ข่าว ข่าววันนี้ ตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล พรีเมียร์ลีก ตรวจหวย ข่าวบันเทิง ฟังเพลงออนไลน์ วิเคราะห์บอล ทีวีออนไลน์

อ่านข่าวย้อนหลัง

เมนูข่าว

การเงิน และการลงทุนทั้งหมด

แสดง 5451 - 5,475 จาก 32,894 ข่าว

GLOW โชว์ ผลงานรายไตรมาสออกมาเจ๋ง

GLOW ผลประกอบการไตรมาส 2 ตอกย้ำแนวโน้มผลประกอบการปี 2553 ที่สูงขึ้น ปัจจัยหลักคือความต้องการกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.735 บาทต่อหุ้น ผลประกอบการไตรมาส 2 ตอกย้ำแนวโน้มผลประกอบการปี 2553 ที่สูงขึ้น โกลว์แจ้งผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 ดังนี้: รายได้รวม 9,273 ล้านบาท ผลกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา (“EBITDA”) 2,470 ล้านบาท และกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (“NNP”) จำนวน 1,239 ล้านบาท ผลประกอบการสำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2553 มีดังนี้: รายได้รวม 18,318 ล้านบาท ผลกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา (“EBITDA”) 5,051 ล้านบาท และ กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (“NNP”) จำนวน 2,600 ล้านบาท ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจากผลประกอบการรายไตรมาสที่สูงที่สุดในไตรมาสแรกของปี 2553 ปัจจัยหลักมาจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ดี  เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผลกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อม (“EBITDA”) สำหรับ 6 เดือนแรกปี 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.0 และกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (“NNP”) เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.8 โดยมีปัจจัยหลักมาจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและกลุ่มลูกค้าใหม่ รวมทั้งอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้น นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์กล่าวว่า “ผลการประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจของกลุ่มบริษัท ยอดจำหน่ายของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายปัจจุบันยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ที่ทำสัญญาเพื่อเริ่มซื้อพลังงานในปีนี้นั้น ก็มีปริมาณการซื้อทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ปริมาณไฟฟ้าและไอน้ำที่จำหน่ายให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมสำหรับ 6 เดือนแรก เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และร้อยละ 8 ตามลำดับ ในส่วนของอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ต้นทุนเชื้อเพลิงยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ เมื่อรวมกับอัตราค่าไฟฟ้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานทั้งจากไรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงและถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงจึงอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ” นายเอซ่า เฮสคาเน่น กล่าวต่อไปว่า “โรงไฟฟ้าถ่านหินโรงใหม่ขนาด 115 เมกะวัตต์ปัจจุบันอยู่ภายใต้การทดสอบการเดินเครื่องครั้งสุดท้ายและคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้เต็มกำลังภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้นต่อไป” ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.735 บาทต่อหุ้น นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินกลุ่มบริษัทโกลว์กล่าวว่า “ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งรวมไปถึงความสำเร็จในการดำเนินการจัดหาเงินทุน คณะกรรมการบริษัทประกาศให้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2553 จำนวน 0.735 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ไป 0.70 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ในด้านการจัดหาเงินทุน บริษัทไม่ได้เพียงประสบความสำเร็จในการดำเนินการจัดหาเงินทุนสำหรับปี 2553 เท่านั้นแต่ยังประสบความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้อีกจำนวน 4,000 ล้านบาทสำหรับความต้องการด้านเงินทุนของปี 2554 อีกด้วย ดังนั้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2554 บริษัทจึงต้องการเงินทุนในส่วนที่เหลืออีกเพียง 3,000 ล้านบาท สำหรับแผนการจัดหาเงินเพื่อสนับสนุนโครงการลงทุนต่างๆของบริษัท”

14 0

บล.กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 16/08/53

กลยุทธ์วันนี้    850-855 ประเด็นสำคัญวันนี้ ภาพตลาดหุ้นไทยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา 860 จุดยังคงทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าตลาดหุ้นในเอเชียและยุโรปปรับฐานลง 1% และ DJIA Futures – NYMEX ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังผิดหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดคืนวันที่ 10 ส.ค. และทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 13 วันทำการ มุมมองต่อ SET INDEX วันนี้คาดว่าอาจอ่อนตัวลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขายสู่บริเวณ 850-855 จุด แต่เชื่อว่าท้ายที่สุด SET INDEX จะกลับมายืนเหนือ 860 จุดได้ เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียน่าจะฟื้นตัวขึ้นจากปลายสัปดาห์ก่อน ยกเว้นญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจ 2Q53 เติบโตน้อยกว่าคาด บวกกับแรงกดดันจากค่าเงินเยนที่แข็งค่า แม้จะไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนการลงทุนก็ตาม แต่ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจ และฐานะการเงิน การคลังที่แข็งแกร่งมาเมื่อเทียบกับซีกโลกตะวันตกอย่างสหรัฐฯ และยุโรป ย่อมทำให้เม็ดเงินต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นในเอเชียรวมถึงตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมาก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงการปรับน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อยเท่านั้น กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอ “ถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ” และ “ทยอยสะสม  MAJOR/ TASCO” การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “ถือสถานะ Long ใน S50U10 ข้ามวัน” Stop Loss: S50U10 <  575 จุด ปิด Long และ เปิด Short  Portfolio Hold: CPF/ TASCO / MCOT/ BEC/ BBL/ PTT/PTTEP/ BANPU/ TPC/ MINT/ THAI/ AOT/ MAJOR/ BTS/ TVO/ AP/ CPALL/ HEMRAJ / TTA/ HANAAccumlative Buy: MAJOR / TASCO Technical View แนวรับ 845-850 จุด, 830 จุด และ 820-822 จุด ส่วนแนวต้าน 870 +/- 2 จุด, 878-880 จุด และ 886-888 จุด กลยุทธ์ระยะสั้นเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ทั้งนี้หุ้นหลักๆ ยังเป็นเป้าหมายของการทำรอบ

1712 0

บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 16/08/53

คาดลงตามตลาดโลก ชดเชยวันที่หยุดไป ภาพตลาดใหญ่คาดว่าจะลงตามตลาดโลก วันนี้คาดลงได้ถึง 850-842 จุด แต่หากเข้าใกล้ 842 จุด เป็นจุดรับสำคัญที่หนึ่งที่แนะนำให้เข้าทยอยซื้อ ในลำดับแรกควรต้องเป็นสื่อสารกับธนาคาร และหุ้นไฟฟ้าก่อน ส่วนพลังงานอิงน้ำมัน-โรงกลั่น-ปิโตรเคมี คาดว่าต้องชดใช้ด้วยการยังไม่ปรับขึ้นเนื่องจากตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 2/53 ที่ไม่น่าประทับใจยังพ่นพิษต่อ คู่ Pair Switching ที่แนะนำคือ ขายPTTAR เข้า IVL, AJ พิสูจน์ให้เห็นจากงบการเงินที่ออกมา CPF ออกงบมาแล้วถือว่าไม่มี Good Surprise กำไรต่ำกว่าคาด และปันผลก็ไม่มีพิเศษเพิ่มเติม คงจ่ายเพียง 0.50 บาท ตามปกติ นักลงทุนคาดหวังสูงต่อหุ้นนี้ ต้องรอให้ราคาอ่อนแอลงก่อนจึงเข้าซื้อในช่วง 23.20-22.30 บาท รอรับปันผลระหว่างกาลได้หากถือยาวระยะสั้นของกลุ่มซีพี เราเน้นให้เข้า CPAL L ขึ้นรอบใหม่ก่อน กำไรดีกว่าคาดหมาย กรอบวันนี้ แนวรับ 855 แนวต้าน 870ปัจจัยวันนี้: หุ้นใหญ่ยังไร้แรงขับเคลื่อนขึ้นนำตลาด ( - ) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ปรับตัวลง 4 วันทำการติดกันรวมกว่า 350 จุด หรือ 3.3%ราคาปิดต่ำลงทุกวันล่าสุดอยู่ที่ 10,303 จุด หลุดแนวรับทางเทคนิค และข้อมูลทางเศรษฐกิจไม่สร้างกระแสบวกต่อการลงทุน หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประเมินภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซามากขึ้น และมีความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนแม้ผลประกอบการของ บจ.ในกลุ่มธนาคารจะออกมาดีแต่ไม่สามารถพยุงตลาดได้ ที่สำคัญคือการหลุดแนวรับ 10,350 จุดลงมาทำให้อาการทางเทคนิคไม่ดีมีโอกาสลงต่อในช่วงสั้นได้ ( - ) ราคาน้ำมันดิบ: ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ร่วงลงเป็นวันที่ 4ติดต่อกันเหมือนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย. มาปิดตลาดที่75.39 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบมีแรงหนุนขึ้นมาบ้างจากข่าวจีดีพีของยูโรโซนเติบโตขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 3 ปีในไตรมาส 2/53 จากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจในเยอรมนีและฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ข่าวลบเข้ามาจากการที่โอเปกระบุในรายงานรายเดือนว่า อุปสงค์ในน้ำมันจะยังคงเติบโตขึ้นอย่างเชื่องช้าในปี 2011 ซึ่งเป็นปีที่คาดกันว่าเศรษฐกิจโลกอาจเติบโตช้ากว่าปีนี้เล็กน้อยโดยโอเปกยังคงคาดการณ์ตามเดิมว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจเพิ่มขึ้น 1.05ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2011 กลุ่มโอเปกปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกประจำปี 2010 ขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมราว 100,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 85.50 ล้านบาร์เรลต่อวัน ( + ) SAMART: คาดกำไรสุทธิปี 2553 จะเพิ่มขึ้น 51% และ ปี 2554 จะเพิ่มขึ้น12% แต่อาจเพิ่มถึง 41% หากได้รับงานโครงการจานดาวเทียม 3 ล้านจานของกสท. หรือมากกว่านั้นหากชนะประมูลโครงการขนาดใหญ่อื่นเพิ่มเติม ถ้าโครงการรถเมลล์ NGV เกิดขึ้นจะสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่หากล่าช้าก็ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทแต่อย่างใด เราประเมินราคาเหมาะสมอิงปี 2554 ปรับราคาเหมาะสม (Sum-ofthe- Parts) ขึ้นเป็น 10 บาท และคงคำแนะนำซื้อ ( + ) SF: บริษัทเตรียมแถลงข่าวความสำเร็จในการกู้เงิน และเปิดตัวพาร์ทเนอร์โครงการเมกะบางนาในวันที่ 18 ส.ค. 53 และมีแนวโน้มว่าโครงการจะเปิดดำเนินการได้ทัน พ.ย. 54 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิมต้นปี 2555 หลังการเปิดตัวพื้นที่เช่าจะปรับเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 2.6 แสนตร.ม.เป็น 4.8 แสน ตร.ม. เราคงราคาเป้าหมายที่ 7 บาท และคำแนะนำซื้อ

