ข่าว ข่าววันนี้ ตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล พรีเมียร์ลีก ตรวจหวย ข่าวบันเทิง ฟังเพลงออนไลน์ วิเคราะห์บอล ทีวีออนไลน์

อ่านข่าวย้อนหลัง

เมนูข่าว

การเงิน และการลงทุนทั้งหมด

แสดง 5226 - 5,250 จาก 32,893 ข่าว

โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ขายหุ้น LL ออก 0.7%

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการจำหน่าย หุ้นของ บมจ.ลิฟวิ่งแลนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)(LL) โดย นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 26/08/2553 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น  -0.7% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 4.81% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ที่มา กลต.

28 0

JAS ขายหุ้น TT&T ออก 1.875%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการจำหน่าย หุ้นของ บมจ.ทีทีแอนด์ที (TT&T) โดย บมจ.จัสมินอินเตอร์เนชั่นแนล (JAS)ซึ่งเป็นการจำหน่าย  เมื่อวันที่ 27/08/2553 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น  -1.875% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 13.178% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ  

60 0

บลจ.วรรณ เก็บหุ้น SEAFCO เพิ่ม 3.89%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการได้มา หุ้นของ บมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) โดย บลจ.วรรณ จำกัด ซึ่งเป็นการได้มา  เมื่อวันที่ 26/08/2553 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 3.89% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 6.27% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ที่มา กลต.

16 0

ดอลลาร์เทียบเยนเช้านี้แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 84.58 เยน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 84.58 เยน ณ เวลา 9:16 น. ตามเวลาในกรุงโตเกียว จาก 84.62 เยนที่ปิดตลาดนิวยอร์ควานนี้ ขณะที่อัตราเเลกเปลี่ยนเงินเยนเมื่อเทียบยูโรแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 106.91 เยน/ยูโร จาก 107.14 เยน/ยูโร ขณะที่เมื่อเทียบค่าเงินยูโร เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 1.2640 ดอลลาร์/ยูโร จาก 1.2663 ดอลลาร์/ยูโร ที่ปิดตลาดนิวยอร์ควานนี้

9 0

บล.ซิกโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 31/08/53

แนวโน้มวันนี้ น้ำมันดิบ NYMEX และ DJIA ทะยานขึ้น โดยได้แรงหนุนจาก Ben Bernanke ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ออกแถลงการณ์หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ปี 2553 ว่าขยายตัวเพียง 1.6% น้อยกว่าที่ได้ประเมินไว้ครั้งก่อนว่าจะขยายตัว2.4% โดย Bernanke ระบุว่าหากมีความจำเป็น เฟดก็พร้อมที่จะใช้นโยบายผ่อนปรนด้านการเงินเพิ่มเติม รวมถึงการใช้มาตรการพิเศษเพื่อกระตุ้นตลาดสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามทั้งน้ำมันดิบ NYMEX และ DJIA ต่างก็ยังไม่เกิด Daily Buy Signal แต่อย่างใด เมื่อพิจารณาดูจาก Price Pattern ของ DJIA (กราฟซ้ายมือ) พบว่า DJIA หลุดแนวรับเชิงจิตวิทยาที่ 10,000 จุดไปแล้ว 5 ครั้ง และทุกครั้งก็สามารถ Rebound กลับมาเหนือ 10,000 จุดได้ แต่หาก DJIA หลุด 10,000 จุดเป็นครั้งที่ 6 เราเชื่อว่าแรงในการ Rebound ที่มีแนวโน้มอ่อนกำลังลงเป็นลำดับนั้น จะทำให้ DJIA กลับลงไปทำ New Low ครั้งใหม่ใน Sub Wave C ของ Wave 2 ซึ่งจะลงไปได้อีกมาก ในขณะที่ DJIA กำลัง Rebound เพื่อความอยู่รอด (ซึ่งรอดยาก) แต่ SET Index (กราฟขวามือ) กลับปรับตัวขึ้นทำ New High ด้วยความโลภสุดขีดพร้อมการเปิด Gap ครั้งใหม่ แต่เมื่อดูประกอบกับ Indicators อย่าง RSI พบว่ายังเกิด Bearish Divergence ซึ่งนี่เป็นการทำ Lower High ครั้งที่ 3 แล้ว บ่งชี้ว่าการปรับตัวขึ้นของ SET Index ต่อไปอีกก็มีแรงไม่มาก นักลงทุนจึงยังต้องระวังการปรับฐานของ SET Index ให้มาก ในส่วนของหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ KTB ระยะสั้น 13.90 บาท และ 14.70 บาท BBL ระยะสั้น 149.50 บาท KBANK ระยะสั้น 114 บาท SCB ระยะสั้น 98 บาท PHATRA เป้าหมายถัดไป 30.25 บาท KEST ระยะสั้น 15.40 บาท และ 16.80 บาท วันนี้ SET Index มีแนวต้านอยู่ที่ 913-917 จุด และ 919 จุด โดยมีแนวรับอยู่ที่ 907-904 จุด และ 900 จุด ตามลำดับ                

9 0

คลังฟันธงจีดีพีปีนี้โต7%

นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีปี 2553 ว่า จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 7%เดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 5.5-6% เพราะได้รับปัจจัยเสริมจากการใช้จ่ายภายในประเทศ,มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ,การขยายการลงทุน และภาคการส่งออกที่ยังพอขยายตัวได้บ้าง คาดว่า ครึ่งปีหลังจีดีพีจะโตไม่ต่ำกว่า 5% ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่เตืบโต 10.6% สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 2553 เชื่อว่า จะยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยเติบโตอย่างแข็งแกร่งระดับ 9.1% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 8% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้จ่ายและการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการส่งออกที่แม้ว่า ในครึ่งปีหลังอาจมีสัญญาณอ่อนตัวลงบ้าง แต่จะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีหลังให้ขยายตัวได้ ที่มา แนวหน้า

9 0

ราคาน้ำมันดิบไลท์ ปิดร่วง 47 เซนต์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์ล่วงหน้าสัญญาส่งมอบเดือนตุลาคม ที่ตลาดนิวยอร์ค ปิดตลาดที่ราคา 74.70 ดอลลาร์/บาร์เรล  ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.63%                

