อ่านข่าวย้อนหลัง ทั้งหมด หน้า 24919

เนื้อหาทั้งหมด

เนื้อหาทั้งหมด ใหม่ล่าสุด

เนื้อหาทั้งหมด
ใหม่ล่าสุด
ออมสิน ออกโรงเตือนปชช.หวั่นถูกลวงในการขอกู้เงิน

ออมสิน ออกโรงเตือนปชช.หวั่นถูกลวงในการขอกู้เงิน

นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคาร ออมสินขอชี้แจงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลแอบอ้างว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือ ประชาชนผู้สนใจที่จะขอกู้เงินจากธนาคารฯ ได้ โดยผ่านการติดต่อกับบุคคลผู้มีอำนาจหรือทำงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ ธนาคารฯ เพื่อให้การช่วยเหลือ และรับรองผลสำเร็จของการขอกู้ ซึ่งต้องแลกกับการที่ประชาชนต้องยอมเสียค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งนั้นธนาคาร ออมสิน ขอเรียนให้ทราบว่า ธนาคารฯ ไม่เคยมีกฎระเบียบในการยกเว้น การเลือกปฏิบัติการกู้เงินกับธนาคารฯ ของประชาชน หรือลูกค้ารายใดเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ธนาคารออมสิน ได้ให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าทุกๆ คนด้วยความเป็นธรรม เท่าเทียมกันในทุกกรณี จึงอยากจะเตือนลูกค้า ประชาชนทุกท่านไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของผู้แอบอ้างหลอกลวงดังกล่าวอนึ่ง สำหรับประชาชนผู้ต้องการขอรับบริการกู้เงินกับธนาคารออมสิน ทุกท่านสามารถเข้ามารับบริการ และติดต่อกับธนาคารฯ ได้โดยตรงทุกสาขาทั่วประเทศ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือ การเรียกร้องผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น

เปิดอ่าน8
บลจ.นครหลวงไทยเปิดขายหน่วยลงทุน(IPO)วันที่ 24 - 30 มี.ค.53

บลจ.นครหลวงไทยเปิดขายหน่วยลงทุน(IPO)วันที่ 24 - 30 มี.ค.53

บลจ.นครหลวงไทย เสนอขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง อายุประมาณ 22 เดือน รับผลตอบแทนประมาณ 2.30% ต่อปี และอายุประมาณ 12 เดือน รับผลตอบแทนประมาณ 1.70% ต่อปี ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน เตรียมเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 24 - 30 มี.ค. 53 นี้ นายไตรพิชิต  วัฒนวิจิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย  จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดเสนอขายกองทุนพันธบัตรเกาหลีอย่างต่อเนื่อง 1. กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 22 เดือน2/10 (NKT FFI22M2/10) อายุโครงการประมาณ 22 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ด้วยอัตราผลตอบแทนประมาณ 2.30% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่าย 0.50% ต่อปี) เน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB) และ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลและ/หรือสถาบันการเงินประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารระยะยาว AA จากสถาบัน Fitch Rating ลงทุนในสัดส่วนประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยบริษัทจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเฉพาะผลตอบแทนทุกรอบระยะเวลา 3 เดือนโดยประมาณ และในครั้งสุดท้าย บริษัทจัดการจะรับซื้อคืนจากผลตอบแทนที่ได้รับจากตราสารที่กองทุนลงทุนพร้อมกับเงินลงทุนเริ่มต้นทั้งหมด และ 2. กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 12 เดือน2/10 (NKT FFI12M2/10) อายุโครงการประมาณ 12 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาทด้วยอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.70% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่าย 0.50% ต่อปี) เน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB) และ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลและ/หรือสถาบันการเงินประเทศเกาหลีใต้   ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารระยะสั้น F-1 จากสถาบัน Fitch Rating ลงทุนในสัดส่วนประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยบริษัทจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน ทั้งนี้ กองทุน NKT FFI22M2/10 และกองทุน NKT FFI12M2/10 ได้มีการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท โดยมีราคา 10 บาทต่อหน่วยลงทุน บุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษีจากผลตอบแทนที่ได้รับ สำหรับนักลงทุนที่ซื้อกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ สามารถรับสิทธิซื้อตั๋วแลกเงินของ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค รุ่น PF10806A ครบกำหนดวันที่ 6 ส.ค.53

เปิดอ่าน3,016
MFCจ่ายปันผลกองทุนเปิดI-ASIA INFRAหน่วยละ 1.13 บ.

MFCจ่ายปันผลกองทุนเปิดI-ASIA INFRAหน่วยละ 1.13 บ.

