อ่านข่าวย้อนหลัง ทั้งหมด หน้า 26456

เนื้อหาทั้งหมด

เนื้อหาทั้งหมด ใหม่ล่าสุด

เนื้อหาทั้งหมด
ใหม่ล่าสุด
PTT เผย สัปดาห์หน้าเห็นชัดโครงการที่ถูกระงับ

PTT เผย สัปดาห์หน้าเห็นชัดโครงการที่ถูกระงับ

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะเริ่มเห็นความชัดเจนขึ้นสำหรับโครงการในเครือของ ปตท. โดยเฉพาะโครงการของ PTTCH ที่ถูกศาลปกครองกลางสั่งระงับการดำเนินโครงการ 8-9 โครงการ ซึ่งบริษัทฯจะมีการเลือกเป็นรายโครงการจากจำนวนโครงการทั้งหมดที่อยู่ในเครือที่ถูกระงับ 40 โครงการ โดยจะเลือกพิจารณาในโครงการที่มีความเหมาะสมและพยายามยื่นเสนอต่อศาลปกครองให้พิจารณาโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ดี กรณีรโครงการลงทุนมาบตาพุดประเมินว่า เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น หลังจากที่โครงการของบริษัทเหล็กสยามยามาโตะ ศาลปกครองได้มีการพิจารณาให้สามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีการเสนอจำนวน 19 โครงการเพื่อจะขอให้ศาลพิจารณาคาดว่าจะเป็นโครงการที่เข้าข่ายกรณีเดียวกับบริษัทเหล็กสยามยามาโตะที่สามารถเข้าดำเนินโครงการได้

เปิดอ่าน2
PTT เผย สัปดาห์หน้าเห็นชัดโครงการที่ถูกระงับ

PTT เผย สัปดาห์หน้าเห็นชัดโครงการที่ถูกระงับ

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะเริ่มเห็นความชัดเจนขึ้นสำหรับโครงการในเครือของ ปตท. โดยเฉพาะโครงการของ PTTCH ที่ถูกศาลปกครองกลางสั่งระงับการดำเนินโครงการ 8-9 โครงการ ซึ่งบริษัทฯจะมีการเลือกเป็นรายโครงการจากจำนวนโครงการทั้งหมดที่อยู่ในเครือที่ถูกระงับ 40 โครงการ โดยจะเลือกพิจารณาในโครงการที่มีความเหมาะสมและพยายามยื่นเสนอต่อศาลปกครองให้พิจารณาโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ดี กรณีรโครงการลงทุนมาบตาพุดประเมินว่า เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น หลังจากที่โครงการของบริษัทเหล็กสยามยามาโตะ ศาลปกครองได้มีการพิจารณาให้สามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีการเสนอจำนวน 19 โครงการเพื่อจะขอให้ศาลพิจารณาคาดว่าจะเป็นโครงการที่เข้าข่ายกรณีเดียวกับบริษัทเหล็กสยามยามาโตะที่สามารถเข้าดำเนินโครงการได้

