ข่าว ข่าววันนี้ ตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล พรีเมียร์ลีก ตรวจหวย ข่าวบันเทิง ฟังเพลงออนไลน์ วิเคราะห์บอล ทีวีออนไลน์

อ่านข่าวย้อนหลัง

เมนูข่าว

การเงิน และการลงทุนทั้งหมด

แสดง 5201 - 5,225 จาก 32,894 ข่าว

หุ้นเอเชียพากันร่วง รับเยนแข็ง-ดาวโจนส์ลบ

          เช้าวันนี้ (8 ก.ย.) ตลาดหุ้นเอเชียร่วง เนื่องจากตลาดกังวลว่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ประกอบกับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 1% เมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของธนาคารในยุโรป ซึ่งความกังวลดังกล่าวส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงินถูกเทขายอย่างหนัก           ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 9,098.86 จุด ลดลง 127.14 จุด ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,213.20 จุด ลบ 188.59 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนลบ 10.65 จุด หรือ 0.39% แตะ 2,687.71 จุด ขณะที่ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,866.35 จุด ลบ 18.05 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,780.48 จุด ลดลง 7.26 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,570.10 จุด ลดลง 3.10 จุด และดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,015.93 ลบ 20.16 จุด           ดัชนี MSCI Asia Pacific ลบ 0.7% แตะ 120.97 จุด เมื่อเวลา 9.56 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว           หุ้นแคนนอน ร่วง 2% ในตลาดหุ้นโตเกียว ส่วนหุ้นฮอนด้า มอเตอร์ ร่วง 2.7% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน อ่อนตัว 1.3% ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น           นักวิเคราะห์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตลาดจับตาเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรมาก่อนหน้านี้ เพราะวิกฤตขาดดุลในยุโรป และตอนนี้ตลาดก็ต้องดูวิธีการรับมือกับการแข็งค่าของเงินเยนกับดอลลาร์อีก ซึ่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นจึงน่าจะมหาศาล

16 0

SLC แจงเปลี่ยนโครงสร้างถือหุ้น

          นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โซลูชั่น คอนเนอร์(1998) หรือ SLC เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นว่า ตามที่นายธนพันธ์ วงศ์ชินศรี ผู้ถือหุ้น, กรรมการและกรรมการอำนวยการของบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์(1998) จำกัด (มหาชน) ได้ขายหุ้นในสัดส่วนของนายธนพันธ์เองนั้นบริษัทได้สอบถามกรรมการเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในการทำรายการดังกล่าวแล้ว ทราบว่าสัดส่วนหุ้นที่นายธนพันธ์ถือครองก่อนหน้าจำนวน 80,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 13.2 และได้มีการขายไปจำนวน 70,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 11.55 คงเหลือหุ้นที่ถือครองอยู่จำนวน10,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 1.65 ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว             การขายหุ้นในส่วนของนายธนพันธ์ เป็นการขายหุ้นในกระดานซื้อขายปกติ มิได้มีการขายเฉพาะเจาะจงให้ผู้ใด ซึ่งผลจากการขายนี้อาจมีผลกระทบต่อโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท แต่อย่างไรก็ตาม โครงสร้างการบริหารงาน, กรรมการ หรือ โครงสร้างของบริษัทจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

49 0

ทองเอเชียพุ่งใกล้นิวไฮรอบ 2 เดือน

        ราคาทองปรับตัวแข็งแกร่งในเช้าวันนี้ โดยใกล้เคียงระดับสูงสุดในรอบ 2  เดือนที่ทำไว้วานนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวย่ำแย่และยูโรร่วงลงจากความ วิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก         ณ เวลา 07.30 น.ตามเวลาไทย ราคาทองสปอตมีการซื้อขายที่ระดับ  1,256.45 ดอลลาร์/ออนซ์ ดีดตัวขึ้น 3.35 ดอลลาร์ จากระดับปิดในตลาดสปอต นิวยอร์คเมื่อวานนี้ หลังราคาพุ่งสูงถึง 1,259.80 ดอลลาร์/ออนซ์วานนี้ ซึ่งเป็น ระดับสูงสุดนับแต่วันที่ 28 มิ.ย. ขณะที่ราคาทองแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ ราว 1,264 ดอลลาร์ในเดือน มิ.ย.         สัญญาทองล่วงหน้าส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาด COMEX แทบไม่เปลี่ยนแปลง ที่ 1,258.4 ดอลลาร์/ออนซ์         ดีลเลอร์กล่าวว่า คำสั่งซื้อเก็งกำไรจากกลุ่มผู้ผลิตอัญมณียังคงช่วยให้ค่า พรีเมียมทองแท่งทรงตัวในเอเชีย ขณะที่นักเก็งกำไรต้องการเข้าทำกำไรหลังการ ดีดตัวขึ้นของราคาทองแท่ง

23 0

เครือซีพีเก็บหุ้น TRUE อีก 0.02% ถือเพิ่มเป็น 55.77%

          สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้รับแบบรายงานการได้มาซึ่งหุ้นของบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE)โดย บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ซึ่งเป็นการได้มา  เมื่อวันที่ 03/09/2553 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น  0.02% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น  55.77% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

1227 0

ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรญี่ปุ่น เดือนก.ค. พุ่ง 8.8%

          สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานในภาคเอกชนประจำเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 8.8% จากเดือนมิ.ย. คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7.663 แสนล้านเยน ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8          โดยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนในภาคเอกชน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำนักข่าวเกียวโดคาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.5% ในเดือนก.ค.

