ข่าว ข่าววันนี้ ตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล พรีเมียร์ลีก ตรวจหวย ข่าวบันเทิง ฟังเพลงออนไลน์ วิเคราะห์บอล ทีวีออนไลน์

อ่านข่าวย้อนหลัง

เมนูข่าว

การเงิน และการลงทุนทั้งหมด

แสดง 5201 - 5,225 จาก 32,893 ข่าว

SLC แจงเปลี่ยนโครงสร้างถือหุ้น

          นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โซลูชั่น คอนเนอร์(1998) หรือ SLC เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นว่า ตามที่นายธนพันธ์ วงศ์ชินศรี ผู้ถือหุ้น, กรรมการและกรรมการอำนวยการของบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์(1998) จำกัด (มหาชน) ได้ขายหุ้นในสัดส่วนของนายธนพันธ์เองนั้นบริษัทได้สอบถามกรรมการเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในการทำรายการดังกล่าวแล้ว ทราบว่าสัดส่วนหุ้นที่นายธนพันธ์ถือครองก่อนหน้าจำนวน 80,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 13.2 และได้มีการขายไปจำนวน 70,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 11.55 คงเหลือหุ้นที่ถือครองอยู่จำนวน10,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 1.65 ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว             การขายหุ้นในส่วนของนายธนพันธ์ เป็นการขายหุ้นในกระดานซื้อขายปกติ มิได้มีการขายเฉพาะเจาะจงให้ผู้ใด ซึ่งผลจากการขายนี้อาจมีผลกระทบต่อโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท แต่อย่างไรก็ตาม โครงสร้างการบริหารงาน, กรรมการ หรือ โครงสร้างของบริษัทจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

49 0

ทองเอเชียพุ่งใกล้นิวไฮรอบ 2 เดือน

        ราคาทองปรับตัวแข็งแกร่งในเช้าวันนี้ โดยใกล้เคียงระดับสูงสุดในรอบ 2  เดือนที่ทำไว้วานนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวย่ำแย่และยูโรร่วงลงจากความ วิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก         ณ เวลา 07.30 น.ตามเวลาไทย ราคาทองสปอตมีการซื้อขายที่ระดับ  1,256.45 ดอลลาร์/ออนซ์ ดีดตัวขึ้น 3.35 ดอลลาร์ จากระดับปิดในตลาดสปอต นิวยอร์คเมื่อวานนี้ หลังราคาพุ่งสูงถึง 1,259.80 ดอลลาร์/ออนซ์วานนี้ ซึ่งเป็น ระดับสูงสุดนับแต่วันที่ 28 มิ.ย. ขณะที่ราคาทองแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ ราว 1,264 ดอลลาร์ในเดือน มิ.ย.         สัญญาทองล่วงหน้าส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาด COMEX แทบไม่เปลี่ยนแปลง ที่ 1,258.4 ดอลลาร์/ออนซ์         ดีลเลอร์กล่าวว่า คำสั่งซื้อเก็งกำไรจากกลุ่มผู้ผลิตอัญมณียังคงช่วยให้ค่า พรีเมียมทองแท่งทรงตัวในเอเชีย ขณะที่นักเก็งกำไรต้องการเข้าทำกำไรหลังการ ดีดตัวขึ้นของราคาทองแท่ง

23 0

เครือซีพีเก็บหุ้น TRUE อีก 0.02% ถือเพิ่มเป็น 55.77%

          สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้รับแบบรายงานการได้มาซึ่งหุ้นของบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE)โดย บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ซึ่งเป็นการได้มา  เมื่อวันที่ 03/09/2553 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น  0.02% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น  55.77% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

1227 0

ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรญี่ปุ่น เดือนก.ค. พุ่ง 8.8%

          สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานในภาคเอกชนประจำเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 8.8% จากเดือนมิ.ย. คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7.663 แสนล้านเยน ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8          โดยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนในภาคเอกชน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำนักข่าวเกียวโดคาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.5% ในเดือนก.ค.

11 0

ดาวโจนส์-น้ำมันไนเม็กซ์ ปิดร่วง

          ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 107.24 จุด หรือ 1.03% ปิดที่ 10,340.69 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ลดลง 12.67 จุดหรือ 1.15% ปิดที่ 1,091.84 จุด และดัชนีแนสแดคลดลง 24.86 จุด หรือ 1.11% ปิดที่ 2,208.89 จุด            ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของธนาคารในยุโรป หลังจากวอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่าผลทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test)ของธนาคารพาณิชย์ 91แห่งในยุโรป (เมื่อ 23 ก.ค.) มีความเสี่ยงต่อวิกฤตหนี้สาธารณะของรัฐบาลมากกว่าที่คาด           รวมทั้งรายงานของสมาคมธนาคารของเยอรมนีที่ระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่อย่างน้อย 10 แห่งของเยอรมนีอาจต้องระดมทุนเพิ่มอีกราว 1.05 แสนล้านยูโร เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดของคณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS)           ผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคาร 91 แห่งในครั้งนั้นพบว่า มีธนาคาร 7 แห่งในยุโรปที่ไม่ผ่านการทดสอบ ซึ่งได้แก่ธนาคารไฮโป เรียลเอสเตท โฮลดิ้ง ของเยอรมนี ธนาคารเอทีอีของกรีซ ส่วนธนาคารอีก 5 แห่งเป็นของสเปนได้แก่ ธนาคาร Diada, Unnim, Espiga, Banca Civica และ Cajasur โดยธนาคารเหล่านี้ไม่สามารถผ่านการทดสอบการเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1 capital) เนื่องจากมีอัตราส่วนทุนต่อสินทรัพย์ต่ำกว่าระดับอ้างอิงขั้นต่ำของ CEBS ที่ 6% จึงทำให้ธนาคารเหล่านี้ต้องระดมทุนเป็นเงินรวมกันมูลค่า 3.5 พันล้านยูโร หรือ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ           นอกจากนี้ คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผย ดัชนีการจ้างงานประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐ ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 96.7 จุด จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 97.4 จุด สะท้อนอัตราการขยายตัวด้านการจ้างานจะยังคงชะลอตัว ส่วนอัตราว่างงานเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.6% จากระดับ 9.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้นครั้งแรกในรอบ 4เดือน           ด้านตลาดน้ำมันไนเม็กซ์ของสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบ ชนิดไลท์สวีต ครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 51 เซนต์ ปิดที่ 74.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ เบรนท์ ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ ปิดที่ 76.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