เปิดอ่าน3
บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52SET วานนี้ปิดลบเล็กน้อย หลังมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในกลุ่มพลังงานและแบงก์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง SET ปิดลบเล็กน้อย โดยดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 735.20 จุดในช่วงเช้า แต่ในภาคบ่ายมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน และแบงก์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมา 2 วัน ในขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาในตลาด ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 727.21 จุด ลดลง 2.59 จุด (-0.35%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 12,015.26 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวนไม่มากนัก 64.80 ล้านบาทตารางแสดงยอดการลงทุนของต่างชาติปี 2552 Aug-09    Sep-09    Oct-09    Nov -09    Dec -09    Total -092,996    22,994    654    -13,135    -3,910    38,835ที่มา : รวบรวมโดย KKSแนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในช่วง 725-735 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัวหลังจากเข้าใกล้วันหยุดปลายสัปดาห์ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวนในกรอบข้างต้นได้ ด้านสถาบันซื้อสุทธิ +484 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ -64 ล้านบาท  แสดงถึงตลาดหุ้นจะเป็นแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน แต่มีน้ำหนักทางบวกต่อเนื่องได้หลังจากตลาดสามารถยืนเหนือระดับ 725 จุด ทั้งนี้การแกว่งตัวในกรอบ 725-735 จุดจะใช้เวลา 1-2 วัน โดยตลาดยังเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มตลาดหุ้นภูมิภาค โดยเมื่อวานเป็นการขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากที่นักลงทุนคาดหวังว่า 19 โครงการที่มาบตาพุด มีโอกาสกลับมาดำเนินกิจการได้ โดยโครงการจะยืนขอทบทวนต่อศาลปกครองอีกครั้งหนึ่ง สำหรับกลยุทธ์ในภาพรวมในช่วงนี้ ในระยะสั้นตลาดหุ้นยังแกว่งตัวในกรอบ 725-735 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรได้ถ้าตลาดยืนเหนือ 725 จุด กรณีต่ำกว่า 720 จุดจึงจะเป็นสัญญาณขาย สำหรับสัดส่วนการลงทุนในช่วงนี้ให้เป็นถือหุ้น 75% ถือเงินสด 25%ปัจจัยที่ส่งผลต่อหุ้นวันนี้ : (+)    1. ตลาดหุ้นสหรัฐ  วานนี้ปิดบวกเป็นวันที่ 5 หลังข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัวขึ้น แสดงว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังจะกระเตื้องขึ้น โดยระหว่างวันดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดของวัน 5.44 จุด จากระดับเปิด และดัชนีปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดของวัน 54.94 จุด จากระดับเปิด ก่อนที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดที่ระดับ 10,520.10 จุด เพิ่มขึ้น 53.66 จุด (+0.51%) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในกรอบ 0.05-0.12% หลังกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และธนาคารปรับขึ้น (-)    2. นักลงทุนต่างประเทศ  วานนี้นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวน 64.80 ล้านบาท ส่งผลให้ปี 52 นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิจำนวน 38,835 ล้านบาท (-)    3. บัญชีบริษัทหลักทรัพย์  วานนี้บริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิจำนวน 51.95 ล้านบาท (+)    4. LTF-RMF  ในช่วงเดือน ธ.ค. จะมีการเข้าลงทุนในกองทุน LTF/RMF ทำให้สถาบันยังมีแนวโน้มของการซื้อสุทธิต่อเนื่อง เมื่อวานนี้สถาบันซื้อสุทธิ 484.16 ล้านบาท ทั้งนี้ในเดือน ธ.ค. สถาบันซื้อสุทธิจำนวน 9,572.66 ล้านบาท (-)    5. ค่าเงินบาท On shore  วานนี้เงินบาทอ่อนค่าและเคลื่อนไหวในกรอบ 33.28-33.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเช้านี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.32-33.36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (+)    6. ดัชนีค่าเงินดอลลาร์  วานนี้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเล็กน้อยและปิดที่ระดับ 77.734 จุด ลดลง 0.163 จุด (-0.21%) สำหรับเช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 77.724-77.753 จุด (+)    7. ราคาน้ำมัน  วานนี้ปิดบวกวันที่ 3 หลังนักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการร่วงลงของดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันดิบตลาด Nymex ปิดตลาดที่ระดับ 78.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์ (+1.8%) ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดตลาดที่ระดับ 76.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ (+1.17%) (+)    8. ราคาทองคำ  วานนี้ปิดบวกวันที่ 2 หลังจากการคาดการณ์ว่าจะได้รับเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน ETF โดยราคาทองคำที่ตลาด Comex ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดตลาดที่ระดับ 1,104.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.80 ดอลลาร์ (+0.99%) (-)    9. ค่าระวางเรือ  วานนี้ปิดลบวันที่ 14 โดยปิดที่ 3,005 จุด ลดลง 18 จุด (-0.6%) (+)    10. มาบตาพุด  วานนี้ (24 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรีระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เห็นชอบประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และรับฟังความคิดเห็น โดยจะอยู่ภายใต้ประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะแก้ปัญหาความไม่ชัดเจนการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดในขณะนี้ (+)    11. เศรษฐกิจ  วานนี้ (24 ธ.ค.) รองนายกรัฐมนตรีเผยว่าในขณะนี้รัฐบาลได้กำหนดงบประมาณในโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” รอบสองที่จะใช้ในปี 53 แล้ว วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โดยให้ทุกหน่วยงานที่ได้รับจัดสรร เร่งลงนามสัญญาในโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 8 เม.ย. 53 นี้ ในขณะที่งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งรอบแรก วงเงิน 2 แสนล้านบาทที่สิ้นสุดในวันที่ 24 ธ.ค. นี้ได้เบิกจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 1.3 แสนล้านบาท (-)    12. ตลาดหุ้นภูมิภาค  ช่วงนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคปิดทำการเนื่องจากวันคริสต์มาส โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ หยุด 24-28 ธ.ค. และยุโรปส่วนใหญ่หยุด 24-25 ธ.ค. ส่วนเกาหลีใต้ มาเลเซีย สิ่งคโปร์ ฮ่องกง หยุด 25 ธ.ค. (+)    13. หุ้นปันผล  ทาง KKS คาดการณ์จ่ายปันผลของผลประกอบการ 2H52ที่คาดหมายผลตอบแทนเงินปันผลระดับ 3-9% ซึ่งเป็นผลมาจากผลประกอบการในครึ่งปีหลัง (2H52) และผลประกอบการทั้งปีของปี 52 เช่น KTB,ASP,BLS,PHATRA,BAT-3K,TPC,AP,LPN,SPALI,MK,TOP,BCP-DR1,GRAMMY,MCOT,HANA,DELTA, ADVANC และ TKT

