
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 17/08/53
ไซด์เวย์ KGI คาดว่าตลาดหุ้นไทยวันอังคารจะเคลื่อนไหวกรอบแคบ ความอึมครึมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังกดดันจิตวิทยาของหุ้นเอเชีย หลังจากตัวเลขสำรวจภาคการผลิตแถบนิวยอร์กเดือน ส.ค. ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย และเครื่องชี้ความเสี่ยง 2 ตัวจาก 3 ตัวหลักยังไม่ดีนัก กล่าวคือราคานํ้ามันซึมลง และผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ร่วงสู่จุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 16 เดือน แต่ดัชนีความกลัว VIX ทรงตัวได้ ในส่วนของ SET คาดว่าจะเผชิญแรงขายจากนักลงทุนสถาบันในประเทศต่อไป เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้เล่นที่มีกำไรมาก่อนหน้านี้ และทุนต่างชาติจะเป็นผู้รับหุ้นเพื่อจำกัดความเสี่ยงทางลงของดัชนีฯ ทั้งนี้นักลงทุนสถาบันเหลือยอดซื้อสะสมไม่มากนัก (9.5 พันล้านบาทนับจากกลางเดือน เม.ย.) KGI จึงเชื่อว่า SET จะไม่ลงแรงมองช่วงนี้เป็นการพักฐาน ด้านปัจจัยในประเทศ นายกฯ อภิสิทธิ์ เซ็นคำสั่งยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดคือเชียงใหม่ เชียงราย และอุบลราชธานี แต่ยังคง พ.ร.ก. ไว้ใน 7 จังหวัดรวมทั้งกรุงเทพฯ ด้วย อย่างไรก็ดีคาดว่าจะไม่มีผลสำคัญต่อตลาดหุ้นในวันนี้ กลยุทธ์: เล่นหุ้นขนาดกลางต่อไป แนะซื้อ i) กลุ่มเติบโตสูงเช่น AMATA, HANA*, DELTA*, SAT และ STANLY และ ii) กลุ่มเศรษฐกิจในประเทศเช่น PS*, AP และ HMPRO* และวันนี้เราเริ่มแนะนำหุ้น TASCO ด้วยคำแนะนำซื้อ (เป้าหมาย 60 บ. และกำไรไตรมาส 2 แข็งแกร่งกว่าคาด ดูเพิ่มในฉบับ)ความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชันเปิดเผยว่า บริษัทได้เซ็นสัญญากับบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำ 4 รายโดยมาจากยุโรป 2 ราย และจีน 2 ราย เพื่อเข้ามาใช้พื้นที่กว่า 200 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครจ.ชลบุรีตั้งโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์สำเร็จรูปขนาดใหญ่สำหรับจำหน่ายในประเทศ และส่งออก ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ค่ายยุโรปอีก 1 รายคาดว่าจะสรุปผลได้ในเร็วๆ นี้ รวมทั้งเตรียมเจรจาดึงบริษัทซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ให้เข้ามาลงทุนในนิคมเพิ่มเติม เพื่อป้อนชิ้นส่วนและอะไหล่ให้กับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าสถานการณ์ที่ดีขึ้น และการกลับเข้ามาของนักลงทุน จะส่งผลให้อมตะฯ สามารถทำยอดขายที่ดินในปี 2553 ได้ตามเป้าหมาย 900 ไร่ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกได้ยื่นหนังสือต่อสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) PTT* และ SCC* ในประเด็นการจัดทำรายงานผลกระทบทางสุขภาพ (HIA) ที่ทางกลุ่มเชื่อว่าไม่ถูกต้องตามประกาศกระทรวงทรัพยากรฯจำนวน 20 โครงการ เช่น โรงแยกก๊าซฯ ที่ 6 ของ PTT โครงการผลิตโอเลฟินส์และโครงการเปลี่ยนแปลงการผลิตโอเลฟินส์ของ SCCเพราะเร่งรีบทำให้การเสนอความเห็นและข้อกังวลของประชาชนไม่ครอบคลุมทุกประเด็น รวมทั้งระยะเวลาแจ้งให้ประชาชนล่วงหน้าเนื้อหาการศึกษาไม่ครบ อย่างไรก็ดีประธานส.อ.ท. เชื่อว่าการดำเนินการของผู้ประกอบการต่างๆ ได้ดำเนินการตามกฏหมาย สอดคล้องกับ PTT และ SCC ที่เชื่อว่าการดำเนินการที่ผ่านมานั้นชอบด้วยกฏหมาย อย่างไรก็ดีในส่วนของ PTT ระบุว่าจะมีการจัดให้มีการประชุมกับชุมชนอีกครั้งเกี่ยวกับขั้นตอนการก่อสร้างของบริษัท บมจ. โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป ประเมินกำไรสุทธิปี 2553 ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท สอดคล้องกับประมาณการกำไรสุทธิปี 2553 ของเราที่ 400 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการเติบโตของเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่อาศัยและสำนักงานที่คิดเป็นสัดส่วนรวมกว่า 74% ของรายได้รวม ปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนให้งานในมือปัจจุบันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ กำไรดังกล่าว รวมกำไรพิเศษจากการขายตึกที่เอกมัยและหุ้นในบริษัท IMC มูลค่ารวมกว่า 56 ล้านบาท ที่ประชุม ครม. เมื่อวันจันทร์มีมติให้ปฎิรูประบบเงินเดือนข้าราชการ โดยให้ปรับเงินเดือนแรกบรรจุให้ใกล้เคียงเอกชนมากขึ้น และยังให้ทยอยปรับเงินเดือนทุกตำแหน่งให้เท่าเอกชนภายใน 5 ปี และต่ออายุราชการของข้าราชการสายวิชาการอีก 10 ปี นอกจากนี้ ครม. ยังระบุว่าน่าจะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก่อนเดือน เม.ย. 2554 โดยน่าจะมีการปรับขึ้นไปเป็น 250 บาทต่อวัน ซึ่งทั้งหมดในข่าวนี้จะส่งผลดีต่อการบริโภคส่วนบุคคลและหุ้นที่เกี่ยวข้องเช่นกลุ่มค้าปลีก เป็นต้น