เอ็มเอฟซี เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเวสท์ เอเชีย อินฟราสทรัคเจอร์ ฟันด์ (I-ASIA INFRA) หน่วยลงทุนละ 1.13 บาท โดยปีนี้เอ็มเอฟซีจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 18 กองทุน รวมเป็นเงินกว่า 445 ล้านบาท    ดร. พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) (MFC) กล่าวว่า เอ็มเอฟซีเตรียมจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเวสท์ เอเชีย อินฟราสทรัคเจอร์ ฟันด์ หรือ       I-ASIA INFRA ในอัตราหน่วยลงทุนละ 1.13 บาท สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2552 - 28 กุมภาพันธ์ 2553 โดยจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 มีนาคม 2553 สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในวันปิดสมุดทะเบียนวันที่ 19 มีนาคม 2553 ทั้งนี้ ในปีนี้ เอ็มเอฟซีได้จ่ายเงินปันผลของกองทุนภายใต้การจัดการให้ผู้ถือหน่วยลงทุนไปแล้ว 18 กองทุน รวมเป็นเงินกว่า 445 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมทุกประเภทกองทุน ได้แก่ กองทุนตราสารทุน กองทุนตราสารหนี้  กองทุนผสมแบบยืดหยุ่น กองทุนหุ้นระยะยาว กองทุนต่างประเทศ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ โดยมีกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเฟล็กซิเบิลฟันด์ (MFX) ทำสถิติจ่ายเงินปันผลมากสุด หน่วยลงทุนละ 2 บาท ดร. พิชิตกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนเปิด I-ASIA INFRA เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน INVESCO Asia Infrastructure Fund-C Share Class (Master Fund) เพียงกองทุนเดียว ซึ่งลงทุนในหุ้นธุรกิจสาธารณูปโภคทั่วเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น และเป็นกองทุนเปิดสกุลดอลลาร์สหรัฐ ที่จดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก กองทุนเปิด I-ASIA INFRA มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละครั้งในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ในแต่ละงวดหรือจากกำไรสะสม ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ

เปิดอ่าน31
กสิกรไทยย้ำเป็นผู้นำธุรกรรมออนไลน์

กสิกรไทยย้ำเป็นผู้นำธุรกรรมออนไลน์

กสิกรไทย ย้ำเป็นผู้นำระบบชำระเงินทางอินเทอร์เน็ต จับมือวีซ่า ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับบัตรวีซ่าแบบรหัสใช้ครั้งเดียว เป็นเจ้าแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วยยกระดับความปลอดภัย ของการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ตั้งเป้าเพิ่มธุรกิจทางอินเทอร์เน็ตอีกกว่า 80% นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)เปิดเผยว่า ธนาคารร่วมกับบริษัท    วีซ่า  อินเตอร์เนชั่นแนล (VISA) ยกระดับความปลอดภัยของการทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยบริการ Verified by VISA (VbV) ขึ้นอีกขั้น โดยการนำรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (One-time password: OTP) มาใช้สำหรับธุรกรรมการซื้อสินค้าและบริการทางอินเทอร์เน็ตผ่านบัตรเครดิตเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของผู้ใช้บริการช้อปปิ้งออนไลน์   รหัส VbV OTP ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่า มีความปลอดภัยสูง ช่วยป้องกันการทุจริตจากการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อผู้ถือบัตรทำธุรกรรมจนถึงขั้นตอนการชำระเงิน ธนาคารจะส่งรหัสผ่าน VbV OTP ที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวผ่านทางเอสเอ็มเอส (SMS) ไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือของผู้ถือบัตรที่ได้ลงทะเบียนไว้ โดยเมื่อกรอกรหัส VbV OTP แล้ว จะมีการตรวจสอบรหัสและแจ้งผลการทำรายการดังกล่าวผู้ถือบัตรไม่ต้องกังวลว่าผู้อื่นจะทราบรหัสผ่านและนำไปใช้ เพราะเป็นรหัสที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ทั้งยังสะดวกขึ้นเพราะไม่จำเป็นต้องจำรหัสผ่านเหมือนแต่ก่อน ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรสามารถลงทะเบียนใช้บริการ VbV OTP ได้ในขณะกำลังช้อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งทำได้ง่ายและสะดวกสบาย สำหรับรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (OTP) ทาง SMS นี้ ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารแรกที่นำมาใช้ นอกจากนี้ บริการ VbV OTP ยังสามารถใช้งานร่วมกับบัตรซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย (K-Web Shopping Card) ซึ่งเป็นบัตรเสมือนจริง (Virtual Card) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถช้อปปิ้งออนไลน์ได้อย่างง่ายดายแม้ไม่มีบัตรเครดิต โดยสามารถกำหนดและปรับเปลี่ยนวงเงินการซื้อต่อวันได้ด้วยตนเองตลอดเวลา อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจด้วยอีเมลยืนยันทุกครั้งที่มีการทำรายการ และยังสามารถตรวจสอบรายการใช้จ่ายย้อนหลังผ่านบริการ K-Cyber Banking ได้อีกด้วย ทั้งนี้ ธนาคารยังมีแผนที่จะพัฒนาระบบ VbV OTP ให้ใช้ได้กับบัตรเดบิตกสิกรไทยประมาณกลางปี 2553 นายศีลวัต กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้นำด้านบริการรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย (K-Payment Gateway) โดยธุรกิจที่ใช้บริการ K-Payment Gateway มีความครอบคลุมในหลากหลายธุรกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งได้แก่ โรงแรม ทัวร์ ตั๋วเครื่องบิน กลุ่มสินค้าไอที กลุ่มสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น ซึ่งธุรกิจออนไลน์ เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นทุกปี เห็นได้จากการเติบโตของบริการ K-Payment Gateway ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตสูงถึงปีละกว่า 60% เนื่องมาจากผู้ประกอบการได้เล็งเห็นถึงความสะดวกในการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีต้นทุนต่ำ และสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มาก ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ถือเป็นการขยายฐานลูกค้า และสามารถเปิดตลาดการขายไปได้ทั่วโลก สอดคล้องกับผลการสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ของคนไทยที่พบว่า คนไทยนิยมซื้อของออนไลน์เพิ่มขึ้น 63% และ  คนไทยอีก 77% เล่นอินเทอร์เน็ตเป็นประจำทุกวัน ทั้งนี้ เป็นเพราะนักช้อปไทยมีทัศนคติที่ดีต่อการช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้น นักช้อปเกือบ 90% พอใจในระบบการชำระเงินที่สะดวกสบายและปลอดภัย ณ ธันวาคม 2552 บัตรเครดิต และบัตร K-Web Shopping Card ธนาคารกสิกรไทยมีการลงทะเบียนกับระบบ Verified by VISA เพื่อช้อปปิ้งออนไลน์ แล้วกว่า 130,000 บัตร ซึ่งมียอดใช้จ่ายออนไลน์กว่า 1,600 ล้านบาท เติบโตจากปี 2551 กว่า 40% อย่างไรก็ตาม หลังจากธนาคารสามารถเปิดให้บริการ VbV SMS OTP กับบัตรเดบิตในเดือนมิถุนายน ซึ่งมีจำนวนบัตรกว่า 5 ล้านบัตร คาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดใช้จ่ายได้ไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี

เปิดอ่าน21,224
LPN มั่นใจ ไตรมาสแรกทะลุ 6 พันล.

LPN มั่นใจ ไตรมาสแรกทะลุ 6 พันล.

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN  กล่าวว่า บริษัทฯคาดว่ายอดขายในไตรมาส 1/53 จะสูงกว่า 6,000 ล้านบาท    ขณะที่ทั้งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายราว 13,000 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ในกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่จำนวนมาก อีกทั้งทำเลของโครงการอยู่ในบริเวณที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่จำนวน 6 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการคอนโด ลุมพินี เพลส พระราม 4 - กล้วยน้ำไท และ คอนโด ลุมพินี เพลส รัชโยธิน ที่เปิดขายระหว่างวันที่ 20-21 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้มีการปิดโครงการแล้วโดยมียอดขายจาก 2 โครงการดังกล่าวที่ 4,700 ล้านบาท

เปิดอ่าน10,291
CEN จ่ายปันผลครั้งแรกในรอบ 10 ปี

CEN จ่ายปันผลครั้งแรกในรอบ 10 ปี

บมจ.แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง  หรือ CEN ตอบแทนผู้ถือหุ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี นับแต่ออกจากกลุ่มรีแฮปโก้ “วุฒิชัย ลีนะบรรจง” เผยบอร์ดอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.05 บาท/หุ้น และเตรียมขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นปลายเดือนเม.ย.นี้ ระบุคณะผู้บริหารพร้อมทุ่มเทแรงใจและกายทำงานเพื่อ CEN อย่างเต็มที่ โดยมีเป้าหมายให้กิจการเติบโตได้อย่างมั่นคงยั่งยืน สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในระดับที่ดีต่อเนื่อง นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ CEN เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2552 ได้มีมติ ให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2553 เพื่อขออนุมัติจ่ายเงินปันผล ประจำปี2552 สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2552 ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท และกำหนดจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม 2553 ทั้งนี้ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2553 และให้รวบรวมรายชื่อ ตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 13 พฤษภาคม 2553 “คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 นับแต่ออกจากกลุ่มรีแฮปโก้ นั่นเป็นเพราะการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ฐานะกิจการมีความแข็งแกร่งและมีแนวโน้มการขยายตัวได้ดี จนกระทั่งสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธกิจที่สำคัญของบริษัท ทั้งนี้ผมขอให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจว่าผู้บริหารชุดปัจจุบันมีความตั้งใจจริง พร้อมที่จะทุ่มเทให้กับการทำงานที่ CEN และจะสร้างผลประกอบการให้ดีขึ้นยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและยืนเคียงข้างผู้ถือหุ้นด้วย” เขากล่าวต่อว่าคณะผู้บริหารชุดใหม่ตั้งแต่เข้ามาบริหารงานที่ CEN มีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อย และจะเน้นการบริหารงานที่จะนำบริษัทให้มีผลประกอบการที่ดี  โดยการตั้งหน่วยงานมาดูแลต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ รวมถึงปรับโครงสร้างการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพ โดยในปี 2552 ได้จัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ผลประกอบการปี 2552 ออกมาน่าพอใจ และในปี 2553 ถือเป็นปีแห่งการ Turn Around ของบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมาได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและการบริหารอย่างลงตัว  จึงมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของ CEN อีกด้วย บมจ.แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง  กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2553 ในวันพุธที่ 28 เมษายน 2553 เวลา14.00 น. ณ ห้องวิมานทอง ชั้น 4 โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ เลขที่ 372 ถนนพระราม 3 แขวงบางโคล่เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร  และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2553(Record Date) ในวันที่ 1 เมษายน 2553 และให้รวบรวมรายชื่อ ตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนในวันที่ 2 เมษายน 2553