เปิดอ่าน5
บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52SET วานนี้ปิดลบเล็กน้อย หลังมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในกลุ่มพลังงานและแบงก์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง SET ปิดลบเล็กน้อย โดยดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 735.20 จุดในช่วงเช้า แต่ในภาคบ่ายมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน และแบงก์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมา 2 วัน ในขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาในตลาด ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 727.21 จุด ลดลง 2.59 จุด (-0.35%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 12,015.26 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวนไม่มากนัก 64.80 ล้านบาทตารางแสดงยอดการลงทุนของต่างชาติปี 2552 Aug-09    Sep-09    Oct-09    Nov -09    Dec -09    Total -092,996    22,994    654    -13,135    -3,910    38,835ที่มา : รวบรวมโดย KKSแนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในช่วง 725-735 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัวหลังจากเข้าใกล้วันหยุดปลายสัปดาห์ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวนในกรอบข้างต้นได้ ด้านสถาบันซื้อสุทธิ +484 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ -64 ล้านบาท  แสดงถึงตลาดหุ้นจะเป็นแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน แต่มีน้ำหนักทางบวกต่อเนื่องได้หลังจากตลาดสามารถยืนเหนือระดับ 725 จุด ทั้งนี้การแกว่งตัวในกรอบ 725-735 จุดจะใช้เวลา 1-2 วัน โดยตลาดยังเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มตลาดหุ้นภูมิภาค โดยเมื่อวานเป็นการขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากที่นักลงทุนคาดหวังว่า 19 โครงการที่มาบตาพุด มีโอกาสกลับมาดำเนินกิจการได้ โดยโครงการจะยืนขอทบทวนต่อศาลปกครองอีกครั้งหนึ่ง สำหรับกลยุทธ์ในภาพรวมในช่วงนี้ ในระยะสั้นตลาดหุ้นยังแกว่งตัวในกรอบ 725-735 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรได้ถ้าตลาดยืนเหนือ 725 จุด กรณีต่ำกว่า 720 จุดจึงจะเป็นสัญญาณขาย สำหรับสัดส่วนการลงทุนในช่วงนี้ให้เป็นถือหุ้น 75% ถือเงินสด 25%ปัจจัยที่ส่งผลต่อหุ้นวันนี้ : (+)    1. ตลาดหุ้นสหรัฐ  วานนี้ปิดบวกเป็นวันที่ 5 หลังข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัวขึ้น แสดงว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังจะกระเตื้องขึ้น โดยระหว่างวันดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดของวัน 5.44 จุด จากระดับเปิด และดัชนีปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดของวัน 54.94 จุด จากระดับเปิด ก่อนที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดที่ระดับ 10,520.10 จุด เพิ่มขึ้น 53.66 จุด (+0.51%) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในกรอบ 0.05-0.12% หลังกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และธนาคารปรับขึ้น (-)    2. นักลงทุนต่างประเทศ  วานนี้นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวน 64.80 ล้านบาท ส่งผลให้ปี 52 นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิจำนวน 38,835 ล้านบาท (-)    3. บัญชีบริษัทหลักทรัพย์  วานนี้บริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิจำนวน 51.95 ล้านบาท (+)    4. LTF-RMF  ในช่วงเดือน ธ.ค. จะมีการเข้าลงทุนในกองทุน LTF/RMF ทำให้สถาบันยังมีแนวโน้มของการซื้อสุทธิต่อเนื่อง เมื่อวานนี้สถาบันซื้อสุทธิ 484.16 ล้านบาท ทั้งนี้ในเดือน ธ.ค. สถาบันซื้อสุทธิจำนวน 9,572.66 ล้านบาท (-)    5. ค่าเงินบาท On shore  วานนี้เงินบาทอ่อนค่าและเคลื่อนไหวในกรอบ 33.28-33.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเช้านี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.32-33.36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (+)    6. ดัชนีค่าเงินดอลลาร์  วานนี้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเล็กน้อยและปิดที่ระดับ 77.734 จุด ลดลง 0.163 จุด (-0.21%) สำหรับเช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 77.724-77.753 จุด (+)    7. ราคาน้ำมัน  วานนี้ปิดบวกวันที่ 3 หลังนักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการร่วงลงของดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันดิบตลาด Nymex ปิดตลาดที่ระดับ 78.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์ (+1.8%) ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดตลาดที่ระดับ 76.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ (+1.17%) (+)    8. ราคาทองคำ  วานนี้ปิดบวกวันที่ 2 หลังจากการคาดการณ์ว่าจะได้รับเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน ETF โดยราคาทองคำที่ตลาด Comex ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดตลาดที่ระดับ 1,104.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.80 ดอลลาร์ (+0.99%) (-)    9. ค่าระวางเรือ  วานนี้ปิดลบวันที่ 14 โดยปิดที่ 3,005 จุด ลดลง 18 จุด (-0.6%) (+)    10. มาบตาพุด  วานนี้ (24 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรีระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เห็นชอบประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และรับฟังความคิดเห็น โดยจะอยู่ภายใต้ประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะแก้ปัญหาความไม่ชัดเจนการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดในขณะนี้ (+)    11. เศรษฐกิจ  วานนี้ (24 ธ.ค.) รองนายกรัฐมนตรีเผยว่าในขณะนี้รัฐบาลได้กำหนดงบประมาณในโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” รอบสองที่จะใช้ในปี 53 แล้ว วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โดยให้ทุกหน่วยงานที่ได้รับจัดสรร เร่งลงนามสัญญาในโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 8 เม.ย. 53 นี้ ในขณะที่งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งรอบแรก วงเงิน 2 แสนล้านบาทที่สิ้นสุดในวันที่ 24 ธ.ค. นี้ได้เบิกจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 1.3 แสนล้านบาท (-)    12. ตลาดหุ้นภูมิภาค  ช่วงนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคปิดทำการเนื่องจากวันคริสต์มาส โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ หยุด 24-28 ธ.ค. และยุโรปส่วนใหญ่หยุด 24-25 ธ.ค. ส่วนเกาหลีใต้ มาเลเซีย สิ่งคโปร์ ฮ่องกง หยุด 25 ธ.ค. (+)    13. หุ้นปันผล  ทาง KKS คาดการณ์จ่ายปันผลของผลประกอบการ 2H52ที่คาดหมายผลตอบแทนเงินปันผลระดับ 3-9% ซึ่งเป็นผลมาจากผลประกอบการในครึ่งปีหลัง (2H52) และผลประกอบการทั้งปีของปี 52 เช่น KTB,ASP,BLS,PHATRA,BAT-3K,TPC,AP,LPN,SPALI,MK,TOP,BCP-DR1,GRAMMY,MCOT,HANA,DELTA, ADVANC และ TKT