1563 0

บล.บีฟิท : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 16/08/53

Market Attitudeปัจจัยต่างประเทศย่ำแย่หนัก ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับลงค่อนข้างแรง ในช่วงที่เราหยุดทำการไป นักลงทุนมีการขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เพื่อไปถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า เพราะกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก สัปดาห์ที่แล้วเฟดเองก็ประเมินเศรษฐกิจสหรัฐซบเซากว่าที่คาด แม้จะมีมาตรการกดดันให้ต้นทุนกูยืมลดลง แต่ตลาดก็ก็ไม่ค่อยเชื่อมั่นนัก นอกจากนี้ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกก็ยังมาจากการชะลอตัวด้านเศรษฐกิจของจีนด้วย หลังข้อมูลที่ออกมาในการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลงจากช่วงก่อนหน้า ดูแนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลกแล้วก็ยังมีการปรับลงต่อ สำหรับปัจจัยในประเทศตลาดที่เคยรับรู้ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศในด้านบวก ก็คงจะต้องมาดูปัจจัยเศรษฐกิจที่มาจากภายนอกกันมากหน่อยในช่วงนี้ ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศ เรื่องเสถียรภาพรัฐบาล จากประเด็นของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมใจไทย คิดว่ายังน่าจะยังตกลงกันได้ เพื่อจะยังรักษาสถานะการเป็นรัฐบาลไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังคงต้องจับตากันว่า การลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2554 ในวันที่ 18-19 ส.ค. จะเป็นอย่างไร เพราะเสียงของรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้านไม่มาก แต่เราก็เชื่อว่ายังน่าจะผ่านไปได้ มาดูแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ จะไดัรับแรงกดดันทั้งจากภายนอกที่ย่ำแย่เข้ามา เริ่มเห็นการขายของนักลงทุนต่างชาติออกมาบ้างในวันก่อนหน้า ขณะที่สถาบันในประเทศยังขายสุทธิมาก    กลยุทธ์การลงทุน ระยะกลาง : ขายทำกำไรบางส่วน ... (เผื่อจุดถอยไว้ที่ 860จุด) ระยะสั้น : ยังไม่ลุ้น รอดูไปก่อนMarket Viewpoint ตลาดหุ้นสหรัฐ  ดาวโจนส์ -16.80 จุด หรือ -0.16% ปิดที่ 10,303.15 จุด ปิดส่งท้ายสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุด โดยปรับตัวลงในช่วงใกล้ปิดตลาด ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจแทบไม่ได้ให้เหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงกระแสการเทขาย น้ำมันดิบ  NYMEX -0.35 ดอลลาร์ หรือ -0.46% ปิดที่ 75.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดร่วงลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ นักลงทุนกังวลกันมากยิ่งขึ้นว่า การชะลอตัวทางเศรษฐกิจอาจส่งผลลบต่ออุปสงค์น้ำมัน เศรษฐกิจไทย - ธปท. ระบุ ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยช่วงต่อจากนี้จะมาจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะความเข้มแข็งในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก กระแสเงินทุน/เงินบาท - ธปท. คาดว่า มีโอกาสที่เงินทุนต่างชาติ จะไหลเข้าไทยอย่างต่อเนื่องในระยะต่อไป หากเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ และภาวะการเมืองนิ่ง พร้อมดูแลไม่ให้กระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจและค่าเงินบาท อสังหาริมทรัพย์ - ธปท. มองทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่มาก ผู้ประกอบการและลูกค้ามีการปรับตัวได้ดี ธนาคาร - 'ฟิทช์ เรทติ้งส์'ชี้ภาคธนาคารไทยแข็งแกร่งใน Q2 แม้เผชิญความวุ่นวายทางการเมือง ตลาดหุ้น - ตลท. มองตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ทิศทางขาขึ้น เงินทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาลงทุน หลังเศรษฐกิจมีแนวโน้มดี แต่ก็ยังมีความเสี่ยงด้านการเมือง THCOM - ยืนยันทั้งปี 53 บริษัทจะยังมีกำไรสุทธิ แม้งวดครึ่งแรกจะขาดทุน STEC - คาดกำไรสุทธิในปีนี้ดีกว่าปีก่อน โดยในครึ่งหลังปีนี้ มีเป้าหมายจะรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ระดับ 9%