13 0

สรุปภาวะการลงทุน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค: ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ 9985.81 จุด  ลดลง 74.25 จุดหรือ -0.74%ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค: ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ  2119.97 จุด ลดลง 33.66 จุด หรือ -1.56%ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค: ดัชนี S&P ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ 1048.92 จุด ลดลง 15.67 จุด หรือ -1.47%ภาวะตลาดหุ้นฝรั่งเศส : ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ระดับ 3487.01 จุด ลดลง 20.43 จุดหรือ -0.58%ภาวะตลาดหุ้นเยอรมัน : ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ระดับ 5912.41 จุด ลดลง 38.76 จุดหรือ -0.65%ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ดัชนี FTSE ปิดทำการเนื่องในวันหยุด Summer Bank Holiday ดัชนีค่าระวางเรือ BDI   ประจำวันที่ 30 ส.ค. ปิดทำการเนื่องในวันหยุด Summer Bank Holiday                

8 0

ค่าเงินบาทเย็นนี้ปิดตลาดที่ระดับ 31.275 บาท/ดอลล์

นักค้าเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)หรือ SCB กล่าวว่า ค่าเงินบาทเย็นนี้ปิดตลาดที่ระดับ 31.275 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 31.27 บาท/ดอลลาร์ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 31.31 บาท/ดอลลาร์      แนวโน้มค่าเงินบาทวันพรุ่งนี้ คาดว่า จะยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง โดยมองว่ายังมีเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดเงินและตลาดทุน ขณะที่แนวโน้มค่าเงินในภูมิภาคเอเชียก็ต่างเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทพรุ่งนี้ที่ระดับ31.25-31.31 บาท/ดอลลาร์                

10 0

ราคาน้ำมันดิบไลท์ที่สิงคโปร์ครึ่งเช้าร่วง 38 เซนต์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์สัญญาส่งมอบเดือนตุลาคมที่ตลาดสิงคโปร์ครึ่งวันบ่ายลดลง 38 เซนต์ มาอยู่ที่ 74.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันเตาลดลง 0.67 เซนต์ ที่ 2.038 ดอลลาร์/แกลลอน ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.31 เซนต์ มาอยู่ที่ 1.951 ดอลลาร์/แกลลอน และราคาก๊าซธรรมชาติไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 3.704 ดอลลาร์/1 พันลูกบาศก์ฟุต ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันลดลง เป็นผลมาจากนักลงทุนรอติดตามท่าทีที่ชัดเจนของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟดในสัปดาห์นี้ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายเบน เบอร์นันกีผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า เฟดพร้อมที่จะดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืนาวว่า เฟดพร้อมที่จะดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

15 0

SCB มั่นใจ สินเชื่อบ้านปล่อยใหม่ปีนี้ทะลุเป้าได้ 6.5 หมื่นล้าน

นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายผลิตภัณฑ์สินเชื่อลูกค้าบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า ธนาคารคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อใหม่ที่อยู่อาศัยในสิ้นปีนี้ได้สูงกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ได้คาดการณ์ไว้ทั้งปีนี้ที่ 5.5-6 หมื่นล้านบาท โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามียอดสินเชื่อปล่อยใหม่แล้วทั้งสิ้น 5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้หากเป็นไปตามคาดการณ์จะส่งผลให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้าง ณ สิ้นปีใกล้เคียง 3 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่อยู่ 2.6-2.7 แสนล้านบาท ขณะที่ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ปัจจุบันต่ำกว่า 2% และมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลง โดยลูกค้ามีการปรับตัวมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจทำให้คุณภาพของลูกหนี้ในช่วงนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก                

