ให้มีส่วนส่งเสริมการบริหารงานอย่างมีคุณธรรมธรรมาภิบาลของผู้บริหารในสถาบันการเงิน
ดัชนี BSE SENSEX 30 หุ้นอินเดีย ปิดตลาดวันจันทร์ (27 ก.ย.53) ที่ระดับ 20,117.38 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 72.20 จุด เปลี่ยนแปลง 0.35%
ดัชนี BSE SENSEX 30 หุ้นอินเดีย ปิดตลาดวันจันทร์ (27 ก.ย.53) ที่ระดับ 20,117.38 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 72.20 จุด เปลี่ยนแปลง 0.35%
ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวันปิดตลาดวันจันทร์ (27 ก.ย.2553) ที่ระดับ 8,191.54 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 24.92 จุด เปลี่ยนแปลง 0.30%
กบข. ออกกฏเข้ม ห้ามพนักงานที่รู้ข้อมูล ลงทุนหุ้นเด็ดขาด ดีเดย์ 1 ตุลาคมนี้
ดัชนีหุ้นออลออดินารีส์ ปิดตลาดวันจันทร์ (27 ก.ย.2553) ที่ระดับ 4,722.10 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 70.60 จุด เปลี่ยนแปลง 1.49%
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (27 ก.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยทะยานตัวตามตลาดต่างประเทศ โดยได้รับแรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้า ส่งผลให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีต่ำสุดที่ 956.66 จุด และสูงสุดที่ 964.41 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 962.47 จุด บวก 10.57 จุด หรือ 1.11% มูลค่าการซื้อ-ขายทั้งสิ้น 39,868.09 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 123.66 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 428.88 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 2,629.36 ล้านบาท และ นักลงทุนทั่วไป ขายสุทธิ 2,934.58 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย PTTEP ปิดที่ 151.00 บาท บวก 4.00 บาท PTT ปิดที่ 294.00 บาท บวก 4.00 บาท BANPU ปิดที่ 708.00 บาท บวก 6.00 บาท BAY ปิดที่ 23.50 บาท บวก 1.20 บาท KTB ปิดที่ 16.30 บาท บวก 0.50 บาท
ดัชนีนิกเกอิ 225 ตลาดโตเกียวปิดตลาดวันจันทร์ (27 ก.ย.2553) อยู่ที่ระดับ 9,603.14 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 131.47 จุด เปลี่ยนแปลง 1.39%
ดัชนีหั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดซื้อขายวันจันทร์ (27 ก.ย. 53) อยู่ที่ระดับ 22,340.84 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 221.41 จุด เปลี่ยนแปลง 1.0% มูลค่าการซื้อขาย 81.89 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (หรือ 10.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ (27 ก.ย.) ที่ 20.78 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 3,113.46 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 2.513 พันล้านหุ้น มูลค่า 1.869 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 1.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้วดัชนีสเตรทส์ไทม์บวก 9.55 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 3,092.68 จุด
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดลูกค้าส่วนบุคคล บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิรอบนี้ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 54,000 ล้านบาท แต่ยังไม่ครอบคลุมกับเม็ดเงินลงทุนที่ได้ขายไปช่วง 2 เดือนที่ประเทศมีปัญหาการเมืองช่วงเม.ย.-พ.ค. 2553 จำนวน 73,000 ล้านบาท โดยช่วงที่เหลือของปีนี้น่าต่างชาติน่าจะเข้ามาซื้ออีกประมาณ 40,000 ล้านบาท และท้ายปีจะเป็นช่วงการเข้าซื้อของกองทุนแอลทีเอฟ ซึ่งประเมินว่าประมาณ 30,000 ล้านบาท รวมแล้วจะมีเม็ดเงินใหม่เข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีก 70,000 ล้านบาท มีส่วนดันให้ดัชนีแตะระดับเป้าหมายใหม่ 1,050-1,100 จุด ได้
สำนักงานเศรษบกิจการคลัง (สศค.) ปรับเป้าหมายอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปี 2553 ใหม่เป็นโต 7.5% จาก 5.5% เมื่อเดือนมิ.ย. อัตราเงินเฟ้อปี 2553 อยู่ที่ 3.4% สำหรับอัตราแลกเปลี่ยน คาดว่าเงินบาทสิ้นปีอยู่ที่ราว 30 บาท/ดอลลาร์ โดยทั้งปี 2553 เฉลี่ยที่ 31.70 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่แนวโน้มในปี 2554 คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะอยู่ที่ 4-5% และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มเป็น 3.5% ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายสิ้นปีคาดว่าปรับเพิ่มเป็น 2% และปี 2554 แตะ 3%