ข่าว ข่าววันนี้ ตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล พรีเมียร์ลีก ตรวจหวย ข่าวบันเทิง ฟังเพลงออนไลน์ วิเคราะห์บอล ทีวีออนไลน์

อ่านข่าวย้อนหลัง

เมนูข่าว

การเงิน และการลงทุนทั้งหมด

แสดง 5251 - 5,275 จาก 32,893 ข่าว

บล.ซิกโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 30/08/53

แนวโน้มวันนี้ น้ำมันดิบ NYMEX เกิดการ Rebound ได้ 2 วันติดต่อกัน ซึ่งอาจเป็นแค่เพียง Technical Rebound ช่วงสั้นๆ เราเชื่อว่าตลาดน้ำมันดิบสหรัฐและ DJIA กำลังเข้าสู่ภาวะ Bearish ในไม่ช้า ทั้งนี้ Price Pattern ของน้ำมันดิบ NYMEX (กราฟซ้ายมือ) รายสัปดาห์บ่งชี้ว่าหากน้ำมันดิบ NYMEX ปิดตลาดในสัปดาห์ต่ำกว่า US$ 72.32 บาร์เรล คำถามที่นักลงทุนสงสัยจะได้รับคำตอบ นั่นคือเราจะได้เห็นการทำ New Low ของน้ำมันดิบ NYMEX ที่ระดับต่ำกว่า US$ 68.75/บาร์เรล ในขณะที่ Price Pattern ของ DJIA (กราฟขวามือ) รายสัปดาห์ก็บ่งชี้ว่าหาก DJIA ปิดตลาดในสัปดาห์ต่ำกว่า 9,893 จุด เราก็จะได้เห็นการทำ New Low ของ DJIA ที่ระดับต่ำกว่า 9,686 จุด ซึ่งหากทั้งน้ำมันดิบ NYMEX และ DJIA ปิดตลาดในสัปดาห์ต่ำกว่าระดับดังกล่าว นี่เป็นการยืนยันถึงการมาเยือนของภาวะ Bearish ในน้ำมันดิบ NYMEX และ DJIA สำหรับ SET Index สามารถทำ New High ในระดับปิดได้อีกครั้ง แต่ Indicators ต่างๆก็ยังไม่สนับสนุนการทำ New High ในครั้งนี้เช่นเดิม มุมมองระยะยาวเชื่อว่า SET Index ยังจะไปได้อีกไกล เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดในสหรัฐและยุโรปทำให้ความมั่งคั่งและเม็ดเงินได้เคลื่อนย้ายมาสู่ภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทย แต่ในระยะสั้นนั้นน่าจะได้เห็นการพักฐานของ SET Index ก่อน โดยการแกว่งตัวที่ผ่านมาทำให้ Daily Sell Signal จะเกิดขึ้นหาก SET Index ปิดตลาดต่ำกว่า 884.50 จุด ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ที่ SET Index จะปรับตัวขึ้นใน Wave 3 นี้รวดเดียวจบ สัปดาห์นี้จึงเป็นสัปดาห์ที่มีความสำคัญว่า SET Indexจะพักฐานหรือไปต่อ วันนี้หุ้นแนะนำ คือ TMB เป้าถัดไป 2.74 บาท BTS ระยะสั้น 0.95 บาทและ 0.98 บาท SIAM ระยะสั้น 2.86 บาท และ 3.14 บาท PHATRA เบื้องต้น 25.50 บาท วันนี้ SET Index มีแนวต้านอยู่ที่ 905-909 จุด และ 917 จุด โดยมีแนวรับอยู่ที่ 896-892 จุด และ 884 จุด ตามลำดับ                

1083 0

ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 31.30 บาท/ดอลล์

นักค้าเงินจาก ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) กล่าวว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 31.30 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่เวลา 8.56 น. ค่าเงินบาทแข็งค่ามาแตะที่ระดับ 31.29 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้คาดการณ์ระหว่างวันค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.25-31.35 บาทต่อดอลลาร์ โดยให้ติดตามทิศทางค่าเงินสกุลหลักอื่นๆ อย่าง ยูโร ปอนด์ และค่าเงินในภูมิภาค ขณะที่คาดการณ์ยังมีเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง       

5383 0

บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 30/08/53

สัปดาห์นี้ ทางเทคนิคมองว่ามีโอกาสที่ SET จะขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ โดยกรอบรอบนี้ยังคงที่ระดับ 910 จุด โดยเราแนะนำให้ทยอยทำกำไรหุ้นที่ราคาปรับขึ้นมาเต็มมูลค่า (Fully Valued) เพราะระดับดังกล่าวจะเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่งมาก หุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ HMPRO ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มค้าปลีกที่จะได้รับประโยชน์ทั้งจากภาคการบริโภคและการขยายตัวของที่อยู่อาศัย ส่วนในกลุ่มพลังงานแนะนำ GLOW จากแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจประเด็นสำคัญวันนี้ HMRPO บวกจากการขยายตัวกำลังซื้อและที่อยู่อาศัย ตามรายงานของธปท.เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะมีปัจจัยหนุนจากการบริโภคเอกชน ซึ่งเมื่อผนวกกับความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเป็น 250 บาท/วัน การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการไปก่อนหน้าอีก 5% รวมกับแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรที่น่าจะปรับขึ้นตามฤดูกาลซึ่งจะทำให้รายได้เกษตรกรสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้กำลังซื้อประชาชนเพิ่มสูง ซึ่งจะส่งผลบวกให้ยอดขายกลุ่มค้าปลีกขยับตัวเป็นบวกต่อเนื่องได้ HMPRO น่าสนใจ เพราะได้ทั้งอานิสงค์จากกำลังซื้อที่สูงขึ้นและการขยายตัวของที่อยู่อาศัย ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะสูงกว่าราคาเป้าหมาย Consensus ที่9.73 บาท แต่เชื่อว่ามีโอกาสที่จะถูกปรับขึ้น แนะนำ “ซื้อสะสม” GLOW หนึ่งในหุ้น Defensive ของกลุ่มพลังงาน เรื่องมาบตาพุดที่ต้องรอฟังคำพิพากษาในวันที่ 2 ก.ย. และกรณีการเรียกร้องค่าเสียหายจากน้ำมันรั่วไหลในแหล่งมอนทารา ทำให้กลุ่ม PTT ยังอยู่ในสถานการณ์คาบลูกคาบดอก ในขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง GLOW ที่แม้ว่า GHECO-1 จะตกอยู่ในรายชื่อ 11 ประเภทกิจการที่เป็นอันตราย แต่ GHECO-1 เป็นโครงการ IPP จึงสามารถประกาศเป็นเหตุสุดวิสัยและยังคงได้รับการคุ้มครองรายได้และผลตอบแทนเต็มจำนวนหากโครงการล่าช้าเพราะการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ทำให้ GLOW จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่า อย่างไรก็ดีTNS อยู่ระหว่างปรับประมาณการกำไรจากความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่เศรษฐกิจขาขึ้นรอบใหม่ โดยจากข้อมูลล่าสุด 70% ของกำลังการผลิตมีการลงนามซื้อและเราคาดว่าส่วนที่เหลือจะมีการลงนามในเร็วๆ นี้โดยราคาเป้าหมายของ Consensus อยู่ที่ 46.85 บาท ประเด็นเด่นสัปดาห์นี้ ต้องติดตามเรื่องสำคัญในกลุ่มสื่อสารและกลุ่มพลังงาน 30 ส.ค. กทช. ทำประชาพิจารณ์เรื่องการใช้โครงข่ายร่วม และ 31 ส.ค. คณะกรรมการแปรสัมปทานของก.ไอซีทีจะนำข้อสรุปผลกระทบการแปรสัมปทานเสนอ ครม. ส่วน2 ก.ย. ศาลปกครองจะอ่านคำพิพากษากรณีมาบตาพุดสรุปภาพตลาดวานนี้ SET ผ่าน 900 จุด แรงซื้อในกลุ่มอาหาร กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มพลังงาน ช่วยหนุนให้ SET บวก 1.6% ผ่านแนวต้านสำคัญ ปิดที่ระดับสูงสุด 900.37 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ทั้งนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าสนับสนุนเงินทุนไหลเข้าได้เป็นอย่างดีทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีก 630 ล้านบาท อย่างไรก็ดี สัปดาห์ที่แล้วนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเล็กน้อย 19 ล้านบาท DJ บวก 1.6% ยืนเหนือ 1 หมื่นจุด คืนวันศุกร์ DJ ปิดเพิ่มขึ้น 164.84 จุด ปิดที่10,151.18 จุด หลังจากนักลงทุนมีความมั่นใจขึ้นจากคำแถลงของนายเบอร์นันเก้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยยืนยันว่าเฟดจะดำเนินมาตรการต่างๆเท่าที่จำเป็นและใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วน GDP 2Q53ของสหรัฐฯถูกปรับลดประมาณการลงเป็น 1.6% ลดจากครั้งที่แล้วที่คาดไว้ที่ 2.4%