11 0

ดาวโจนส์-น้ำมันไนเม็กซ์ ปิดร่วง

          ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 107.24 จุด หรือ 1.03% ปิดที่ 10,340.69 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ลดลง 12.67 จุดหรือ 1.15% ปิดที่ 1,091.84 จุด และดัชนีแนสแดคลดลง 24.86 จุด หรือ 1.11% ปิดที่ 2,208.89 จุด            ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของธนาคารในยุโรป หลังจากวอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่าผลทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test)ของธนาคารพาณิชย์ 91แห่งในยุโรป (เมื่อ 23 ก.ค.) มีความเสี่ยงต่อวิกฤตหนี้สาธารณะของรัฐบาลมากกว่าที่คาด           รวมทั้งรายงานของสมาคมธนาคารของเยอรมนีที่ระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่อย่างน้อย 10 แห่งของเยอรมนีอาจต้องระดมทุนเพิ่มอีกราว 1.05 แสนล้านยูโร เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดของคณะกรรมการกำกับดูแลภาคการธนาคารของสหภาพยุโรป (CEBS)           ผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคาร 91 แห่งในครั้งนั้นพบว่า มีธนาคาร 7 แห่งในยุโรปที่ไม่ผ่านการทดสอบ ซึ่งได้แก่ธนาคารไฮโป เรียลเอสเตท โฮลดิ้ง ของเยอรมนี ธนาคารเอทีอีของกรีซ ส่วนธนาคารอีก 5 แห่งเป็นของสเปนได้แก่ ธนาคาร Diada, Unnim, Espiga, Banca Civica และ Cajasur โดยธนาคารเหล่านี้ไม่สามารถผ่านการทดสอบการเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1 capital) เนื่องจากมีอัตราส่วนทุนต่อสินทรัพย์ต่ำกว่าระดับอ้างอิงขั้นต่ำของ CEBS ที่ 6% จึงทำให้ธนาคารเหล่านี้ต้องระดมทุนเป็นเงินรวมกันมูลค่า 3.5 พันล้านยูโร หรือ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ           นอกจากนี้ คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผย ดัชนีการจ้างงานประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐ ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 96.7 จุด จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 97.4 จุด สะท้อนอัตราการขยายตัวด้านการจ้างานจะยังคงชะลอตัว ส่วนอัตราว่างงานเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.6% จากระดับ 9.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้นครั้งแรกในรอบ 4เดือน           ด้านตลาดน้ำมันไนเม็กซ์ของสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบ ชนิดไลท์สวีต ครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 51 เซนต์ ปิดที่ 74.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ เบรนท์ ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ ปิดที่ 76.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

22 0

**วันนี้(8 ก.ย.)วิตกแบงก์ยุโรปถ่วงดาวโจนส์ปิดร่วง 1%

        ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันอังคาร ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางอย่าง มาก ขณะที่นักลงทุนใช้ความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับธนาคารยุโรปเป็น เหตุผลในการเท ขายหุ้นออกมา หลังการปรับตัวแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา         ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 107.24 จุดหรือ 1.03%  สู่ 10,340.69, ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 12.67 จุดหรือ 1.15% สู่ 1,091.84 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 24.86 จุด หรือ 1.11% สู่ 2,208.89         ปริมาณการซื้อขายเบาบางราว 6.07 พันล้านหุ้นในตลาดนิวยอร์ค, ASE  และ Nasdaq ซึ่งต่ำกว่าปริมาณเฉลี่ยต่อวันของปีที่แล้วที่ 9.65 พันล้าน หุ้น โดยมี จำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกประมาณ 3 ต่อ 1 ในตลาดนิวยอร์ค

31 0

ค่าบาทเย็นนี้ปิดที่ 31.29 บาท/ดอลล์

นักค้าเงินจาก ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า ค่าเงินบาทเย็นนี้ปิดตลาดที่ระดับ 31.29 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 31.27 บาทต่อดอลลาร์ และ อ่อนค่าสุดที่ระดับ 31.31 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนคาดการณ์แนวโน้มการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันพรุ่งนี้น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.25-31.32 บาทต่อดอลลาร์ โดยมองว่ายังคงไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาสนับสนุน ทั้งนี้ให้ติดตามเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศว่ายังคงไหลเข้ามาลงทุนในไทยต่อเนื่องหรือไม่                

33 0

ทรูมันนี่ ผนึก BAY เปิดบริการ“แค่รหัส บัตรไม่ต้อง”