เปิดอ่าน2
บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52SET วานนี้ปิดลบเล็กน้อย หลังมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในกลุ่มพลังงานและแบงก์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง SET ปิดลบเล็กน้อย โดยดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 735.20 จุดในช่วงเช้า แต่ในภาคบ่ายมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน และแบงก์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมา 2 วัน ในขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาในตลาด ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 727.21 จุด ลดลง 2.59 จุด (-0.35%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 12,015.26 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวนไม่มากนัก 64.80 ล้านบาทตารางแสดงยอดการลงทุนของต่างชาติปี 2552 Aug-09    Sep-09    Oct-09    Nov -09    Dec -09    Total -092,996    22,994    654    -13,135    -3,910    38,835ที่มา : รวบรวมโดย KKSแนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในช่วง 725-735 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัวหลังจากเข้าใกล้วันหยุดปลายสัปดาห์ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวนในกรอบข้างต้นได้ ด้านสถาบันซื้อสุทธิ +484 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ -64 ล้านบาท  แสดงถึงตลาดหุ้นจะเป็นแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน แต่มีน้ำหนักทางบวกต่อเนื่องได้หลังจากตลาดสามารถยืนเหนือระดับ 725 จุด ทั้งนี้การแกว่งตัวในกรอบ 725-735 จุดจะใช้เวลา 1-2 วัน โดยตลาดยังเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มตลาดหุ้นภูมิภาค โดยเมื่อวานเป็นการขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากที่นักลงทุนคาดหวังว่า 19 โครงการที่มาบตาพุด มีโอกาสกลับมาดำเนินกิจการได้ โดยโครงการจะยืนขอทบทวนต่อศาลปกครองอีกครั้งหนึ่ง สำหรับกลยุทธ์ในภาพรวมในช่วงนี้ ในระยะสั้นตลาดหุ้นยังแกว่งตัวในกรอบ 725-735 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรได้ถ้าตลาดยืนเหนือ 725 จุด กรณีต่ำกว่า 720 จุดจึงจะเป็นสัญญาณขาย สำหรับสัดส่วนการลงทุนในช่วงนี้ให้เป็นถือหุ้น 75% ถือเงินสด 25%ปัจจัยที่ส่งผลต่อหุ้นวันนี้ : (+)    1. ตลาดหุ้นสหรัฐ  วานนี้ปิดบวกเป็นวันที่ 5 หลังข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัวขึ้น แสดงว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังจะกระเตื้องขึ้น โดยระหว่างวันดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดของวัน 5.44 จุด จากระดับเปิด และดัชนีปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดของวัน 54.94 จุด จากระดับเปิด ก่อนที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดที่ระดับ 10,520.10 จุด เพิ่มขึ้น 53.66 จุด (+0.51%) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในกรอบ 0.05-0.12% หลังกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และธนาคารปรับขึ้น (-)    2. นักลงทุนต่างประเทศ  วานนี้นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวน 64.80 ล้านบาท ส่งผลให้ปี 52 นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิจำนวน 38,835 ล้านบาท (-)    3. บัญชีบริษัทหลักทรัพย์  วานนี้บริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิจำนวน 51.95 ล้านบาท (+)    4. LTF-RMF  ในช่วงเดือน ธ.