10462 0

บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 30/08/53

ทิศทางตลาดวันนี้  ฟื้นตามต่างประเทศ (+) เฟดพร้อมกระตุ้นศก.สหรัฐฟื้นตัวมีเสถียรภาพ (+) ดัชนีความเสี่ยง -10% เป็น 24.5 (+) ต่างชาติขายสุทธิ -630mn    หุ้นแนะนำ:  SAT, KTBปัจจัยสำคัญวันนี้     (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +164, NASDAQ +35, S&P +17, FTSE +45, CAC +32  และ DAX +38 เฟดพร้อมดำเนินการกระตุ้นศก.สหรัฐให้ฟื้นตัว หลังปรับลด GDP ใน Q2 จาก +2.4% เหลือ +1.6% และ Intel ประกาศปรับลดประมาณการณืใน Q3/10  และราคาน้ำมันล่วงหน้า NYMEX +US$1.81 เป็น US$75.17/barrel (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศมียอดสุทธิ  +670บาท ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี        -103ล้านบาท  และต่างประเทศมียอดสุทธิล่วงหน้า -104ล้านบาท มียอดสะสมใน สค53  +3,772ล้านบาท กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ทิศทางตลาด   ฟื้นตามต่างประเทศ  นักลงทุนทั่วโลกจับตาสหรัฐประกาศตัวเลขศก.ที่สำคัญ เช่น ความเชื่อมั่นผู้บริโภค 31สค ดัชนีการผลิต 1กย และการจ้างงาน 3กย  หลังเฟดพร้อมดำเนินการเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของศก.สหรัฐ  ล่าสุดดัชนีความเสี่ยง -10% เหลือ 24.5จุด  สำหรับตลาดหุ้นไทย เน้นกลุ่ม 3G, มามตาพุด และวัสดุก่อสร้าง (TASCO, SSI, TSTH, BSBM) ดัชนีความเสี่ยง  -10% เหลือ 24.5  เทียบกับระดับปกติที่ 20-25

9 0

สรุปข่าวหนังสือพิมพ์แนวหน้า

'มาร์ค'เมินNGOต้าน ดันร่าง'11กิจการรุนแรง' ให้ครม.พิจารณาอังคารนี้ หวังเดินหน้า'มาบตาพุด' นายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุม ครม.วันที่ 31สิงหาคมนี้ จะพิจารณาร่างประกาศ 11 กิจการรุนแรงที่มีผลกระทบต่อชุมชน เพื่อเดินหน้าโครงการลงทุนใน 'มาบตาพุด'ต่อ พร้อมติง'สมาคมต้านโลกร้อน' ไม่ควรเคลื่อนไหวกดดัน ยันรัฐบาลให้ความสำคัญต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมสูงกว่าหลายประเทศ ค่าเงินบาทแข็งทุบสถิติ 'ธปท.'ยอมรับเอาไม่อยู่ ผู้อำนวยการ 'แบงก์ชาติ' ยอมรับ 'บาทแข็ง' อย่างรวดเร็วระบุตั้งแต่ ต้นเดือนสิงหาคมจนถึงปัจจุบัน แข็งค่าขึ้นไปแล้ว 3% ทำสถิติสูงสุดเป็นอันดับแรก เมื่อเทียบกับ 10 ประเทศ แนะผู้ส่งออก-นำเข้า ทำประกันความเสี่ยงลดผลกระทบความผันผวนค่าเงิน คลังเล็งกู้เพิ่มอีก9หมื่นล. โปะโครงการไทยเข้มแข็ง 'คลัง' เตรียมกู้เงินจากแบงก์นำมาโปะงบ 'ไทยเข้มแข็ง' โดยจะทยอยเปิดประมูลตั้งแต่เดือนหน้า คาดได้ครบก่อนสิ้นปี หวังนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ ด้าน ' ไตรรงค์'เตรียมเสนอแนวทางติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบปี'54 ให้ ครม.พิจารณา BOIดัน5กลุ่มธุรกิจคนไทย สยายปีกลงทุนต่างแดน/ชงบอร์ด13กย. 'บอร์ด บีโอไอ' นัดประชุมกลางเดือนหน้า สนับสนุนธุกิจคนไทยไปลงทุนต่างประเทศทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป -สิ่งทอ-ชิ้นส่วนยานยนต์-ท่องเที่ยว และกลุ่มก่อสร้างเล็งเป้าหมายประเทศตะวันออกกลาง จีน แอฟริกา อาเซียน เผยจะให้ 'คลัง'สนับสนุนแห่งทุน                กวาดสก.42-สข.210ที่นั่ง ปชป.ชนะขาด พท.โวยส่อพิรุธหลายเขต องอาจชี้ผลเลือกตั้งไม่สะท้อนสนามใหญ่ การเมืองใหม่ยอมรับอ่อนประสบการณ์ กทม.สรุปใช้สิทธิ์แค่42%-ทุ่งครุแชมป์ ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) และสมาชิกสภาเขต (สข.)ปรากฎว่าพรรคประชาธิปัตย์กวาดที่นั่งสก.และสข.ได้มากที่สุดตามความคาดหมาย ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงคะแนนเลือกตั้ง สก.และสข.หลังเปิดหีบเลือกตั้งเมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 29 สิงหาคม มีประชาชนมาใช้สิทธิ์บางตา เนื่องจากมีฝนตก แต่ช่วงบ่ายมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์มากขึ้น แต่ไม่คึกคักเท่าที่ควรเทือกลอยแพศิริโชค พบ'บูท'เรื่องส่วนตัว พรรค-รบ.ไม่เกี่ยวด้วย นายกฯสั่งบัวแก้วแจง ไทยยึดกฎหมายสากล เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ 'เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์' ถึงคดี นายวิกเตอร์ บูท ผู้ต้องหาค้าอาวุธสงครามที่ไทยจะต้องส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้สหรัฐอเมริกา ว่า ความจริงการจับกุมเริ่มตั้งแต่ก่อนรัฐบาลนี้จะเข้ามา แต่ว่าในภาวะซึ่งทั้งสหรัฐฯและรัสเซีย ให้ความสำคัญกับคดีนี้มาก รัฐบาลไทยจึงยืนยันกับ 2 ประเทศว่า กระบวนการยุติธรรมของเรานั้น จะไม่ให้ฝ่ายบริหารเข้าไปแทรกแซง ขณะเดียวกันการพิจารณาต่างๆเราจะยึดถือกฎหมายภายในประเทศและสนธิสัญญาสากล ที่สำคัญคือคำนึงถึงความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้ง 2 ประเทศ บังเอิญศาลชั้นต้นตัดสินว่า คดีนี้เป็นคดีการเมือง จึงมีคำพิพากษาไม่ต้องส่งตัว แต่ต่อมาศาลอุทธรณ์พิจารณากลับคำพิพากษาให้ส่งตัวภายใน 3 เดือน ขณะเดียวกัน สหรัฐฯได้ยื่นขอตัวและอัยการได้ยื่นฟ้องเพื่อให้ส่งตัวเป็นคดีที่2 ฉะนั้นคดีที่2 เมื่อยังอยู่ในการพิจารณาของศาล ก็ทำให้การส่งตัวยังทำไม่ได้ สหรัฐฯก็แสดงความจำนงที่จะขอถอนคดีดังกล่าว ซึ่งการถอนคดีนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของศาลที่จะเป็นผู้พิจารณาต่อ ไป ฉะนั้นจึงยังส่งตัวไม่ได้ จนกว่าจะมีการถอนคดี'เทพเทือก'สั่งศอฉ. ล็อกเสื้อแดง ห้ามป่วนชาติรอบ2 ขู่17กย.ทำผิดฟันทันที พร้อมพงศ์โม้รายวัน จะมีบึ้ม!รถไฟใต้ดิน มาร์คถกตร.ปมM79 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและผอ.ศูนย์ อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม โดยแสดงความกังวลที่กลุ่มเสื้อแดง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)จะรวมตัวเคลื่อนไหวตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน และมีโปรแกรมที่จะไปผูกผ้าแดงประท้วงที่สี่แยกราชประสงค์ในวันที่ 19 กันยายนท้าทายการบังคับใช้พรก.ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพปชป.ไม่หนักใจซัก4พยานกกต. ยันให้การเป็นคุณ เด็จพี่โชว์ภาพเด็ด อ้างทีมทนายพรรค รับข้อมูลจากศาลฯ เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 29 สิงหาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะทำงานด้านกฎหมายเพื่อต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการเรียกประชุมคณะทำงาน อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค นายทศพล เพ็งส้ม ส.ส.นนทบุรี และนายวิรัตน์ ร่มเย็น ส.ส.ระนอง เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับการสืบพยานผู้ร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในคดียุบพรรค จากกรณีการใช้เงินสนับสนุนพรรคการเมือง จำนวน 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งจะเป็นการสืบพยานนัดที่ 3 จำนวน 4 ปาก เป็นส่วนของพยานที่เกี่ยวข้องในคดี และเกี่ยวข้องกับการโอนเงิน โดยมีนายคณาปติ หรือ ประจวบ สังข์ขาว น.ส.วิไลลักษณ์ ประสงค์ นายธงชัย ดลศรีชัย และนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์โจรใต้ฆ่ารายวัน4ศพ ชาวบ้าน2/นศ.1/เด็ก2ขวบ ซุ่มยิงชรบ.สาหัส-ฉกปืนหนี   เหตุร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 สิงหาคม พ.ต.อ.วัลลพ จำนงค์อาสา ผกก.สภ.ปานาเระ จ.ปัตตานี นำกำลังเข้าตรวจสอบเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่หมู่ 3 ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ โดยพบรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน สีน้ำตาล ทะเบียน บง 9791 ยะลา สภาพตกข้างทางพังเสียหาย ถูกยิงด้วยกระสุนปืนที่กระจกและประตูด้านขวาหลายแห่ง ภายในรถพบศพนายคุ้ม สาหมาน อายุ 50 ปี และนางลิ้ม สาหมาน อายุ 50 ปี สองสามีภรรยา สภาพถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม.ที่ศีรษะและลำตัวเหนือท่วมหลายจว. เชียงใหม่-ลำปาง อยุธยาน้ำสูง50ซม. อุตุเตือนฝนยังหนัก   กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย 'ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน' ฉบับที่4 ลงวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 16.00น.ว่า ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงยังคงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านโดยเฉพาะพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือไว้ด้วยพท.ซัดภท.ตัวกินไก่ ปูดใช้40ล้านดูดสส. เทือกโดดป้อง'เนวิน' ไม่เชื่อใช้งบฯต่อรอง มาร์คชี้เคยเตือนแล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเตือนพรรคภูมิใจไทย(ภท.)เรื่องการนำเอางบประมาณมาต่อรองเพื่อดึงสส.พรรคอื่นเข้าสังกัดหลังจากก่อนหน้านี้นายสุทิน นทีเผือก หรือกรุง ศรีวิไล สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย(พท.) ประกาศย้ายเข้าพรรคภท. โดยอ้างว่า มีการรับปากเรื่องจัดสรรงบประมาณลงไปให้ในพื้นที่'วรวิทย์-คณิสร์'คว้าบิ๊กแบงก์รัฐ เตรียมเข้ารั้งตำแหน่งเอ็มดีธอส.-ธสน.   แหล่งข่าวจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหากรรมการผู้จัดการธอส. ได้ทำการสัมภาษณ์ผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งดังกล่าวจำนวน 4 ท่าน ประกอบด้วย 1.นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย 2.นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 3.นายธัชพล กาญจนกูล รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ 4.นายสมพร จิตเป็นธม รองกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ บลจ.ทิสโก้เปิดตัว 'ไชน่าทริกเกอร์' เอาใจนักลงทุน นิยมหุ้นต่างแดน   นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ได้เสนอขาย 'กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 15%   2' (TISCO China Trigger 15% Fund   2:TISCOCT2) อายุโครงการประมาณ 1 ปี มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เสนอขายตั้งแต่วันนี้ -10 กันยายน 2553 โบรกฟันธงตลาดหุ้นรุ่ง อ้างรับแรงบวกจากเศรษฐกิจฟื้นกำไรบจ.สูง   นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์กล่าวว่าถึงผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์เกี่ยวกับทิศทางตลาดหุ้นไทยครั้งต่อไปในช่วงเดือนตุลาคมนี้โดยส่วนตัวคาดว่าจะมีการปรับเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย ตัวเลขอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)และกำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ของปีนี้ ให้สูงขึ้นจากเดิม ออมสินออกเงินฝาก8เดือน ชูดอกเบี้ย1.90%ดูดลูกค้า    นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสินเปิดเผยว่าธนาคารออกเงินฝากรูปแบบใหม่ ชื่อ 'เงินฝาก 8 เดือน มีแต่ได้กับได้' จ่ายอัตราดอกเบี้ย 1.90% ต่อปี เมื่อฝากครบอายุ 8 เดือน แต่ถ้าฝากไม่ครบกำหนดจะได้รับอัตราดอกเบี้ยตามระยะเวลา โดยฝากครบ 3 เดือนแต่ไม่ถึง 6 เดือน จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 1.15%ต่อปี และฝากครบ 6 เดือนแต่ไม่ครบ 8 เดือนจะได้รับอัตราดอกเบี้ย 1.25% ต่อปีธนาคารจะเปิดรับฝากเพียง 3 เดือนตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน ถึงวันที่ 9 ธันวาคม 2553    SCNYLยันปักหลักลงทุน ธุรกิจประกันชีวิตยังไปได้ดี   นายโดนอลด์ คาร์ดีน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCNYL เปิดเผยว่าบริษัทแม่นิวยอร์คไลฟ์ในสหรัฐฯ ได้ยืนยันเกี่ยวกับธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยว่ายังเติบโตได้ดีกว่าประเทศอื่น เนื่องจากความเสี่ยงในไทยยังมีน้อยโดยพิจารณาจากตลาดหลักทรัพย์ที่มีทิศทางบวก หากเปรียบเทียบกับประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน                ที่มา แนวหน้า    