12 0

พาณิชย์ คาด ส่งออกไปจีนปีนี้โต 50% ทะลุเป้า

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกจากไทยไปจีนปีนี้ จะมีการขยายตัว 45% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ โดยในช่วง 6 เดือนแรก การค้าและการส่งออกของไทยไปจีนมีการขยายตัวแล้ว 50% และทิศทางในระยะต่อไปยังอยู่ในเชิงบวก  ทำให้คาดว่า การส่งออกสินค้าไปจีนทั้งปีนี้จะอยู่ในระดับดังกล่าว สำหรับ การค้าและการส่งออกระหว่างไทยและจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวประมาณ 20% ต่อปี แต่ขณะที่ปีที่แล้วไม่มีการขยายตัว เพราะผลกระทบจากเศรษฐกิจ โดยสินค้าและบริการทุกประเภทยังเป็นที่ต้องการของจีน ขณะที่สัดส่วนในการส่งออกของไทยไปจีนในปัจจุบันยังมีสัดส่วนน้อยเพียง 2% เมื่อเทียบกับจำนวนสินค้าและบริการที่จีนนำเข้าทั้งหมด จึงมองว่าตลาดจีนยังมีโอกาสขยายตัวได้มาก โดยสินค้าที่มีการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ใน 2 อันดับแรก ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ เนื่องจากมีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยและประกอบสินค้าเพื่อส่งออกไปจีนจำนวนมาก ขณะที่สัดส่วนการค้ายางพาราในปีนี้เริ่มขยับอันดับขึ้นมาเป็นที่ 2 ขณะที่สินค้าอื่นก็มีอัตราการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องในระดับ 40-50% อาทิ อัญมณีเครื่องประดับ,ผลไม้,ข้าว และของตกแต่งบ้าน ด้านกรณีภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในจีนไม่ได้มีผลต่อการส่งออกของไทยให้สูงขึ้นมากนัก แต่ในอนาคตไทยควรมีแผนรองรับเพื่อเป็นโอกาสที่จะหาประโยชน์ เนื่องจากสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็ว จึงมีผลต่อทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม โดยประเทศไทยถือว่ามีความปลอดภัยจากสภาวะปัญหาดังกล่าว และเป็นโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว 'ในแง่ของผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าไปลงทุนในจีนยังมีไม่มาก และมองว่ายังมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อีกมาก และยังมีแนวโน้มเชิงบวก แต่ยังไม่มีเสถียรภาพ เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีการเข้าลงทุนแบบกระจายตัว ทั้งภาคเกษตร,อุตสาหกรรม และภาคบริการ ดังนั้นจึงอยากเห็นผู้ประกอบการรายย่อย มีการรวมตัวเพื่อเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในจีน ในรูปแบบเดียวกับไต้หวัน เกาหลีและญี่ปุ่น ซึ่งจะสามารถสร้างอำนาจต่อรองในการทำการค้า' ดร.ไพจิตรกล่าว สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีการเสนอแนวคิดและมีการทำรายงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสนอต่อกระทรวงพาณิชย์ถึงกรอบทิศทางงานวิจัย โดยต้องการให้ข้อมูลมีความเป็นปัจจุบัน โดยอาจใช้ระบบไอที หรือร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาในจีน เพื่อดูแนวโน้มหรือทิศทางสินค้าและบริการของไทยที่จะเข้าไปจีน โดยล่าสุดได้มีการพูดคุยกับทีมบริหารของเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งในปีนี้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน มีโครงการที่ยกระดับภาพลักษณ์สินค้าและบริการภายในตลาดจีน ซึ่งต้องมีกลไกในการวัดว่าได้ผลมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญต่อตลาดจีน เนื่องจากเห็นโอกาส โดยต้องการให้คนจีนใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการของไทย และได้รับความพึงพอใจในระดับที่ดีขึ้น โดยการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องที่ช่วยสร้างความรู้สึกเป็นบวก สำหรับภาพรวมความพอใจของคนจีนที่มีต่อสินค้าของไทย ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ทั้งจากระดับความสัมพันธ์ที่มีอย่างใกล้ชิดระหว่างระดับผู้นำ,รัฐบาลและระดับประชาชน ดร.ไพจิตร กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการการร่วมก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงระหว่างไทยและจีน มองว่าน่าจะเกิดประโยชน์ต่อไทย ทั้งการจ้างงานและการลงทุนที่มีเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบ รวมถึงระบบโลจิสติกส์ ทั้งการขนส่งสินค้าของไทยที่จะไปจีนดีขึ้น ประกอบกับยังมีการเชื่อมโยงทางด้านที่เศรษฐกิจที่แนบแน่นยิ่งขึ้น โดยเส้นทางดังกล่าวจะมีการก่อสร้างไปถึงประเทศสิงคโปร์ จึงเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ส่วนแนวโน้มของค่าเงินหยวนในระยะยาว คาดว่าจะมีแนวโน้มที่แข็งค่าขึ้น โดยในช่วง 10 ปี มีโอกาสที่จะเห็นค่าเงินหยวนอยู่ที่ 4-5 หยวนต่อดอลลาร์ แต่การดำเนินนโยบายน่าจะมีความระมัดระวัง เนื่องจากอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจภายในของจีน ประกอบกับหากจีนปล่อยให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าเกินไปก็จะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจภูมิภาค เนื่องจากค่าเงินในสกุลเอเชียมีโอกาสที่จะแข็งค่าในอัตราที่มากกว่าเงินหยวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในเอเชียให้ไม่เติบโตเท่าที่ควร โดยอาจมีการร่วมมือในการกดดันจีน ดังนั้นการดูแลค่าเงินหยวนของจีนถือเป็นความท้าทายที่จะต้องสร้างความสมดุลทั้งเศรษฐกิจและการเมือง ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นระหว่างไทยและจีนยังมีโอกาสที่ขยายตัวอยู่ แม้ค่าเงินหยวนจะแข็งค่า แต่ค่าเงินบาทก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก จึงไม่มีผลกระทบ ส่วนนโยบายในการดูแลค่าเงินบาทขึ้นอยู่กับการบริหารและจัดการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)                

9 0

KTC ผนึกกำลังรอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ จัดแพ็คเกจหรู

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดย นายสถาพร สิริสิงห รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายงานการตลาดเพื่อการท่องเที่ยวและสันทนาการ จับมือเป็นครั้งแรกกับ รอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ โดย นายปริญญ์ อยู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการท่องเที่ยว บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) รุกเจาะกลุ่มสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่ชื่นชอบบริการทัวร์ เอื้องหลวง และมีไลฟ์สไตล์ด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ จัดแพ็คเกจพิเศษ “เคทีซี-อาร์โอเอช กรีกส์ โรแมนติก เดอลักซ์ โวยาจ” (KTC-ROH Greek’s Romance Deluxe Voyage) 10 วัน 7 คืน เยือนดินแดนแหล่งวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมและความงดงามทางธรรมชาติ อาทิ แหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่กรุงเอเธนส์ มหาวิหาร อะโครโปลิส พร้อมท่องเรือสำราญเยี่ยมชมเกาะและเมืองโบราณเลียบชายทะเลที่สวยงามอีก 4 วัน ในราคาเพียง 87,400 บาท พร้อมบริการผ่อนชำระสบายๆ กับ KTC Flexi นานถึง 6 เดือน เพียง 15,265 บาท/เดือน รวมค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน เรือสำราญ ที่พักบนยอดเขาของเกาะซานโตรินี่ และที่พักระดับ 5 ดาว พร้อมบริการนำเที่ยวในกรุงเอเธนส์ พร้อมภาษีและค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิง โดยสามารถเลือกเดินทางได้ 3 ช่วงเวลา คือ ระหว่างวันที่ 11-18 ตุลาคม 2553 หรือวันที่ 30 ตุลาคม-6 พฤศจิกายน 2553 และวันที่ 1-8 พฤศจิกายน 2553 ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่รอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ โทรศัพท์ 02-288-7000 หรือ ศูนย์บริการการเดินทางและการท่องเที่ยวสำหรับสมาชิกเคทีซี โทรศัพท์ 02-631-3444กด 2

13164 0

นิวซีแลนด์ขาดดุลการค้าเดือนก.ค. 133 ล้านดอลล์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า สำนักงานสถิติแห่งชาตินิวซีแลนด์เปิดเผยวันนี้ว่า นิวซีแลนด์ขาดดุลการค้าในเดือนกรกฎาคม 186 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (133 ล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นการขาดดุลการค้าครั้งแรกในรอบ 7 เดือน หลังเกินดุลการค้า 214 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ในเดือนก่อนหน้า โดยปัจจัยที่ทำให้นิวซีแลนด์ขาดดุลการค้า เป็นผลมาจากนิวซีแลนด์นำเข้ายานยนต์และผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียมมากขึ้น ซึ่งยอดส่งออกที่ลดลงอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์ เนื่องจากอัตราว่างงานและอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สูงขึ้นทำให้การใช้จ่ายภายในประเทศลดลง ทั้งนี้ ยอดส่งออกของนิวซีแลนด์ในเดือนดังกล่าวลดลง 5.9% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 3.57 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ แต่หากเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมายอดส่งออกเพิ่มขึ้น 12.4% และรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้น 47%