ทรูมันนี่ จับมือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดแคมเปญ “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” สร้างประสบการณ์ใหม่ครั้งแรกในไทย สามารถถอนเงินจากบัญชีทรูมันนี่ และรับเงินสดทันทีที่เครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง เพียงขอรหัสถอนเงินบนมือถือทรูมูฟผ่านระบบ USSD*999 หรือผ่านเว็บไซต์ www.truemoney.co.th นำรหัสไปกดรับเงินสดที่เครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ทันที เพิ่มทางเลือกใหม่ สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น ไม่ต้องมีบัตรหรือบัญชีธนาคาร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่ ผู้นำธุรกรรมการเงินอิเล็กทรอนิกส์ แบบ Non-Bank (สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร) จับมือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)หรือ BAY ประกาศเปิดตัวสุดยอดนวัตกรรมบริการการเงินล่าสุด “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” ให้ผู้ใช้บริการทรูมันนี่กว่า 6 ล้านรายทั่วประเทศ สะดวกสบายยิ่งขึ้น ถอนเงินสดจากบัญชีทรูมันนี่ได้ทันใจผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ทุกเครื่องทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องมีบัตรเอทีเอ็ม หรือบัญชีธนาคาร ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่สามารถร่วมพัฒนาระบบถอนเงินอิเล็คทรอนิกส์ และรับเงินสดผ่านช่องทางของธนาคารพาณิชย์ ยกระดับบริการธุรกรรมการเงินเล็กทรอนิกส์ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ซึ่งบริการ “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” นี้สามารถใช้ได้กับลูกค้าทรูมันนี่ทั้งที่ใช้บริการผ่านมือถือทรูมูฟ และออนไลน์ โดยขอรับรหัสถอนเงินผ่านมือถือทรูมูฟ USSD *999 หรือเว็บไซต์ www.truemoney.co.th แล้วนำรหัสไปถอนเงินที่เครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ได้ทันที      “แนวทางการดำเนินธุรกิจของทรูมันนี่ มุ่งเน้นพัฒนาธุรกรรมการเงินรูปแบบใหม่ๆให้ลูกค้า สามารถทำธุรกรรมการเงินผ่านทรูมันนี่ได้ครบครัน เติม-จ่าย-โอน-ถอน สะดวก ปลอดภัย ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนรุ่นใหม่ ดังนั้น ความร่วมมือในการเปิดนวัตกรรมบริการ “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” ร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาครั้งนี้ ซึ่งมีความโดดเด่นเรื่องการสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการการเงินทันสมัย เน้นขยายช่องทางการให้บริการใหม่ๆ ให้หลากหลาย เพื่อเพิ่มมูลค่าแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้ว่า บริการ “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ใช้บริการทรูมันนี่ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมซื้อ-ขายสินค้าทางออนไลน์ รวมทั้งกลุ่มผู้ทำธุรกิจ e-commerce ให้ได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ได้รับเงินสดหมุนเวียนคล่องยิ่งขึ้น”    นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารมีความยินดีนำเสนอบริการทางการเงินใหม่ล่าสุด “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” นวัตกรรมทางการเงินที่ธนาคารและทรูมันนี่ ร่วมกันพัฒนาเพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็วให้ลูกค้า ที่ขอถอนเงินจากบัญชีทรูมันนี่สามารถรับเงินสดได้ที่เครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ทั่วประเทศ ซึ่งบริการนี้สามารถอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าอย่างครอบคลุมทั้งผู้ที่มีเงินอยู่ในบัญชีทรูมันนี่ และผู้ให้บริการคอนเทนต์ผ่านเว็บไซต์ในกลุ่มทรู ตลอดจนผู้ประกอบการรายย่อยที่ยังต้องใช้บัตรเงินสดทรูมันนี่ในการรับชำระค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ นายฐากร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริการ “แค่รหัส บัตรไม่ต้อง” เป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ที่ธนาคารได้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเครื่องมือทางการเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย และคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี วิธีการขอรหัสถอนเงินจากบัญชีทรูมันนี่ ทำได้ 2 ช่องทาง คือ - ผ่านโทรศัพท์มือถือทรูมูฟ: กด*999*009* รหัสผ่านบัญชีทรูมันนี่ 4 หลัก กด*ใส่จำนวนเงิน ไม่เกิน 7 หลัก กด  และกดโทรออก จากนั้นระบบจะส่งรหัสถอนเงินมาที่โทรศัพท์มือถือ - ผ่านเว็บไซต์ www.truemoney.co.th และดำเนินการขอรหัสถอนเงินตามขั้นตอนที่ระบุในเว็บไซต์ ทั้งนี้ รหัสที่ได้รับสำหรับถอนเงิน ลูกค้าสามารถกดรับเงินที่เครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ได้ภายใน 3 วัน นับจากวันที่ทำคำสั่งขอรหัสถอนเงิน คิดค่าธรรมเนียมการถอนเงิน อัตราร้อยละ 12 ของจำนวนเงินที่ทำการถอน สามารถทำรายการขอถอนเงินขั้นต่ำ 500 บาท/ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 20,000 บาท และสามารถถอนได้สูงสุด 40,000 บาท/วัน                

5552 0

แบงก์ชาติรัสเซียคงดบ.ไว้ที่ 7.75%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ธนาคารกลางรัสเซียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 7.75% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงินระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่สามารถลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เกิดจากความแห้งแล้งที่รุนแรงสุดในรอบอย่างน้อย 50 ปี ขณะที่กระทรวงเศรษฐกิจของรัสเซียเพิ่มประมาณการอัตราเงินเฟ้อในปี 2010มาอยู่ที่ระหว่าง 7%-8% จาก 6%-7% หลังปัญหาความแห้งแล้งที่รุนแรงส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางเกษตรกรรมของประเทศและทำให้รัฐบาลรัสเซียสั่งห้ามการส่งออกธัญพืชในช่วงนี้จนถึงปลายปีนี้ 'ขณะนี้ธนาคารกลางฯยังไม่เห็นแรงกระตุ้นที่สำคัญพอที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง' นางอเล็กเซีย คัดรินรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รัสเซียกล่าว

12 0

นายกฯ สั่ง พาณิชย์ แก้ราคาสินค้าแพง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการแก้ไขปัญหาราคาสินค้า ว่า เมื่อวานนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ได้มีการหารือในเรื่องดังกล่าวเป็นระยะเวลานาน โดยได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ไปติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้เร่งแก้ไขปัญหาในส่วนของสินค้าที่มีการขายเกินราคา ส่วนกรณีที่สินค้าที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น เบื้องต้นทางกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานว่ายังไม่ได้มีการแจ้งมายังกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอปรับขึ้นราคาขายสินค้า ส่วนปัญหาการขายอาหารราคาสูงในเฉพาะพื้นที่ เช่น ศูนย์ราชการ ก็ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปเร่งดำเนินการแก้ไข  ทั้งนี้ในที่ประชุมครม. ได้มีการกำชับให้กระทรวงพาณิชย์บังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเข้มข้น                

17 0

นายกฯ ย้ำ โยกย้ายข้าราชการต้องยุติธรรม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการกำชับรัฐมนตรีทุกกระทรวงถึงเรื่องการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงจะต้องยึดหลักคุณธรรม หลังพบว่ามีข้าราชการกระทรวงร้องเรียน ว่าการโยกย้ายมีความไม่เป็นธรรม ส่วนกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า  การโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย มีความสัมพันธ์กับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นั้น นายกฯ กล่าวว่า การโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ก่อนหน้านี้ได้มีการมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ไปกลั่นกรองในเรื่องดังกล่าว ซึ่งในวันนี้นายสุเทพ ได้ชี้แจงในที่ประชุมครม.ว่า การโยกย้ายข้าราชการภายในกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้มีปัญหาอะไร 'การบริหารงานด้านบุคคลต้องมีความคิดเห็นที่พอดี ถ้าเป็นเรื่องนโยบาย เราก็จะช่วยพิจารณา แต่การบริหารภายในต้องเป็นดุลยพินิจของเจ้ากระทรวงเค้า ซึ่งหากดุลยพินิจไม่ถูกต้องก็จะมีคณะกรรมการตรวจสอบ โดยเบื้องต้นได้มีการเน้นย้ำไปแล้วว่า การโยกย้ายข้าราชการจะต้องดำเนินไปให้มีความเป็นธรรม'นายกฯ กล่าว                