8 0

บล.กรุงศรีอยุธยา : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 16/08/53

Market Recap and Trend: การปรับลดลงแรงของตลาดหุ้นต่างประเทศจะเป็นปัจจัยกดดัน SET วันนี้ มีโอกาสปิดตลาดต่ำกว่า Trailing Stop สูงขึ้นมาก แม้ว่า SET จะปิดตลาดทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ 862.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 25,248 ล้านบาท แต่โมเมนตัมตลาดโดยรวมยังอ่อนแอต่อเนื่อง โดยนักลงทุนต่างชาติกลับมาขายหุ้นสุทธิ 488 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มของ SET วันนี้ คาดว่าจะถูกกดดันจากการปรับลดลงของตลาดหุ้นต่างประเทศในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการปรับลดลงของตลาดหุ้น Dow Jones จากความกังวลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ US$75/บาร์เรล จะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP, TOP, และ PTTAR…ทั้งนี้แม้ว่าเราจะยังมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้ม SET ในระยะกลาง-ยาว โดยมีเป้าหมายการปรับสูงขึ้นอิงวิธี Bottom-Up ที่บริเวณ 920 จุด แต่ในระยะสั้น SET มีโอกาสสูงที่จะเริ่มเข้าสู่แนวโน้มการพักฐานหลังจากที่ปรับสูงขึ้นมากกว่า 20% ในช่วง 2.5 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกรณีที่ SET ปรับลดลงต่ำกว่า Trailing Stop ที่ 860 จุดInvestment Strategy: คงกลยุทธ์ Trailing Stop โดยคงจุด Trailing Stop ไว้ที่ 860 จุดต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน แม้ว่า SET จะปรับลดลงต่ำกว่า Trailing Stop ที่บริเวณ 860 จุดในช่วงระหว่างวัน แต่สามารถปิดตลาดเหนือระดับ 860 จุด ทำให้นักลงทุนอาจ “ถือหุ้นต่อ” ในสัดส่วน 80% ของพอร์ต อย่างไรก็ตามเนื่องจากแนวโน้ม SET ที่คาดว่าจะอ่อนแอลงจากแนวโน้มการพักฐานของตลาดหุ้นโลก ทำให้เราคงแนะนำกลยุทธ์ Trailing Stop ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยคงจุด Trailing Stop ไว้ที่ 860 จุด ทั้งนี้ในกรณีที่ SET ปิดตลาดต่ำกว่า Trailing Stop (มีโอกาสปรับลดลงต่ำกว่า Trailing Stop สูง) เราแนะนำนักลงทุนลดสัดส่วนหุ้นในพอร์ตลงเหลือ 60% จากปัจจุบันที่ 80% เพื่อจำกัดความเสี่ยงจากการพักฐานไปก่อน ทั้งนี้ในกรณีที่ SET ปรับลดลงต่ำกว่า 860 จุด จะมีความเสี่ยงด้านขาลง (Downside Risk) ที่บริเวณ 840 จุด และ 810 จุด ตามลำดับ...สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ • CPALL – ทยอยสะสม หุ้นกลุ่ม Defensive จะมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาด • BLA – เก็งกำไร ได้รับผลดีจากแผนเพิ่มวงเงินประกันชีวิตเพื่อนำไปหักภาษีจาก 1 แสนบาท เป็น 2 แสนบานFutures Strategy : แนะนำเปิดสถานะ Short โดยมี Trailing Stop ที่ 582 จุด (ดูรายละเอียดใน Derivative Strategy)AUTO : SENTIMENT หุ้นหลายๆ ตัวอ่อนแอลงต่อเนื่องRecommended Portfolio: พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน -0.2% ดีกว่าอัตราผลตอบแทน SET ที่ -1.5% (Update วันที่ 16 ส.ค. 53) พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน -0.2% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ SET มีอัตราผลตอบแทน -1.5% หรือพอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า SET อยู่ 1.3% ในขณะที่ถ้าพิจารณาตั้งแต่จัดทำพอร์ตจำลอง (ก.ย. 49) มีอัตราผลตอบแทน +209% ดีกว่าตลาดที่ให้อัตราผลตอบแทน +22.9% อยู่ 151% โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา CPALL เป็นหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนสูงที่สุดในพอร์ตหรือมีอัตราผลตอบแทน +1.6%…สำหรับสัปดาห์นี้ถือหุ้นทั้ง 4 ตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ STANLY (ได้รับผลดีจากอุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัว มีแนวโน้มปรับประมาณการกำไร และมูลค่าพื้นฐาน) BBL (ได้ปรับประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวโดยตรงผ่านการขยายตัวสินเชื่อ และรายได้ค่าธรรมเนียม) CPALL (การขยายสาขา และเพิ่มกำไรขั้นต้นส่งผลดีต่อผลการดำเนินงาน) ADVANC (มีปัจจัยบวกจากความชัดเจนมาขึ้นกรณีสัมปทาน 3G และเตรียมรับปันผลระหว่างกาล 3 บาท/หุ้น) ขณะที่นำ PTTCH ออกจากพอร์ตไปก่อน เนื่องจากเป็นหุ้นที่มี Beta สูงทำให้มีความเสี่ยงที่ราคาจะปรับลดลงในช่วงการพักฐานของ SET สูงNews CommentAUTOMOTIVE : ยอดจำหน่ายรถยนต์ กรกฎาคม เติบโตเพิ่มขึ้น 52.2% นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์เดือนกรกฎาคม 2553 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 65,672 คัน เพิ่มขึ้น 52.2% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 28,780 คัน เพิ่มขึ้น 64.1% รถเพื่อการพาณิชย์ 36,892 คัน เพิ่มขึ้น 44.0% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 31,115 คัน เพิ่มขึ้น 39.8% ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์เดือนกรกฎาคม มีปริมาณการขาย 65,672 คัน เพิ่มขึ้น 52.2% เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงเศรษฐกิจของประเทศที่มีทิศทางดีขึ้น โดยตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 28,780 คัน เพิ่มขึ้น 64.1% เป็นผลมาจากความนิยมต่อเนื่องในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ส่งผลให้อัตราการเติบโตของตลาดรถยนต์นั่งโดยเฉลี่ยของปี2553 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 60 ด้านตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่มีปริมาณการขาย 36,892 คัน เพิ่มขึ้น 44.0% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประกอบกับการส่งเสริมการขายที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคความเห็นและคำแนะนำ : ประเด็นข่าวดังกล่าวถือเป็นประเด็นบวกต่อเนืองของกลุ่มยานยนต์ แสดงถึงแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจนของอุตสาหกรรม ในด้านแนวโน้มผลประกอบการใน 2Q53 ที่ทยอยประกาศออกมาคาดว่าจะเติบโตดีต่อเนื่อง YoY ตามยอดผลิตที่เติบโตดี หากพิจารณาจากตัวเลขยอดผลิต ใน 2Q53 ที่เติบโตถึง 103%YoY ในขณะที่แนวโน้มในครึ่งปีหลังคาดว่ายังเติบโตต่อโดยสภาอุตสาหกรรมคาดว่ายอดผลิตรถยังโตจาก 1H53 ในอัตรา 5-10% โดยทั้งปีคาดว่ายอดผลิตรถยนต์ของประเทศจะเติบโต 56% เป็น 1.56 ล้านคัน ด้วยแนวโน้มผลประกอบการที่เริ่มฟื้นตัวแข็งแกร่งในปี 53 ซึ่งคาดว่าผลประกอบการของกลุ่มจะเติบโต 65%YoY (ไม่รวม YNP) โดย STANLY มีความโดดเด่นผู้ประกอบการรายอื่นๆ ด้วยเป็นผู้นำตลาดโคมไฟรถยนต์และจักรยานยนต์ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และประสิทธิภาพในการทำกำไรดีกว่ากลุ่ม ส่วน SAT ในปี 53 นอกจากจะเติบโตตามอุตสาหกรรมยานยนต์ ยังรับประโยชน์จากออร์เดอร์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าคูโบต้าช่วยหนุนให้ผลประกอบการเติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่ม ” แนะนำ “ซื้อ” STANLY (มูลค่าพื้นฐาน 192 บาท) และ SAT (มูลค่าพื้นฐาน 24.40 บาท)                

634 0

ค่าบาทเช้านี้เปิดที่ 31.90-93 บาท/ดอลลาร์

นักค้าเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)หรือ BAY กล่าวว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 31.90-31.93 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ระดับ 31.88-31.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดการณ์ระหว่างวันค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ที่ระดับ 31.85-31.90 บาทต่อดอลลาร์ โดยให้ติดตามเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้ามาลงทุนในไทย                

6 0

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 16/08/53

กลยุทธ์การลงทุน คาดสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับฐานต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะแกว่งตัวลงต่ำกว่า 850 จุด หลังการรายงานงบ 2Q53 เสร็จสิ้น ขณะที่ต่างชาติเริ่มกลับมาขายตลาดหุ้นเอเซีย ยังแนะนำให้ปรับพอร์ตที่หุ้นขึ้นเร็วเช่นเดิม โดยให้ถือหุ้นที่เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (MINT, MAKRO) หุ้น PER/PBV ต่ำ หรือเงินปันผลสูงสำหรับงวด 1H53 (ADVANC, PHATRA, BCP, MK) หรือมีศักยภาพการเติบโต ทั้งผู้ก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (STEC, SYNTEC) และให้บริการระบบขนส่งมวลชน ทั้งรถไฟฟ้าบนดิน (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (BMCL)   ตลาดหุ้นปรับฐานต่อ ก่อนการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 23 ส.ค. สัปดาห์นี้คาดว่าการรายงานผลประกอบการงวด 2Q53 จะเสร็จสิ้น จึงไม่มีข่าวบวกใหม่ ๆ เข้ามาหนุนตลาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ยังกดดันตลาดอยู่ คือการประชุมคณะกรรมการการเงิน (กนง.)  ในวันที่ 23 ส.ค. นี้ และถัดไปอีก 2 ครั้ง ก่อนสิ้นปี 2553   ซึ่งหากยึดตามแนวคิดของท่านผู้ว่า ธปท. คนใหม่ ที่ต้องการเห็นดอกเบี้ยนโยบายขึ้นไปที่ 2% ภายในสิ้นปีนี้ (จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.5%)  แสดงว่าจากนี้จนถึงสิ้นปี 2553 จะต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.5% ทำให้คาดหมายว่าตลอดสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นไทยน่าจะอยู่ในช่วงพักฐานต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า (จากผลการศึกษาของนักวิเคราะห์เชิงปริมาณพบว่า ตลาดหุ้นมักจะมีการพักฐาน 1-2 สัปดาห์ ช่วงก่อนการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อยราว 1-2 สัปดาห์ และหลังการขึ้นดอกเบี้ยถ้าเป็นไปตามคาด ตลาดจึงจะเริ่มฟื้นตัวรอบใหม่) ประกอบกับดัชนีหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นมาใกล้ระดับ 880 จุด สะท้อน PER 14 เท่า ณ สิ้นปี 2553 ไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหากพิจารณาหุ้นรายตัว พบว่า 34% ของหุ้นที่ดูแล้วทั้งหมด เกินหรือเต็ม Fair Value ปี 2553 ไปแล้ว และ 17% มี upside เหลือน้อย 5-10% โดยสรุปหุ้นเกินกว่า 50% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ ASP ศึกษา เป็นกลุ่มที่คอยกดดันตลาด ขณะที่หุ้นที่เหลือมี upside เกิน 20% ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในกลุ่ม ธ.พ.   ซึ่งถูกกดดันจากทางการต้องการลด Spread ของ ธ.พ. และพลังงาน  คาดว่ายังมีแนวโน้มอ่อนตัวตามราคาน้ำมันดิบโลก  หุ้นน้ำมันมีแนวโน้มอ่อนตัวตามราคาน้ำมัน ซึ่งสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์ฟื้นตัว   เงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป แม้การรายงาน GDP Growth ในงวด 2Q53 ของยุโรป จะเติบโตสูงถึง 1.7%yoy ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 0.6%yoy ในงวด 1Q53 แต่นั่นเป็นเพราะการขยายตัวของเยอรมัน และฝรั่งเศส เป็นหลัก ขณะที่ยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกในกลุ่มฯ ที่เหลืออีกกว่า 10 ประเทศ  ซึ่งยังประสบปัญหาในการตัดลดงบประมาณขาดดุล ที่เรื้อรังมายาวนาน เช่น กรีก โปรตุเกส และ ไอร์แลนด์  เป็นต้น ประกอบกับในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐได้รายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจในเดือน ก.ค. ที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น  เช่น ตัวเลขค้าปลีก  โดยฟื้นตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเริ่มฟื้นตัวเช่นกัน อย่างไรก็ตามความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐยังเป็นปัจจัยที่ยังมีความเสี่ยงอยู่ เช่นเดียวกับในสถานการณ์ในยุโรป ทำให้คาดว่าจะกระทบต่อความต้องการสินค้าส่งออกของโลก  รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันน่าจะมีแนวโน้มอ่อนตัวเช่นกัน  โดยล่าสุด พบว่าราคาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้า (Nymex) อยู่ที่ 75.39 เหรียญฯต่อบาร์เรล อ่อนตัวลงกว่า 5 เหรียญฯต่อบาร์เรล ใน 2 วันสุดท้ายของสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย จึงมีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้าจะอ่อนตัวต่อเนื่อง และลงมาที่ 74-73 เหรียญฯ อีกครั้งในสัปดาห์นี้ ซึ่งน่าจะกดดันหุ้นน้ำมันอ่อนตัวในลักษณะเดียวกัน กล่าวคือ หุ้น PTTEP และอาจหลุดแนวรับ 146 บาท และ  250 จุด ตามลำดับ  Fund Flow ไหลออกจากเอเซียเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 2 เดือน กดดันค่าเงินเอเซียอ่อนค่า นอกจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ฟื้นตัวดังกล่าวข้างต้นแล้ว การขายทำกำไรระยะสั้นเพื่อสร้างผลตอบแทนจากการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเอเซีย  เป็นปัจจัยกดดันให้นักลงทุนต่างชาติ  ทยอยขายหุ้นในเอเซียในสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนได้จาก Fund Flow ที่ไหลออกจากเอเซียเป็นสัปดาห์แรก ในรอบ 2 เดือน โดยเป็นการขายทำกำไรในประเทศเกาหลีใต้ และไต้หวันเป็นหลัก (ยอดขายสุทธิในตลาดทั้งสอง ราว 534 ล้านเหรียญฯ และ 334 ล้านเหรียญฯ ตามลำดับ) เนื่องจากเป็นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 7% เท่ากัน ทั้ง 2 ตลาด  นับตั้งแต่ Fund Flow เริ่มไหลเข้าในรอบนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 2553 – ปัจจุบัน  ซึ่งทำให้ทั้ง 2 ตลาด Outperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 5.4% ในช่วงเดียวกัน  ตามลำดับ ทั้งนี้แม้ว่ายังคงซื้อสุทธิในประเทศอินเดีย 257 ล้านเหรียญฯ อินโดนีเซีย 69 ล้านเหรียญฯ ฟิลิปปินส์ 38 ล้านเหรียญฯ ไทย 9.5 และเวียดนาม 7.2 ล้านเหรียญฯ ก็ตาม แต่พบว่าในประเทศที่ยังมียอดซื้อสุทธิดังกล่าว ก็เริ่มมีแรงขายออกมาในช่วงปลายสัปดาห์เช่นเดียวกัน ส่งผลให้ค่าเงินเอเซียในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เฉลี่ยราว 1.13% นำโดยค่าเงินวอนของเกาหลีที่อ่อนค่าสูงสุด 3.18% รองลงมาเป็นรูปีของอินเดียที่อ่อนค่าลง 1.14% ตามมาด้วยค่าเงินริงกิต ของมาเลเซีย เปโซของฟิลิปปินส์ ดอลลาร์ของไต้หวัน เงินหยวนของจีน เงินอินโดนีเซียรูเปี๊ยะ และค่าเงินเยน ที่อ่อนค่าราว 1.32-0.27% ยกเว้นเพียงค่าเงินบาท ที่ยังคงแข็งค่าราว 0.19% เนื่องจากปิดทำการในช่วงวันหยุดยาวปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจากประเด็นดังกล่าวข้างต้น ฝ่ายวิจัยคาดว่ามีความเสี่ยงสูงที่นักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ตามตลาดภูมิภาค อีกทั้งตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในเอเซียราว 7.8% ในช่วงเดียวกัน และวันหยุดยาวที่ผ่านมาตลาดต่างประเทศต่างก็ได้ปรับฐานไปก่อนล่วงหน้าเฉลี่ยราว 3%  โดยสรุปสัปดาห์นี้จะเห็นดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสอ่อนตัวลงต่ำกว่า 750 จุด และไปแตะจุดต่ำสุดที่ 740-730 จุดในรอบนี้  