22 0

**วันนี้(8 ก.ย.)วิตกแบงก์ยุโรปถ่วงดาวโจนส์ปิดร่วง 1%

        ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันอังคาร ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางอย่าง มาก ขณะที่นักลงทุนใช้ความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับธนาคารยุโรปเป็น เหตุผลในการเท ขายหุ้นออกมา หลังการปรับตัวแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา         ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 107.24 จุดหรือ 1.03%  สู่ 10,340.69, ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 12.67 จุดหรือ 1.15% สู่ 1,091.84 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 24.86 จุด หรือ 1.11% สู่ 2,208.89         ปริมาณการซื้อขายเบาบางราว 6.07 พันล้านหุ้นในตลาดนิวยอร์ค, ASE  และ Nasdaq ซึ่งต่ำกว่าปริมาณเฉลี่ยต่อวันของปีที่แล้วที่ 9.65 พันล้าน หุ้น โดยมี จำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกประมาณ 3 ต่อ 1 ในตลาดนิวยอร์ค

31 0

ค่าบาทเย็นนี้ปิดที่ 31.29 บาท/ดอลล์

นักค้าเงินจาก ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า ค่าเงินบาทเย็นนี้ปิดตลาดที่ระดับ 31.29 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 31.27 บาทต่อดอลลาร์ และ อ่อนค่าสุดที่ระดับ 31.31 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนคาดการณ์แนวโน้มการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันพรุ่งนี้น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.25-31.32 บาทต่อดอลลาร์ โดยมองว่ายังคงไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาสนับสนุน ทั้งนี้ให้ติดตามเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศว่ายังคงไหลเข้ามาลงทุนในไทยต่อเนื่องหรือไม่                

33 0

ทรูมันนี่ ผนึก BAY เปิดบริการ“แค่รหัส บัตรไม่ต้อง”

ทรูมันนี่ จับมือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดแคมเปญ “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” สร้างประสบการณ์ใหม่ครั้งแรกในไทย สามารถถอนเงินจากบัญชีทรูมันนี่ และรับเงินสดทันทีที่เครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง เพียงขอรหัสถอนเงินบนมือถือทรูมูฟผ่านระบบ USSD*999 หรือผ่านเว็บไซต์ www.truemoney.co.th นำรหัสไปกดรับเงินสดที่เครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ทันที เพิ่มทางเลือกใหม่ สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น ไม่ต้องมีบัตรหรือบัญชีธนาคาร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่ ผู้นำธุรกรรมการเงินอิเล็กทรอนิกส์ แบบ Non-Bank (สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร) จับมือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)หรือ BAY ประกาศเปิดตัวสุดยอดนวัตกรรมบริการการเงินล่าสุด “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” ให้ผู้ใช้บริการทรูมันนี่กว่า 6 ล้านรายทั่วประเทศ สะดวกสบายยิ่งขึ้น ถอนเงินสดจากบัญชีทรูมันนี่ได้ทันใจผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ทุกเครื่องทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องมีบัตรเอทีเอ็ม หรือบัญชีธนาคาร ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่สามารถร่วมพัฒนาระบบถอนเงินอิเล็คทรอนิกส์ และรับเงินสดผ่านช่องทางของธนาคารพาณิชย์ ยกระดับบริการธุรกรรมการเงินเล็กทรอนิกส์ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ซึ่งบริการ “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” นี้สามารถใช้ได้กับลูกค้าทรูมันนี่ทั้งที่ใช้บริการผ่านมือถือทรูมูฟ และออนไลน์ โดยขอรับรหัสถอนเงินผ่านมือถือทรูมูฟ USSD *999 หรือเว็บไซต์ www.truemoney.co.th แล้วนำรหัสไปถอนเงินที่เครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ได้ทันที      “แนวทางการดำเนินธุรกิจของทรูมันนี่ มุ่งเน้นพัฒนาธุรกรรมการเงินรูปแบบใหม่ๆให้ลูกค้า สามารถทำธุรกรรมการเงินผ่านทรูมันนี่ได้ครบครัน เติม-จ่าย-โอน-ถอน สะดวก ปลอดภัย ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนรุ่นใหม่ ดังนั้น ความร่วมมือในการเปิดนวัตกรรมบริการ “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” ร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาครั้งนี้ ซึ่งมีความโดดเด่นเรื่องการสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการการเงินทันสมัย เน้นขยายช่องทางการให้บริการใหม่ๆ ให้หลากหลาย เพื่อเพิ่มมูลค่าแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้ว่า บริการ “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ใช้บริการทรูมันนี่ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมซื้อ-ขายสินค้าทางออนไลน์ รวมทั้งกลุ่มผู้ทำธุรกิจ e-commerce ให้ได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ได้รับเงินสดหมุนเวียนคล่องยิ่งขึ้น”    นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารมีความยินดีนำเสนอบริการทางการเงินใหม่ล่าสุด “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” นวัตกรรมทางการเงินที่ธนาคารและทรูมันนี่ ร่วมกันพัฒนาเพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็วให้ลูกค้า ที่ขอถอนเงินจากบัญชีทรูมันนี่สามารถรับเงินสดได้ที่เครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ทั่วประเทศ ซึ่งบริการนี้สามารถอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าอย่างครอบคลุมทั้งผู้ที่มีเงินอยู่ในบัญชีทรูมันนี่ และผู้ให้บริการคอนเทนต์ผ่านเว็บไซต์ในกลุ่มทรู ตลอดจนผู้ประกอบการรายย่อยที่ยังต้องใช้บัตรเงินสดทรูมันนี่ในการรับชำระค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ นายฐากร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริการ “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” เป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ที่ธนาคารได้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเครื่องมือทางการเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย และคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี วิธีการขอรหัสถอนเงินจากบัญชีทรูมันนี่ ทำได้ 2 ช่องทาง คือ - ผ่านโทรศัพท์มือถือทรูมูฟ: กด*999*009* รหัสผ่านบัญชีทรูมันนี่ 4 หลัก กด*ใส่จำนวนเงิน ไม่เกิน 7 หลัก กด  และกดโทรออก จากนั้นระบบจะส่งรหัสถอนเงินมาที่โทรศัพท์มือถือ - ผ่านเว็บไซต์ www.truemoney.co.th และดำเนินการขอรหัสถอนเงินตามขั้นตอนที่ระบุในเว็บไซต์ ทั้งนี้ รหัสที่ได้รับสำหรับถอนเงิน ลูกค้าสามารถกดรับเงินที่เครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ได้ภายใน 3 วัน นับจากวันที่ทำคำสั่งขอรหัสถอนเงิน คิดค่าธรรมเนียมการถอนเงิน อัตราร้อยละ 12 ของจำนวนเงินที่ทำการถอน สามารถทำรายการขอถอนเงินขั้นต่ำ 500 บาท/ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 20,000 บาท และสามารถถอนได้สูงสุด 40,000 บาท/วัน                

