เลือกเทรดดิ้งเป็นรายตัว และขายทำกำไรบ้างเมื่อตลาดบวก เพื่อรอซื้อตอนลง! แนวโน้ม: ตลาดหุ้นทั่วโลกเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก แต่ยังมีกรอบขึ้นที่จำกัดและการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในคืนวันนี้ว่าเฟดจะแสดงความคิดเห็นต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังคงอ่อนแออย่างไร และจะมีมาตรการใดๆ เพิ่มเติมหรือไม่ ขณะที่ในด้านภูมิภาคเอเชียเองก็ยังรอดูตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคของจีน เช่นตัวเลขส่งออกและเงินเฟ้อประจำเดือน ก.ค. ซึ่งคาดว่าจะประกาศในวันพุธนี้(11 ส.ค.) ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นในเอเชียเช้านี้แม้จะเปิดเป็นบวก แต่ก็เริ่มแกว่งตัวผันผวนในช่วงสาย โดยสลับเป็นลบบ้าง ทำให้ FSS คาดว่า SET จะแกว่งตัวผัวผวนในแดนบวก-แดนลบสลับกันเช่นเดียวกัน และอาจจะเริ่มมีการปรับพักตัวเป็นลบมากขึ้นได้ด้วย เนื่องจาก SET จะติดช่วงวันหยุดยาวในท้ายสัปดาห์นี้ ซึ่งนักลงทุนมีความกังวลต่อโอกาสผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่แล้ว รวมทั้งในช่วงนี้จะมีหุ้นหลายตัวที่ขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งมีผลต่อการคำนวณดัชนีด้วย นอกจากนี้การประกาศผลการดำเนินงานรายไตรมาสจะเสร็จสิ้นลงในสัปดาห์หน้า จึงต้องระวังการ Sell on Fact หลังรับรู้ผลประกอบผ่านพ้นไปแล้ว ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้แบ่งส่วนขายทำกำไรบ้างโดยเฉพาะเมื่อ SET ขยับขึ้นต่อ และถ้าจะเข้าซื้อก็ต้องใช้วิธีเลือกเป็นรายตัวมากกว่า รวมทั้งน่าจะรอซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง ซึ่งตลาดยังมีโอกาสที่จะย้อนลงไปแกว่งแถว 860 จุดหรือต่ำกว่าได้กลยุทธ์: เลือกเข้าเทรดดิ้งในหุ้นที่ขยับขึ้นไม่มาก หรือราคามีการปรับตัวลงมาบ้างในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะมีข่าวสนับสนุนเพื่อความปลอดภัย เช่น BAY, BANPU, ADVANC, LPN, SIRI, QH, AP, HEMRAJ, MCOT, BEC, SSI, TSTH, TKS เป็นต้น และเริ่มขายทำกำไรบ้างในหุ้น CK, PDI, ROJNA ถ้าราคาขยับขึ้นต่อ ขณะที่ PTTEP , PTT , TTW, BECL, TICON, DTAC, STEC, ITD รอหาจังหวะซื้อใหม่เมื่อราคาปรับลงประเด็นสำคัญวันนี้ (0) บาทแข็งสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง เงินบาทปิดที่ 31.97 บาท/ดอลลาร์ แต่ก.พาณิชย์เพิ่มเป้าการส่งออกปีนี้เป็นเติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากเดิมมอง 14% บริษัทที่จะได้ประโยชน์คือบริษัทที่มีหนี้ดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสื่อสาร พลังงาน วัสดุก่อสร้าง (เช่น TRUE, TT&T) นำเข้าวัตถุดิบเป็นดอลลาร์ (TVO, PDI, SITHAI, กลุ่มเหล็ก) และกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีเพราะราคาขายอิงตามราคาตลาดโลกที่เป็นดอลลาร์ ส่วนกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ได้รับผลกระทบในวงจำกัดตราบใดที่ค่าเงินไม่ผันผวนและเป็น Natural hedge ส่วนกลุ่มอาหารส่งออกก็ได้รับผลกระทบไม่มากเช่นกัน (+) IFS เข้าตลาดวันแรกวันนี้ในกลุ่มเงินทุนหลักทรัพย์ ทำธุรกิจหลักโดยให้สินเชื่อแฟคตอริ่ง (ซื้อลดลูกหนี้การค้า) เราคาดว่ากำไรจะเติบโต 11% ปี 2010 และ 18% ปี 2011 ประเมินราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 1.82 บาท ราคา IPO 1.35 บาท คิดเป็น PE ปีหน้าที่ 6.8 เท่าและ PBV 0.8 เท่า (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น) (-) PTTAR ขาดทุนสุทธิ 516 ลบ. (ต่ำกว่าเราคาดว่าจะขาดทุนสุทธิ 860 ลบ.) เนื่องจากขาดทุนจากสต็อกน้อยกว่าคาด ส่วนธุรกิจโรงกลั่นขาดทุนประมาณ 1 พันล้านบาท ธุรกิจอะโรเมติกส์กำไร 198 ล้านบาท เชื่อว่าราคาหุ้นสะท้อนผลประกอบการ 2Q10 ไปแล้ว และหากราคาน้ำมันยังทรงตัวในระดับนี้ได้ถึงสิ้น 3Q10 บริษัทจะกลับมามีกำไรจากสต็อกในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม ในด้านการดำเนินงานก็ถือว่าผ่าน Bottom ไปแล้ว แต่การฟื้นตัวใน 3Q10 ยังกระเตื้องไม่มาก ราคาเป้าหมายปีหน้า 25 บาท แนะนำเป็นลักษณะทยอยสะสม Foreign Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าต่อเนื่อง แม้ปริมาณการซื้อขายจะเบาบาง แต่เนื่องจากค่าเงินยูโรและค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่ต่ำกว่า 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการไหลเข้าของเม็ดเงินต่างชาติจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง ทั้งนี้ในช่วงต้นอาจจะยังไม่ไหลเข้าตลาดหุ้นโดยตรง แต่อาจพักตัวอยู่ตลาดพันธบัตรระยะยาวที่พร้อมจะโยกเข้าลงทุนในตลาดหุ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งเรายังเชื่อว่าเมื่อใดที่แบงก์ชาติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายและธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะอีกก็จะมีเงินทุนเคลื่อนย้ายจากตลาดพันธบัตรเข้าตลาดหุ้น Technical View : “ตลาดยังมีแรงขายในระหว่างวันกดดันอยู่ ทำให้คาดว่าช่วงนี้จะแกว่งอยู่ในกรอบ 870-880 จุด ซึ่งต้องระวังหลุดต่ำกว่า 870 จุดลงไป เพราะจะทำให้มีสิทธิไหลลงหาแนวรับอื่นๆ ต่อได้ ดังนั้นตลาดขึ้นยังเน้นขายทำกำไร...” แนวรับ : 870-867* , 862-858** , 847-842*** แนวต้าน : 878-880**, 886***Technical Picks:IVL (Bt 22.90 เป้าเทคนิค 24.50-25.50 cut loss ถ้าหลุด 22)TTCL (Bt 7.05 เป้าเทคนิค 7.70-8 cut loss ถ้าหลุด 6.70)SIAM (Bt 2.58 เป้าเทคนิค 2.86-2.90 cut loss ถ้าหลุด 2.46)