13031 0

จับตา!วาระครม.วันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยวาระที่คาดว่าจะนำเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณา ได้แก่ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอรายชื่อบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่แทนนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอมาตรการตรึงราคาสินค้าเพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยให้มีความสอดคล้องกับราคาหน้าโรงงานที่ผลิต พร้อมทั้งเตรียมเสนอการลดภาษีการนำเข้ากากถั่วเหลืองจาก 2% เหลือ 0% เพื่อให้ราคาอาหารเลี้ยงสัตว์ปรับตัวลดลง รวมถึงเตรียมเพิ่มร้านอาหารธงฟ้าจาก 4,000 แห่งเป็น 5,000 แห่ง เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงศูนย์การจัดจำหน่ายสินค้าราคาถูก                

1717 0

บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 16/08/53

ทิศทางตลาดวันนี้  ปรับฐาน? (?)กังวลการขยายตัวของศก.โลก    (-?) ดัชนีความเสี่ยง +16.5% เป็น 26.2จุด (?) ต่างชาติขายสุทธิ -488mn และขายสุทธิล่วงหน้า -234mn หุ้นแนะนำ:   -ปัจจัยสำคัญวันนี้     (-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -16, NASDAQ -16, S&P -4, FTSE +9, CAC -10 และ DAX -24  ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง 3วันติดต่อกัน มูลค่าซื้อขายเบาบาง จากความกังวล (1)การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ เช่น ยอดค้าปลีกและอัตราว่างงาน (2) การชะลอตัวของศก.จีน จากการประกาศผลผลิตอุตสากรรม ราคาน้ำมันล่วงหน้า NYMEX –US$0.35 เหลือ US$75.39/barrel (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศมียอดสุทธิ  -488บาท ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี -2,257ล้านบาท  และต่างประเทศมียอดสุทธิล่วงหน้า -234ล้านบาท มียอดสะสมใน สค53  +1,601ล้านบาทกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ทิศทางตลาด   ปรับฐาน?  ยืน 862จุดไม่ได้ ลงทดสอบ 840จุด  ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความกังวลการขยายตัวทางศก. ของสหรัฐและจีน  ทำให้ดัชนีความเสี่ยงเพิ่ม +16.5% เป็น 26.2จุด ในช่วงวันหยุด 3วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามคาดตลาดจะให้ความสำคัญของการประกาศผลประกอบการในQ2 ว่าสูงกว่าคาดหรือไม่?  และแนะจับตาการเสนองบประมาณต่อสภาฯ วาระ 2-3  18-19 สค. ดัชนีความเสี่ยง +16.5% เป็น 26.24  ช่วงหยุด 3วัน เทียบกับระดับปกติที่ 20-25

11 0

เงินดอลลาร์เทียบเยนเช้านี้แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 85.79 เยน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 85.79 ยน ณ เวลา 10:15 น. ตามเวลาในกรุงโตเกียว จาก 86.20 เยนที่ปิดตลาดนิวยอร์คตลาดนิวยอร์ควันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่อัตราเเลกเปลี่ยนเงินเยนเมื่อเทียบยูโรแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 109.42  เยน/ยูโร จาก 109.92 เยน/ยูโร ขณะที่เมื่อเทียบค่าเงินยูโร เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 1.2755 ดอลลาร์/ยูโร จาก 1.2734 ดอลลาร์/ยูโรที่ปิดตลาดนิวยอร์คตลาดนิวยอร์ควันศุกร์ที่ผ่านมา