34 0

สรุปข่าวหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

ขายข้าวต่ำกว่าตลาด 2 พันล. 'ไตรรงค์' อุ้ม 'พรทิวา' เคาะขาย 1.6 ล้านตัน-ท้ายื่น ปปช. สอบ ผู้ส่งออกเผยลอบขนข้าวออกจากโกดังก่อนอนุมัติเตรียมระบายอีก 1.4 ล้านตันก่อนสิ้นปี 'ไตรรงค์' อุ้ม 'พรทิวา' ขายข้าวสต็อก 1.6 ล้านตัน ต่ำกว่าราคาตลาด 2 พันล้านบาท ท้าไม่พอใจยื่นปปช.สอบ เดินหน้าระบายข้าวต่อเนื่อง รับมือข้าวฤดูใหม่ การันตีมี 7 อรหันต์แนะนำ ด้านที่ปรึกษา แนะพาณิชย์ดึงสมาคมผู้ส่งออกข้าวรับรู้ข้อมูลป้องกันครหา'เอกชน' ตั้งคลับปราบคอร์รัปชัน พ.ย.นี้ ดึง 200 บริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นนำร่อง ไอโอดีผนึกหอการค้าตั้งคลับด้านคอร์รัปชัน เตรียมประกาศแผนเดือนพ.ย.นี้ นำร่อง 200 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นดึงดูดภาคเอกชนเข้าร่วม ขณะที่ก.ล.ต.เสนอแก้กฎหมายเอาผิดทางแพ่ง หวังย่นระยะเวลาการพิจารณาให้เร็วขึ้นบินไทยจ้างที่ปรึกษา 10 ล้าน เดินหน้าตั้ง 'ไทย ไทเกอร์ฯ' การบินไทยจ้าง แอล.อี.เค.ฯ 10 ล้านบาทที่ปรึกษาตั้ง ไทย ไทเกอร์ฯ เร่งทำแผนธุรกิจหวังเปิดบริการเดือนมี.ค. 2554 'ปิยสวัสดิ์' แจงกลยุทธ์สู้คู่แข่ง บินทับทุกเส้นทาง ยันระเบียบปี 2550 ยกเว้นให้รัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสนอครม.อนุมัติตั้งบริษัทร่วมทุน ด้าน 'ชัยศักดิ์' ส่งหนังสือถึงประธานบอร์ดบินไทยค้านร่วมทุนตั้ง ไทย ไทเกอร์ฯธุรกิจปรับแผนรับดบ.ขาขึ้น เล็งกู้เงินสกุลอื่น-ลดต้นทุน ภาคธุรกิจ เร่งปรับแผนการเงินรับ 'ดอกเบี้ยขาขึ้น เล็งหาแหล่งเงินทุนใหม่ ลดกู้ในประเทศพร้อมเปลี่ยนกู้สกุลเงินอื่นหวังลดต้นทุนธุรกิจด้านผู้ประกอบการธุรกิจพลังงาน ชี้กระทบต้นทุนการเงิน เตรียมกู้เงินนอกลงทุนโรงไฟฟ้า 'พาณิชย์' ชงครม.เศรษฐกิจวันนี้พิจารณาต้นทุนราคาสินค้าแบงก์หวั่นธปท.ขึ้นดอกเบี้ยเร็วกระทบเศรษฐกิจฟื้นตัวกดดันบาทแข็งค่าเตือนปีหน้าเศรษฐกิจโลกผันผวนหนัก ปทุมวันปริ๊นเซสอัดแคมเปญรับตลาดฟื้น ปทุมวันปริ๊นเซส ฉลองครบ 14 ปี ปรับใหม่หลายส่วนทั้งเพิ่มห้องประชุมใหม่ บริการบัทเลอร์ เซอร์วิส พร้อมปรับโฉมสระว่ายน้ำสู่ ซิตี้ รีสอร์ท เผยตลาดเริ่มกลับคืนทั้งออสเตรเลีย เอเชีย นายคริสท็อฟ เจ คนิเชล ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ของโรงแรมฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ภายหลังเหตุการณ์วิกฤตการณ์ทางการเมืองได้ผ่านไป โดยเฉพาะตลาดออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเอเชียแถวฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดหลักได้กลับเข้ามาจำนวนมากและจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงไฮซีซัน โดยภาพรวมแม้โรงแรมซึ่งอยู่ในย่านปทุมวันจะได้รับผลกระทบจากการเมือง และทำให้อัตราเข้าพักโดยรวมในปีนี้หดหายไปบ้าง แต่เชื่อว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า อัตราเข้าพักจะกลับมาเป็นปกติ เอสเนเจอร์ปรับแผนสู้ศึกขายตรงจัดโมเดลผลตอบแทนใหม่ ทีมอ่อน-ทีมแข็ง เล็งขยายสาขาบุก ตปท.นำร่องพม่า-ลาว 'เอสเนเจอร์' ปรับแผนจ่ายผลตอบแทน รับมือตลาดขายตรงแข่งขันสูง พร้อมปรับภาพลักษณ์-โลโก้ใหม่ หวังแยกภาพออกจากศรีไทยซุปเปอร์แวร์ เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 5 แห่ง เตรียมบุกตลาดต่างประเทศ นำร่องพม่า-ลาว ตั้งเป้าสิ้นปีทำรายได้ 150 ล้านบาท ทอท.บูมท่องเที่ยวเชียงราย ลดค่าธรรมเนียมบินถึงสิ้นปี ทอท.บูมท่องเที่ยวเชียงราย ลดค่าธรรมเนียมช่วยผู้ประกอบการถึงสิ้นปี ย้ำการบินเชียงรายโตสวนกระแส นักท่องเที่ยวจีนตลาดใหญ่ผ่านเข้าไทยนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เผยว่า หลังจากรัฐบาลได้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินจังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย และช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบิน ทอท.จึงได้กำหนดมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงราย โดยปรับลดค่าธรรมเนียมการขึ้น-ลง ในอัตรา 10% และค่าธรรมเนียมอากาศยาน 20% จนถึงเดือนธ.ค.2553 พฤกษาหวังรายได้ตปท.40% ประกาศปีหน้าลุยตลาดอินโด-เซี่ยงไฮ้'เอพี' เตรียมเปิด 2 โครงการคอนโดมิเนียม ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท 'พฤกษา' เดินหน้าขยายลงทุนต่างแดน วางแผนปีหน้าบุกตลาดอินโดนีเซียและเซี่ยงไฮ้ หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 40% มั่นใจดอกเบี้ยขึ้นไม่กระทบกำลังซื้อ ยืนเป้ายอดขายปีนี้ 3.5 หมื่นล้านบาท ด้าน 'เอพี' เดินหน้าผุดโครงการต่อเนื่อง ล่าสุดเล็งเปิด 2 โครงการคอนโดมิเนียมรวมกว่า 3,000 ยูนิต ใน 2 ทำเลย่านพระราม 4-งามวงศ์วาน ขายราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท 'บี'ลั่นบริสุทธิ์สู้ข้อหาก.ล.ต.ยักยอกไออีซี 'บี เตชะอุบล' ลั่นพิสูจน์ความบริสุทธิ์ หลัง ก.ล.ต.กล่าวโทษยักยอกทรัพย์ไออีซี พร้อมห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ยันทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คาใจเหตุใดกล่าวโทษวันเดียวกับที่คันทรี่ประกาศเจตนาซื้อหุ้นบางส่วน บลจ.เอ็มเอฟซีทิสโก้ออก'ไชน่าทริกเกอร์'กอง2ลุยตลาดหุ้นจีน บลจ.ทิสโก้ ส่งกองทุนเปิด 'ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 15%   2' มูลค่า 1 พันล้านบาท ลุยลงทุนตลาดจีน หลังเศรษฐกิจแดนมังกรขยายตัวต่อเนื่องแซงหน้าญี่ปุ่น ตั้งเป้าผลตอบแทน 15% ที่มา  : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ                