เปิดอ่าน25
ส.อ.ท. มั่นใจ ส่งออกปีนี้ โตเกิน 15%

ส.อ.ท. มั่นใจ ส่งออกปีนี้ โตเกิน 15%

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ยังคงมั่นใจว่าการส่งออกของไทยในปี 2553 จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2552 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์วางไว้ว่าจะขยายตัว 14% ทั้งนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องยังคงไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายใหญ่ เนื่องจากส่วนมากจะมีการทำประกันความเสี่ยงไว้ และภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ส่วนมากจะมีการนำเข้าวัตถุดิบ ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า แต่ยอมรับว่าเป็นห่วงอุตสาหกรรมขนาดย่อม และภาคอุตสาหกรรมส่งออกสินค้าเกษตร เนื่องจากจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทโดยตรง รวมถึงกลุ่มธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบการผลิตภายในประเทศเป็นจำนวนมาก 'ผู้ประกอบการควรเร่งปรับตัว โดยเราห่วงกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตรและกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบการผลิตในประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ดังนั้นผู้ประกอบการควรปรับตัว โดยจะรอพึ่งรัฐบาลอย่างเดียวคงไม่ได้' นายสันติ กล่าว                   

เปิดอ่าน7
เสื้อแดงรวมพลนัดชุมนุมใหญ่กดดันรัฐบาลเสาร์นี้

เสื้อแดงรวมพลนัดชุมนุมใหญ่กดดันรัฐบาลเสาร์นี้

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกกลุ่มแนวร่วมประชาธปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่ 27 มี.ค.นี้ กลุ่มผู้ชุมมุม อาจเคลื่อนการชุมนุมจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศไปทั่วกรุงเทพมหานคร(กทม.) เพื่อกดดันให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยุบสภา โดยรูปแบบจะเป็นการเคลื่อนพลออกมาขับไล่รัฐบาลมากกว่าเมื่อวันเสาร์ที่20 มีนาคม ที่ผ่านมา

เปิดอ่าน8
เช้าวันนี้ดัชนีฯ ปิด เพิ่มขึ้น 7.96 จุดที่ 790.44  จุด

เช้าวันนี้ดัชนีฯ ปิด เพิ่มขึ้น 7.96 จุดที่ 790.44 จุด

เช้าวันนี้ดัชนีฯ ปิดที่   790.44  จุด เพิ่มขึ้น 7.96 จุด หรือ 1.02% มูลค่าการซื้อขาย  21,732.22 ลบ. หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่1.PTT  ปิดที่ 258.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,862.07 ลบ.2.PTTAR  ปิดที่ 29.75 บาท ลดลง 0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,732.73 ลบ.3.BBL ปิดที่ 135.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย   1,417.92ลบ.4.SCB ปิดที่ 93.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย  1,156.98 ลบ.5.PTTEP ปิดที่ 151.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 959.63 ลบ.                 ส่วนเช้าวันนี้ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 213.56 จุด เพิ่มขึ้น 0.21 จุด หรือ 0.10% ด้าน SET50 Index ปิดที่ 560.06 จุด เพิ่มขึ้น 5.65 จุด หรือ 1.02% และ SET100 Index ปิดที่ 1205.83 จุด เพิ่มขึ้น 13.85 จุด หรือ 1.16%                

เปิดอ่าน7
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมก.พ.53ลดลงอยู่ที่ระดับ 114.5.4

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมก.พ.53ลดลงอยู่ที่ระดับ 114.5.4

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนก.พ. 2553 อยู่ที่ระดับ 114.5 ปรับตัวลดลงจากเดือนม.ค. 2553 ที่ระดับ 115.4 ซึ่งนับเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรก หลังจากที่ดัชนีฯได้ปรับตัวขึ้นติดต่อกันถึง 45 เดือน นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2549 ถึงเดือนม.ค. 2553 โดยสาเหตุมาจากดัชนีด้านยอดขายรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการปรับตัวลดลงในขณะที่การบริโภคในประเทศลดลง อย่างไรก็ตามองค์ประกอบด้านยอดคำสั่งซื้อรวมปรับตัวสูงขึ้นซึ่งการที่บริโภคในประเทศลดลงมากจากความกังวลสถานการณ์ทางการเมือง อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นจากยอดขายในต่างประเทศยังคงปรับตัวสูงขึ้นซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเดือนม.ค.ที่ผ่านมา สำหรับดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้ายังคงปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 111 ในเดือนม.ค.มาอยู่ที่ระดับ 114.6 ในเดือนก.พ. เนื่องจากผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่ายอดคำสั่งซื้อรวม ยอดขายรวม และปริมาณการผลิตผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการมีความกังวลต้นทุนประกอบการในอนาคตว่า จะปรับตัวสูงขึ้นอีก ทั้งราคาน้ำมัน ราคาน้ำตาล และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในต้นทุนประกอบการในอนาคตลดลง                

เปิดอ่าน11
ยอดส่งออกรถยนต์ ก.พ. 53 อยู่ที่ 7.4 หมื่นคัน

ยอดส่งออกรถยนต์ ก.พ. 53 อยู่ที่ 7.4 หมื่นคัน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนก.พ. 2553 อยู่ที่ 74,063 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. 2552  ที่ 66.03% และนับเป็นการเพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค. 2553 ที่ 26.55% โดยการส่งออกในทุกตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น ยกเว้น ตลาดตะวันออกกลาง ขณะที่การส่งออก 2 เดือนม.ค.-ก.พ. 2553 มีจำนวน 132,588 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 40.96%                

เปิดอ่าน7
IVL ยังแรงไม่เลิกลุ้นแนวต้าน 17 - 17.30 บ.