17 0

สรุปข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์

กล่อมมาเลเซีย-อินโดนีเซียซื้อข้าว นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี จะนำคณะผู้แทนการค้าไทยเดินทางไปเยือนอินโดนีเซียและมาเลเซีย เพื่อพบปะกับผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลและหน่วยงานที่ควบคุมการนำเข้าข้าวของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อแสดงความพร้อมส่งออกข้าวให้อินโดนีเซียและมาเลเซีย เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารระยะยาว6 มาตรการลดค่าครองชีพ เสนอครม.ช่วยลดภาระผู้บริโภค คุมปลายทางสอดคล้องต้นทุน รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาแนวทางกำกับดูแลและช่วยเหลือประชาชนเพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชนจากสถานการณ์ราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งมีทั้งสิ้น 6 มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการตรึงราคาสินค้าหรือชะลอการปรับขึ้นสินค้าออกไปก่อน หากผู้ประกอบการยังสามารถบริหารต้นทุนได้ เพื่อแบ่งเบาภาระของประชาชนผู้บริโภค มาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลราคาสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนในส่วนของราคาต้นทางคือหน้าโรงงานและปลายทางหรือราคาขายปลีก รวมทั้งเพื่อป้องกันการฉวยโอกาสกำหนดราคาไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยจะจัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบทั้งระบบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มอาสาสมัครแม่บ้านธงฟ้า 1569 เพื่อช่วยราชการสอดส่องดูแลราคาสินค้าทางหลวงปวดหัวขโมยปทุมธานีดุ นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า สำนักอำนวยความปลอดภัยได้รายงานข้อมูลการโจรกรรมอุปกรณ์งานทางของกรมทางหลวง มิ.ย.พบว่า ปัญหาการโจรกรรม ขโมยทรัพย์สินถูกโจรกรรมไป 24 แห่ง มีมูลค่า 2.38 ล้านบาท ลดลงถึง 74.08% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค.เพราะได้ขอให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยดูแลกราบพระบาทแม่ของแผ่นดินเผยคนใน 7 ภาพ พาน้องฮีโร่กลับ เปิดตัวพร้อมกัน บุคคลในภาพ 7 ท่านจากรูปถ่ายประวัติศาสตร์ กราบพระบาทแม่ของแผ่นดิน 'กรณ์' มอบของที่ระลึกแก่ทุกคนในภาพ พร้อมนำกล่าวคำปฎิญาณตนถวายความจงรักภักดี ด้านคนในภาพล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ไม่คิดฝันว่า พระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์เหนือหัว จะเสด็จพระราชดำเนินมาให้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดเช่นนั้น ขณะที่ 'น้องฮีโร่' พร้อมแม่กลับบ้านแล้วหลังสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดีตึกม.บูรพาพังถล่ม! ฝังทั้งเป็น ตาย-บาดเจ็บเพียบ จนท.เร่งระดมช่วยเหลือด่วน ระบุฝนตกรับน้ำหนักไม่ไหว ระทึก อาคารเรียน ม.บูรพา ถล่มพังพาบกลางดึกสังเวย 3 ศพ คาดมีคนงานติดภายในอีกว่า 30 ชีวิตตัวอาคารชั้น 2 พังราพณาสูร คาดฝนตกหนัก ปูนไม่แห้ง รับน้ำหนักไม่ไหว  เผยอาคารอยู่ระหว่างการก่อสร้างตึกใหม่ แทนตึกเก่าที่มีสภาพทรุดโทรม เพื่อเตรียมพร้อม มหาวิทยาลัยนอกระบบคนรถเสธ.แดง ยอมเผย ชื่อทหารมีเอี่ยว ตู่ข้องใจ ออส. เร่งฟ้อง 'แดง' ทหารเค้นสอบคนขับรถ เสธ.แดง ถึงแผนการเคลื่อนไหวในอนาคต 'จักรชลัช' ยอมเปิดปากรายชื่อทหารที่ไม่เคยปรากฎว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมาก่อน 'ธาริต' เชื่อคำให้การไม่กระทบสำนวนคดีก่อการร้าย ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมฟังการสอบเข้ม ด้าน 'จตุพร' จี้ถาม ออส. มีเวลาพิจารณาคดีอีกเกือบเดือน ทำไมต้องเร่งฟ้อง นปช.ซัดไม่เคยสอบปากคำจำเลยกลับสรุปต่างจาก พธม.สอบพยานนับพันซัด 'จุลสิงห์-ธาริต' เป็นกรรมการใน ศอฉ. ไม่มีสิทธิทำคดี 'โฆษกพท.' อัดดีเอสไอจับแพะโยนบาป เสธ.แดง เตรียมพาญาติเหยื่อสลายชุมนุมร้องดีเอสไอ-ผู้ตรวจการแผ่นดิน วันที่ 16 ส.ค.นี้ ส่วน 'เทพไท' ระบุแดงสยามเคลื่อนไหว โยง 'จิ๋ว-แม้ว' ขู่ถ้าจะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ต้องล้ม รธน.เจอข้อหากบฎแน่ไล่ล่าโจรแสบเจาะตู้นิรภัย กวาดเงิน 10 ล. สั่งล่าแก๊งวายร้ายบุกโจรกรรมร้านทองกรุงเก่าครั้งมโหฬารนับ 10 ล้านบาท เผยคนร้ายรู้แกวเจ้าของไม่อยู่ แบกเครื่องตัดเหล็ก-หัวเจาะปูน เจาะห้องนิรภัย ฉกทองหนักกว่า 500 บาท หลบหนีลอยนวลคาดฝีมือ 2 แก๊งฉกาจ 2 จังหวัด เพิ่งพ้นตะรางกลับมาอาละวาดอีกครั้งนายกฯพร้อมไฟเขียวรถเมล์ แค่รอชัดเจน พท.ระบุเกมต่อรองงบ 54 'มาร์ค' แย้มพร้อมไฟเขียวรถเมล์ 4 พันคัน แต่ต้องชัดเจนเรื่องความโปร่งใส เพื่อไทยชี้แค่เกมต่อรองผ่านโหวตร่างงบประมาณ 54 ปูดนัการเมือง 'น' จับมือ นักธุรกิจ 'อ' วางท่อรักษาผลประโยชน์หวังฮุบโครงการใหญ่ต่อ ส่วนพรรคการเมืองใหม่แย้มได้ข่าววงในซูเอี๋ยรถเมล์เปลี่ยนแผนเตรียมจบแบบครึ่งๆ กลาง ๆ นำเข้า 2 พันคันผลิตเอง 2 พัน มั่นใจยังไงโครงการนี้ก็คลอดแน่ ขณะที่วิปรัฐบาลงัดกฎเหล็กคุม ส.ส. โหวตงบฯ 54 ลั่นใครฝืนมติเตรียมเลือกตั้ง ใหม่ได้เลย'อภิสิทธิ์' ชี้ เขมรรุกล้ำเป็นต้นเหตุ เผชิญหน้า 'มาร์ค' ชี้ปัญหาตึงเครียดเกิดจากเหตุเขมรรุกล้ำชายแดนไทย 'เทพไท' โต้ 'ฮุนเซน' รับข้อมูล คลาดเคลื่อนทำให้เข้าใจผิด ป้อง 'มาร์ค' ไม่ใช่คนหัวรุนแรง ไม่บ้าอำนาจ สุภาพ รักสันติ ยึดการทูต-กฎหมายสากล แก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดน 'ตุ๊ดตู่' เล็งเสนอข้อพิพาทประสาทพระวิหารในประชุมร่วมรัฐสภา 17 ส.ค. 'เพื่อไทย' อัดนายกฯ อย่าดึงเขาพระวิหารเรียกคะแนนนิยม ชี้จะยิ่งทำให้ปัญหาบานปลาย แนะฟังความเห็นทุกฝ่ายกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ด้านพรรคการเมืองใหม่ยังจี้ไม่หยุด ต้องเลิกเอ็มโอยู 43 เท่านั้น ก่อนเกิดสงครามตามเกมของ 'ฮุนเซน'ฮือฮาคลิป ตร.ท่องเที่ยวแดนซ์พลิ้ว แบบซูเปอร์จูเนียร์ บอยแบนด์ดังกิมจิ คนแห่เข้าชมเพียบ ตร.ท่องเที่ยว แดนซ์กระจาย ทำเอ็มวีเพลงฮิต 'ซอรี่ ซอรี่' เพลงดัง 'ซูเปอร์จูเนียร์' บอยแบนด์เกาหลี คนดูติดลมบนกว่า 4 หมื่นคน  ส่วน กก.6 ดูแลรับผิดชอบสุวรรณภูมิไม่น้อยหน้างัดคลิป 'ผกก.เจ้าเสน่ห์' ชนใช้มุกตลกคาเฟ่เรียกเสียงฮาตึม ครบทุกรส ขาแว่นจิ้มตา จีบผู้ต้องหา เผย 'ผู้การ' ให้การบ้านทุกหน่วยคิดอย่างสร้างสรรค์ ผลิตเอ็มวี-คลิป ใช้ชมผ่อนคลายช่วงฝึกอบรมเจ้าหน้าที่จับนศ.เหี้ยมเมายิงแหลก ตาย 1 เจ็บ 3 นักศึกษาสองสถาบันเมาด้วยกันทั้งคู่ เกิดไม่พอใจกัน คว้าปืนไล่ยิงใส่กัน เข้ามาในร้านเหล้าปั่น เห็นอยู่หลายคนเลยยิงดะ ทำให้เจ้าของร้าน เพื่อน และลูกค้า เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน ตำรวจจับคู่กรณีได้ 4 คนแต่ไม่ยอมรับ ตำรวจเร่งขอดูกล้องวงจรปิด จากที่ใกล้เคียง เพื่อเป็นหลักฐานมัดนักศึกษามือปืนกลุ่มนี้ต่อไปที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์                