20 0

สรุปภาวะการลงทุนนอก

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค:  ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ  10150.65 จุด เพิ่มขึ้น 164.84 จุด หรือ 1.65%ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค: ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ 2153.63 จุด เพิ่มขึ้น 34.94 จุด หรือ 1.65%ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค: ดัชนี S&P ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ 1064.59 จุด  เพิ่มขึ้น 17.37 จุด หรือ 1.66%ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ระดับ 5201.56 จุด เพิ่มขึ้น 45.72 จุดหรือ 0.89%ภาวะตลาดหุ้นฝรั่งเศส: ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ระดับ 3507.44 จุด เพิ่มขึ้น 32.41 จุด หรือ 0.93%ภาวะตลาดหุ้นเยอรมัน : ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ระดับ 5951.17 จุด เพิ่มขึ้น 38.59 จุด หรือ 0.65%ดัชนีค่าระวางเรือ BDI   ประจำวันที่ 27 ส.ค. ปิดที่ระดับ 2712 จุด เพิ่มขึ้น 9.00 จุด คิดเป็น 0.33%

9 0
คาดสัปดาห์หน้าหุ้นดีด จับตามาบตาพุด

คาดสัปดาห์หน้าหุ้นดีด จับตามาบตาพุด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด สัปดาห์หน้า หุ้นไทยปรับขึ้นต่อ นักลงทุน จับตาตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศ ศาลตัดสินคดีมาบตาพุด 2 ก.ย. และเงินบาทแกว่ง 31.20-31.50 บาท/ดอลลาร์ฯ

302 0

SAT มั่นใจ ปี 57 จะมียอดผลิตรถยนต์ใน ปท.รวม 2.5 ล้านคัน

นายวีระยุทธ กิตะพาณิชย์ กรรมการ บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนดำเนินธุรกิจในช่วงปี 2554-2557 ว่ายอดขายจะเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี ตามแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มองว่ามีโอกาสที่ปี 2557 ยอดผลิตรถยนต์จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านคัน จากปี 2553 ที่คาดการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์จะมียอดผลิต 1.6 ล้านคัน ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าในปี 2557 ยอดผลิตรถยนต์จะเพิ่มเป็น 2.5 ล้านคัน เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศหลักรวมถึงประเทศไทยที่ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่อีโคคาร์ ก็ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงผู้ประกอบการรถยนต์ส่วนใหญ่ก็ตั้งเป้าหมายที่จะรุกตลาดอีโคคาร์มากขึ้น ส่วนในแง่ของบริษัทฯ ที่มั่นใจว่ายอดขายจะเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% มองว่าเป็นการเติบโตตามอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงในส่วนอีโคคาร์ บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับคำสั่งซื้อจาก 5 บริษัท โดยขณะนี้บริษัทฯ ได้รับออเดอร์จาก 3 รายแล้ว  แต่อีก 2 รายได้แก่ โตโยต้า และมิตซูบิชิ อยู่ระหว่างการเจรจา แต่มั่นใจว่าทั้ง 2 รายจะสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทฯ โดยคาดการณ์ในปี 2553 จะมีรายได้เข้ามาประมาณ 50 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งในปี 2554 คาดว่าจะมีรายได้จากอีโคคาร์ 100 ล้านบาท  และปี 2555 เพิ่มเป็น 200 ล้านบาท จนกระทั่งในปี 2559 จะเพิ่มเป็น 400 ล้านบาท

28 0

KTB คาดค่าเงินบาทสิ้นปีแตะ 30 บ./ดอลล์

นายวินิจ แสงอรุณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่ม กลุ่มปฏิบัติการธุรกิจระหว่างประเทศ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กล่าวว่า แนวโน้มค่าเงินบาทในสิ้นปีนี้มีโอกาสที่จะแข็งค่าไปที่ระดับ 30 บาท/ดอลลาร์ได้ ดังนั้นผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการส่งออก จึงควรทำการซื้ออัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า ซึ่งที่ผ่านมาระยะเวลาเฉลี่ยของลูกค้าธนาคารที่ทำการซื้ออัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าไว้ประมาณ 6 เดือน ส่วนสาเหตุที่ทำให้มีเงินลงทุนเข้ามายังแถบภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้นในระยะนี้นั้น เกิดจากที่นักลงทุนต่างชาติประเมินว่า ผลตอบแทนที่ได้รับในเอเชียจะสูงกว่าการนำเงินไปลงทุนในสหรัฐ และยุโรป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศทั้ง 2 ยังไม่ฟื้นตัวอย่างแท้จริง เห็นได้จากปริมาณเม็ดเงินที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ที่มากกว่า 4 หมื่นล้านบาทต่อวัน ขณะที่ในอดีตมีเพียงประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อวันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ค่าเงินในเอเชียที่แข็งค่าขึ้นนั้นสอดรับกับในทุกประเทศ ดัง นั้นจึงอาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศคู่แข่งไม่มากนัก

18 0

KTB เตรียมรุกตลาดแลกเปลี่ยนเงินชายแดน

นายวินิจ แสงอรุณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่ม กลุ่มปฏิบัติการธุรกิจระหว่างประเทศ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กล่าวว่า ในเร็วๆนี้ธนาคารเตรียมจะเปิดการให้บริการธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยนบริเวณแนวชายแดนประเทศไทย ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากจำนวนสาขาของธนาคารที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยในช่วงการเริ่มต้นนั้น ธนาคารคาดว่าจะสามารถรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินกีบของประเทศลาวได้ก่อน เนื่องจากมองว่าสกุลเงินดังกล่าวมีสเถียรภาพมากกว่าสกุลเงินจ๊าดของพม่า และสกุลเงิน รีล (เหรียญ) ของกัมพูชา 'กลยุทธ์ของเราเตรียมที่จะลุยแลกเปลี่ยนเงินตราแถบชายแดน เพราะยังไม่มีแบงก์ไหนทำ น่าจะเริ่มจากเงินกีบก่อน โดยใช้สาขาแบงก์ในต่างจังหวัดที่เรามีมากจนเป็นจุดแข็งให้เป็นประโยชน์ เรามีการค้าชายแดนจำนวนมาก แต่พลเมืองลาวที่เข้ามาในไทยจะต้องไปแลกเงินบาท ถึงจะมาใช้ได้ ดังนั้นถ้าเรามีที่ให้เขาแลก ก็จะเพิ่มวอลุ่มของการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้' นายวินิจ ก ล่าว สำหรับปริมาณธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งรวมไปถึงการทำธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยนด้วยนั้น ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ประมาณ 5 แสนล้านบาท ซึ่งแนวโน้มของปริมาณดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีอยู่เพียง 3 แสนล้านบาทเท่านั้น โดยในสิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมายที่ 9 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน

26 0

SEAFCO ไม่หวั่น 6 เดือนแรกขาดทุน 41.93 ล้าน

นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เปิดเผยว่า ไม่รู้สึกกังวล แม้ผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้จะออกมาไม่ดีนัก โดยขาดทุน 41.93 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 24.13 ล้านบาท เพราะภาพรวมของผลประกอบการในปีนี้คาดว่ามีโอกาสจะออกมาดีและยังคงเป็นบวก ส่วนรายได้ทั้งปีนี้ยังคงคาดว่าจะอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท  เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยทางการเมืองที่เคยเป็นอุปสรรคในการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2553 ประกอบกับงานเสาเข็มเจาะเริ่มทยอยออกมามากขึ้นด้วย ' ปีนี้ทั้งปีก็ยังคงมีลุ้นผลประกอบการเป็นบวกไม่น่าจะขาดทุน ยังมีลุ้นอยู่ เพราะว่าสถานการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้น ส่วนรายได้ทั้งปีนี้เดิมบริษัทฯ เคยตั้งเป้าไว้ที่ 2,000 ล้านบาท แต่ตอนนี้ปรับลดลงมาเหลือ 1,600 ล้านบาท ซึ่งน่าจะทำได้ตามเป้าหมาย เพราะว่าในช่วง 6 เดือนแรกมีรายได้แล้ว 800 ล้านบาท  ' นายณรงค์ กล่าว     สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/2553 ที่พลิกเป็นขาดทุน 20.38 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.62 ล้านบาท ถือว่าเป็นไปตามที่คาดไว้ จึงไม่ได้กังวล ในขณะที่สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ มาจากการประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่และงานกำแพงกันดิน ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ ยังคงเตรียมเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ยื่นประมูลงานใหม่ไปแล้วมูลค่าประมาณ 200-300 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าจะได้รับงานดังกล่าวในสัดส่วน 2 ใน 3 ของมูลค่างานทั้งหมด ซึ่งจะช่วยผลักดันให้งานในมือ (Backlog) ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มี Backlog อยู่ที่ 1,600 ล้านบาท

18 0

SENA เผยครึ่งปีหลังเตรียมผุด 2 โครงการใหม่

“เสนาดีเวลลอปเม้นท์”เดินหน้าลุยธุรกิจต่ออย่างมั่นใจ วางแผนเปิด 2 โครงการใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้เป็นโครงการพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ และโครงการคอนโดมิเนียม BOI ย่านสุขุมวิท อีก 1 โครงการ ชูจุดแข็งที่ทำให้ทุกโครงการได้รับการตอบรับที่ดี เพราะมีการรีเสริชความต้องการของลูกค้าอย่างละเอียด และนำมาสร้างเป็นโครงการใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว ทำให้มั่นใจปีนี้ผลประกอบการขยายตัว 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังงวด 6 เดือนแรกโชว์กำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องและยังคืนกำไรผู้ถือหุ้นด้วยการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอีกด้วย พร้อมระบุแนวโน้มอั ตราดอกเบี้ยที่ขยับตัวขึ้น ไม่ส่งผลกระทบธุรกิจ   ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ ที่เน้นขยายฐานการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปยังธุรกิจให้เช่าเพิ่มมากขึ้น สำหรับโครงการพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ พื้นที่ประมาณ 7,000 ตารางเมตร มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท (อยู่ระหว่างการพัฒนาแบบ) และเพิ่มโครงการคอนโดมิเนียม BOI ย่านสุขุมวิทอีก 1 โครงการ สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานั้นได้เปิดขายโครงการใหม่ 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเสนาแกรนด์โฮม โครงการเสนากรีนวิลล์- รังสิตคลอง 4 (เฟส 1) และโครงการคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการ คือโครงการเดอะคิทท์-แจ้งวัฒนะ “ยังมีความมั่นใจว่าในปีนี้ผลประกอบการของ SENA จะขยายตัวตามเป้าหมายที่วางไว้ได้คือเติบโตประมาณ 20% จากปีก่อน โดยหัวใจสำคัญที่ทำให้ SENA สามารถครองใจลูกค้าเอาไว้ได้เนื่องจากความรับผิดชอบต่อลูกค้าทั้งในด้านการสร้างความประทับใจจากการดูแลบริการหลังการขาย และคุณภาพงานก่อสร้างที่ดี ซึ่งทุกครั้งก่อนที่จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ SENA จะทำการวิจัยอย่างละเอียด มีการหาข้อมูล วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อหาสิ่งที่ดี และเหมาะสมที่สุด โดยผลงานที่ได้จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่  เพื่อให้โครงการของ SENA สามารถตอบสนองการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์ได้อย่างแท้จริง โดยให้ชื่อแบบที่พัฒนาใหม่เหล่านี้ว่า Sena Design” ต่อประเด็นแนวโน้มของดอกเบี้ยที่เริ่มส่งสัญญาณปรับตัวเป็นขาขึ้นนั้น  ดร.เกษรา กล่าวว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารและการจัดการของ SENA มากนัก เนื่องจากบริษัทฯ มีนโยบายในการวางแผนดูแลระบบค่าใช้จ่ายเพื่อควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยต้นทุนทางการเงินอาจจะปรับตัวสูงขึ้นบ้างเล็กน้อย  แต่เนื่องจากบริษัทมียอดเงินกู้ไม่มากนัก โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) ต่ำมากอยู่ที่ระดับเพียง 0.48 เท่า จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก  และถึงแม้ดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะขยับขึ้น แต่โดยภาพรวมแล้วอัตราดอกเบี้ยยังถือว่าอยู่ในระดั บต่ำ อีกทั้งสถาบันการเงินส่วนใหญ่ก็ยังคงแข่งขันกันโดยการเน้นปล่อยกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในหลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน ดร.เกษรา กล่าวต่อว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ โดยคาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ  5-10%  จากปีก่อน  จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริงและมีกำลังซื้อค่อนข้างดีโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมมีความต้องการสูงมาก อีกทั้งคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ในส่วนของผู้ประกอบการจะมีการแข่งขันกันมากขึ้น ขณะเดียวกันจากสภาพคล่องของสถาบันการเงินที่มีอยู่สูงมากในระบบ ส่งผลให้มีการปล่อยสินเชื่อผู้บริโภคมากขึ้นด้วย ผลประกอบการรอบล่าสุดของ SENA ในงวดไตรมาส 2/2553 มีกำไรสุทธิ 63.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.59 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2552 ที่มีกำไรสุทธิ 60.11 ล้านบาท และสำหรับงวด 6 เดือนแรกปีนี้ยิ่งน่าประทับใจโดยมีกำไรสุทธิ 143.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.96 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 127.34 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ในช่วงที่ผ่านมาคณะกรรมการได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สําหรับผลการดําเนินงานประจําปี 2553 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2553 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.08522  บาท รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 57,523,500 บาท หรือคิดเป็น 40.0026% ของกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ตามงบการเงินรวมปี 2553 โดยกำหนดรายชื่อ ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 30 สิงหาคม 2553 และให้    รวบรวมรายชื่อตาม ม.225 ของ พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ โดยปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับปันผลในวันที่ 31 สิงหาคม 2553 และกำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 10 กันยายน 2553

168 0

นายกฯ ยัน ทยอยเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประกาศยกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนด(พ.ร.ก.)การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า รัฐบาลจะทยอยประกาศในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนกรุงเทพมหานคร(กทม.)จะเป็นพื้นที่สุดท้าย หลังเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณหน้าคิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ เมื่อคืนที่ผ่านมา 'คิดว่าการยกเลิกพ.ร.ก.น่าจะเป็นจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก่อนกำลังดูสถานการณ์อยู่ ส่วน กทม.น่าจะเป็นจังหวัดสุดท้าย' นายกรัฐมนตรี กล่าว นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันด้วยว่า สำหรับสถานการณ์โดยภาพรวมของประเทศ กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น                

9 0

ราคาน้ำมันดิบไลท์สิงคโปร์ครึ่งวันเช้าลดลง 24 เซนต์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์สัญญาส่งมอบเดือนตุลาคมที่สิงคโปร์ครึ่งวันเช้าลดลง 24 เซนต์ มาอยู่ที่ 73.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันเตาลดลง 0.64 เซนต์ มาอยู่ที่ 2.00 ดอลลาร์/แกลลอน ราคาน้ำมันเบนซินลดลง 0.67 เซนต์ มาอยู่ที่ 1.902 ดอลลาร์/แกลลอน และราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 1.7 เซนต์ มาอยู่ที่ 3.834 ดอลลาร์/1 พันลูกบาศก์ฟุต ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันลดลง เป็นผลมาจากนักลงทุนติดตามดัชนีตลาดหุ้นที่ลดลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเชิงลบ ซึ่งราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้จะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น

16 0

นายกฯมั่นใจจีดีพีปีนี้โตเกิน 7%

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ของไทยปีนี้ จะเติบโตได้เกิน 7% ก่อนที่ปีหน้าอาจจะชะลอตัวลงมาเหลือขยายตัว 4-5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ซึ่งทางสภาพัฒน์ฯประเมินครั้งสุดท้าย ก็ไม่น่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้น 'เป้าหมาย(จีดีพี)ทั้งปี น่าจะได้เกินร้อยละ 7 หลังจากนั้น(ปี 54) ถ้าชะลอตัวลงมา ก็น่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4 หรือ 5' นายอภิสิทธิ์ กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคงมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) คาดว่า จีดีพีทั้งปี 53 น่าจะเติบโตได้ 7.0-7.5% ส่วนในปีหน้า คาดว่าจีดีพีจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 4-5% หากสามารถทำให้การลงทุนภาคเอกชนในโครงการลงทุนพื้นฐาน สามารถเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่ปลายปีนี้