IVL ยังแรงไม่เลิกลุ้นแนวต้าน 17 - 17.30 บ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL พบว่า ราคาหุ้นยังปรับเพิ่มขึ้นโดดเด่นในการซื้อขายวันนี้ โดยเป็นไปตามทิศทางเดียวกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่อยู่แดนบวก ด้านบทวิเคราะห์ บล.ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทิศทางราคาหุ้น IVL ลดช่วงบวกลงเล็กน้อย แต่จากปริมาณหุ้นที่เปลี่ยนมือยังจะดันราคาต่อยอดแนวต้าน ตามทิศทางที่เป็นขาขึ้น และน่าจะทำลายสัญญาณลบของ Negative Divergence ใน RSI ได้ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ซื้อเก็งกำไร โดยกรอบยังมีโอกาสขยับเข้าหาแนวต้าน 17-17.30 บาทเป็นเป้าหมายระยะสั้น โดยวางจุด Stop loss ที่ 15.90 บาท และแนวรับอยู่ที่ 16.30-16 บาท

เปิดอ่าน8,875
STEEL เตรียมซื้อหุ้น 'โซล่า เพาเวอร์' 35 ล้านหุ้น

STEEL เตรียมซื้อหุ้น 'โซล่า เพาเวอร์' 35 ล้านหุ้น

นายประสิทธิ อุ่นวรวงศ์   กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีล อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) (STEEL) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท ได้จัดประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2553เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2553 นั้น บริษัทฯ ขอแจ้งมติและความเห็นที่สำคัญของที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ดังต่อไปนี้ 1. รับทราบการแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของบริษัทฯเพื่อให้ความเห็นแก่ผู้ถือหุ้นเพื่อประกอบการพิจารณาการลงมติที่เกี่ยวข้องกับการเข้าทำรายการตามรายละเอียดที่ปรากฏในข้อ 2. 2. อนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด ( เอสพีซี ) จากผู้ถือหุ้นของเอสพีซี การเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ของบริษัทฯ ในราคาตํ่ากว่าราคาตลาด และการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนและรายการที่เกี่ยวโยงกัน ตามรายละเอียดโดยสรุป ดังนี้ บริษัทฯ จะเข้าซื้อหุ้นสามัญของเอสพีซี จำนวน 35,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของเอสพีซีในราคาซื้อหุ้นละ 10 บาท รวมเป็นราคาซื้อหุ้นสามัญเอสพีซีทั้งสิ้น 350,000,000 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯ จะชำระราคาค่าซื้อหุ้นดังกล่าวโดยการออกหุ้นสามัญใหม่ของบริษัทฯ จำนวน 350,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1 บาท รวมเป็นราคาเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ ทั้งสิ้น 350,000,000 บาท เพื่อตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นของเอสพีซีที่ตอบรับคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัทฯ แทนการชำระเป็นเงิน ทั้งนี้อัตราส่วนการแลกเปลี่ยนหุ้นเท่ากับ 1 หุ้นของเอสพีซีต่อ 10 หุ้นใหม่ของบริษัทฯ ( Share Swap ) โดยบริษัทฯ จะทำการเสนอขอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นของเอสพีซีแต่ละรายโดยพยายามอย่างดีที่สุด (Best Effort Basis) เพื่อให้ได้หุ้นเอสพีซีมาในจำนวนที่มากที่สุด อนึ่ง ราคาเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ของบริษัทฯ ตามที่ระบุไว้ ข้างต้นเป็นการเสนอขายหุ้นราคาตํ่าตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 28/2551 เรื่อง การขออนุญาตและการอนุญาตให้ เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ และประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( สำนังาน กลต. ) ที่ สจ. 39/2551 เรื่อง การคำนวณราคาเสนอขายหลักทรัพย์และการกำหนดราคาตลาดเพื่อการพิจารณาการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ในราคาตํ่า(ราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นของบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ( ตลาดหลักทรัพย์ฯ ) ย้อนหลัง 14 วันทำการติดต่อกันก่อนวันประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ครั้งนี้เท่ากับ 7.51 บาท) ซึ่งการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ของบริษัทฯ ในราคาตํ่าดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อก่อให้เกิดความสำเร็จและสามารถทำให้ บริษัทฯ ได้ มาซึ่งธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่มีความมั่นคงและเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจในอนาคต พร้อม อนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 350,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 28/2551เรื่องการขออนุญาตและการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ ให้แก่ผู้ถือหุ้นของเอสพีซี ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1 บาทรวมเป็นราคาเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ ทั้งสิ้น 350,000,000 บาท เพื่อตอบ แทนให้กับผู้ ถือหุ้นของเอสพีซีที่ตอบรับคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัทฯ แทนการชำระเป็นเงิน ทั้งนี้ อัตราส่วนการแลกเปลี่ยนหุ้นเท่ากับ 1 หุ้นของเอสพีซีต่อ 10 หุ้นใหม่ของบริษัทฯ โดยราคาเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ของบริษัทฯ ตามที่ระบุไว้ข้างต้นเป็นการเสนอขายหุ้นราคาตํ่ากว่าราคาตลาดตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 28/2551 เรื่ อง การขออนุญาตและการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ และประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สจ. 39/2551 เรื่อง การคำนวณราคาเสนอขายหลักทรัพย์และการกำหนดราคาตลาดเพื่อการพิจารณาการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ในราคาตํ่า (ราคาถัวเฉลี่ยถ่วงนํ้าหนักของหุ้นของบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้อนหลัง 14 วันทำการติดต่อกันก่อนวันประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ครั้งนี้เท่ากับ 7.51 บาท)                