ค. จะมีการเข้าลงทุนในกองทุน LTF/RMF ทำให้สถาบันยังมีแนวโน้มของการซื้อสุทธิต่อเนื่อง เมื่อวานนี้สถาบันซื้อสุทธิ 484.16 ล้านบาท ทั้งนี้ในเดือน ธ.ค. สถาบันซื้อสุทธิจำนวน 9,572.66 ล้านบาท (-)    5. ค่าเงินบาท On shore  วานนี้เงินบาทอ่อนค่าและเคลื่อนไหวในกรอบ 33.28-33.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเช้านี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.32-33.36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (+)    6. ดัชนีค่าเงินดอลลาร์  วานนี้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเล็กน้อยและปิดที่ระดับ 77.734 จุด ลดลง 0.163 จุด (-0.21%) สำหรับเช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 77.724-77.753 จุด (+)    7. ราคาน้ำมัน  วานนี้ปิดบวกวันที่ 3 หลังนักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการร่วงลงของดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันดิบตลาด Nymex ปิดตลาดที่ระดับ 78.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์ (+1.8%) ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดตลาดที่ระดับ 76.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ (+1.17%) (+)    8. ราคาทองคำ  วานนี้ปิดบวกวันที่ 2 หลังจากการคาดการณ์ว่าจะได้รับเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน ETF โดยราคาทองคำที่ตลาด Comex ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดตลาดที่ระดับ 1,104.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.80 ดอลลาร์ (+0.99%) (-)    9. ค่าระวางเรือ  วานนี้ปิดลบวันที่ 14 โดยปิดที่ 3,005 จุด ลดลง 18 จุด (-0.6%) (+)    10. มาบตาพุด  วานนี้ (24 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรีระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เห็นชอบประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และรับฟังความคิดเห็น โดยจะอยู่ภายใต้ประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะแก้ปัญหาความไม่ชัดเจนการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดในขณะนี้ (+)    11. เศรษฐกิจ  วานนี้ (24 ธ.ค.) รองนายกรัฐมนตรีเผยว่าในขณะนี้รัฐบาลได้กำหนดงบประมาณในโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” รอบสองที่จะใช้ในปี 53 แล้ว วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โดยให้ทุกหน่วยงานที่ได้รับจัดสรร เร่งลงนามสัญญาในโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 8 เม.ย. 53 นี้ ในขณะที่งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งรอบแรก วงเงิน 2 แสนล้านบาทที่สิ้นสุดในวันที่ 24 ธ.ค. นี้ได้เบิกจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 1.3 แสนล้านบาท (-)    12. ตลาดหุ้นภูมิภาค  ช่วงนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคปิดทำการเนื่องจากวันคริสต์มาส โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ หยุด 24-28 ธ.ค. และยุโรปส่วนใหญ่หยุด 24-25 ธ.ค. ส่วนเกาหลีใต้ มาเลเซีย สิ่งคโปร์ ฮ่องกง หยุด 25 ธ.ค. (+)    13. หุ้นปันผล  ทาง KKS คาดการณ์จ่ายปันผลของผลประกอบการ 2H52ที่คาดหมายผลตอบแทนเงินปันผลระดับ 3-9% ซึ่งเป็นผลมาจากผลประกอบการในครึ่งปีหลัง (2H52) และผลประกอบการทั้งปีของปี 52 เช่น KTB,ASP,BLS,PHATRA,BAT-3K,TPC,AP,LPN,SPALI,MK,TOP,BCP-DR1,GRAMMY,MCOT,HANA,DELTA, ADVANC และ TKT