5552 0

แบงก์ชาติรัสเซียคงดบ.ไว้ที่ 7.75%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ธนาคารกลางรัสเซียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 7.75% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงินระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่สามารถลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เกิดจากความแห้งแล้งที่รุนแรงสุดในรอบอย่างน้อย 50 ปี ขณะที่กระทรวงเศรษฐกิจของรัสเซียเพิ่มประมาณการอัตราเงินเฟ้อในปี 2010มาอยู่ที่ระหว่าง 7%-8% จาก 6%-7% หลังปัญหาความแห้งแล้งที่รุนแรงส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางเกษตรกรรมของประเทศและทำให้รัฐบาลรัสเซียสั่งห้ามการส่งออกธัญพืชในช่วงนี้จนถึงปลายปีนี้ 'ขณะนี้ธนาคารกลางฯยังไม่เห็นแรงกระตุ้นที่สำคัญพอที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง' นางอเล็กเซีย คัดรินรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รัสเซียกล่าว

12 0

นายกฯ สั่ง พาณิชย์ แก้ราคาสินค้าแพง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการแก้ไขปัญหาราคาสินค้า ว่า เมื่อวานนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ได้มีการหารือในเรื่องดังกล่าวเป็นระยะเวลานาน โดยได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ไปติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้เร่งแก้ไขปัญหาในส่วนของสินค้าที่มีการขายเกินราคา ส่วนกรณีที่สินค้าที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น เบื้องต้นทางกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานว่ายังไม่ได้มีการแจ้งมายังกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอปรับขึ้นราคาขายสินค้า ส่วนปัญหาการขายอาหารราคาสูงในเฉพาะพื้นที่ เช่น ศูนย์ราชการ ก็ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปเร่งดำเนินการแก้ไข  ทั้งนี้ในที่ประชุมครม. ได้มีการกำชับให้กระทรวงพาณิชย์บังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเข้มข้น                

17 0

นายกฯ ย้ำ โยกย้ายข้าราชการต้องยุติธรรม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการกำชับรัฐมนตรีทุกกระทรวงถึงเรื่องการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงจะต้องยึดหลักคุณธรรม หลังพบว่ามีข้าราชการกระทรวงร้องเรียน ว่าการโยกย้ายมีความไม่เป็นธรรม ส่วนกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า  การโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย มีความสัมพันธ์กับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นั้น นายกฯ กล่าวว่า การโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ก่อนหน้านี้ได้มีการมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ไปกลั่นกรองในเรื่องดังกล่าว ซึ่งในวันนี้นายสุเทพ ได้ชี้แจงในที่ประชุมครม.ว่า การโยกย้ายข้าราชการภายในกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้มีปัญหาอะไร 'การบริหารงานด้านบุคคลต้องมีความคิดเห็นที่พอดี ถ้าเป็นเรื่องนโยบาย เราก็จะช่วยพิจารณา แต่การบริหารภายในต้องเป็นดุลยพินิจของเจ้ากระทรวงเค้า ซึ่งหากดุลยพินิจไม่ถูกต้องก็จะมีคณะกรรมการตรวจสอบ โดยเบื้องต้นได้มีการเน้นย้ำไปแล้วว่า การโยกย้ายข้าราชการจะต้องดำเนินไปให้มีความเป็นธรรม'นายกฯ กล่าว                

17 0

นายกฯ สั่ง คมนาคม ศึกษากรอบร่วมทุนรถไฟความเร็วสูง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ทางกระทรวงคมนาคม ไปจัดทำกรอบเจรจาในการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนในโครงการรถไฟความเร็วสูง หรือ Speed Train เส้นทางหนองคาย-กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ -ชายแดนใต้ และให้นำกลับมาเสนอต่อที่ประชุม ครม. ในสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะนำกรอบเจรจาดังกล่าว เสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยหากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบ คาดว่า จะสามารถนำไปเจรจาร่วมกับรัฐบาลจีนได้ประมาณปลายปีนี้ 'คณะกรรมการฯ ได้มีการศึกษาแล้วว่ามีความสมควรที่จะจัดทำกรอบการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนเพื่อเสนอต่อ ที่ประชุมสภาฯ  โดยได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้จัดทำกรอบการเจรจาเพื่อเสนอต่อสภาฯ'นายกฯ กล่าว ส่วนกรณีเส้นทางกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ กรุงเทพฯ -ระยอง วานนี้ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ ได้มีมติให้ไปจัดทำแผนการศึกษาความคุ้มค่าด้านการลงทุน หรือ มาร์เก็ต ซาวด์ดิ้งในการลงทุนร่วมกับภาคเอกชนหรือ PPP ซึ่งที่ประชุมก็ได้เห็นชอบตามมติของครม.เศรษฐกิจ รวมไปถึงมติครม.เศรษฐกิจที่ให้มีการดำเนินการปรับปรุง มูลค่า 1.7 แสนล้านบาทให้มีประสิทธิภาพในการเดินรถที่มีความเร็ว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และต้องมีความปลอดภัยในการเดินรถ                