16 0

บล.ทิสโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 27/08/53

สรุปภาวะตลาดวันก่อน SET ปิด +1.59 จุด หรือ +0.18% มาที่ 886.10 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 32,684.72 ล้านบาท ดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ +0.86%,  เทคโนโลยี +1.14%,  แบงก์ -1.30%, พลังงาน      -0.06%,  วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร +4.53%  และวัสดุก่อสร้าง +0.48% หุ้นไทยผันผวนเนื่องจากที่ผ่านมามีการปรับตัวขึ้นมาเร็ว จึงมีแรงขายทำกำไรสลับกับแรงซื้อเข้ามา ทิศทางตลาดวันนี้ แนวโน้มวันนี้  ค่าเงินบาทแข็งค่าทำ  New Low  รอบ 27 เดือน  Fund Flow ไหลเข้าประเทศเข้าตราสารหนี้ เมื่อวานต่างชาติยังขายสุทธิ 630  ล้านบาท ส่วน หุ้น PTTEP , PTT , BANPU ยังลงต่อ  นักลงทุนชะลอลงทุนรอดูความชัดเจนข่าว  PTTEP  ที่ถูกฟ้องร้องความเสียหายจากมอนทารา  คาด  SET  แกว่งแคบ ๆ แต่ยังมีลุ้นเด้งกลับที่แนวรับ  881, 876 จุด ขึ้นทดสอบแนวต้าน  890, 894 จุด  ภาพรวมยังไม่ชัด คาด  SET แกว่งแคบกรอบ  881 – 900  จุดรอความชัดเจน  DOWJONES กลยุทธ์การลงทุน  ; 1. Port ลงทุน ;  ถือรอขายลด  Port  ถือเงินสด ที่ 900,  925  จุด (1-10 ก.ย. 53) 2. เก็งกำไร ; ลงซื้อ 881, 876 จุด (หลุด 875 จุด = ชะลอการซื้อ) ขึ้นขาย 890, 894 จุด  3. หุ้นแนะนำ ; 3.1 หุ้นพื้นฐาน ; BCP, ADVANC, DTAC ,TCAP, BMCL , AMATA , ITD 3.2 หุ้นเล็ก (พลาดต้อง STOP) ; TMB , TRUE , THCOM , BTS , SSI 4. กรณี SET แย่กว่าคาดคือ SET  ขึ้นไม่ถึง  900 , 925  จุดหรือจบรอบก่อน 1-10 ก.ย. กำหนดจุดขายตัดขาดทุนหาก  SET  ลงต่ำกว่า  875 , 860  จุด โดยจุดที่ Confirm เปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลงคือปิดต่ำกว่า  860  จุด ลงได้ถึง  820  จุด                

5023 0

อัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่น เดือนก.ค.ติดลบ 1.1%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  สำนักงานสถิติแห่งชาติญี่ปุ่นเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมติดลบ 1.1% จากเดือนเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 หลังการขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอลงและเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นทำให้ราคาสินค้านำเข้าลดลง โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาส 2 แทบจะไม่ขยายตัว เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศและยอดส่งออกลดลง ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายแห่งลดประมาณการผลประกอบการของปีนี้ลง ขณะเดียวกันเงินเยนที่อ่อนค่าลงทำให้ราคาสินค้านำเข้าลดลง ซึ่งกระตุ้นให้ภาวะเงินฝืดรุนแรงขึ้น 'แรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อจะคลี่คลายลง แต่การฟื้นตัวจากภาวะเงินฝืดอาจเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า นายฮิโรชิ มิยาซากิหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ชินคินแอสเซ็ทแมเนจเมนท์กล่าว

32 0

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 27/08/53

SET วานนี้ปิดบวกเล็กน้อย หลังเคลื่อนไหวผันผวนตลอดทั้งวัน ด้วยมูลค่การซื้อขายหนาแน่นมาก SET ปิดบวกเล็กน้อย โดยดัชนีแกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน หลังปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าจากแรงซื้อหุ้นที่มีเข้ามาต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามมีแรงเทขายออกมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ดัชนีแกว่งตัวแดนบวกสลับแดนลบ จากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยี วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร วัสดุก่อสร้าง ในขณะที่มีแรงขายในกลุ่มแบงก์และพลังงาน ทำให้ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 886.10 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด (+0.18%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมาก 32,684.72 ล้านบาทการลงทุนของนักลงทุนประเภทต่าง ๆ วานนี้นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวน 630.86 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิจำนวน 1,323.51 ล้านบาท ส่วนบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิจำนวน 333.08 ล้านบาทตารางแสดงยอดการลงทุนของนักลงทุนประเภทต่าง ๆ ปี 2553 Mar -53 Apr -53 May -53 Jun -53 Jul -53 Aug -53 Total -53นักลงทุนต่างประเทศ 44 ,600 -4,097 -58 ,743 2,974 6,879 11 ,816 1,366นักลงทุนสถาบัน -9,342 -4,322 10 ,751 4,634 -3,660 -8,591 -12 ,883บริษัทหลักทรัพย์ 3,103 -1,273 -106 1,393 -714 1,839 1,777ที่มา : รวบรวมโดย KKSแนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในช่วง 880-890 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัวตามดาวโจนส์ที่ปิด -74 จุด จากความวิตกในแนวโน้มเศรษฐกิจ คาดว่าจะทำให้หุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนด้วย ด้านสถาบันขายสุทธิ - 1,323 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ -630 ล้านบาท แสดงถึงตลาดหุ้นเริ่มมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน คาดว่าตลาดจะแกว่งตัว ในกรอบ 880-890 จุดใน 1-2 วันนี้ ด้านปัจจัยต่างประเทศ มีแนวโน้มเป็นขาลงกดดันการขึ้นของตลาดหุ้นไทย ส่วนปัจจัยในประเทศเกี่ยวกับกรณีกิจการที่มาบตาพุดยังเป็นที่น่าจับตาจากนักลงทุน ซึ่งศาลปกครองอาจจะมีการตัดสินคดีในสัปดาห์หน้า คาดว่าหุ้นไทยจะแกว่งตัวต่อในกรอบ 880-890 จุด ถ้าดัชนียืนเหนือ 895 จุดจึงจะน่าซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก ในกรณีที่ต่ำกว่า 880 จุดจะน่าขายหุ้น สำหรับสัดส่วนการลงทุนในช่วงนี้ให้เป็นถือหุ้น 50% ถือเงินสด 50%