17 0

นายกฯ สั่ง คมนาคม ศึกษากรอบร่วมทุนรถไฟความเร็วสูง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ทางกระทรวงคมนาคม ไปจัดทำกรอบเจรจาในการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนในโครงการรถไฟความเร็วสูง หรือ Speed Train เส้นทางหนองคาย-กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ -ชายแดนใต้ และให้นำกลับมาเสนอต่อที่ประชุม ครม. ในสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะนำกรอบเจรจาดังกล่าว เสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยหากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบ คาดว่า จะสามารถนำไปเจรจาร่วมกับรัฐบาลจีนได้ประมาณปลายปีนี้ 'คณะกรรมการฯ ได้มีการศึกษาแล้วว่ามีความสมควรที่จะจัดทำกรอบการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนเพื่อเสนอต่อ ที่ประชุมสภาฯ  โดยได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้จัดทำกรอบการเจรจาเพื่อเสนอต่อสภาฯ'นายกฯ กล่าว ส่วนกรณีเส้นทางกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ กรุงเทพฯ -ระยอง วานนี้ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ ได้มีมติให้ไปจัดทำแผนการศึกษาความคุ้มค่าด้านการลงทุน หรือ มาร์เก็ต ซาวด์ดิ้งในการลงทุนร่วมกับภาคเอกชนหรือ PPP ซึ่งที่ประชุมก็ได้เห็นชอบตามมติของครม.เศรษฐกิจ รวมไปถึงมติครม.เศรษฐกิจที่ให้มีการดำเนินการปรับปรุง มูลค่า 1.7 แสนล้านบาทให้มีประสิทธิภาพในการเดินรถที่มีความเร็ว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และต้องมีความปลอดภัยในการเดินรถ                

27 0

นายกฯ สั่งบอร์ดสิ่งแวดล้อมพิจารณา 2กิจการ

นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมที่ให้คง 11 ประเภทกิจการที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง โดยในที่ประชุมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้บอร์ดสิ่งแวดล้อมกลับไปพิจารณาอีก 2 ประเภทกิจการที่อาจเข้าข่ายกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง โดยแบ่งเป็นโครงการพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติและโครงการถมทะเล ดังนั้นจึงให้บอร์ดกลับไปพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งหากตรวจสอบแล้วมีผลกระทบจริง ก็อาจจะประกาศเพิ่มเติมภายหลัง อย่างไรก็ตามการที่ไม่นำ 2 ประเภทกิจการดังกล่าวเข้ามารวมอยู่ใน 11 ประเภทกิจการนั้น เห็นว่า อาจจะเกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น  โดยหลักเกณฑ์จะต้องพิจารณาในส่วนของโครงการว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ในการจัดตั้งในพื้นที่ และในการจัดตั้งบางโครงการ จะทำให้พื้นที่เกิดความเสียหายหรือไม่ ซึ่งต้องกลับไปพิจารณาอีกครั้ง โดยใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวประกอบ

14 0

KTB ส่งเสริม SMEs ทุกรูปแบบในงาน SMEs Thailand Expo 2010

กรุงไทยจัดโปรโมชั่นสนับสนุน SMEs แบบครบวงจร ให้บริการแฟ็กเตอริง  เสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการ พร้อมบริการจัดการทางการเงิน รวมทั้งสินเชื่อเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 2% ต่อปี ในงาน SMEs Thailand Expo 2010 นายเวทย์ นุชเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจขนาดกลาง บมจ.ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารร่วมกับบริษัทในเครือนำผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ร่วมงาน SMEs Thailand Expo 2010 ระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน 2553 ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด บริการสะดวก ชีวิตสบาย กับ กรุงไทย SMEs โดยมีบริการที่หลากหลายครบวงจร เช่น สินเชื่อกรุงไทยแฟ็กเตอริง สินเชื่อเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม บริการจัดการทางการเงินสำหรับธุรกิจ SMEs (KTB SME Easy Plus+) สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทรัพย์สินพร้อมขาย (NPA) รวมทั้งประกันภัยในรูปแบบต่างๆ กองทุน บัตรเครดิต สินค้าเช่าซื้อ ตลอดจนลิสซิ่ง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในเงื่อนไขพิเศษ สำหรับบริการที่โดดเด่น ประกอบด้วยสินเชื่อกรุงไทยแฟ็กเตอริง เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจแก่ลูกค้า SMEs โดยจะรับซื้อและรับโอนสิทธิลูกหนี้การค้า พร้อมจ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่ลูกค้า สูงสุด 90% ของมูลค่าลูกหนี้การค้า ภายในระยะเวลา 120 วัน คิดดอกเบี้ย MRR ต่อปี ค่าธรรมเนียม 0.50% ของมูลค่าลูกหนี้การค้า รวมทั้งให้สินเชื่อเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 2% ต่อปี ระยะเวลาให้กู้สูงสุด 10 ปี นายเวทย์ นุชเจริญ กล่าวต่อไปว่า ธนาคารยังให้บริการจัดการทางการเงินสำหรับธุรกิจ SMEs พร้อมแพ็คเกจบริการรายเดือน เริ่มต้นเพียงเดือนละ 499 บาท ฟรีค่าบริการและค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น บริการจ่ายเงินเดือนพนักงาน โอนเงินระหว่างบัญชี ส่วนลูกค้าที่ Re-finance สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย คิดดอกเบี้ย 0% ใน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7-12 คิด MLR - 2.85% ต่อปี หลังจากนั้นคิด MLR - 1% ต่อปี และหากทำประกันชีวิตและประกันอัคคีภัย เสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดยในเดือนที่ 7-12 คิด MLR - 3.35% ต่อปี หลังจากนั้นคิด MLR - 1% ต่อปี สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย Home for Cash เพื่อการอุปโภคบริโภค ไม่ต้องตรวจสอบสภาพและประเมินราคาหลักทรัพย์ประกันใหม่ จนถึงวันที่ 19 ตุลาคมนี้ นอกจากนี้ ธนาคารยังนำ NPA หลากหลายประเภทในทำเลดีทั่วประเทศ จำนวนกว่า 5,000 แปลง มูลค่า 5,000 กว่าล้านบาท ให้ส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 35% พร้อมวงเงินสินเชื่อ 110% ไม่คิดดอกเบี้ยในปีแรก เสียค่าโอนกรรมสิทธิ์ต่ำสุดเพียง 1% เท่านั้น