27 0

นายกฯ สั่งบอร์ดสิ่งแวดล้อมพิจารณา 2กิจการ

นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมที่ให้คง 11 ประเภทกิจการที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง โดยในที่ประชุมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้บอร์ดสิ่งแวดล้อมกลับไปพิจารณาอีก 2 ประเภทกิจการที่อาจเข้าข่ายกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง โดยแบ่งเป็นโครงการพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติและโครงการถมทะเล ดังนั้นจึงให้บอร์ดกลับไปพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งหากตรวจสอบแล้วมีผลกระทบจริง ก็อาจจะประกาศเพิ่มเติมภายหลัง อย่างไรก็ตามการที่ไม่นำ 2 ประเภทกิจการดังกล่าวเข้ามารวมอยู่ใน 11 ประเภทกิจการนั้น เห็นว่า อาจจะเกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น  โดยหลักเกณฑ์จะต้องพิจารณาในส่วนของโครงการว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ในการจัดตั้งในพื้นที่ และในการจัดตั้งบางโครงการ จะทำให้พื้นที่เกิดความเสียหายหรือไม่ ซึ่งต้องกลับไปพิจารณาอีกครั้ง โดยใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวประกอบ

14 0

KTB ส่งเสริม SMEs ทุกรูปแบบในงาน SMEs Thailand Expo 2010

กรุงไทยจัดโปรโมชั่นสนับสนุน SMEs แบบครบวงจร ให้บริการแฟ็กเตอริง  เสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการ พร้อมบริการจัดการทางการเงิน รวมทั้งสินเชื่อเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 2% ต่อปี ในงาน SMEs Thailand Expo 2010 นายเวทย์ นุชเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจขนาดกลาง บมจ.ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารร่วมกับบริษัทในเครือนำผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ร่วมงาน SMEs Thailand Expo 2010 ระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน 2553 ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด บริการสะดวก ชีวิตสบาย กับ กรุงไทย SMEs โดยมีบริการที่หลากหลายครบวงจร เช่น สินเชื่อกรุงไทยแฟ็กเตอริง สินเชื่อเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม บริการจัดการทางการเงินสำหรับธุรกิจ SMEs (KTB SME Easy Plus+) สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทรัพย์สินพร้อมขาย (NPA) รวมทั้งประกันภัยในรูปแบบต่างๆ กองทุน บัตรเครดิต สินค้าเช่าซื้อ ตลอดจนลิสซิ่ง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในเงื่อนไขพิเศษ สำหรับบริการที่โดดเด่น ประกอบด้วยสินเชื่อกรุงไทยแฟ็กเตอริง เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจแก่ลูกค้า SMEs โดยจะรับซื้อและรับโอนสิทธิลูกหนี้การค้า พร้อมจ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่ลูกค้า สูงสุด 90% ของมูลค่าลูกหนี้การค้า ภายในระยะเวลา 120 วัน คิดดอกเบี้ย MRR ต่อปี ค่าธรรมเนียม 0.50% ของมูลค่าลูกหนี้การค้า รวมทั้งให้สินเชื่อเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 2% ต่อปี ระยะเวลาให้กู้สูงสุด 10 ปี นายเวทย์ นุชเจริญ กล่าวต่อไปว่า ธนาคารยังให้บริการจัดการทางการเงินสำหรับธุรกิจ SMEs พร้อมแพ็คเกจบริการรายเดือน เริ่มต้นเพียงเดือนละ 499 บาท ฟรีค่าบริการและค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น บริการจ่ายเงินเดือนพนักงาน โอนเงินระหว่างบัญชี ส่วนลูกค้าที่ Re-finance สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย คิดดอกเบี้ย 0% ใน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7-12 คิด MLR - 2.85% ต่อปี หลังจากนั้นคิด MLR - 1% ต่อปี และหากทำประกันชีวิตและประกันอัคคีภัย เสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดยในเดือนที่ 7-12 คิด MLR - 3.35% ต่อปี หลังจากนั้นคิด MLR - 1% ต่อปี สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย Home for Cash เพื่อการอุปโภคบริโภค ไม่ต้องตรวจสอบสภาพและประเมินราคาหลักทรัพย์ประกันใหม่ จนถึงวันที่ 19 ตุลาคมนี้ นอกจากนี้ ธนาคารยังนำ NPA หลากหลายประเภทในทำเลดีทั่วประเทศ จำนวนกว่า 5,000 แปลง มูลค่า 5,000 กว่าล้านบาท ให้ส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 35% พร้อมวงเงินสินเชื่อ 110% ไม่คิดดอกเบี้ยในปีแรก เสียค่าโอนกรรมสิทธิ์ต่ำสุดเพียง 1% เท่านั้น

39 0

NBC คาดรายได้ปีนี้โตใกล้เคียงเป้าที่ 30%

นายอดิศักดิ์  ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC  กล่าวว่า บริษัทฯคาดการณ์ว่ากำไรในปี 2553 น่าจะเติบโตจากปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 69 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯมีกำไรอยู่ที่ 52 ล้านบาท เติบโต 205% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 17 ล้านบาท ส่วนรายได้ในปีนี้คาดเติบโตใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ที่ 30% หลังรายได้ในช่วง 6 เดือนแรกอยู่ที่ 274 ล้านบาท เติบโตประมาณ 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 213 ล้านบาท นอกจากนี้ คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาส 3 จะเติบโตต่อเนื่อง โดยภาพรวมการเติบโตดังกล่าวมาจากภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณามีการเติบโตที่ดี ขณะที่บริษัทฯได้มีรายการเพิ่มในช่อง 9 คือ ZEN 2010 และรายการในช่อง 11 รวมถึงการเปิดช่อง MANGO TV ซึ่งเปิดในช่วงปลายไตรมาส 2 ซึ่งก็จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯมีทิศทางดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯยังมีการรายได้จากการจัดอีเว้นท์ 'ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาของทีวีทั้ง ฟรีทีวี และแนชั่นชาแนล คาดการณ์ว่าน่าจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก โดยในช่วงไตรมาส 2 เติบโต 38% ขณะที่ครึ่งปีแรกเติบโต 28% 'นายอดิศักดิ์ กล่าว ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯได้ใช้งบลงทุน 54 ล้านบาท ในการลงทุนอุปกรณ์ ทั้ง 2 สถานี คือ เนชั่นชาแนล และ MANGO TV โดยช่วงครึ่งปีหลังคาดจะมีการลงทุนเพิ่มในส่วนของเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ ซึ่งคาดใช้งบลงทุนประมาณ 10-20 ล้านบาท                