1726 0

สรุปข่าวหนังสือพิมพ์แนวหน้า

พาณิชย์ชง6มาตรการช่วยค่าครองชีพปชช. ค้าปลีกหนุนคุมราคาน้ำไม่เกิน7บาท คน.ดีเดย์16สค.ส่งสายตรวจจับ-ปรับ รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอให้ครม.พิจารณาแนวทางกำกับดูแลและช่วยเหลือประชาชนเพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชนจากสถานการณ์ราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งมีทั้งสิ้น 6 มาตรการจับตาครม.จันทร์นี้ โยกย้ายขรก.อีกลอตมท.ดันตั้ง3อธิบดีลุ้นปลัดแรงงานใหม่ แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ มีแนวโน้มว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย จะเสนอรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการจำนวน 4 ตำแหน่ง คือ ตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง แทนนายมงคล สุระสัจจะ ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) แทนนายไพรัตน์ สกลพันธุ์ ตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แทนนายอนุชา โมกขะเวส ที่ทั้ง 2 คน จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ รวมถึงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย แทนนายสมพร ใช้บางยาง ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนเช่นกันเล่นคดีก่อการร้ายชุด2แก๊งเสธ.แดงเตรียมรวบนปช.20คน   แฉ'ไอ้พล'จิ๊กซอว์ใหญ่DSIสอบปากคำ16ส.ค.นี้ สั่งสกัด'นางก.' หนีตปท.จ่อหมายจับเค้นน้ำเลี้ยง เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย กล่าวถึงกรณีมีข่าวดีเอสไอเตรียมออกหมายจับ นาง ก. หลัง นายจักรชลัช คงสุวรรณ์ คนขับรถลูกน้องของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้การซัดทอดหลังถูกจับกุมว่า เป็นคนกลางรับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาให้ เสธ.แดงและนางก. ว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากชุดสืบสวนใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งตนไม่ได้โทรศัพท์ไปสอบถามรายละเอียดความคืบหน้าการสอบปากคำผู้ต้องหาจากชุดสืบสวน เนื่องจากไม่อยากกดดันและก้าวก่ายชุดสืบสวน อย่างไรก็ตาม คาดว่า วันที่ 16 สิงหาคมนี้ ชุดสืบสวนคงจะสรุปรายละเอียดทั้งหมดให้ตนรับทราบปชป.ยกหูเคลียร์'อนุทิน' ภท.ไร้ปัญหาการันตีโหวตผ่านงบฯ54 มือขวาเนวินอารมณ์ค้างทวงบุญคุณประชาธิปัตย์นายกฯอ้างรถเมล์มีกลิ่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการ 'เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์' ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ถึงปัญหาโครงการรถเมล์เช่าเอ็นจีวี 4,000 คัน ภายหลังจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตีกลับเป็นรอบที่ 5 จนสร้างความไม่พอใจให้กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ผู้เป็นเจ้าของโครงการนายกฯซัดเขมรก่อปัญหาละเมิดMOU-รุกแดนไทย 'บัวแก้ว'ยื่นเงื่อนไขเจรจาหลังถอนทหารเมินเล่ห์เหลี่ยมฮุนเซ็นดึง'UN-อาเซียน'กดดัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ถึงปัญหาพิพาทปราสาทพระวิหารว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจัดรายการพิเศษปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นกัมพูชาได้ทำหนังสือเผยแพร่ถึงบุคคลสำคัญในองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เหมือนเป็นการร้องเรียน โดยอ้างข้อมูลผิดไปจากข้อเท็จจริงว่า ตนแสดงท่าทีใช้กำลังหรือใช้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหา ตนจึงทำหนังสือถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยูเอ็นทันที เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบ โดยยืนยันว่ารัฐบาลไทยยึดการแก้ปัญหาตามหลักสากล หลักการของสหประชาชาติมาตลอด โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้าน ในอาเซียนด้วยกัน เราพยายามส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีและการแก้ปัญหานี้มีกรอบการทำงานคือ เอ็มโอยู 2543 ซึ่งยืนยันได้ชัดเจนว่าการแก้ปัญหาของไทย อยู่บนพื้นฐานหลักการของยูเอ็นตร.ท่องเที่ยวปิ๊งไอเดีย ผลิตมิวสิกเพลงเกาหลีสร้างความใกล้ชิดปชช.พงศพัศอุ้ม'ฮีโร่'ส่งบ้าน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว(บก.ทท.) โดย พ.ต.อ.การุณย์ บัวเผื่อนผกก.4บก.ทท.ได้จัดทำมิวสิกวิดีโอเพลง 'ซอรี่ ซอรี่' ของวงซูเปอร์จูเนียร์ ประเทศเกาหลีใต้ แต่นักแสดงทั้งหมดที่แสดงในมิวสิกวีดีโอดังกล่าวเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรของ กก.4 บก.ทท.ทั้งสิ้น สำหรับเหตุผลที่จัดทำมิวสิกวิดีโอเพลงนี้เพราะต้องการให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวรู้สึกเป็นกันเองและใกล้ชิดกับตำรวจสว.ยัน'คุณหญิงเป็ด'ไม่พ้นเก้าอี้ผู้ว่าฯสตง.กฎหมายม.33การันตี เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นายประสาร มฤคพิทักษ์ สว.สรรหา กล่าวถึงการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ของ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ว่า ไม่ใช่ปัญหาหวงเก้าอี้แต่เป็นปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งมีผลทางกฎหมายที่เกี่ยวพันกับคุณหญิงจารุวรรณค้าชายแดน'ไทย-เขมร'วูบ เหตุนักธุรกิจผวาปม'เขาพระวิหาร' นายนิยม ไวยรัชพานิช ประธานคณะกรรมการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าการค้าชายแดนของไทย ปีนี้ มีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าลดลงจากปีก่อน เนื่องจากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีความขัดแย้งเรื่องเขาพระวิหาร และการปิดด่านที่แม่สอด จ.ตาก ที่กระทบต่อยอดการค้าระหว่างไทย-พม่า ซึ่งขณะนี้ ยังไม่สามารถเปิดด่านได้ ทำให้ยอดการค้าหายไปถึงวันละ 70 ล้านบาทดึงนายกฯร่วมโรดโชว์จีน 'ชัยวุฒิ'หวังดูดเงินลงทุนเข้าไทยเพิ่ม นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมเดินทางไปชักจูงการลงทุน หรือโรดโชว์ ที่กว่างโจวและเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 1-5 กันยายน นี้ โดยช่วงดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปจีนเพื่อเปิดงานไทยแลนด์เดย์ ในงานเซี่ยงไฮ้ เอ็กซ์โป 2010 ตนจึงมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ตรวจสอบกำหนดการและประสานให้นายกรัฐมนตรีได้พบกับนักธุรกิจจีนที่สนใจมาลงทุนในไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยเบื้องต้นกระทรวงอุตสาหกรรมจะพบกับนักลงทุนจีนหลายอุตสาหกรรมที่สนใจลงทุนในไทย เช่น ยางรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้นพาณิชย์เล็งบี้สหรัฐคืน'GSP'สินค้าไทยเน้นยางรถยนต์-กุ้ง นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 16-22 สิงหาคม นี้ คณะเจ้าหน้าที่รัฐสภาสหรัฐจะเดินทางมาเยือนไทย และจะเข้าพบผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 16 สิงหาคม เพื่อหารือด้านการส่งเสริมการค้าระหว่างไทย-สหรัฐ ซึ่งในโอกาสนี้ไทยจะสอบถามความคืบหน้าเรื่องการปฏิรูปโครงการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) พร้อมขอให้สนับสนุนการคงและคืนสิทธิ GPS แก่สินค้าไทยในบางรายการ เช่น ยางรถยนต์นั่งและกุ้งปรุงแต่ง เป็นต้น เบรก'กสท'ซื้อ'ฮัทช์' ICT ชี้7.5พันล.แพงไป ส่อพิรุธ-ไม่คุ้มค่าลงทุน รมว.ไอซีที เบรกแผน 'กสท' ขอซื้อกิจการ 'ฮัทช์' 7,500 ล้านบาท ขอศึกษาความคุ้มค่าก่อนแต่หากมีประโยชน์ ก็พร้อมจะสนับสนุนแฉพิรุธราคาที่ซื้อขายสูง หวั่นไม่คุ้มค่าลงทุน'กอร์ปศักดิ์' ถกจีน23สค. ดันโครงการรถไฟ3แสนล. รัฐบาลไทยนัดถกกับคณะทำงานของรัฐบาลจีน ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ เพื่อเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง สาย 'จีน-หนองคาย-กรุงเทพฯ-มาเลเซีย' ใช้เงินลงทุนกว่า 3 แสนล้านเล็งลดหย่อนภาษีเพิ่ม หวังดึงผู้มีเงินได้ทำประกันชีวิต คลังเตรียมชง 'กรณ์' ดันมาตรการหักลดหย่อนภาษีประกันชีวิต พร้อมเสนอเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม ด้าน 'สรรพากร' เลียนแบบจีน ให้ผู้เสียภาษี VAT ลุ้นรับรางวัลทุกเดือนกระตุ้นให้มีการขอใบกำกับภาษีหลังซื้อสินค้า-บริการป้องกันภาษีรั่วไหลประมูลรถไฟสายสีน้ำเงินพลิก ITDจ่อได้งานแทนช.การช่าง ประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในสัญญาที่ 1 ส่อเค้าพลิก หลังจาก 'ที่ปรึกษา' ตรวจสอบรายละเอียดผลการเสนอราคา กลับกลายเป็นว่า 'อิตาเลียนไทย' เสนอราคาต่ำกว่า 'ช.การช่าง' จ่อได้รับงานแทนที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า                

18 0

ปาปัวนิวกินีเจอแผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐแจ้งว่า เกิดแผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ ที่ประเทศปาปัวนิวกินีในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ไม่มีการเตือนภัยสึนามิทั้งนี้ แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.09 น.วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 22.09 น.วันอาทิตย์ ตามเวลาในไทย ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ทางปลายตะวันตกสุดของเกาะนิวบริเตน ลึกลงไปใต้ดิน 183 กิโลเมตร จึงไม่น่าจะเกิดความเสียหายรุนแรง

11 0

IMF ยาหอมมาเลเซียปรับนโยบายการเงินเยี่ยม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไอเอ็มเอฟระบุว่า การขึ้นดอกเบี้ยอย่างเป็นจังหวะจะช่วยป้องกันความไม่สมดุลทางการเงินจาก อัตราดอกเบี้ยต่ำ ขณะเดียวกันก็สามารถกระตุ้นความต้องการ และจำกัดแรงกดดันต่อการขยายตัวอันเนื่องมาจากการปรับลดการขาดดุลการคลังทั้งนี้ มาเลเซียและอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น อินเดีย ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ธนาคารกลางมาเลเซียตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 2.75% จากเดิมที่ 2.5% นับเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 แล้วในปีนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจของมาเลเซียขยายตัว 10.1% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดใน 10 สิบปี

52 0

ราคาน้ำมันดิบไลท์ปิดร่วง 0.35 เซนต์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์ล่วงหน้าสัญญาส่งมอบเดือนกันยายน วันที่ 13 ส.ค. 53ที่ตลาดนิวยอร์ค ปิดตลาดที่ราคา 75.39 ดอลลาร์/บาร์เรล  ลดลง 0.35 เซนต์ หรือ 0.46%                