13 0

บีโอเจประกาศเพิ่มวงเงินกระตุ้นการปล่อยกู้แบงก์พาณิชย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ บีโอเจประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ โดยเพิ่มวงเงินการปล่อยสินเชื่อให้กับธนาคารพาณิชย์ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษจาก 20 ล้านล้านเยนเป็น 30 ล้านล้านเยน (355 พันล้านดอลลาร์) หลังเสร็จสิ้นการประชุมฉุกเฉินวันนี้ ขณะเดียวกันคณะกรรมการนโยบายการเงินบีโอเจได้มีมติ 8 ต่อ 1 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% 'ด้วยมาตรการใหม่นี้ ธนาคารพาณิชย์ในประเทศจะได้รับการกระตุ้นให้ปล่อยสินเชื่อ และลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดสินเชื่อมากขึ้น' ในแถลงการณ์ของบีโอเจระบุ   'บีโอเจเชื่อว่า นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนพิเศษ ควบคู่นโยบายการคลังของรัฐบาลจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ' บีโอเจระบุ ที่มา สำนักข่าวเอพี

11 0

TBANK -SCIB ออกแคมเปญ “ดูฟรียกครัว ทัวร์ฮ่องกงยกทีม”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารธนชาต และธนาคารนครหลวงไทย จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ต้อนรับการแสดงสุดไฮเทคยิ่งใหญ่ระดับโลก “Walking With Dinosaurs”  ออกแคมเปญ “ดูฟรียกครัว ทัวร์ฮ่องกงยกทีม”   มอบของรางวัลบัตรชมการแสดงชุดดังกล่าว พร้อมแพ็คเกจทัวร์ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์  รวมของรางวัลจำนวน 120 รางวัล มูลค่า 1.56 ล้านบาท ให้แก่ลูกค้าผู้โชคดีที่ใช้บริการทางการเงิน  ด้านเงินฝาก หรือสินเชื่อ ของธนาคารธนชาต และนครหลวงไทย  ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2553

27 0

บลจ.วรรณประกาศจ่ายปันผล

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า บลจ.วรรณ ในฐานะผู้จัดการกองทุนเปิด ThaiDEX SET50 ETF หรือ TDEX และกองทุนเปิดไทยเด็กซ์ FTSE SET Large Cap ETF หรือ TFTSE ได้มีมติเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2553 ให้จ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.06 บาท และกองทุนเปิดไทยเด็กซ์ FTSE SET Large Cap ETF ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.10 บาท จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 13 เมษายน ถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2553 โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 9 กันยายน 2553 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 8 ตุลาคม 2553 นายมนรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนใน TDEX นั้น เปรียบเสมือนการลงทุนในหุ้นใหญ่ทั้ง 50 ตัวของดัชนี SET50 และการลงทุนใน TFTSE นั้น เน้นลงทุนใน 30 หลักทรัพย์เด่นของตลาดหุ้นไทย โดยอ้างอิงผลตอบแทนของดัชนี FTSE SET Large Cap นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนทั้งในรูปของเงินปันผล และส่วนต่างราคาของหุ้นเหล่านั้น โดย ณ วันที่ 25สิงหาคม 2553 TDEX มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2,289,411,928.59 บาท และมีมูลค่าทรัพย์สินต่อหน่วยลงทุน เท่ากับ 6.0566 บาท และ TFTSE มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 114,367,825.66 บาท และมีมูลค่าทรัพย์สินต่อหน่วยลงทุน เท่ากับ 10.3970 บาท ข้อดีของ TDEX และ TFTSE คือลงทุนในหุ้นใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่วนใหญ่จะมีการจ่ายเงินปันผลทุกปี เงินปันผลจึงเป็นแหล่งผลตอบแทนที่สำคัญของTDEX และ TFTSE นอกเหนือจากโอกาสได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาด้วย นายมนรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า TDEX และ TFTSE นับเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่มีข้อดีคือสามารถซื้อขายแบบเรียลไทม์ได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง กระจายการลงทุนอย่างดี และให้ผลตอบแทนที่มั่นคงและสม่ำเสมอเหมือนลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ TDEX และ TFTSE จัดได้ว่าเป็นเครื่องมือสำหรับการลงทุนที่ง่ายต่อความเข้าใจ  มีประสิทธิภาพ  และสามารถนำไปใช้ลงทุนได้จริงในหลายๆ สถานการณ์  มีความเหมาะสมสำหรับทั้งนักลงทุนรายย่อยและรายใหญ่ บุคคลธรรมดาและสถาบัน ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ตลอดจนผู้ลงทุนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาก่อน TDEX และ TFTSE นั้นถือได้ว่าเป็นเครื่องมือการลงทุนสไตล์ Passive Investment ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่อยากลงทุนด้วยตัวเองแต่อาจจะไม่มีเวลาติดตามตลาดหุ้นมากนัก และไม่สามารถจะซื้อขายหุ้นได้ทุกวัน ดังนั้น การลงทุนใน TDEX หรือ TFTSE จะสามารถทำให้ผลตอบแทนของนักลงทุนเป็นไปตามดัชนีที่อ้างอิงได้ เช่น TDEX นั้นให้ผลตอบแทนจากต้นปีจนถึงวันที่ 25 ส.ค.53 เท่ากับ 16.03% ใกล้เคียงกับดัชนี SET50 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.18% ในขณะที่ TFTSE ให้ผลตอบแทนจากต้นปีจนถึงวันที่ 25 ส.ค.53 เท่ากับ 15.82% ใกล้เคียงกับดัชนี FTSE SET Large Cap ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.54%