เปิดอ่าน48
บล.บีฟิท : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 24/03/53

บล.บีฟิท : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 24/03/53

บล.บีฟิท : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 24/03/53Market Attitudeต่างชาติยังซื้อไม่สนการเมืองในประเทศ การซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ยังคงหนุนตลาดหุ้นไทย ฟันฝ่ากับปัญหาการเมืองในประเทศที่ยังรุมเร้าอยู่ตลอด ไม่ว่าจะยืดเวลา พ.ร.บ.ความมั่นคง ออกไปอีก 7 วัน (เมื่อครบกำหนด เราก็คาดว่าจะยืดออกไปอีก) หรือเกิดเหตุระเบิดสร้างสถานการณ์รายวัน ต่างชาติก็ยังซื้อไม่หยุด และเป็นที่น่าสังเกตว่า บทวิเคราะห์ของโบรกต่างชาติ ก็ออกมาแนะในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยกันมาก หลังจากที่ทยอยซื้อมาก่อนหน้านี้แล้ว ข่าวดีสำหรับกลุ่มอสังหาฯ ก็มีการต่ออายุมาตรการภาษีออกไปอีก 2 เดือน ซึ่งเสมือนเป็นการเก็บตกสำหรับผู้ที่โอนไม่ทันมากกว่า ฉะนั้นผลประกอบการของกลุ่มอสังหาก็ยังน่าจะดีต่ออีกในไตรมาส 2 แต่ไม่เท่าไตรมาส 1 ที่มียอดการเร่งโอนมากกว่า หุ้นอสังหาก็มีการตอบรับประเด็นนี้กันไป แต่หลังจากมาตรการนี้หมดไป ยอดการซื้อขายอสังหาฯ ก็จะเป็นตัวสะท้อนภาวะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจ  ด้านปัจจัยต่างประเทศ หุ้นสหรัฐก็ยังปรับตัวขึ้นอีกกว่า 100 จุด ซึ่งก็จะช่วยหนุนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียขึ้นอีก ถือว่าตลาดหุ้นช่วงนี้ยังมีโมเมนตั้มด้านบวกต่อเนื่อง ข่าวลบจากข้อมูลเศรษฐกิจยังไม่เข้ามารบกวน ขณะที่เฟดเองก็ยังพูดในคำเดิมๆ ว่าจะคงนโยบายผ่อนคลายอีกไประยะหนึ่ง สำหรับดัชนีหุ้นไทยวันนี้ ยังน่าจะปรับขึ้นต่อได้ โดยทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศก็ยังช่วยหนุน!”   กลยุทธ์การลงทุน -  ระยะกลาง :  ถือต่อส่วนที่เหลือ และซื้อคืนถ้าทะลุ 787 จุด (+/-) -  ระยะสั้น    :  Trading โดยเผื่อจุดถอยไว้ที่ 769 จุดMarket Viewpoint ตลาดหุ้นสหรัฐ  ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัว +102.94 จุด หรือ +0.95% มาปิดที่ 10,888.83 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, อุตสาหกรรมและกลุ่มวัสดุ ในการซื้อขายช่วงเช้า ตลาดได้แรงหนุนจากความมีเสถียรภาพในตลาดบ้านสหรัฐหลังสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองลดลงสู่ 5.02 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. ซึ่งลดลงน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ น้ำมันดิบ  NYMEX +0.31 ดอลลาร์ +0.38% ปิดที่ 81.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดเพิ่มขึ้น แต่ลดช่วงบวกไปบ้างในการซื้อขายนอกเวลาทำการ หลังจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้มากในสัปดาห์ที่แล้ว     สหรัฐ - คณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาได้อนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปกฎระเบียบการเงินเมื่อวันที่ 22 มี.ค. และจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่วุฒิสภาในเดือนเม.ย. การเมือง – ครม.ขยายเวลาใช้พ.ร.บ.มั่นคงฯอีก 7 วัน กลุ่มอสังหาฯ – ครม. มีมติยืดอายุมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ออกไปอีก 2 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 28 มี.ค. หลังอาจมีประชาชนบางส่วนทำการโอนไม่ทัน เศรษฐกิจ – ธปท.เผยเข้าดูแลเงินบาทช่วงแข็งค่ามากก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เริ่มนิ่งแล้ว    TUF - คาดไตรมาส 1/53 จะมีกำไรสุทธิเติบโตจาก 653 ล้านบาท ในไตรมาส 1/52 โดยยังไม่ได้รับ ผลกระทบจากค่าเงินบาท/ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น เนื่องจากมีเฮดจิ้ง ไว้ TYONG – คาดผลประกอบการงวดปีสิ้นสุด 31 มี.ค.53 จะมีกำไรสุทธิ แต่ไม่มาก หลังในงวด 9 เดือนแรก สิ้นสุด ธ.ค. 52 บริษัทขาดทุนสุทธิอยู่ 43.70 ล้านบาท