39 0

NBC คาดรายได้ปีนี้โตใกล้เคียงเป้าที่ 30%

นายอดิศักดิ์  ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC  กล่าวว่า บริษัทฯคาดการณ์ว่ากำไรในปี 2553 น่าจะเติบโตจากปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 69 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯมีกำไรอยู่ที่ 52 ล้านบาท เติบโต 205% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 17 ล้านบาท ส่วนรายได้ในปีนี้คาดเติบโตใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ที่ 30% หลังรายได้ในช่วง 6 เดือนแรกอยู่ที่ 274 ล้านบาท เติบโตประมาณ 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 213 ล้านบาท นอกจากนี้ คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาส 3 จะเติบโตต่อเนื่อง โดยภาพรวมการเติบโตดังกล่าวมาจากภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณามีการเติบโตที่ดี ขณะที่บริษัทฯได้มีรายการเพิ่มในช่อง 9 คือ ZEN 2010 และรายการในช่อง 11 รวมถึงการเปิดช่อง MANGO TV ซึ่งเปิดในช่วงปลายไตรมาส 2 ซึ่งก็จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯมีทิศทางดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯยังมีการรายได้จากการจัดอีเว้นท์ 'ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาของทีวีทั้ง ฟรีทีวี และแนชั่นชาแนล คาดการณ์ว่าน่าจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก โดยในช่วงไตรมาส 2 เติบโต 38% ขณะที่ครึ่งปีแรกเติบโต 28% 'นายอดิศักดิ์ กล่าว ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯได้ใช้งบลงทุน 54 ล้านบาท ในการลงทุนอุปกรณ์ ทั้ง 2 สถานี คือ เนชั่นชาแนล และ MANGO TV โดยช่วงครึ่งปีหลังคาดจะมีการลงทุนเพิ่มในส่วนของเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ ซึ่งคาดใช้งบลงทุนประมาณ 10-20 ล้านบาท                

17 0

KK นำเอ็นพีเอขายลด 15-90%

“ธนาคารเกียรตินาคิน” จัดมหกรรมทรัพย์ดี ทวีคูณ กระตุ้นการขายทรัพย์มือสอง นำเอ็นพีเอ ทั่วประเทศออกขาย พร้อมมอบส่วนลด 15-90% สวนกระแสดอกเบี้ยขาขึ้นด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% ปีแรก วงเงินสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อเอ็นพีเอสูงสุด 95% หากซื้อสองชิ้นขึ้นไป ลดเพิ่มอีก 10% และร่วมลุ้นรับทองคำหนัก 5 บาท มูลค่ากว่า 1 แสนบาท เริ่มวันนี้ – 30 ก.ย. เท่านั้น นายศราวุธ จารุจินดา ประธานสายบริหารหนี้ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK)เปิดเผยว่า “จากปัจจุบันที่มีปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มว่าจะปรับราคาขึ้นนั้น อาจส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างบ้านและราคาอสังหาริมทรัพย์ได้นั้น ธนาคาร โดยฝ่ายบริหารทรัพย์สินรอขาย ได้จัดมหกรรมทรัพย์ดี ทวีคูณ ขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการจะซื้อบ้านหรือซื้อทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยได้นำทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) ทั่วประเทศมาจำหน่ายในราคาพิเศษ พร้อมส่วนลด 15-90% หากซื้อสองทรัพย์สองรายการขึ้นไป มอบส่วนลดเพิ่มอีก 10% (โดยคิดส่วนลดจากราคาทรัพย์ที่ต่ำกว่า) นอกจากนี้ ยังจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการกู้เงินเพื่อซื้อทรัพย์ดังกล่าว ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% ในปีแรก ปีถัดไป MLR (KK) -1% ตลอดอายุสัญญา วงเงินกู้สูงสุด 95% ของราคาซื้อขายสำหรับทรัพย์ไม่เกิน 10 ล้านบาท ถ้าซื้อทรัพย์ราคาเกิน 500,000 บาท และโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 15 วัน ลดเพิ่มอีก 10,000 บาท / รายการ  พร้อมลุ้นรับสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 รางวัล มูลค่าราว 100,000 บาท เริ่ม 31 สิงหาคม – 30 กันยายน 2553 สำหรับนักขายมืออาชีพทั่วไปหรือผู้สนใจเข้าร่วมขายทรัพย์ให้กับธนาคารนั้น  ธนาคาร จะมอบค่านายหน้าให้ 2% และเพิ่มเป็น 3% เมื่อแนะนำลูกค้าซื้อทรัพย์ตั้งแต่รายการที่ 2 ขึ้นไป สำหรับตัวอย่างทรัพย์เด่นที่น่าสนใจในมหกรรมทรัพย์ดี ทวีคูณ นี้ ได้แก่ ที่ดินเปล่า 1-1-34 ไร่ ซ.พัฒนาการ 20 โรงงานเนื้อที่ 28-0-48 ไร่ จ.สุพรรณบุรี บ้านเดี่ยวเนื้อที่ 319 ตารางวา ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี ดูรายละเอียดทรัพย์สินของธนาคารที่จะขายทุกรายการได้ที่ www.kkasset.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-680-3333 กด 3 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 19.00 น. ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2553 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2553 ธนาคาร มีเอ็นพีเอทั้งสิ้นมูลค่าราว 7,800 ล้านบาท จำนวนกว่า 2,000 รายการ แบ่งเป็น ที่ดิน 67% บ้าน 28% คอนโดมิเนียม 5%

10383 0

รัสเซียเตรียมขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  รัสเซียเตรียมขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศเพื่อกระตุ้นการพัฒนาและการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ หลังความต้องการซื้อรถยนต์ในประเทศขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะทยอยขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้า ขณะที่ปัจจุบันอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกอยู่ที่ 30% 'เราต้องการให้ผู้ประกอบการในต่างประเทศเข้ามาลงทุน ไม่ใช่เพียงจำหน่ายเท่านั้น เราต้องการให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี การเพิ่มการผลิต และการเสริมทักษะให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ของ' นายกรัฐมนตรีรัสเซียกล่าว ทั้งนี้ รัสเซียมีเป้าหมายที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ และกระตุ้นความต้องการในตลาดยานยนต์ โดยในปีนี้ รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณ 700 ล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในอุตสาหกรรมยานยนต์

32 0

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 31/08/53

SET วานนี้ปิดบวกตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค และยืนเหนือ 900 จุดหลังมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมาก SET ปิดบวกตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน หลังได้รับปัจจัยบวกจากการขานรับแนวทางของ FED จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้มีแรงซื้อหุ้นเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตลาดในกลุ่มแบงก์ พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง และการเก็งกำไรในกลุ่มสื่อสารเกี่ยวกับการเข้าประมูลใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G จนทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดชองวันที่ 913.81 จุด แต่อย่างไรก็ตามดัชนีอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากแรงเทขายทำกำไรออกมาจากกลุ่มสื่อสารที่มีการปรับขึ้นแรงก่อนหน้านี้ ทำให้ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 909.65 จุด เพิ่มขึ้น 9.28 จุด (+1.03%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมาก 40,127.45 ล้านบาทการลงทุนของนักลงทุนประเภทต่าง ๆ วานนี้นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิจำนวน 1,113.40 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิจำนวน 962.45 ล้านบาท ส่วนบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิจำนวน 465.03 ล้านบาท ตารางแสดงยอดการลงทุนของนักลงทุนประเภทต่าง ๆ ปี 2553 Mar -53 Apr -53 May -53 Jun -53 Jul -53 Aug -53 Total -53นักลงทุนต่างประเทศ 44 ,600 -4,097 -58 ,743 2,974 6,879 13 ,600 3,150นักลงทุนสถาบัน -9,342 -4,322 10 ,751 4,634 -3,660 -7,783 -12 ,074บริษัทหลักทรัพย์ 3,103 -1,273 -106 1,393 -714 3,019 2,956ที่มา : รวบรวมโดย KKSแนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในช่วง 905-915 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัวตามดาวโจนส์ที่ปิด -140 จุด จากการวิตกกังวลในแนวโน้มเศรษฐกิจ คาดว่าจะทำให้หุ้นไทยแกว่งตัวลบในช่วงเช้านี้ ด้วย ด้านสถาบันซื้อสุทธิ +962 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ +1,113 ล้านบาท แสดงถึงตลาดหุ้นจะแกว่งตัวผันผวน แต่น้ำหนักยังอยู่ทางขาขึ้นได้ คาดว่าตลาดจะแกว่งตัวในกรอบ 905-915 จุด ด้านปัจจัยต่างประเทศ ยังมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ เป็นแนวโน้มแกว่งตัวของขาขึ้นระยะสั้น (ในกรณียืนเหนือแนว 900 จุดได้ ถ้าต่ำกว่า 900 จุดจะปรับตัวลง) ส่วนปัจจัยในประเทศเกี่ยวกับกรณีกิจการที่มาบตาพุดยังเฝ้ารอความชัดเจนในสัปดาห์นี้อยู่คาดว่าหุ้นไทยจะแกว่งตัวต่อในกรอบ 905-915 จุด ถ้าดัชนียืนเหนือ 905 จุดน่าซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัว ในกรณีที่ต่ำกว่า 900 จุดจะน่าขายหุ้น สำหรับสัดส่วนการลงทุนในช่วงนี้ให้เป็นถือหุ้น 50% ถือเงินสด 50%

8092 0

บล.กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 31/08/53

กลยุทธ์วันนี้    915 ประเด็นสำคัญวันนี้ SET INDEX วานนี้ยังคงเดินหน้าทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง ด้วยบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียและยุโรปที่เป็นบวก อีกทั้งเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าทั่วเอเชีย รวมถึงไทย ดังจะเห็นได้จากนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันเป็นวันที่ 2    ทิศทาง SET INDEX วันนี้คาดว่าจะขยับขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ เพียงแต่จะลดความร้อนแรงลง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ 900-915 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น โดยปัจจัยบวกวันนี้น่าจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค. เชื่อว่าการบริโภค, การลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวจะยังส่งสัญญาณการเติบโตต่อเนื่องจากเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา รวมถึงการประกาศรายชื่อ 11 โครงการอันตรายในมาบตาพุด เชื่อว่าหุ้นหลักอย่าง PTT และกลุ่มธนาคารจะยังเป็นกลุ่มนำตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจากวานนี้ แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียเช้าวันนี้จะไม่ชัดเจน เพราะรายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐฯ เดือนก.ค. ออกมาแย่กว่าคาด และกดดัน DJIA – NYMEX แต่เชื่อว่านักลงทุนกลับมองเศรษฐกิจเอเชีย รวมไทยอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งกว่ามาก น่าจะเป็นสิ่งที่ประคองหรือจำกัด Downside Risk กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอ “ถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ”  และแนะนำ “ซื้อสะสม KTB” การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “ถือสถานะ Long ใน S50U10 ข้ามวัน” Stop Loss: S50U10 < 600 จุด ปิด Long และ เปิด Short  Portfolio Hold: CPF/ MCOT/ BEC/ BBL/ KTB/ PTT/BANPU/ TPC/ MINT/  MAJOR/ BTS/ TVO/ AP/ LH / QH / CPALL/ HEMRAJ / TTA/ HANA/ THCOM Accumulative Buy: KTBTechnical View แนวรับ 905 จุด, 880-888 จุด และ 860 จุด ส่วนแนวต้าน 925-930 จุด กลยุทธ์เป็นการเล่นสลับตัวสลับกลุ่มไปตามแนวโน้มตลาดฯ หรือเก็งกำไรระยะสั้น