14 0

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 30/08/53

กลยุทธ์การลงทุน: Trading Buy ต่อไปแนวโน้มตลาดวันนี้: กังวลเศรษฐกิจสหรัฐน้อยลง ช่วยหนุนบรรยากาศ ลงทุนทางบวก บรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคอยู่ในเกณฑ์ดี หลังถ้อยแถลงของเบอร์นันเก้ที่ พร้อมจะดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจหากมีความจำเป็น และไม่ได้ให้ความสำคัญ กับการที่เศรษฐกิจอาจกลับสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง นั่นทำให้ความกังวลเกี่ยวกับ เศรษฐกิจสหรัฐผ่อนคลายลงได้ ขณะที่ SETI ปิดเหนือระดับ 900 จุด ทำ High ใหม่ของ ปีได้สำเร็จ และค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องมาที่ 31.28 บาทต่อดอลลาร์ มอง SETI วันนี้น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ อย่างไรก็ดี เมื่อวันศุกร์ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้น outperform ตลาดอื่นล่วงหน้าแล้วค่อนข้างมาก Upside ในวันนี้อาจมีจำกัดมากกว่า กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นยังคงเน้น Selective trading เป็นหลัก แต่ยังต้องระมัด ระวังความผันผวน แนวต้าน : 907-915    แนวรับ : 893-886ปัจจัยเด่นวันนี้  +    ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 164.84 จุด เมื่อวันศุกร์ แม้เกิดความวิตกในช่วงแรกจาก การเตือนเกี่ยวกับผลประกอบการจากบริษัทอินเทล และคำกล่าวที่ว่าการฟื้นตัว ทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาดจากนายเบน เบอร์นันเก้ แต่เฟดก็ไม่ได้ให้ความ สำคัญต่อความวิตกที่ว่าเศรษฐกิจอาจจะถลำกลับไปสู่ภาวะถดถอย ทำให้นักลง ทุนคลายกังวลได้ระดับหนึ่ง+    ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดบวก 1.81 ดอลลาร์ ในวันศุกร์ มาที่ 75.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่เบอร์นันเก้แถลงว่าเฟดพร้อมที่จะดำเนินการถ้า จำเป็นเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง+    มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตรียมบินมาไทยวันที่ 24-25 ก.ย. นี้ เก็บข้อมูลประจำ ปี ก่อนอัพเกรดเครดิตไทยจากระดับ Baa1 สบน. มั่นใจอย่างน้อยมุมมองต้องปรับ เป็นบวก จากปัจจุบันลบ เหตุเศรษฐกิจไทยร้อนแรง จีดีพีโต รายได้รัฐบาลพุ่ง ขณะที่หนี้เริ่มลด +    ดัชนีอุตสาหกรรมเดือนก.ค.พุ่ง13.16% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่9  จากกำลังการผลิตในหมวดรถยนต์  ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์  เครื่องปรับอากาศ และยาง ที่เพิ่มขึ้น +    นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิอีกครั้งที่ 670.54 ล้านบาท เมื่อวันศุกร์+/-    นายกรัฐมนตรีระบุเหตุระเบิดคิงพาวเวอร์ไม่กระทบภาพรวม เล็งเลิกพ.ร.ก. ฉุกเฉินภาคอีสาน ส่วนกทม.คงไว้ที่สุดท้าย +/0    ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งสก.อย่างไม่เป็นทางการ 50 เขต จำนวน 61 คน ปรากฏว่าพรรคปชป. ได้ 43 คน, เพื่อไทย 16 คน สังกัดอิสระ 1 คน 0    ยื่นซองประมูล 3จี วันนี้ AIS-DTAC-TRUE พร้อมประมูล ด้านกทช. ลุ้นตัวโก่งจะมี รายที่ 4 และ 5 หรือไม่ เตรียมทำใจคาดเปิดประมูลรอบ 2                

5 0

บล.ทิสโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 30/08/53

บล.ทิสโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 30/08/53สรุปภาวะตลาดวันก่อน SET ปิด +14.27 จุด หรือ +1.61% มาที่ 900.37 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่น  43,608.99  ล้านบาท  ดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ +1.36%, เทคโนโลยี +2.47%, แบงก์ +1.65% โดยดัชนีฯน่าจะผ่านระดับ 900 จุดไปได้ จากแรงหนุน ของนักลงทุนต่างชาติ โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้เงินบาทแข็งค่า ประกอบกับการขยายตัวที่ดีของเศรษฐกิจในภูมิภาคซึ่งรวมถึงไทยทิศทางตลาดวันนี้ แนวโน้ม เดือน ก.ย.53 ; SET  ปิดเหนือ  892  จุด ยัง Confirm ขึ้นต่อเป้า  930 , 950  จุด ตราบใด  SET  ยังปิดเหนือ  892  จุด  แนวโน้มยังขึ้นต่อแบบ  Bearish Divergence  ( ขึ้นแบบผันผวน)  เป้า  930 , 950 จุด  มี  Cycle Peak   ประมาณ  1-10 ก.ย. 53  แนวโน้มวันนี้  ค่าเงินบาทแข็งค่าทำ  New Low  รอบ 27 เดือน  Fund Flow ไหลเข้าประเทศไทยซื้อตราสารหนี้ และหุ้น – วันศุกร์ที่แล้ว ต่างชาติกลับลำซื้อหุ้นสุทธิ  670  ล้านบาท  คาด  SET  เปิดบวกขึ้นทดสอบแนวต้าน  903  จุด  หาก  SET  ยืนได้เหนือ  903  จุดจะขึ้นต่อเนื่องทดสอบแนวต้าน  915 , 920  จุด กรณี  SET  ยังขึ้นไม่ผ่าน  903  จุดจะแกว่งลงทดสอบแนวรับ  896 , 892  จุด  ( เน้น 896  จุด ) โดย  SET  ยังคงรูปแบบขาขึ้นต้องไม่ลงต่ำกว่า  892  จุด กลยุทธ์การลงทุน  ; 1. Port ลงทุน ;  ถือรอขายลด  Port  ถือเงินสด ที่  930,  950  จุด  (1-10 ก.ย. 53)  2. เก็งกำไร ;  ลงซื้อ  896 , 892  จุด  ( หลุด 892 จุด = ชะลอการซื้อ)  หรือเลือกซื้อ (Follow Buy) หาก SET  ยืนเหนือ  903  จุดไปขาย  930, 950  จุด  3. หุ้นแนะนำ ; 3.1 หุ้นพื้นฐาน ; BCP, EGCO , ADVANC, DTAC ,TCAP, BBL , KBANK , SSI , ROJNA , AMATA , NNCL , SCC , CK , ITD , CENTEL , MINT , ROBINS 3.2 หุ้นเล็ก ( พลาดต้อง STOP) ;  TMB , TRUE , THCOM , JAS , BTS , BLAND 4. กำหนดจุดขายตัดขาดทุนหาก  SET  ลงต่ำกว่า  890 , 880  จุด โดยจุดที่ Confirm  SET ลงปรับฐานใหญ่คือคือปิดต่ำกว่า  880  จุด ลงได้ถึง  860  จุด   