17 0

KK นำเอ็นพีเอขายลด 15-90%

“ธนาคารเกียรตินาคิน” จัดมหกรรมทรัพย์ดี ทวีคูณ กระตุ้นการขายทรัพย์มือสอง นำเอ็นพีเอ ทั่วประเทศออกขาย พร้อมมอบส่วนลด 15-90% สวนกระแสดอกเบี้ยขาขึ้นด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% ปีแรก วงเงินสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อเอ็นพีเอสูงสุด 95% หากซื้อสองชิ้นขึ้นไป ลดเพิ่มอีก 10% และร่วมลุ้นรับทองคำหนัก 5 บาท มูลค่ากว่า 1 แสนบาท เริ่มวันนี้ – 30 ก.ย. เท่านั้น นายศราวุธ จารุจินดา ประธานสายบริหารหนี้ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK)เปิดเผยว่า “จากปัจจุบันที่มีปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มว่าจะปรับราคาขึ้นนั้น อาจส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างบ้านและราคาอสังหาริมทรัพย์ได้นั้น ธนาคาร โดยฝ่ายบริหารทรัพย์สินรอขาย ได้จัดมหกรรมทรัพย์ดี ทวีคูณ ขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการจะซื้อบ้านหรือซื้อทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยได้นำทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) ทั่วประเทศมาจำหน่ายในราคาพิเศษ พร้อมส่วนลด 15-90% หากซื้อสองทรัพย์สองรายการขึ้นไป มอบส่วนลดเพิ่มอีก 10% (โดยคิดส่วนลดจากราคาทรัพย์ที่ต่ำกว่า) นอกจากนี้ ยังจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการกู้เงินเพื่อซื้อทรัพย์ดังกล่าว ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% ในปีแรก ปีถัดไป MLR (KK) -1% ตลอดอายุสัญญา วงเงินกู้สูงสุด 95% ของราคาซื้อขายสำหรับทรัพย์ไม่เกิน 10 ล้านบาท ถ้าซื้อทรัพย์ราคาเกิน 500,000 บาท และโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 15 วัน ลดเพิ่มอีก 10,000 บาท / รายการ  พร้อมลุ้นรับสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 รางวัล มูลค่าราว 100,000 บาท เริ่ม 31 สิงหาคม – 30 กันยายน 2553 สำหรับนักขายมืออาชีพทั่วไปหรือผู้สนใจเข้าร่วมขายทรัพย์ให้กับธนาคารนั้น  ธนาคาร จะมอบค่านายหน้าให้ 2% และเพิ่มเป็น 3% เมื่อแนะนำลูกค้าซื้อทรัพย์ตั้งแต่รายการที่ 2 ขึ้นไป สำหรับตัวอย่างทรัพย์เด่นที่น่าสนใจในมหกรรมทรัพย์ดี ทวีคูณ นี้ ได้แก่ ที่ดินเปล่า 1-1-34 ไร่ ซ.พัฒนาการ 20 โรงงานเนื้อที่ 28-0-48 ไร่ จ.สุพรรณบุรี บ้านเดี่ยวเนื้อที่ 319 ตารางวา ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี ดูรายละเอียดทรัพย์สินของธนาคารที่จะขายทุกรายการได้ที่ www.kkasset.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-680-3333 กด 3 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 19.00 น. ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2553 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2553 ธนาคาร มีเอ็นพีเอทั้งสิ้นมูลค่าราว 7,800 ล้านบาท จำนวนกว่า 2,000 รายการ แบ่งเป็น ที่ดิน 67% บ้าน 28% คอนโดมิเนียม 5%

10383 0

รัสเซียเตรียมขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  รัสเซียเตรียมขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศเพื่อกระตุ้นการพัฒนาและการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ หลังความต้องการซื้อรถยนต์ในประเทศขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะทยอยขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้า ขณะที่ปัจจุบันอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกอยู่ที่ 30% 'เราต้องการให้ผู้ประกอบการในต่างประเทศเข้ามาลงทุน ไม่ใช่เพียงจำหน่ายเท่านั้น เราต้องการให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี การเพิ่มการผลิต และการเสริมทักษะให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ของ' นายกรัฐมนตรีรัสเซียกล่าว ทั้งนี้ รัสเซียมีเป้าหมายที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ และกระตุ้นความต้องการในตลาดยานยนต์ โดยในปีนี้ รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณ 700 ล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในอุตสาหกรรมยานยนต์

32 0

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 31/08/53

SET วานนี้ปิดบวกตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค และยืนเหนือ 900 จุดหลังมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมาก SET ปิดบวกตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน หลังได้รับปัจจัยบวกจากการขานรับแนวทางของ FED จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้มีแรงซื้อหุ้นเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตลาดในกลุ่มแบงก์ พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง และการเก็งกำไรในกลุ่มสื่อสารเกี่ยวกับการเข้าประมูลใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G จนทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดชองวันที่ 913.81 จุด แต่อย่างไรก็ตามดัชนีอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากแรงเทขายทำกำไรออกมาจากกลุ่มสื่อสารที่มีการปรับขึ้นแรงก่อนหน้านี้ ทำให้ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 909.65 จุด เพิ่มขึ้น 9.28 จุด (+1.03%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมาก 40,127.45 ล้านบาทการลงทุนของนักลงทุนประเภทต่าง ๆ วานนี้นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิจำนวน 1,113.40 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิจำนวน 962.45 ล้านบาท ส่วนบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิจำนวน 465.03 ล้านบาท ตารางแสดงยอดการลงทุนของนักลงทุนประเภทต่าง ๆ ปี 2553 Mar -53 Apr -53 May -53 Jun -53 Jul -53 Aug -53 Total -53นักลงทุนต่างประเทศ 44 ,600 -4,097 -58 ,743 2,974 6,879 13 ,600 3,150นักลงทุนสถาบัน -9,342 -4,322 10 ,751 4,634 -3,660 -7,783 -12 ,074บริษัทหลักทรัพย์ 3,103 -1,273 -106 1,393 -714 3,019 2,956ที่มา : รวบรวมโดย KKSแนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในช่วง 905-915 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัวตามดาวโจนส์ที่ปิด -140 จุด จากการวิตกกังวลในแนวโน้มเศรษฐกิจ คาดว่าจะทำให้หุ้นไทยแกว่งตัวลบในช่วงเช้านี้ ด้วย ด้านสถาบันซื้อสุทธิ +962 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ +1,113 ล้านบาท แสดงถึงตลาดหุ้นจะแกว่งตัวผันผวน แต่น้ำหนักยังอยู่ทางขาขึ้นได้ คาดว่าตลาดจะแกว่งตัวในกรอบ 905-915 จุด ด้านปัจจัยต่างประเทศ ยังมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ เป็นแนวโน้มแกว่งตัวของขาขึ้นระยะสั้น (ในกรณียืนเหนือแนว 900 จุดได้ ถ้าต่ำกว่า 900 จุดจะปรับตัวลง) ส่วนปัจจัยในประเทศเกี่ยวกับกรณีกิจการที่มาบตาพุดยังเฝ้ารอความชัดเจนในสัปดาห์นี้อยู่คาดว่าหุ้นไทยจะแกว่งตัวต่อในกรอบ 905-915 จุด ถ้าดัชนียืนเหนือ 905 จุดน่าซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัว ในกรณีที่ต่ำกว่า 900 จุดจะน่าขายหุ้น สำหรับสัดส่วนการลงทุนในช่วงนี้ให้เป็นถือหุ้น 50% ถือเงินสด 50%

8092 0

บล.กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 31/08/53

กลยุทธ์วันนี้    915 ประเด็นสำคัญวันนี้ SET INDEX วานนี้ยังคงเดินหน้าทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง ด้วยบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียและยุโรปที่เป็นบวก อีกทั้งเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าทั่วเอเชีย รวมถึงไทย ดังจะเห็นได้จากนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันเป็นวันที่ 2    ทิศทาง SET INDEX วันนี้คาดว่าจะขยับขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ เพียงแต่จะลดความร้อนแรงลง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ 900-915 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น โดยปัจจัยบวกวันนี้น่าจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค. เชื่อว่าการบริโภค, การลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวจะยังส่งสัญญาณการเติบโตต่อเนื่องจากเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา รวมถึงการประกาศรายชื่อ 11 โครงการอันตรายในมาบตาพุด เชื่อว่าหุ้นหลักอย่าง PTT และกลุ่มธนาคารจะยังเป็นกลุ่มนำตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจากวานนี้ แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียเช้าวันนี้จะไม่ชัดเจน เพราะรายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐฯ เดือนก.ค. ออกมาแย่กว่าคาด และกดดัน DJIA – NYMEX แต่เชื่อว่านักลงทุนกลับมองเศรษฐกิจเอเชีย รวมไทยอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งกว่ามาก น่าจะเป็นสิ่งที่ประคองหรือจำกัด Downside Risk กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอ “ถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ”  และแนะนำ “ซื้อสะสม KTB” การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “ถือสถานะ Long ใน S50U10 ข้ามวัน” Stop Loss: S50U10 < 600 จุด ปิด Long และ เปิด Short  Portfolio Hold: CPF/ MCOT/ BEC/ BBL/ KTB/ PTT/BANPU/ TPC/ MINT/  MAJOR/ BTS/ TVO/ AP/ LH / QH / CPALL/ HEMRAJ / TTA/ HANA/ THCOM Accumulative Buy: KTBTechnical View แนวรับ 905 จุด, 880-888 จุด และ 860 จุด ส่วนแนวต้าน 925-930 จุด กลยุทธ์เป็นการเล่นสลับตัวสลับกลุ่มไปตามแนวโน้มตลาดฯ หรือเก็งกำไรระยะสั้น