15 0

สรุปภาวะการลงทุนนอก

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค: ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ 10303.15 จุด  ลดลง 16.80 จุดหรือ -0.16% ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค: ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ  2173.48 จุด ลดลง 16.79 จุด หรือ -0.77%ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ค: ดัชนี S&P ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ 1079.25 จุด ลดลง 4.36 จุด หรือ -0.40%ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ระดับ 5275.44 จุด เพิ่มขึ้น 9.38 จุดหรือ 0.18%ภาวะตลาดหุ้นฝรั่งเศส : ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ระดับ 3610.91 จุด ลดลง 10.16 จุดหรือ -0.28%ภาวะตลาดหุ้นเยอรมัน : ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ระดับ 6110.41 จุด ลดลง 24.76 จุดหรือ -0.40%ดัชนีค่าระวางเรือ BDI   ประจำวันที่ 13 ส.ค. ปิดที่ระดับ 2468 จุด เพิ่มขึ้น 31.00 จุด คิดเป็น 1.27%

12 0
กสิกรไทย ออกแคมเปญชำระเงินผ่านมือถือ ฟรีค่าธรรมเนียมทั้งปี

กสิกรไทย ออกแคมเปญชำระเงินผ่านมือถือ ฟรีค่าธรรมเนียมทั้งปี

ธนาคารกสิกรไทยรุกหนักบริการธนาคารบนมือถือ ดันยอดธุรกรรมจ่ายบิล-เติมเงินมือถือ ครึ่งปีเกือบ 4 ล้านรายการ

3966 0

ค่าเงินบาทเย็นนี้ปิดที่ 31.91-31.94 บาท/ดอลล์

นักค้าเงินจาก ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) กล่าวว่า ค่าเงินบาทเย็นนี้ปิดตลาดที่ระดับ 31.91-31.94 บาทต่อดอลลาร์  โดยระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 31.90 บาทต่อดอลลาร์ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 31.99 บาทต่อดอลลาร์ สำหรับคาดการณ์แนวโน้มการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า จะเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ที่ระดับ 31.85-31.95 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ให้ติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)                

43 0

THAI ซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 จำนวน 7 ลำ

รายงานข่าวจาก บริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน)หรือ THAI แจ้งว่า เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2553  นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เป็นผู้แทนบริษัทฯ ลงนามในสัญญาการจัดหาเครื่องบิน แอร์บัส (Aircraft Acquisition Agreement) เอ 330-300 จำนวน 7 ลำ นายปิยสวัสดิ์  เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะทยอยรับมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 จำนวน 7 ลำ ตั้งแต่ปลายปี 2554 ไปจนถึงต้นปี 2556 ทั้งนี้ เป็นไปตามโครงการจัดหาเครื่องบินปี 2553 – 2557 ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2553 เห็นชอบให้บริษัทฯ ดำเนินโครงการ จัดหาเครื่องบิน โดยโครงการนี้จะจัดหาเครื่องบินทั้งหมดจำนวน 15 ลำ ประกอบด้วย 1. การจัดหาเครื่องบินภูมิภาค ขนาดความจุประมาณ 300 ที่นั่ง จำนวน 7 ลำ โดยวิธีเช่าทางการเงิน (Financial Lease) ได้แก่ เครื่องบินแบบแอร์บัส เอ 330 –3002.การจัดหาเครื่องบินข้ามทวีป ขนาดความจุประมาณ 350 ที่นั่ง จำนวน 8 ลำ โดยวิธีเช่าดำเนินงาน (Operating Lease) เป็นระยะเวลา 10-15 ปี ได้แก่ เครื่องบินแบบโบอิ้ง 777 – 300 ER ทั้งนี้ บริษัทฯ จะทยอยรับมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 จำนวน 7 ลำ ตั้งแต่ปลายปี 2554 โดยเครื่องบินดังกล่าวเป็นเครื่องบินพิสัยไกลขนาด 300 ที่นั่ง และจะนำมาให้บริการในเส้นทางสู่เมืองดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าการสั่งซื้อเครื่องบินดังกล่าว จะสร้างความมั่นใจให้กับการบินไทย ในการเพิ่มเครือข่ายเส้นทาง และศักยภาพของฝูงบิน นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของฝูงบิน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการมีส่วนร่วมลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย

39 0

CPF ทุ่มงบ 3 หมื่นล้านขยายการลงทุนใน 5ปี

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือ CPF กล่าวถึง แผนการลงทุนของบริษัทฯ ในช่วง 5 ปี (2553-2557) ว่า มีงบลงทุนต่อปีที่ 6 พันล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบลงทุนในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60% อีกทั้งยังได้วางแผนปรับสัดส่วนรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศและการส่งออกในอีก 5 ปีดังกล่าวเป็น 60% จากปัจจุบันที่อยุ่ในระดับ 40% และรายได้จากการค้าต่างประเทศอีกประมาณ 40% ซึ่งจะนำโดยธุรกิจประเภทฟาร์ม อาหารสัตว์ เป็นหลัก ส่วนธุรกิจประเภทรีเทลแบรนด์ อาทิ ไก่ย่าง 5 ดาว ยังไม่มีการนำไปสู่ตลาดต่างประเทศมากนัก                

2890 0

SMT ปรับเป้ากำไรปี 53 โต 80%

นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ปรับเป้ากำไรสุทธิปี 2553 เป็นเติบโต 80% จากเดิมที่คาดโต 60% เนื่องจากรายได้รวมมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 กลุ่ม คือ ธุรกิจการผลิตประกอบชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์(MMA)  และธุรกิจการผลิตไอซีชิพ หรือแผงวงจรไฟฟ้ารวม (IC)   ทั้งนี้ สินค้ากลุ่มบูลโอเชี่ยนที่มีผลิตภัณ์หลักเติบโตสูงสุด ได้แก่ 1. ระบบทัชสกรีนสำหรับสมาร์ทโฟน 2. เซ็นเซอร์อัฉริยะวัดระดับลมยาง TPMS หรือ Tire Pressure Momi Poring System Sensors และ 3.โมดุลสำหรับเครื่องฉายโปรเจ็กเตอร์ขนาดพกพา ที่ใช้เลเซอร์เทคโนโลยี ซึ่งบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์โดยตรง เนื่องจากเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนระดับ Prime Source (ผู้ผลิตชิ้นส่วนรายหลักของอุตสาหกรรมโลก) ให้กับทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ โดยลูกค้าหลักของบริษัทฯ เป็นแบรนด์ระดับ 1 ของโลก ซึ่งมียอดขายเติบโตสูงและต่อเนื่องทั่วโลกไม่จำกัดเพียงสหรัฐฯหรือยุโรป โดยเฉพาะในเอเชียมีการเติบโตที่สูงมากเช่นกัน สำหรับแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลงวดระหว่างกาล บริษัทฯ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯก่อน แต่อย่างไรก็บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

8 0

กบข. ยัน ผลตอบแทนกองทุนล่าสุดอยู่ที่ 4%

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  เปิดเผยว่า พอร์ตการลงทุนของ กบข.ได้ลงทุนในตราสารทุน 10% และตราสารหนี้ 70% โดยปัจจุบันทางกบข.ได้รับผลตอบแทนทั้งสิ้นประมาณ 4% ทั้งนี้ กบข. มองว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าทั้งปีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) จะขยายตัว 6-7% แต่ในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยอาจจะชะลอตัวลงไปบ้างเล็กน้อย  เนื่องจากฐานตัวเลขในช่วงเดียวกันปีก่อนค่อนข้างสูง รวมทั้งยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ อาทิ ปัญหาทางการเมืองและอัตราแเลกปลี่ยนสกุลเงินบาทที่ส่งสัญญาณแข็งค่าขึ้น โดยกบข.กำลังจับตาปัจจัยดังกล่าวอยู่เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อการลงทุน                