5025 0

บล.ทิสโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 30/08/53

สรุปภาวะตลาดวันก่อน SET ปิด +14.27 จุด หรือ +1.61% มาที่ 900.37 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่น  43,608.99  ล้านบาท  ดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ +1.36%, เทคโนโลยี +2.47%, แบงก์ +1.65% โดยดัชนีฯน่าจะผ่านระดับ 900 จุดไปได้ จากแรงหนุน ของนักลงทุนต่างชาติ โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้เงินบาทแข็งค่า ประกอบกับการขยายตัวที่ดีของเศรษฐกิจในภูมิภาคซึ่งรวมถึงไทยทิศทางตลาดวันนี้ แนวโน้ม เดือน ก.ย.53 ; SET  ปิดเหนือ  892  จุด ยัง Confirm ขึ้นต่อเป้า  930 , 950  จุด ตราบใด  SET  ยังปิดเหนือ  892  จุด  แนวโน้มยังขึ้นต่อแบบ  Bearish Divergence  ( ขึ้นแบบผันผวน)  เป้า  930 , 950 จุด  มี  Cycle Peak   ประมาณ  1-10 ก.ย. 53  แนวโน้มวันนี้  ค่าเงินบาทแข็งค่าทำ  New Low  รอบ 27 เดือน  Fund Flow ไหลเข้าประเทศไทยซื้อตราสารหนี้ และหุ้น – วันศุกร์ที่แล้ว ต่างชาติกลับลำซื้อหุ้นสุทธิ  670  ล้านบาท  คาด  SET  เปิดบวกขึ้นทดสอบแนวต้าน  903  จุด  หาก  SET  ยืนได้เหนือ  903  จุดจะขึ้นต่อเนื่องทดสอบแนวต้าน  915 , 920  จุด กรณี  SET  ยังขึ้นไม่ผ่าน  903  จุดจะแกว่งลงทดสอบแนวรับ  896 , 892  จุด  ( เน้น 896  จุด ) โดย  SET  ยังคงรูปแบบขาขึ้นต้องไม่ลงต่ำกว่า  892  จุด กลยุทธ์การลงทุน  ; 1. Port ลงทุน ;  ถือรอขายลด  Port  ถือเงินสด ที่  930,  950  จุด  (1-10 ก.ย. 53)  2. เก็งกำไร ;  ลงซื้อ  896 , 892  จุด  ( หลุด 892 จุด = ชะลอการซื้อ)  หรือเลือกซื้อ (Follow Buy) หาก SET  ยืนเหนือ  903  จุดไปขาย  930, 950  จุด  3. หุ้นแนะนำ ; 3.1 หุ้นพื้นฐาน ; BCP, EGCO , ADVANC, DTAC ,TCAP, BBL , KBANK , SSI , ROJNA , AMATA , NNCL , SCC , CK , ITD , CENTEL , MINT , ROBINS 3.2 หุ้นเล็ก ( พลาดต้อง STOP) ;  TMB , TRUE , THCOM , JAS , BTS , BLAND 4. กำหนดจุดขายตัดขาดทุนหาก  SET  ลงต่ำกว่า  890 , 880  จุด โดยจุดที่ Confirm  SET ลงปรับฐานใหญ่คือคือปิดต่ำกว่า  880  จุด ลงได้ถึง  860  จุด                

5022 0

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 30/08/53

ยืดการปรับขึ้น KGI มองหุ้นไทยวันจันทร์ปรับตัวขึ้น จิตวิทยาที่ดีขึ้นในสหรัฐฯ จะเพิ่มระดับความกล้าเสี่ยงและหนุนการเคลื่อนย้ายเงินทุนมาที่เอเชียตามแนวโน้มค่าเงินแข็งแกร่ง เมื่อวันศุกร์สหรัฐฯ รายงานการปรับปรุงจีดีพีไตรมาส 2 เหลือ 1.6% QoQ saar ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย ขณะที่ประธานเฟด เบน เบอร์นานกียอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวและพร้อมดำเนินมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม แต่ยังไม่ระบุถึงตัวมาตรการและเงื่อนเวลา จึงต้องติดตามว่าการปรับขึ้นในวันนี้จะต่อเนื่องหรือไม่เนื่องจากในสัปดาห์นี้สหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะสร้างความผันผวนกับตลาดโลก ด้านปัจจัยในประเทศพบว่าเสถียรภาพรัฐบาลยังดี ผลเลือกตั้ง ส.ก. อย่างไม่เป็นทางการเมื่อวานพบว่าประชาธิปัตย์ได้ 45 จาก 60 ที่นั่ง (ครั้งก่อนได้ 38 ที่นั่ง) ส่วนเพื่อไทยได้ 14 ที่นั่งและผู้สมัครอิสระ 1 ที่นั่ง ซึ่งประเด็นนี้จะเป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นภายในประเทศ กลยุทธ์: ด้วยแนวโน้มทุนต่างชาติที่ดีและการที่ศาลนัดฟังคำสั่งกรณีมาบตาพุดในสัปดาห์นี้ แนะนำซื้อเก็งกำไร PTT*, SCC* และ PTTCH* ส่วนหุ้นแบงก์สัปดาห์นี้ไม่มีข่าวเฉพาะแต่เข้าซื้อลงทุนได้ตามแนวโน้มเศรษฐกิจ ด้านหุ้นขนาดกลางแนะนำซื้อกลุ่มก่อสร้าง อสังหาฯ และนิคมฯหุ้นแนะนำคือ TASCO, HEMRAJ, AMATA, PS* และ AP ทางเทคนิคดัชนีฯ มีแนวต้านที่ 905 (น่าจะทะลุไปได้) และ 915 จุดความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ AOT* คาดจำนวนผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิจะเติบโตราว 14% YoY เป็น 42.73 ล้านคน ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยจำนวนผู้โดยสาร 42.73 ล้านคน เป็นระดับที่ใกล้กับความสามารถในการรองรับผู้โดยสารที่ระดับ 45 ล้านคนต่อปีของ AOT ในปัจจุบัน เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของ AOT จากการฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสาร โดยเฉพาะในช่วง FY1Q11 (ต.ค.-ธ.ค.) ซึ่งเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว ล่าสุดเราแนะนำ “ถือ” AOT ราคาเหมาะสม 38.50 บาท เรากำลังอยู่ระหว่างพิจารณาปรับประมาณการและราคาเหมาะสมขึ้น บริษัท สหวิริยา สตีลอินดัสตรี ลงนามบันทึกความเข้าใจในการซื้อกิจการโรงงานถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ของ Corus (ที่มา: The nation): ทั้งนี้โรงถลุงเหล็กมีมูลค่าการลงทุนเท่ากับ 1.56 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยหน่วยการถลุงเหล็ก และหน่วยการผลิตเหล็กทรงแบน (Slab) กำลังการผลิต 3.5 ล้านตันต่อปี และเราคาดการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว จะเป็นไปตามกลยุทธ์ของ SSI เพื่อขยายธุรกิจไปยังเหล็กต้นน้ำเพื่อลดความผันผวนของวัตถุดิบและส่งผลให้บริษัทเป็นผู้ผลิตเหล็กครบวงจรของประเทศ PS* เตรียมขยายการลงทุนต่างประเทศเพิ่มเติม วางแผนบุกอินโดนีเซีย และเซี่ยงไฮ้ปีหน้าปัจจุบัน PS มีโครงการต่างประเทศในมือ 3 โครงการ คือที่มัลดีฟท์ อินเดีย และเวียตนาม และอีก 2 โครงการใหม่ที่อินเดีย บริษัทฯ ขาย 93.0% ของเฟสแรกที่มัลดีฟท์ได้แล้ว และคาดว่ารายได้จากโครงการต่างประเทศก้อนแรกจะเข้ามาในไตรมาส 4/53 ทั้งนี้ PS ตั้งเป้ารายได้ 1 แสนล้านบาทในปี 2560 โดย 40% ของรายได้มาจากโครงการต่างประเทศ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 33 บาท หลังจากที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ธนาคารแห่งประเทศไทยให้สถาบันการเงินรายงานข้อมูลการซื้อขายเงินตราต่างประเทศทั้งแบบซื้อขายทันทีและล่วงหน้า ในวงเงินตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขึ้นไป เร็วขึ้นในรอบสุดท้ายเป็นเวลา 16.30 น. จาก 17.30 น. นอกจากนี้ยังได้ออกแบบสอบถามจากสถาบันการเงินและภาคเอกชน เรื่องผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนต่อการดำเนินงานและข้อจำกัดในการป้องกันความเสี่ยงรวมถึงวิธีแก้ปัญหา                