2072 0

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 31/08/53

ตลาดมีโอกาสแกว่งตัวผันผวน ดังนั้นจังหวะซื้อยังรอช่วงปรับฐานลงได้... แนวโน้ม: เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป กลับมาปรับตัวลงกันอีกครั้ง จากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ของสหรัฐในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์นี้ก่อนมากกว่า ทำให้การซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็ตอบรับในเชิงลบ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไรนัก  ส่วนตลาดหุ้นไทยเราก็เริ่มเห็นแรงขายในระหว่างวันกดดันให้ SET เมื่อวานนี้ไม่สามารถขยับบวกต่อจากช่วงเปิดมากนัก โดยอยู่ในลักษณะแกว่งตัวแคบๆ และค่อนข้างผันผวนตลอดทั้งวัน ขณะที่หุ้นที่สร้างสีสันให้กับ SET ในช่วงนี้อย่างกลุ่มสื่อสาร จากข่าวเรื่องการยื่นประมูล 3G ก็เริ่มมีแรงขายออกมามากขึ้น หลังมีผู้ยื่นซองประมูลเพียง 3 รายซึ่งก็คือบริษัทย่อยของกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านมือถือของไทยนั่นเอง  ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงการมาบตาพุดก็ยังต้องรอดูความชัดเจนของคำพิจารณาของศาลปกครองในวันพฤหัสที่ 2 ก.ย.นี้อีกครั้ง ทำให้คาดว่าจะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวผันผวนแคบๆ มากกว่า  ดังนั้น FSS จึงคาดว่ามีแนวโน้มที่ SET จะอยู่ในช่วงของการแกว่งพักฐานลงก่อนได้ ซึ่งมองเป้าหมายการพักตัวที่บริเวณ 900 จุดหรือต่ำกว่า จึงยังแนะนำให้รอตลาดปรับลงค่อยพิจารณาเลือกหุ้นเข้าซื้อ กลยุทธ์: ยังแนะนำให้รอตลาดปรับลงค่อยเลือกหุ้นเข้าทยอยรับ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อไล่ราคา และน่าจำกัดพอร์ตไว้ด้วย โดยเน้นหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากๆ เป็นหลัก ได้แก่  SCB, KBANK, BAY, TCAP, KCE, HANA, DELTA, LPN, QH, SIRI, SPALI , DCC, ROJNA, GFPT, TTW และ  BTS เป็นต้นประเด็นสำคัญวันนี้ •    (0) 3G กทช.แถลงผลการเปิดรับลงทะเบียนขอใบอนุญาต 3G (ใช้คลื่นความถี่ IMT ย่านคลื่นความถี่ 2.1 GHz) เมื่อวานนี้ (30 ส.ค.) สรุปแล้วมีผู้เข้าลงทะเบียนและยื่นเอกสารครบถ้วนจำนวน 3 รายคือบ.ลูกของ ADVANC, DTAC, TRUE กทช. จึงจะออก License 2 ใบ เรายังเห็นว่าฐานะการเงินของ ADVANC และ DTAC เข้มแข็งกว่า แม้ TRUE จะให้ข่าวว่ามี SCB ให้การสนับสนุนการเงิน กอปรกับราคาหุ้นปัจจุบันของทั้ง ADVANC และ DTAC ยังมีส่วนสดเกิน 10% จากราคาเป้าหมายรวม 3G ที่ 113 บาท และ 54 บาท ตามลำดับ จึงยัง Rating “Buy” ทั้ง ADVANC และ DTAC     •    (+) SSI การซื้อโรงถลุงเหล็ก (Slab) Teesside Cast Products จาก Corus ตอบโจทย์ของ SSI ที่ขาดต้นน้ำได้อย่างลงตัว ขณะที่ TCP ก็ขาดปลายน้ำ และกำลังการผลิตของทั้งสองโรงงานก็ใกล้เคียงกัน และ SSI ยังมีโอกาสขยายตลาดในยุโรปได้อีก เพียงแต่เราคาดว่าน่าจะต้องมีการเพิ่มทุนเพราะต้องใช้เงินอีกเป็นจำนวนมากในการสำรองเป็นเงินหมุนเวียนในโรงถลุงดังกล่าว เราอาจมีการทบทวนประมาณการใหม่เมื่อมีข้อมูลมากกว่านี้ เราปรับลดคำแนะนำลงเป็น ‘ถือ’ จากเดิม ‘ซื้อ’ เพราะราคาหุ้นปรับขึ้นมารับข่าวแผนการซื้อ TCP ไปแล้วก่อนจะถูกขาย Sell on fact เมื่อวานนี้จนทำให้ upside เหลือเพียง 10% •    Fund Flow วานนี้ไหลเข้าแต่ปริมาณเบาบางมาก โดยเข้าซื้อสุทธิเกือบทุกตลาดในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงคาดว่าความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐและโลกจะชะลอตัวมากกว่าคาดยังมีอยู่ แม้รัฐบาลกลางสหรัฐยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถอดถอยรอบ 2 ดังนั้นเม็ดเงินส่วนใหญ่ยังไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินเอเชียที่แข็งค่าแสดงถึงความต้องการเงินสกุลเอเชียมากขึ้นทำให้มีเงินไหลเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตรและมีเพียงเล็กน้อยที่ลงทุนในตลาดหุ้น นอกจากนี้ตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยได้ปรับขึ้น Outperform ดัชนี MSCI เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นเหตุว่าราคาหุ้นปัจจุบันอาจจะแพงและมี Upside จำกัด    Technical View : “เมื่อวานนี้ดัชนีขยับขึ้นชนแนวต้านในกรอบ 912-914 จุดโดยประมาณแล้วเริ่มมีแรงขายกดดันให้แกว่งผันผวนระหว่างวัน ถ้าวันนี้ยังไม่ผ่านแนวต้านแรกนี้ขึ้นก็ต้องระวังย้อนลงหาแนวรับก่อน ซึ่งต้องตามดูแรงซื้ออีกครั้ง!!” แนวรับ    :   900-896** , 892-890*** แนวต้าน  :   912-914**, 920-925***Technical Picks:LPN (Bt 9.50 เป้าเทคนิค 10.80-11.30 cut loss ถ้าหลุด 9)KSL (Bt 11.90 เป้าเทคนิค 13-14 cut loss ถ้าหลุด 11.50)MDX (Bt 1.47 เป้าเทคนิค 1.68-1.74 cut loss ถ้าหลุด 1.40)

13632 0

ค่าบาทเปิดตลาดเช้าที่ 31.28-31.30 บาท/ดอลล์

นักค้าเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.28-31.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยระหว่างวันคาดการณ์จะเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยทางเทคนิค หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ค่าเงินบาทได้แข็งค่าต่อเนื่องติดต่อกันหลายวันทำการ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ที่ระดับ 31.28-31.35 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ให้ติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของจีนในวันพรุ่งนี้