เปิดอ่าน14
บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 24/03/53

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 24/03/53

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 24/03/53SET วานนี้ปิดบวก และยืนเหนือ 780 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคหลังยังมีแรงซื้อหุ้นเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น SET ปิดบวกตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยดัชนีในช่วงเช้าปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มพลังงาน แบงก์ และอสังหาริมทรัพย์ และดัชนีได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องถึงภาคบ่ายแม้ว่าจะมีแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นออกมาบ้าง แต่ดัชนีก็สามารถปิดยืนเหนือ 780 จุดได้ โดยดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 782.48 จุดซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวัน เพิ่มขึ้น 10.23 จุด (+1.32%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น33,104.95 ล้านบาทการลงทุนของนักลงทุนประเภทต่าง ๆ วานนี้นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิจำนวน +1,879.62 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิจำนวน -1,721.73 ล้านบาท ส่วนบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิจำนวน +328.70 ล้านบาทตารางแสดงยอดการลงทุนของนักลงทุนประเภทต่าง ๆ ปี 2552 และปี 2553 Total -52 Jan -53 Feb -53 Mar -53 Total -53นักลงทุนต่างประเทศ 38 ,499 -7,485 5,422 34 ,712 32 ,649นักลงทุนสถาบัน -3,590 -8,210 5,858 -3,316 -5,669บริษัทหลักทรัพย์ 1,850 -2,068 -398 2,715 249ที่มา : รวบรวมโดย KKSแนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในช่วง 775-790 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัวตามดาวโจนส์ที่ปิด +102 จุด โดยตลาดหุ้นไทยเริ่มแกว่งตัวผันผวนจากแรงเทขายทำกำไรเมื่อตลาดเข้าใกล้ระดับ 790-800 จุด แต่แรงซื้อต่างชาติยังหนาแน่นอยู่ ด้านสถาบันขายสุทธิ -1,721 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ +1,879 ล้านบาท แสดงถึงตลาดหุ้นมีแนวโน้มผันผวนทางขาขึ้น โดยเป็นลักษณะเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ด้านการเมืองเริ่มคลายความกังวลแต่จะมีชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์ที่ 27 มี.ค. นี้ แต่ตลาดยังไม่มีความกลัวว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ ทิศทางระยะสั้นยังขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศอยู่ เราคาดว่าตลาดจะแกว่งตัวในกรอบ 775-790 และ 795 จุด ใน 1-2 วันนี้ ถ้าดัชนีหุ้นยังยืนเหนือ 770 จุด ตลาดยังมีทิศทางทางขาขึ้นอยู่ด้วยกลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์ภาพรวมช่วงนี้ ในระยะสั้นถ้าสามารถยืนเหนือแนวรับ 775 จุดได้ แนะนำซื้อเก็งกำไรได้ สำหรับสัดส่วนการลงทุนในช่วงนี้ให้เป็นถือหุ้น 75% ถือเงินสด 25%

เปิดอ่าน10
ราคาทองรูปพรรณวันนี้ขายออกบาทละ17,400 บ.

ราคาทองรูปพรรณวันนี้ขายออกบาทละ17,400 บ.

รายงานข่าวจากสมาคมค้าทอง ถึงราคาทองคำในประเทศ วันที่ 24มีนาคม 2553 ทองคำ 96.5%                   รับซื้อ                     ขายออก           ทองคำแท่ง                        16,900      บาท     17,000  บาททองรูปพรรณ                     16,660.84  บาท     17,400  บาทที่มา สมาคมค้าทองคำ             

เปิดอ่าน7
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะ Gold Futures รายวัน 24/03/53

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะ Gold Futures รายวัน 24/03/53