366 0

บล.กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 30/08/53

กลยุทธ์วันนี้    910 ประเด็นสำคัญวันนี้ และแล้ว SET INDEX สามารถปิดทะลุ 900 จุดได้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา จากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่าย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่าน นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 671 ล้านบาท และเป็นการซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันอีกครั้ง  ทิศทาง SET INDEX วันนี้คาดว่าจะยังเป็นการไต่ระดับขึ้นเพื่อทดสอบ 910 จุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หลังประธานเฟด Bernanke ยืนยันจะทำทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง น่าจะกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินทุนไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้อีกระยะหนึ่ง ผ่านการทำ US Dollar Carry Trade บวกกับประเด็นการเก็งกำไรในกลุ่ม ICT วันนี้ เพราะเป็นวันสุดท้ายของการปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมประมูลใบอนุญาต 3.9จี ย่อมทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมของตลาดหุ้นไทยวันนี้ น่าจะไต่รับขึ้นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว และการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของ PTT จำนวน 4.50 บาท ขึ้น XD วันที่ 7 ก.ย.ทั้งนี้คงต้องติดตามการประชุมฉุกเฉินของ BOJ เช้าวันนี้ ต่อมาตรการแก้ไขปัญหาค่าเงินเยนแข็งค่า ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอ “ถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ”  และแนะนำ “ทยอยสะสม” BANPU และแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร BTS” การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “ถือสถานะ Long ใน S50U10 ข้ามวัน” Stop Loss: S50U10 < 600 จุด ปิด Long และ เปิด Short  Portfolio Hold: CPF/ MCOT/ BEC/ BBL/ PTT/BANPU/ TPC/ MINT/  MAJOR/ BTS/ TVO/ AP/ LH / QH / CPALL/ HEMRAJ / TTA/ HANA/ THCOM Accumulative Buy: BANPU Speculative Buy: BTSTechnical View แนวรับ 880-888 จุด, 860 จุด และ 830 จุด ส่วนแนวต้าน 905 จุด และ 925-930 จุด ทั้งนี้เก็งกำไรตามกรอบ

2071 0

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 30/08/53

SET วันศุกร์ปิดบวก และยืน 900 จุด ในรอบเกือบ 3 ปี สวนทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังมีแรงซื้อหุ้นเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมาก   SET ปิดบวกสวนทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยดัชนีปรับตัวขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดภาคเช้าและต่อเนื่องถึงภาคบ่าย หลังนักลงทุนต่างประเทศยังคงเข้าซื้อในตลาดหุ้นไทย ทำให้มีแรงซื้อหุ้นเข้ามาอย่างต่อเนื่องในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ พลังงาน เทคโนโลยี และแบงก์ ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่ระดับสูงสุดของวัน 900.37 จุด เป็นระดับ New high ของปี 53 เพิ่มขึ้น 14.27 จุด (+1.61%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 43,608.99 ล้านบาทการลงทุนของนักลงทุนประเภทต่าง ๆ วานนี้นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิจำนวน 670.54 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิจำนวน 154.12 ล้านบาท ส่วนบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิจำนวน 714.30 ล้านบาท ตารางแสดงยอดการลงทุนของนักลงทุนประเภทต่าง ๆ ปี 2553 Mar -53 Apr -53 May -53 Jun -53 Jul -53 Aug -53 Total -53นักลงทุนต่างประเทศ 44 ,600 -4,097 -58 ,743 2,974 6,879 12 ,487 2,037นักลงทุนสถาบัน -9,342 -4,322 10 ,751 4,634 -3,660 -8,745 -13 ,037บริษัทหลักทรัพย์ 3,103 -1,273 -106 1,393 -714 2,554 2,491ที่มา : รวบรวมโดย KKSแนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในช่วง 895-905 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นตามดาวโจนส์ที่ปิด +164 จุด ตอบรับเฟดพร้อมใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ คาดว่าจะทำให้หุ้นไทยแกว่งตัวบวกในช่วงเช้านี้ ด้านสถาบันขายสุทธิ -154 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ +670 ล้านบาท แสดงถึงตลาดหุ้นจะแกว่งตัวผันผวน แต่น้ำหนักยังอยู่ทางขาขึ้นได้ คาดว่าตลาดจะแกว่งตัว ในกรอบ 895-905 ถึง 910 จุด ด้านปัจจัยต่างประเทศ มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยใน 1-3 วันนี้ เป็นแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น ส่วนปัจจัยในประเทศเกี่ยวกับกรณีกิจการที่มาบตาพุดยังเฝ้ารอความชัดเจนในสัปดาห์นี้ คาดว่าหุ้นไทยจะแกว่งตัวต่อในกรอบ 895-905 จุด ถ้าดัชนียืนเหนือ 895 จุดน่าซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัว ในกรณีที่ต่ำกว่า 890 จุดจะน่าขายหุ้น สำหรับสัดส่วนการลงทุนในช่วงนี้ให้เป็นถือหุ้น 50% ถือเงินสด 50%