8087 0

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 27/08/53

กลยุทธ์การลงทุน คาดว่าดัชนีหุ้นไทยยังแกว่งตัวในกรอบ 880-900 จุด ด้วยแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ขณะที่การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายวานนี้ 0.25% เชื่อยังไม่เป็นอุปสรรคต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ในสถานการณ์นี้ดีต่อ ธ.พ. จึงแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตในปี 2554 PER ต่ำกว่า 10 เท่า พร้อมมีเงินปันผลต่อเนื่อง ราคาหุ้น under-perform เริ่มจาก ธ.พ. (TCAP) โรงกลั่น (PTTAR, BCP, TOP) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากความคืบหน้าของการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่และที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เอื้อให้ผู้โดยสารเดินทางโดยรถไฟฟ้าทั้งบนดิน (BTS) และใต้ดิน (BMCL) และความคืบหน้าธุรกิจ 3G (DTAC, ADVANC) หุ้นพลังงานยัง Under-perform ตลาดตราบที่ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกยังมีอยู่ ความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ทั้ง ยุโรป สหรัฐ  และ ญี่ปุ่น คาดว่ายังคงกดดันให้ราคาน้ำมันดิบโลกอ่อนตัวต่อเนื่อง  (สะท้อนจาก Dollar Index ยังมีทิศทางแข็งค่า แม้จะทรงตัวช่วงสั้น ขณะราคาน้ำมันดิบดูไลยังมีแนวโน้มแกว่งตัวลง แม้ระยะสั้นจะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดที่ 69.81 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลในวันพุธที่ผ่านมา ขึ้นมาที่ยืนที่ 72 เหรียญฯ ก็ตาม แต่คาดว่ามีโอกาสอ่อนตัวต่อลงไปต่ำกว่า 70 เหรียญฯ ดังนั้นในระยะสั้นเชื่อว่าหุ้นพลังงาน โดยฉพาะผู้ผลิตและสำรวจปิโตรเลี่ยม คือ PTTEP นอกจากผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวมีผลกระทบต่อผลประกอบการในงวด 3Q53  แล้ว  ขณะนี้ทางรัฐบาลอินโดนีเซีย ได้ดำเนินการฟ้องร้องอย่างเป็นทางการต่อ PTTEP  ถึงผลกระทบต่อน้ำมันที่ไหลเข้าน่านน้ำในทะเลติมอร์ เป็นเงิน 780 ล้านเหรียญฯ จากเดิมที่คาดไว้เพียง 500 ล้านเหรียญฯ แม้ว่าขบวนการฟ้องร้องอาจจะต้องใช้เวลา แต่หากแพ้คดี และต้องบันทึกค่าเสียหายทั้งจำนวนคาดว่าจะกระทบต่อประมาณการกำไรสุทธิในปี 2553 ราว  40% หรือลดลงจากเดิมเหลือ 24,660 หรือหุ้นละ 7.40 บาท ทำให้ราคาหุ้น PTTEP ปัจจุบันจะมีค่า PER ขยับขึ้นจากประมาณการเดิม 11.7 เท่า เป็น  19 เท่า   ระยะสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยง PTTEP  ยังมีทิศทางแกว่งตัวขาลง จึงยังแนะนำให้หลีกเหลี่ยง ทั้งหุ้นผลิตสำรวจน้ำมัน PTTEP และ ถ่านหิน ( ยัง )   & 61607;    คาดตลาดน่าจะพักฐานต่ออีกในวันนี้ ก่อนเริ่มฟื้นตัวในสัปดาห์หน้าฝ่ายวิจัยเชื่อว่าผลกระทบเชิงลบต่อดัชนี จากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในวันที่ 25 ต.ค. 2553 ที่ผ่านมา น่าจะหมดสิ้นไปในสัปดาห์นี้ และหากไม่มีปัจจัยลบอื่นๆ เข้ามากดดันอีก ตลาดน่าจะเริ่มฟื้นตัวรอบใหม่ได้ ในสัปดาห์หน้า เหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา ที่บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นมักฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ หลังการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้วเสร็จด้วย ความน่าจะเป็นสูงราว 70-85% ประกอบกับแรงหนุนของ Fund Flow ที่ยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนถึงกลางเดือน ก.ย. ตามผลของฤดูกาล น่าจะส่งผลให้ SET เริ่มฟื้นตัวและมีโอกาสปรับตัวขึ้นสู่ 932 จุด ที่ระดับ PER 14 เท่า ณ สิ้นปี 2553 ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยประเมินว่าคาดว่าประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยจะเริ่มกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง ก่อนการการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 20 ต.ค. 2553 ราว 1-2 สัปดาห์ หรือในช่วงต้นเดือน ต.ค. เนื่องจากคาดว่า กนง. จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 2% ในการประชุมครั้งดังกล่าว ประจวบเหมาะกับในช่วงเดือน ต.ค. ของทุกปี สถิติในอดีตบ่งชี้ว่า จะเป็นช่วงที่ Fund Flow เริ่มไหลออก จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นน่าจะปรับฐานใหญ่ในช่วงปลายเดือน ก.ย. 2553 เป็นต้นไป ......ดักซื้อกลุ่ม ธ.พ. ที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น เชื่อจะนำตลาดฟื้นตัวรอบใหม่ : KBANK, TCAPในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น เอื้อประโยชน์ต่อประสิทธิภาพการทำกำไรของกลุ่ม ธ.พ. โยเฉพาะบริษัท ที่มีโครงสร้างดอกเบี้ยสินเชื่อที่ลอยตัวสูงกว่าต้นทุนเงินฝาก (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบคงที่) ทั้งนี้จากการศึกษาของฝ่ายวิจัยพบว่า BAY, TCAP, TMB, KTB, KBANK, SCB และ KK เป็น ธ.พ. ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เนื่องจากมีส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยสินเชื่อลอยต่อเงินฝากลอยตัวสุทธิ 36%, 26%, 26%, 18%, 15%, 11% และ 11% ตามลำดับ อีกทั้งความต้องการใช้สินเชื่อที่มีแนวโน้มสดใสในงวด 2H53 เมื่อเทียบกับ 1H53 ตามความคืบหน้าดังนี้ 1) โครงการลงทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐ โดยเฉพาะการสร้างถนน และรถไฟฟ้า ช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน  2) โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีแนวโน้มจะกลับมาดำเนินกิจกรรมการก่อสร้างตามปกติ หลังจากที่รัฐเห็นด้วยกับการตัดลดอุตสาหกรรมที่เข้าข่ายร้ายแรงลง 7 อุตสาหกรรม เหลือ 11 อุตสาหกรรม ส่วนที่เหลือคาดว่าจะมีความชัดเจนว่าโรงงานใดบ้างที่เข้าข่ายร้ายแรงในสัปดาห์นี้ ซึ่งน่าจะเร่งให้มีการเบิกจ่ายเงินกู้ส่วนที่ค้างอยู่เกือบ 8 หมื่นล้านบาท 3) ความต้องการสินเชื่อเพื่อลงทุนในธุรกิจ 3G ที่กำลังเข้าสู่ช่วงการประมูลในระยะ 1-2 เดือนนี้ และ 4) ความต้องการสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดกลางและเล็ก (SME) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามภาคส่งออก ที่เข้าสู่ช่วง High Season ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นสูงสุด คือ BAY ตามมาด้วย  TCAP แต่เนื่องจาก BAY มีค่า PER สูง 15 เท่า ขณะที่ TCAP มี  PER เพียง 7 เท่า เพราะผลจากการควบรวมกับ SCIB ทำให้สามารถเริ่มรับรู้รายได้จากการควบรวมกับ SCIB เต็มที่ตั้งแต่ต้นไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไป จึงเลือก TCAP เป็น TOP pick สำหรับกลุ่ม ธ.พ. เพื่อสินเชื่อรายย่อย และเลือก KBANK และ BBL เป็น Top picks สำหรับกลุ่ม ธ.พ. ขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะกลับมาเป็นกลุ่มที่ outperform และนำตลาดได้อีกครั้ง ขณะที่บริษัทประกัน ก็เป็นอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นเช่นกัน เลือก  BLA เนื่องจากฐานรายได้และกำไร มาจากเงินลงทุนในตราสารการเงิน และตลาดหุ้น ค่าเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 28 เดือน แต่ยังคงแข็งค่าในทิศทางเดียวกับภูมิภาค หนุน Fund Flow ..................   คาดน้ำมันดิบโลกฟื้นตัวช่วงสั้น ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกยังมีอยู่ แนะนำเลี่ยงหุ้นปิโตรเลียม วานนี้สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ได้เปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสิ้นสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า เพิ่มขึ้นกว่าคาดในทุกประเภท โดยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล สู่ 358.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาร์เรล เช่นเดียวกับสต็อกน้ำมันสำเร็จรูป(น้ำมันกลั่น) ที่เพิ่มขึ้น 1.76 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของน้ำมันเบนซิน 2.27 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดลงราว 400,000 บาร์เรล ขณะที่คาดว่าสต็อกน้ำมันสำเร็จรูปประเภทอื่นๆ เช่น น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซล น่าจะลดลง ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันก็ลดลง ราว 2.3% สู่  87.7% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวข้างต้นสะท้อนความต้องการใช้น้ำมันที่ชะลอตัวลงในทุกประเภท ตามความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก ที่เกิดจากความกังวลต่อวิกฤติหนี้สาธารณะในในยุโรป และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ได้ส่อเค้าให้เห็นชัดเจนขึ้น จึงคาดหมายว่า GDP Growth ของสหรัฐฯ และ ยุโรป น่าจะเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่งวด 2H53 นี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ในทิศทางที่อ่อนตัว และได้ปรับตัวลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค. – ปัจจุบัน ราว 10 เหรียญฯต่อบาร์เรล หรือลดลงสูงถึง 14% ดังนั้นแม้ว่าล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบจะดีดตัวขึ้นจากวันก่อนหน้ามาเกือบ 2 เหรียญฯต่อบาร์เรล ขึ้นมาอยู่ที่ 71.62 เหรียญฯต่อบาร์เรล หลังจากลงไปต่ำสุดที่ 69.73 เหรียญฯต่อบาร์เรล คาดว่าน่าจะเป็นเพียงการฟื้นตัวทางเทคนิคสั้นๆ เท่านั้น หลังจากตกต่ำมานาน ซึ่งฝ่ายวิจัยยังมองราคาน้ำมันดิบดูไบในระยะสั้นจะแกว่งตัวแคบๆ ในกรอบ 69-73 เหรียญฯต่อบาร์เรลเท่านั้น คาดว่าจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อหุ้นในกลุ่มปิโตรเลียม  PTTEP, BANPU และ LANNA อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับดังกล่าว ยังหนุนให้ค่ากลั่นโดยรวม ยังสามารถยืนอยู่เหนือ 4-5 เหรียญฯต่อบาร์เรลได้ต่อเนื่อง  ซึ่งเป็นระดับที่ดีกว่างวด 2Q53  ขณะที่ Spread ของอะโรเมติกส์และวัตถุดิบ ก็เริ่มฟื้นตัวในเดือน ส.ค.  จากจุดตกต่ำสุดในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา  เพราะ Supply ใหม่ๆ ถูกเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า ขณะที่ความต้องการใช้ Px สำหรับเส้นใยโพลีเอสเตอร์ และ Bz  ซึ่งถูกใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ยังเพิ่มขึ้นทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์   ขณะที่ราคาหุ้นโรงกลั่นเกือบทุก under perform ตลาดทุกบริษัท  จึงแนะนำซื้อสะสม ทั้ง TOP, PTTAR  และ BCP   ล่าสุด   BCP ประกาศเงินปันผลงวด 1H53 0.5 บาท  ขึ้น XD 7  ก.ย.  ซึ่งดีกว่านักวิเคราะห์ ASP  คาดไว้เพียง 0.45 บาท เท่านั้น  ใบอนุญาต 3G คืบหน้า หนุนการเก็งกำไรหุ้นสื่อสาร ในวันที่ 20 ก.ย. นี้เป็นวันแรกที่ กทช. จะเปิดให้มีการประมูลใบอนุญาต  3G หลังจาก กทช. ประกาศรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติ ที่สามารถยื่นซองประมูลระหว่าง 7-15 ก.ย. นี้ คือ 1) สัญชาติไทยถือหุ้นไม่เกิน 49% ของทุนเรียกชำระแล้ว  พร้อมกับมีแหล่งเงินทุนสนับสนุน และ 2) ต้องวางเงินในวันสมัคร 5 แสนบาท พร้อมวางหลักประกัน 1.2 พันล้านบาท  ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ขอซองประมูลไป 7 ราย ได้แก่ TRUE, ADVANC, DTAC, JAS (ปัจจุบันให้บริการ Internet ความเร็วสูง และรับงานประมูลติดตั้งระบบสารสนเทศ รวมถึงโครงข่าย), SIM (ขายโทรศัพท์มือถือ โดยเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า I-Mobile Phone ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SAMART เช่นเดียวกับ SAMTEL โดย SAMTEL ให้บริการงานประมูลติดตั้งระบบโครงข่ายและสารสนเทศ) และ LOXLEY (ให้บริการ Internet และงานประมูลระบบสารสนเทศกับภาครัฐ และเอกชน) และ Millcom System ในมุมมองของ ASP คาดว่าผู้ที่จะชนะการประมูลน่าจะมีเพียง 3 ราย (จากใบอนุญาตทั้งหมด 3 ใบ)  คือ ผู้ประกอบการายเดิม คือ TRUE, ADVANC, DTAC ด้วยความได้เปรียบทางด้านฐานลูกค้า และแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะ ADVANC และ DTAC มีกระแสเงินสดภายในกิจการสูงเพียงพอในการจ่ายค่าใบอนุญาต  ขณะที่มี D/E ต่ำ สถาบันการเงินพร้อมให้การสนับสนุน ส่วน TRUE แม้ว่ากระแสเงินสดภายในจะไม่เพียงพอต่อการจ่ายค่าใบอนุญาตแต่ SCB ก็ประกาศตัวเป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน ฝ่ายวิจัยจึงยังแนะนำซื้อ  ADVANC และ DTAC เนื่องจากราคาตลาดยังไม่ตอบรับผลบวกจากธุรกิจ 3G ทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี upside 30%และ 29% ส่วน TRUE ราคาหุ้นได้สะท้อนธุรกิจ 3G และความสำเร็จของการเพิ่มทุนแล้ว (ภายใต้สมมติฐานของ ASP ที่คาดว่าจะมีการระดมทุน 1 หมื่นล้านบาท โดยการขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่ราคาหุ้นละ 4 บาท อัตราส่วน 3 หุ้นเดิม : 1 หุ้นใหม่) ส่วนผู้ประกอบการที่เหลือ คาดว่าจะเป็นผู้ให้บริการ 3G รายย่อย ที่อาจจะให้บริการเฉพาะด้าน เช่น Mobile Internet  Mobile Multimedia และ  Mobile  TV โดยจะต้องเช่าโครงข่ายจากผู้ที่ชนะการประมูลหลัก เนื่องจาก กทช. เปิดช่องให้ผู้ประกอบการหลักต้องยินยอมให้ผู้ประกอบการรายย่อยร่วมใช้โครงข่ายได้ (ต้องจ่ายค่าเช่า) ภายใต้เงื่อนไข Mobile Virtual Network Operators หรือ MVNO ตามที่ กทช. กำหนด ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่าภายในวันที่ 30 ก.ย. จะทราบผลการประมูล 3G จึงเชื่อว่าระหว่างการประมูลใบอนุญาต 3G น่าจะสร้างความสนใจให้กับหุ้นสื่อสารที่จะก้าวเข้าสู่ธุรกิจ 3G ทั้งรายหลัก และรายย่อย                