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะ Gold Futures รายวัน 24/03/53  แนวโน้มราคาทองคำล่วงหน้าปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ • ภาวะตลาดทองคำโลก: ราคาทองคำในตลาด COMEX เดือน เม.ย.ปิดที่ 1,103.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ปรับตัวขึ้น 4.20 ดอลลาร์สหรัฐโดยได้ข่าวบวกจากรายงานตัวเลขอสังหาริมทรัพย์ หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.ลดลงเพียง 0.6% มาอยู่ที่ 5.02 ล้านยูนิต ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 5.00 ล้านยูนิต ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยในช่วงต่อจากนี้เฟดและสินทรัพย์ทางการเงินโลกจะให้ความสำคัญกับภาคอสังหามากขึ้นทดแทนตัวเลขการจ้างงานที่มีแนวโน้มผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว • มูลค่าทองคำในกองทุน SPDR: ทรงตัวอยู่ที่ 1,120.08 ตันความเห็นเทคนิคแนวโน้มราคาทองคำโลกราคาทองคำโลกระยะสั้นยังเป็นการแกว่งตัวลง โดยหากหลุดแนวรับที่บริเวณ 1,090-1,088 เหรียญอีก จะปรับตัวลงไปที่ 1,040 เหรียญในขณะที่หากยืนเหนือได้ มีโอกาสแกว่งตัวขึ้นบ้าง แต่การปรับตัวขึ้นยังคงติดแนวต้านที่บริเวณ 1,120 เหรียญตามที่ลากเส้นไว้แนวโน้มทองคำฟิวเจอร์ แนวโน้มราคาทอง: ราคา GFJ10 วันก่อนปรับตัวลงต่อ โดยในระยะสั้นให้ดูแนวรับทองคำโลกที่บริเวณ 1,090-1,088 เหรียญ หากยืนอยู่มีโอกาสดีดกลับสั้น ในขณะที่หากอ่อนตัวลงต่ำกว่า ทองคำมีโอกาสปรับตัวลงไปที่ 1,040 เหรียญ โดยวันนี้หาก GFJ10 ยังไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 17,140 เหรียญได้ยังเป็นการแกว่งตัวลงอีก แนวรับ: 17,020/16,910 แนวต้าน: 17,140/ 17,210กลยุทธ์การลงทุน คำแนะนำการลงทุน ถือ Short ต่อหาก GFJ10 ต่ำกว่า 17,140 บาทกลยุทธ์เล่นสเปรดและอาร์บิทราจ กลยุทธ์สเปรด ส่วนต่างของ J และทองคำแท่งอยู่ที่ +100 บาท เท่าเดิมยังคงแนะนำให้รอเปิดฐานะ Long ที่บริเวณนี้ในจำนวนสัญญาที่เพิ่มขึ้นได้ โดยการเปิดฐานะ Long GFJ10 และขายทองคำแท่ง มีโอกาสเป็นจุดต่ำสุดในระยะสั้น ส่วนการเล่นสเปรดระหว่างตัว J และตัว M (M ลบ J) ส่วนต่างปรับตัวขึ้นแรงอยู่ที่ +160 บาท แนะนำให้เปิดฐานะ Short ตั้งแต่บริเวณนี้ขึ้นไป                

เปิดอ่าน11
บล.ไอร่า : รายงานภาวะหุ้น 24/03/53

บล.ไอร่า : รายงานภาวะหุ้น 24/03/53

บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 24/03/53 ทิศทางตลาดวันนี้  เก็งกำไรสูง (+) สหรัฐประกาศยอดขายบ้านดีกว่าคาด (+)ต่างชาติซื้อสุทธิ +1,879mn และซื้อล่วงหน้า +330mn   (?) จับตาประชุม สภาฯ 24-25มีค หุ้นแนะนำ:  KCE, TTWปัจจัยสำคัญวันนี้     (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +103, NASDAQ +20, SP +8, FTSE +29, CAC +24, และ DAX +29 สหรัฐประกาศยอดขายบ้านมือสองลดลงน้อยกว่าคาด  และสัญญาณอุปสงค์ที่ดีของ Semiconductors เพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุน น้ำมันดิบล่วงหน้าตลาด NYMEX +US$0.31 อยู่ที่ US$81.91/barrel     (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศมียอดสุทธิ +1,879ล้านบาท ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี  +30,419ล้านบาท  และต่างประเทศมียอดสุทธิล่วงหน้า +330ล้านบาท มียอดสะสมใน มีค53  -731ล้านบาทกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ทิศทางตลาดวันนี้:  ผันผวน แนวต้านทางเทคนิค 780/800 มีแรงเก็งกำไรสูง ในตลาดหุ้นทั่วโลกจากสภาพคล่องทางการเงินสูง ประเด็นสำคัญอยู่ที่เม็ดเงินต่างชาติยังทยอยไหลเข้าต่อเนื่อง +42,152ล้านบาท ตั้งแต่ 22กพ-ปัจจุบัน ที่สำคัญจับตา รัฐบาลจะสามารถประชุมสภา 24-25มีค ได้หรื่อไม่?  ท่ามกลางการต่อต้านของของกลุ่ม นปช.     ประเด็นที่น่าสนใจ  (1)EURO ประชุมแก้วิกฤติของกรีซ  25-26มีค (2) Dubai เสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ 10เมษ (3)จีนอาจประกาศขึ้นดอกเบี้ยตามอินเดีย ทำให้อุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ลดลง   Q1/53 โดดเด่น หุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะประกาศ Q1/53 โดดเด่น ได้แก่  SSI, KCE, TASCO, QH, TTW, HEMRAJ, PTTAR   หุ้นกลุ่มที่ถูก Short-Sale 23มีค  ได้แก่  CPF                

เปิดอ่าน16
เงินดอลลาร์เทียบเยนเช้านี้ แข็งค่าขึ้นอยู่ที่ 90.43 เยน

เงินดอลลาร์เทียบเยนเช้านี้ แข็งค่าขึ้นอยู่ที่ 90.43 เยน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวบลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 90.43  เยน ณ เวลา 10:01 น. ตามเวลาในกรุงโตเกียว จาก 90.40 เยนที่ปิดตลาดนิวยอร์ควานนี้ ขณะที่เมื่ออัตราเเลกเปลี่ยนเงินเยนเมื่อเทียบยูโรแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่  121.80 เยน/ยูโร จาก 122.03 เยน/ยูโร ขณะที่เมื่อเทียบค่าเงินยูโร เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 1.3469 ดอลลาร์/ยูโร จาก 1.3499 ดอลลาร์/ยูโรที่ปิดตลาดนิวยอร์ควานนี้

เปิดอ่าน12