8088 0

บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 30/08/53

ขึ้นตามน้ำคำของเบอร์นันเก้ ระวังเพียงหุ้นสหรัฐฯ ไปต่อได้หุ้น TIPS ซึ่งรวมถึงไทยจะพักแทน ปัจจัยบวกในสัปดาห์นี้ ที่จะบวกให้ถ้วนทั่วทั้งตลาดยังไม่มี แต่มีเป็น Theme น่าสนใจรายกลุ่มอุตสาหกรรม นั่นคือ & 1048614; 1.กลุ่มธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง คือTSTH, SSI TVO & 1048614;2.กลุ่มสื่อสาร เลือก THCOM และเลือก SAMART,ADVANC, TRUE, DTAC & 1048614;3.กลุ่มอาหาร TVO เปลี่ยนเป้าจาก 24 มาเป็น 29 บาท โดยใช้กำไรปีหน้าเทียบเป็นค่า PER เท่ากับ 12 เท่า จากเดิมคิดบน PERเพียง 10 เท่า กำลังพิจารณาปรับเป้าหมาย TUF & 1048614;4.กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ต้องไม่มองข้ามทั้ง AMATA, ROJNA และ HEMRAJ มาแล้วก็มาอีกได้แต่ให้เน้นตัวที่มาน้อยอย่าง ROJNA มากกว่าตัวอื่น & 1048614;5.กลุ่มค้าปลีก เลือก SF, CPN, กับMAJOR คาดตลาดสัปดาห์นี้หากแรงต่อคาดขึ้นไปชนแนวต้าน 911 แต่หากปรับตัวลงแนวรับสำคัญกลายเป็น 888 กรอบวันนี้ แนวรับ 894 แนวต้าน 917ปัจจัยวันนี้ ( + ) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ดีดตัวขึ้นแรงในคืนวันศุกร์ จากความคาดหวังของนักลงทุนว่า FED จะออกมาดำเนินการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังตัวเลขการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอ่อนแอเกินคาด โดยความคาดหวังดังกล่าวทำให้ราคาค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าลง และทำให้ราคาน้ำมันดิบ Nymex พุ่งขึ้น1.81 เหรียญฯ มาอยู่ที่ 75.17 เหรียญฯ/บาร์เรล คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับอานิสงค์ไปด้วย ( + ) SSI: ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Corus UK Limited (Corus)ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Tata Steel Group เพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์โรงงานถลุงเหล็ก TeessideCast Products ของ Corus และเพื่อวางกรอบทิศทางและกำหนดขอบเขตเงื่อนไขต่างๆ แล้วเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 53 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเบื้องต้น 2.1 บาทต่อหุ้น แต่มีโอกาสปรับราคาเป้าหมายขึ้น หลังจากได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหารของ SSI ในการประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 30 ส.ค. 53 นี้เพื่อประเมินมูลค่าเพิ่มของการซื้อกิจการที่มีต่อบริษัทฯ ( - ) CK, JAS, TT&T: ตลาดฯ ประกาศเป็นหลักทรัพย์ที่เข้าเกณฑ์ Cash Balance มีผลตั้งแต่ 30 ส.ค. - 17 ก.ย. 53 ( + ) สื่อสาร: กทช. กำหนดให้ผู้ต้องการเข้าประมูลใบอนุญาต 3G ยื่นเอกสารวันนี้ (30 ส.ค. 53) หากมีผู้เข้าประมูลตั้งแต่ 4 รายจะทำให้เปิดประมูลใบอนุญาต3 ใบ และเป็นบวกกับทั้ง ADVANC, DTAC และ TRUE แต่หากมีผู้ยื่นความจำนงเพียง 3 ราย จะประมูลเพียง 2 ใบ ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันต่อ TRUE ได้ เราแนะนำซื้อ ADVANC, DTAC และเก็งกำไร TRUE หากรับความเสี่ยงได้ ( + ) TVO และ TUF: เราเตรียมปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น TVO จาก 24 เป็น 29บาท เนื่องจากปรับฐาน PER ที่เคยใช้ 10 เท่าเป็น 12 เท่า และ TUF คาดจะปรับจาก 63 บาท เป็น 74 บาท ปรับฐาน PER ที่เคยใช้ 12 เท่าเป็น 15 เท่า ( + ) ยางพารา: จากการได้สัมภาษณ์ผู้บริหาร TRUBB เชื่อว่าธุรกิจยางพาราจากนี้ดีต่อเนื่องไปอีก 10 ปี เนื่องจากดีมานด์แข็งแกร่ง ซัพพลายยังมีข้อจำกัดมาก ในปี 2554-2555 รัฐบาลยกยางพาราเป็นสินค้าหลัก สนับสนุนการปลูก ซึ่งหากปลูกมากขึ้นราคายางไม่สูงมากจะเป็นผลดีกับ TRUBB ในฐานะผู้ประกอบการขั้นกลางและเชื่อว่าอุตสาหกรรมเกื้อหนุน STA ด้วยเพียงแต่ไตรมาส 3/53 กำไรอ่อนตัวทั้งคู่

3267 0
อ่านข่าวถัดไป
Sanook.commenu