5028 0

ค่าบาทเช้านี้เปิดที่ 31.36-31.37 บาท/ดอลล์

นักค้าเงินจาก ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) กล่าวว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 31.36-31.37บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่เวลา 9.07 น. ค่าเงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ระดับ 31.31-31.32 บาทต่อดอลลาร์โดยระหว่างวันคาดการณ์ค่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อเนื่อง โดยยังคงมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกองทุนส่วนใหญ่ยังคงมองว่าเอเชียยังน่าลงทุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่โดดเด่น นอกจากนี้ มองว่าการที่นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาส่งสัญญาณว่ามีโอกาสที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท. จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้ง สุดท้ายในปี 53 มีผลต่อจิตวิทยา ทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระดับ 31.25-31.35 บาทต่อดอลลาร์

45 1

บล.กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 27/08/53

กลยุทธ์วันนี้    Sideways / Friday ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวระหว่าง 885-890 จุดตลอดทั้งวันวานนี้ พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่ลดลงจากวันก่อนหน้า เนื่องจากขาดปัจจัยบวก / ลบ ใหม่เข้ามากำหนดทิศทางการลงทุน ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงเป็นการขายสุทธิต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ตลาดหุ้นไทยเท่านั้น นักลงทุนต่างชาติยังคงลดพอร์ตหุ้นในตลาดเกาหลีใต้ และไต้หวันเช่นเดียวกัน สำหรับ SET INDEX วันนี้คาดว่าแกว่งตัว 885-890 จุดเช่นเดียวกับวานนี้แม้ว่าอาจมีแรงเหวี่ยงให้ทะลุ 890 จุดได้ก็ตาม เพราะเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุน เพื่อดูทิศทางการลงทุนอีกครั้งในต้นสัปดาห์หน้า บวกกับสหรัฐฯ คืนนี้มีการรายงานตัวเลข GDP ใน 2Q53 ครั้งที่ 2 รวมถึงความเห็นของประธานเฟดต่อมุมมองด้านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ติดตามหุ้นที่มีการ Roadshow ร่วมกับ CS ในวันนี้ที่สิงคโปร์ BBL / TISCO/ PTT/ PTTEP / TOP / ADVANC/ CPF / TUF/ MINTประเด็นสำคัญวันนี้คงเป็นการฟ้องร้องของรัฐบาลอินโดนีเซียต่อกรณีมอนทาราสูงถึง US$1.1 พันล้าน คิดเป็น EPS ก่อนภาษีของ PTTEP สูงถึง 10.42 บาท จึงยังคงหลีกเลี่ยงการลงทุนออกไปก่อน ทั้งนี้ KimEng เชื่อว่า SET INDEX สัปดาห์หน้ามีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 600 จุดอีกครั้ง ด้วยประเด็นบวกภายในประเทศ ทั้งการหมดเขตรับใบสมัครประมูลใบอนุญาต 3.9จี, ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ค. และการประชุมครม.เศรษฐกิจ อาจหยิบประเด็น 11 โครงการอันตรายมาบตาพุดมาพิจารณา พร้อมกับแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของ TOT – CAT ได้เช่นกัน กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอ “ถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ” และ “ทยอยสะสม MINT” การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “ถือสถานะ Long ใน S50U10 ข้ามสัปดาห์” Stop Loss: S50U10 < 590 จุด ปิด Long และ เปิด Short  Portfolio Hold: CPF/ MCOT/ BEC/ BBL/ PTT/BANPU/ TPC/ MINT/  MAJOR/ BTS/ TVO/ AP/ LH / QH / CPALL/ HEMRAJ / TTA/ HANA/ THCOMAccumulative Buy: MINTTechnical View แนวรับ 880 จุด, 860 จุด และ 830 จุด ส่วนแนวต้าน 888 จุด, 905 จุด และ 925-930 จุด กลยุทธ์ยังเป็นการซื้อขายสั้นๆ

2076 0

บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 27/08/53

ทิศทางตลาดวันนี้  จับตาสุนทรพจน์ Bernanke คืนนี้    (-) จับตาสหรัฐปรับลด GDP ใน Q2/10 คืนนี้ (-) ดัชนีความเสี่ยง +2.5% เป็น 27.3 (-) ต่างชาติขายสุทธิ -630mn    หุ้นแนะนำ:  DTAC ยื่นประมูล30สค และเปิดประมูล 20กย ปัจจัยสำคัญวันนี้     (-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -74, NASDAQ -22, S&P -8, FTSE +46, CAC +24 และ DAX +13 สหรัฐกังวลเศรษฐกิจ แม้จะประกาศสวัสดิการว่างงานดีกว่าคาด แต่ยังไม่สามารถส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน และราคาน้ำมันล่วงหน้า NYMEX +US$0.85 เป็น US$73.37/barrel (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศมียอดสุทธิ  -630บาท ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี        -773ล้านบาท  และต่างประเทศมียอดสุทธิล่วงหน้า +433ล้านบาท มียอดสะสมใน สค53  +3,876ล้านบาท (+) Ford & Mazda ทุ่ม US$350mn หรือ 11,000mn ลงทุนโครงการรถกระบะที่มีการปรับโฉมใหม่ ที่ระยอง เริ่มกลางปี 54 (-) PTTEP ได้รับหนังสือเรียกค่าชดเชยจากรัฐบาลอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ  บริษัทยังมิได้เผยจำนวนเงิน แต่คาดว่า เริ่มได้รับผลกระทบอย่างเป็นทางการแล้ว กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ทิศทางตลาด   Sideway?  นักลงทุนทั่วโลกกังวลการชะลอตัวของเศราฐกิจสหรัฐ โดยคืนนี้ คาดสหรัฐจะปรับลดประมาณการณ์ GDP ใน Q2 จาก 2.4% เหลือ 1.4% และจับตาสุนทรพจน์ของ Bernanke คืนนี้ เกี่ยวกับเศรษฐกิจและมาตรกระตุ้น  สำหรับภายในประเทศ ตลาดยังให้ความสำคัญเรื่อง มามตาพุด และ ในอนุญาต 3.9G ดัชนีความเสี่ยง  +2.5% เป็น 27.3  เทียบกับระดับปกติที่ 20-25

37 0
อ่านข่าวถัดไป
Sanook.commenu