2072 0

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 31/08/53

ตลาดมีโอกาสแกว่งตัวผันผวน ดังนั้นจังหวะซื้อยังรอช่วงปรับฐานลงได้... แนวโน้ม: เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป กลับมาปรับตัวลงกันอีกครั้ง จากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ของสหรัฐในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์นี้ก่อนมากกว่า ทำให้การซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็ตอบรับในเชิงลบ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไรนัก  ส่วนตลาดหุ้นไทยเราก็เริ่มเห็นแรงขายในระหว่างวันกดดันให้ SET เมื่อวานนี้ไม่สามารถขยับบวกต่อจากช่วงเปิดมากนัก โดยอยู่ในลักษณะแกว่งตัวแคบๆ และค่อนข้างผันผวนตลอดทั้งวัน ขณะที่หุ้นที่สร้างสีสันให้กับ SET ในช่วงนี้อย่างกลุ่มสื่อสาร จากข่าวเรื่องการยื่นประมูล 3G ก็เริ่มมีแรงขายออกมามากขึ้น หลังมีผู้ยื่นซองประมูลเพียง 3 รายซึ่งก็คือบริษัทย่อยของกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านมือถือของไทยนั่นเอง  ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงการมาบตาพุดก็ยังต้องรอดูความชัดเจนของคำพิจารณาของศาลปกครองในวันพฤหัสที่ 2 ก.ย.นี้อีกครั้ง ทำให้คาดว่าจะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวผันผวนแคบๆ มากกว่า  ดังนั้น FSS จึงคาดว่ามีแนวโน้มที่ SET จะอยู่ในช่วงของการแกว่งพักฐานลงก่อนได้ ซึ่งมองเป้าหมายการพักตัวที่บริเวณ 900 จุดหรือต่ำกว่า จึงยังแนะนำให้รอตลาดปรับลงค่อยพิจารณาเลือกหุ้นเข้าซื้อ กลยุทธ์: ยังแนะนำให้รอตลาดปรับลงค่อยเลือกหุ้นเข้าทยอยรับ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อไล่ราคา และน่าจำกัดพอร์ตไว้ด้วย โดยเน้นหุ้นที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากๆ เป็นหลัก ได้แก่  SCB, KBANK, BAY, TCAP, KCE, HANA, DELTA, LPN, QH, SIRI, SPALI , DCC, ROJNA, GFPT, TTW และ  BTS เป็นต้นประเด็นสำคัญวันนี้ •    (0) 3G กทช.แถลงผลการเปิดรับลงทะเบียนขอใบอนุญาต 3G (ใช้คลื่นความถี่ IMT ย่านคลื่นความถี่ 2.1 GHz) เมื่อวานนี้ (30 ส.ค.) สรุปแล้วมีผู้เข้าลงทะเบียนและยื่นเอกสารครบถ้วนจำนวน 3 รายคือบ.ลูกของ ADVANC, DTAC, TRUE กทช. จึงจะออก License 2 ใบ เรายังเห็นว่าฐานะการเงินของ ADVANC และ DTAC เข้มแข็งกว่า แม้ TRUE จะให้ข่าวว่ามี SCB ให้การสนับสนุนการเงิน กอปรกับราคาหุ้นปัจจุบันของทั้ง ADVANC และ DTAC ยังมีส่วนสดเกิน 10% จากราคาเป้าหมายรวม 3G ที่ 113 บาท และ 54 บาท ตามลำดับ จึงยัง Rating “Buy” ทั้ง ADVANC และ DTAC     •    (+) SSI การซื้อโรงถลุงเหล็ก (Slab) Teesside Cast Products จาก Corus ตอบโจทย์ของ SSI ที่ขาดต้นน้ำได้อย่างลงตัว ขณะที่ TCP ก็ขาดปลายน้ำ และกำลังการผลิตของทั้งสองโรงงานก็ใกล้เคียงกัน และ SSI ยังมีโอกาสขยายตลาดในยุโรปได้อีก เพียงแต่เราคาดว่าน่าจะต้องมีการเพิ่มทุนเพราะต้องใช้เงินอีกเป็นจำนวนมากในการสำรองเป็นเงินหมุนเวียนในโรงถลุงดังกล่าว เราอาจมีการทบทวนประมาณการใหม่เมื่อมีข้อมูลมากกว่านี้ เราปรับลดคำแนะนำลงเป็น ‘ถือ’ จากเดิม ‘ซื้อ’ เพราะราคาหุ้นปรับขึ้นมารับข่าวแผนการซื้อ TCP ไปแล้วก่อนจะถูกขาย Sell on fact เมื่อวานนี้จนทำให้ upside เหลือเพียง 10% •    Fund Flow วานนี้ไหลเข้าแต่ปริมาณเบาบางมาก โดยเข้าซื้อสุทธิเกือบทุกตลาดในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงคาดว่าความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐและโลกจะชะลอตัวมากกว่าคาดยังมีอยู่ แม้รัฐบาลกลางสหรัฐยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถอดถอยรอบ 2 ดังนั้นเม็ดเงินส่วนใหญ่ยังไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินเอเชียที่แข็งค่าแสดงถึงความต้องการเงินสกุลเอเชียมากขึ้นทำให้มีเงินไหลเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตรและมีเพียงเล็กน้อยที่ลงทุนในตลาดหุ้น นอกจากนี้ตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยได้ปรับขึ้น Outperform ดัชนี MSCI เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นเหตุว่าราคาหุ้นปัจจุบันอาจจะแพงและมี Upside จำกัด    Technical View : “เมื่อวานนี้ดัชนีขยับขึ้นชนแนวต้านในกรอบ 912-914 จุดโดยประมาณแล้วเริ่มมีแรงขายกดดันให้แกว่งผันผวนระหว่างวัน ถ้าวันนี้ยังไม่ผ่านแนวต้านแรกนี้ขึ้นก็ต้องระวังย้อนลงหาแนวรับก่อน ซึ่งต้องตามดูแรงซื้ออีกครั้ง!!” แนวรับ    :   900-896** , 892-890*** แนวต้าน  :   912-914**, 920-925***Technical Picks:LPN (Bt 9.50 เป้าเทคนิค 10.80-11.30 cut loss ถ้าหลุด 9)KSL (Bt 11.90 เป้าเทคนิค 13-14 cut loss ถ้าหลุด 11.50)MDX (Bt 1.47 เป้าเทคนิค 1.68-1.74 cut loss ถ้าหลุด 1.40)

13632 0

ค่าบาทเปิดตลาดเช้าที่ 31.28-31.30 บาท/ดอลล์

นักค้าเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.28-31.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยระหว่างวันคาดการณ์จะเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยทางเทคนิค หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ค่าเงินบาทได้แข็งค่าต่อเนื่องติดต่อกันหลายวันทำการ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ที่ระดับ 31.28-31.35 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ให้ติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของจีนในวันพรุ่งนี้