24 0

คลัง รีด รายได้เดือนก.ค.สูงเกินเป้า 37.3%

คลังเผยผลจัดเก็บรายได้เดือนก.ค.อยู่ที่ 1.2 แสนลบ.สูงกว่าประมาณการ 37.3% โดยภาษีการบริโภคและการนำเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาษีรถยนต์เก็บได้ถึง 7พันลบ.ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2สะท้อนความเชื่อมั่นของปชช.ต่อศก. ส่งผล 10 เดือนปีงบฯจัดเก็บเกินเป้า 2.8 แสนลบ. หรือ25.7% นายสาธิต  รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยการจัดเก็บรายได้สุทธิรัฐบาล ในเดือนกรกฎาคม 2553 สูงกว่าประมาณการอย่างต่อเนื่อง โดยจัดเก็บได้ 1.2 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 32,000 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิสูงกว่าเป้าหมาย 2.8 แสนล้านบาท หรือร้อยละ 25.7 เดือนกรกฎาคม 2553 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 117,790 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 31,989    ล้านบาท หรือร้อยละ 37.3 โดยภาษีการบริโภคและการนำเข้ายังคงจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง  ทั้งนี้  ภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีรถยนต์ ภาษีน้ำมัน และอากรขาเข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีรถยนต์จัดเก็บได้ถึง 7,903 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจัดเก็บได้เกินกว่า 7,000 ล้านบาท ต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่สอง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อภาวะเศรษฐกิจประเทศ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 (ตุลาคม 2552 – กรกฎาคม 2553) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,356,732 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 277,040 ล้านบาท หรือร้อยละ 25.7 โดยการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมในสังกัดกระทรวงการคลัง ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร สูงกว่าเป้าหมายถึง 104,821  96,999 และ 19,864 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.2  39.8 และ 32.4 ตามลำดับ  นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 49,016 ล้านบาท และรายได้พิเศษจากการส่งคืนเงินประเดิม และเงินชดเชย และดอกผลของเงินดังกล่าวจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จำนวน 8,135   ล้านบาท   นายสาธิตฯ สรุปว่า “จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาที่สูงกว่าเป้าหมายจำนวนมาก  ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต ่อเนื่อง ทำให้กระทรวงการคลังมั่นใจว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2553 จะสูงกว่าประมาณการไม่ต่ำกว่าสามแสนล้านบาทอย่างแน่นอน” ทั้งนี้ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลเดือนกรกฎาคม 2553 และในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนกรกฎาคม 2553 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 117,790  ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 31,989 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 (ตุลาคม 2552 – กรกฎาคม 2553) จัดเก็บได้ 1,356,732 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ    ตามเอกสารงบประมาณ 277,040 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้ 1.  เดือนกรกฎาคม 2553  รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 117,790 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 31,989 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.3 (สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 16.9) โดยสาเหตุสำคัญยังคงเป็นผลจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีการบริโภคและการนำเข้าได้สูงกว่าประมาณการเป็นจำนวนมาก  โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีน้ำมัน และอากรขาเข้าสูงกว่าประมาณการ 9,322  6,303 4,078 และ 2,024 ล้านบาท ตามลำดับ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีรถยนต์จัดเก็บได้เป็นประวัติการณ์ที่ 7,903 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจัดเก็บได้เกินกว่า 7,000 ล้านบาท ต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่สอง 2.  ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 (ตุลาคม 2552 – กรกฎาคม 2553) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,356,732 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 277,040 ล้านบาท หรือร้อยละ 25.7  (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 20.7)  สาเหตุหลักมาจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรม ในสังกัดกระทรวงการคลังที่สูงกว่าประมาณการถึงร้อยละ 19.1 เป็นผลจากการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง มูลค่าการนำเข้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ การปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ยาสูบ สุรา และเบียร์ และรายได้พิเศษจากเงินยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเงินส่งคืนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)   ผลการจัดเก็บรายได้ตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้ 2.1  กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 961,201 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 104,821 ล้านบาท    คิดเป็นร้อยละ 12.2 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 7.4) ภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ -  ภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดเก็บได้ 415,715 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 79,938 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.8 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 16.7) เป็นผลจากการบริโภคและการนำเข้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการนำเข้าและการบริโภคจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 46,55 7 และ 33,381 ล้านบาท หรือร้อยละ 35.3 และ 16.4 และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 26.7 และ 10.2 ตามลำดับ  -  ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ 283,376 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 22,540 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.6 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 8.4) เป็นผลจากเศรษฐกิจฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีงบประมาณ 2552 ทำให้ผลประกอบการของบริษัทในช่วงดังกล่าวปรับตัวดีขึ้น และส่งผลให้การชำ ระภาษีจากกำไรสุทธิรอบสิ้นปีบัญชี 2552 สูงกว่าประมาณการ 2.2  กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 340,904 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 96,999 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39.8 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 45.1) เป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ และ การปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน สุรา เบียร์ และยาสูบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2552 ส่งผลให้จัดเก็บภาษีน้ำมัน ภาษียาสูบ ภาษีเบียร์ และสุรา สูงกว่าประมาณการ 45,790  11,446  7,949 และ 2,418 ล้านบาท หรือร้อยละ 55.6  34.2  18.7  และ 7.3 ตามลำดับ นอกจากนี้ การจัดเก็บภาษีรถยนต์ยังสูงกว่าประมาณการถึง 28,286 ล้านบาท หรือร้อยละ 80.1 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจ   2.3  กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 81,134 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 19,864 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 32.4 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 23.0) เนื่องจากอากรขาเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 18,526 ล้านบาท หรือร้อยละ 31.2  เป็นผลจากมูลค่าการนำเข้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ตุลาคม 2552 – มิถุนายน 2553) มูลค่าการนำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทขยายตัวสูงถึง    ร้อยละ 30.4 และ 23.5 ตามลำดับ นอกจากนี้ รายได้อื่นจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการถ ึง 1,456 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.7 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากในเดือนเมษายน 2553 มีรายได้จากค่าปรับคดีสูงถึง 897 ล้านบาท  อย่างไรก็ดี  การจัดเก็บอากรขาออกต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 47.2  เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2553 มีการยกเว้นการจัดเก็บอากรขาออกของไม้และไม้แปรรูปที่ได้จากต้นยางตระกูลฮีเวีย และหนังดิบ   2.4  รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้ 73,180 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 748 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.0 (สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 3.4) เนื่องจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำส่งรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย แต่อย่างไรก็ดี การนำส่งรายได้และการจ่ายเงินปันผลของธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กองทุนรวมวายุภักษ์ และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสูงกว่าเป้าหมาย     2.5 หน่วยงานอื่น จัดเก็บได้รวม 130,631 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 65,557 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 100.7 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 84.1) เนื่องจากกระทรวงการคลังได้รับโอนเงินจากการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 49,016 ล้านบาท (ในเดือนเมษายน 2553) และได้รับการส่งคืน    เงินประเดิม และเงินชดเชย และดอกผลของเงินดังกล่าวจาก กบข. จำนวน 8,135 ล้านบาท ประกอบกับตั้งแต่    ต้นปีงบประมาณได้รับเงินจากการไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ครบกำหนดของกระทรวงการคลังอีกจำนวน 5,191 ล้านบาท 2.6 การคืนภาษีของกรมสรรพากร 178,709 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสาร งบประมาณ 170 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.1 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 3. 3) ประกอบด้วยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 131,780 ล้านบาท และการคืนภาษีอื่นๆ 46,929 ล้านบาท โดยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มต่ำกว่า ประมาณการ 10,220 ล้านบาท ในขณะที่การคืนภาษีอื่นๆ สูงกว่าประมาณการ 10,050 ล้านบาท 2.7 การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้ อปท. ตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ  โดยตั้งแต่ต้นปีงบประมาณได้มีการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ อปท. แล้ว 3 งวด จำนวนรวมทั้งสิ้น  32,301 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 8,101 ล้านบาท (ร้อยละ 33.5) และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 7,681    ล้านบาท (ร้อยละ 31.2)

4501 0

THCOM มั่นใจ ปีนี้พลิกเป็นกำไร

นายธนฑิต เจริญจันทร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM กล่าวว่า มั่นใจในปี 2553 ผลประกอบการของบริษัทฯจะสามารถพลิกมาเป็นกำไรได้จากปี 2552 ที่ขาดทุน ถึงแม้ว่าในครึ่งปีแรกบริษัทฯจะยังคงมีผลขาดทุนอยู่ แต่ในครึ่งปีหลัง 2553 บริษัทฯจะเริ่มเห็นผลกำไรจากการรับรู้รายได้จากประเทศอินเดียที่คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาในเร็วๆนี้  อีกทั้งคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อล็อตใหญ่จากประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซียที่เข้ามาในครึ่งปีหลัง และประเทศจีนที่ได้ทำการเซ็นสัญญาและทำการตลาดที่จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในครึ่งปีหลังเช่นกัน ทำให้มั่นใจว่าทั้งปี 2553 จะมีผลกำไรได้ 'ทั้งปีผมยังมั่นใจว่าบริษัทฯจะพลิกเป็นกำไรได้ เพราะในครึ่งปีหลังบริษัทฯจะมีกำไรเข้ามาทั้งในส่วนของรายได้ที่รับรู้จากอินเดียที่คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาในเร็วนี้ ขณะที่ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ก็มีโอกาสที่จะเห็นบิ๊กล็อตเข้ามาในครึ่งปีหลัง'นายธนฑิต กล่าว ด้านนายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ประธานเจ้าหน้าที่คณะผู้บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM กล่าวว่า กรณีที่การเซ็นสัญญากับอินเดียล่าช้าออกไปเป็นผลมาจากการขัดข้องทางเทคนิค แต่ทางอินเดียได้มีการเริ่มใช้งานไอพีสตาร์ไปแล้ว ซึ่งหลังจากเซ็นสัญญาจะสามารถเรียกเก็บเงินย้อนหลังได้ และคาดว่าจะสามารถรับรู้ได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2553 เป็นต้นไป จึงไม่น่าจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯที่ประมาณการไว้ทั้งปี                

8 0

ธอส. ย้ายสถานที่ตั้ง “สาขายะลา” แห่งใหม่

รายงานข่าวจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขอแจ้งย้ายสถานที่ตั้ง “สาขายะลา” แห่งใหม่ ไปอยู่ ณ เลขที่ 215/3-4 ถนนสิโรรส ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา พร้อมเปิดให้บริการ 16 สิงหาคม 2553 ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ สดใส ด้วยโทนสีส้มและสีเขียว ภายใต้แนวคิด “ธนาคารมั่นคงทันสมัย เพื่อที่อยู่อาศัยครบวงจร” ทั้งนี้ เพื่อขยายพื้นที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและประชาชนในจังหวัดยะลาและพื้นที่ใกล้เคียงให้ได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้นในการเดินทาง พร้อมด้วยบริการต่างๆ ของธนาคารอย่างครบวงจร อาทิ การให้บริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย บริการรับฝาก - ถอนเงินเปิดบัญชีใหม่ รับชำระหนี้เงินกู้ ค่าสาธารณูปโภค และการประนอมหนี้ โดยเปิดให้บริการในวันจันทร์ - ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 - 15.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สาขายะลา โทร. 0-7322-3551-5  หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์  โทร. 0-2645-9000

11 0
อ่านข่าวถัดไป
Sanook.commenu