7041 0

บล.กรุงศรีอยุธยา : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 31/08/53

Market Recap and Trend: SET อาจปรับลงมาปิด GAP บริเวณ 900 จุด...คาดตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ค. ออกมาดีต่อเนื่อง การปรับสูงขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศ แนวโน้มการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศส่งผลให้วานนี้ SET ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง 1.04% ปิดตลาดที่ 909.65 จุด โดยหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน สื่อสาร และธนาคาร เป็นหุ้นกลุ่มนำตลาด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น39,843 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิ 1,113 ล้านบาท การปรับลดลงของตลาดหุ้น Dow Jones 1.39% จากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยกดดัน SET วันนี้ โดยมีโอกาสปรับลดลงไปปิด GAP ทางเทคนิคที่บริเวณ 900 จุด สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ค. จะประกาศวันนี้ คาดว่าจะออกมาดีต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะภาคการผลิต การบริโภค และการลงทุน ซึ่งจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือยุโรป ทำให้คาดการณ์ว่าเงินทุนจะยังไหลเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงนี้ โดยเงินบาทยังคงแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 31.3 บาท/ดอลลาร์ฯ เช้านี้Investment Strategy: ปรับเพิ่มเป้าหมาย SET อิงวิธี Bottom Up เป็น 1,035 จุด แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มธนาคารเมื่อ SET อ่อนตัวมาที่บริเวณ 900 จุด เราปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐาน SET อิงวิธี Bottom-Up เป็น 1,035 จุด สูงขึ้นประมาณ 12% จากเดิมที่ 920 จุด ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากการ Rollover มูลค่าพื้นฐาน SET อิงกับ Valuation ปี 2554 (ดูรายละเอียดในรายงานทิศหุ้นเดือน ก.ย.) โดยหุ้นกลุ่มธนาคาร และชิ้นส่วนยานยนต์ยังเป็นกลุ่มที่เราให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาดต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยตรง โดยเราให้ BBL, KBANK, TCAP, KTB, STANLY,และ SAT เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น เราคงแนะนำใช้กลยุทธ์ Let the profit run โดยมีจุด Trailing Stop ที่ 885 จุด เพื่อจำกัดความเสี่ยงด้านขาลง สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่ • KTB – นอกจากจะได้รับผลดีโดยตรงจากแนวโน้มการขยายตัวเศรษฐกิจแล้ว ยังได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนภาครัฐฯ... ซื้อ มูลค่าพื้นฐาน 15.6 บาท • TCAP – การเข้าซื้อ SCIB ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง ขณะที่ยังได้รับผลดีจากการขยายธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งคิดเป็น 50% ของสินเชื่อทั้งหมด...ซื้อ มูลค่าพื้นฐาน 39 บาทFutures Strategy : แนะนำถือสถานะ LONG โดยมี Trailing Stop ที่ 610 จุด (ดูรายละเอียดใน Derivative Strategy)AUTO : เพิ่ม TISCO และ EGCO เข้ามาในกลุ่มหุ้น Top PicksRecommended Portfolio: พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน +2.7% ดีกว่าอัตราผลตอบแทน SET ที่ +0.7% (Update วันที่ 30 ส.ค. 53) พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน +2.7% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ SET มีอัตราผลตอบแทน +0.7% หรือพอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า SET อยู่ 2.0% ในขณะที่ถ้าพิจารณาตั้งแต่จัดทำพอร์ตจำลอง (ก.ย. 49) มีอัตราผลตอบแทน +231% ดีกว่าตลาดที่ให้อัตราผลตอบแทน +28.3% อยู่ 158% นอกจากนี้ หากพิจารณาตั้งแต่ต้นปี 53 พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน 44% ดีกว่าผลตอบแทน SET ที่ 22.6% อยู่ 21.4% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา CPALL และ BBL เป็นหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนสูงที่สุดในพอร์ต หรือมีอัตราผลตอบแทน +12.7% และ 1.8% ตามลำดับ สำหรับสัปดาห์นี้ยังคงแนะนำให้ถือหุ้นทั้ง 4 ตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ STANLY (ได้รับผลดีจากอุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัว) BBL (ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวโดยตรง ผ่านการเติบโตทางด้านสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียม) CPALL (จากการขยายสาขา และเพิ่มกำไรขั้นต้น ซึ่งส่งผลดีต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน) ADVANC (มีปัจจัยบวกจากความชัดเจนมากขึ้นกรณีสัมปทาน 3G) และ เพิ่ม QH เข้ามาในพอร์ต โดยเป็น Top Picks ในกลุ่มอสังหาฯ ซึ่งคาดว่าผลการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นมากในช่วง 4Q53 จากการเปิดโครงการใหม่ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลง ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 1.39% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 1.47% โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง ขณะเดียวกัน นักลงทุนลังเลที่จะเข้าลงทุนก่อนการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิต, บริการและตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะยืนยันว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจกำลังชะลอลง ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.63% มาปิดที่ 74.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันการที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เปิดเผยว่าได้หารือกับบรรดาที่ปรึกษาเกี่ยวกับมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่ได้ช่วยหนุนตลาด อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันร่วงลงในเวลาต่อมา ขณะที่นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุนก่อนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานที่จะออกมาในวันศุกร์ที่ 3 ก.ย. ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบเยน ดอลลาร์ร่วงลงต่ำกว่า 85 เยนและยูโรร่วงลงมากกว่า 1% เมื่อเทียบกับเยน หลังบีโอเจเพิ่มวงเงินกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ให้กับธนาคารสู่ 30 ล้านล้านเยน (3.51 แสนล้านดอลลาร์) จาก 20 ล้านล้านเยน นอกจากนี้ ความเห็นจากนายมาซาเอกิ ชิรากาวาผู้ว่าการบีโอเจยังช่วยหนุนเยนขึ้นด้วย โดยระบุว่านายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง ไม่ได้เรียกร้องเกี่ยวกับนโยบายการเงินของบีโอเจ และระบุว่า นโยบายของบีโอเจจะไม่ผูกติดกับการเคลื่อนไหวของเยนและหุ้น โดยการปรับตัวขึ้นของเยนเป็นผลจากการที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ไม่มีรายงานดัชนีค่าระวางเรือเทกอง                

4404 0

SST ขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 5.04 หมื่นหุ้น

นายสัมฤทธิ์ ตันติดิลกกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SST เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2553 บริษัทฯ ขายหุ้นที่ซื้อคืน 50,400 หุ้น ราคาสูงสุดหุ้นละ 7.85 บาท ต่ำสุด 7.75 บาท มูลค่า 392,140.00 บาท คงเหลือจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนที่ยังมิได้จำหน่าย 6,882,600 หุ้น ร้อยละ 5.69 ของทุนชำระแล้ว วันที่ครบกำหนดระยะเวลาที่ต้องจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน 21 เมษายน 2555 (ไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น)

23 0
อ่านข่าวถัดไป
Sanook.commenu