7041 0

บล.กรุงศรีอยุธยา : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 31/08/53

Market Recap and Trend: SET อาจปรับลงมาปิด GAP บริเวณ 900 จุด...คาดตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ค. ออกมาดีต่อเนื่อง การปรับสูงขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศ แนวโน้มการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศส่งผลให้วานนี้ SET ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง 1.04% ปิดตลาดที่ 909.65 จุด โดยหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน สื่อสาร และธนาคาร เป็นหุ้นกลุ่มนำตลาด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น39,843 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิ 1,113 ล้านบาท การปรับลดลงของตลาดหุ้น Dow Jones 1.39% จากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยกดดัน SET วันนี้ โดยมีโอกาสปรับลดลงไปปิด GAP ทางเทคนิคที่บริเวณ 900 จุด สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ค. จะประกาศวันนี้ คาดว่าจะออกมาดีต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะภาคการผลิต การบริโภค และการลงทุน ซึ่งจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือยุโรป ทำให้คาดการณ์ว่าเงินทุนจะยังไหลเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงนี้ โดยเงินบาทยังคงแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 31.3 บาท/ดอลลาร์ฯ เช้านี้Investment Strategy: ปรับเพิ่มเป้าหมาย SET อิงวิธี Bottom Up เป็น 1,035 จุด แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มธนาคารเมื่อ SET อ่อนตัวมาที่บริเวณ 900 จุด เราปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐาน SET อิงวิธี Bottom-Up เป็น 1,035 จุด สูงขึ้นประมาณ 12% จากเดิมที่ 920 จุด ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากการ Rollover มูลค่าพื้นฐาน SET อิงกับ Valuation ปี 2554 (ดูรายละเอียดในรายงานทิศหุ้นเดือน ก.ย.) โดยหุ้นกลุ่มธนาคาร และชิ้นส่วนยานยนต์ยังเป็นกลุ่มที่เราให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาดต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยตรง โดยเราให้ BBL, KBANK, TCAP, KTB, STANLY,และ SAT เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น เราคงแนะนำใช้กลยุทธ์ Let the profit run โดยมีจุด Trailing Stop ที่ 885 จุด เพื่อจำกัดความเสี่ยงด้านขาลง สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่ • KTB – นอกจากจะได้รับผลดีโดยตรงจากแนวโน้มการขยายตัวเศรษฐกิจแล้ว ยังได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนภาครัฐฯ... ซื้อ มูลค่าพื้นฐาน 15.6 บาท • TCAP – การเข้าซื้อ SCIB ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง ขณะที่ยังได้รับผลดีจากการขยายธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งคิดเป็น 50% ของสินเชื่อทั้งหมด...ซื้อ มูลค่าพื้นฐาน 39 บาทFutures Strategy : แนะนำถือสถานะ LONG โดยมี Trailing Stop ที่ 610 จุด (ดูรายละเอียดใน Derivative Strategy)AUTO : เพิ่ม TISCO และ EGCO เข้ามาในกลุ่มหุ้น Top PicksRecommended Portfolio: พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน +2.7% ดีกว่าอัตราผลตอบแทน SET ที่ +0.7% (Update วันที่ 30 ส.ค. 53) พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน +2.7% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ SET มีอัตราผลตอบแทน +0.7% หรือพอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า SET อยู่ 2.0% ในขณะที่ถ้าพิจารณาตั้งแต่จัดทำพอร์ตจำลอง (ก.ย. 49) มีอัตราผลตอบแทน +231% ดีกว่าตลาดที่ให้อัตราผลตอบแทน +28.3% อยู่ 158% นอกจากนี้ หากพิจารณาตั้งแต่ต้นปี 53 พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน 44% ดีกว่าผลตอบแทน SET ที่ 22.6% อยู่ 21.4% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา CPALL และ BBL เป็นหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนสูงที่สุดในพอร์ต หรือมีอัตราผลตอบแทน +12.7% และ 1.8% ตามลำดับ สำหรับสัปดาห์นี้ยังคงแนะนำให้ถือหุ้นทั้ง 4 ตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ STANLY (ได้รับผลดีจากอุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัว) BBL (ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวโดยตรง ผ่านการเติบโตทางด้านสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียม) CPALL (จากการขยายสาขา และเพิ่มกำไรขั้นต้น ซึ่งส่งผลดีต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน) ADVANC (มีปัจจัยบวกจากความชัดเจนมากขึ้นกรณีสัมปทาน 3G) และ เพิ่ม QH เข้ามาในพอร์ต โดยเป็น Top Picks ในกลุ่มอสังหาฯ ซึ่งคาดว่าผลการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นมากในช่วง 4Q53 จากการเปิดโครงการใหม่ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลง ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 1.39% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 1.47% โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง ขณะเดียวกัน นักลงทุนลังเลที่จะเข้าลงทุนก่อนการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิต, บริการและตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะยืนยันว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจกำลังชะลอลง ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.63% มาปิดที่ 74.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันการที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เปิดเผยว่าได้หารือกับบรรดาที่ปรึกษาเกี่ยวกับมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่ได้ช่วยหนุนตลาด อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันร่วงลงในเวลาต่อมา ขณะที่นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุนก่อนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานที่จะออกมาในวันศุกร์ที่ 3 ก.ย. ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบเยน ดอลลาร์ร่วงลงต่ำกว่า 85 เยนและยูโรร่วงลงมากกว่า 1% เมื่อเทียบกับเยน หลังบีโอเจเพิ่มวงเงินกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ให้กับธนาคารสู่ 30 ล้านล้านเยน (3.51 แสนล้านดอลลาร์) จาก 20 ล้านล้านเยน นอกจากนี้ ความเห็นจากนายมาซาเอกิ ชิรากาวาผู้ว่าการบีโอเจยังช่วยหนุนเยนขึ้นด้วย โดยระบุว่านายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง ไม่ได้เรียกร้องเกี่ยวกับนโยบายการเงินของบีโอเจ และระบุว่า นโยบายของบีโอเจจะไม่ผูกติดกับการเคลื่อนไหวของเยนและหุ้น โดยการปรับตัวขึ้นของเยนเป็นผลจากการที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ไม่มีรายงานดัชนีค่าระวางเรือเทกอง                

4404 0
อ่านข่าวถัดไป
Sanook.commenu