เปิดอ่าน5
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก รับ Window Dressing     แนวโน้มตลาดวันนี้ : การดีดขึ้นต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ยังคงเป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการลงทุนวันนี้ แม้ว่านักลงทุนบางกลุ่มจะทยอยขายทำกำไรก่อนวันหยุดช่วงเทศกาล หรือขายทำกำไรรับข่าวกรณีมาบตาพุด อย่างไรก็ดีตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ดีขึ้นในช่วงปลายปี รวมทั้งการทำ Window Dressing จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญในช่วงนี้ ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้มีแนวโน้มผันผวนแคบๆ จากแรงซื้อของเม็ดเงินจาก LTF และ RMF สลับด้วยแรงขายทำกำไรระยะสั้นของ Day Trader แนวรับ: 722-725            แนวต้าน : 732-735กลยุทธ์ : รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก ช่วงราคาอ่อนตัว     แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะมีแนวโน้มผันผวนบ้างในระยะสั้น แต่แนวโน้มการผลักดันราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า และสินค้าโภคภัณฑ์ช่วงสิ้นปี ของบรรดา Hedge Fund จะช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีได้พอๆ กับความคืบหน้าเชิงบวกจากกรณีมาบตาพุด จึงสามารถรอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มดังกล่าวช่วงราคาอ่อนตัวลง รวมทั้งกลุ่มหลักอื่นเช่นกัน ระยะสั้น : ขึ้นขายก่อน รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ช่วงราคาอ่อนตัว ระยะยาว : ถือต่อ และทยอยซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มหลัก ที่แนวรับ จับข่าวมาเก็งกำไร       +     TISCO คาดปี 2553 สินเชื่อมีแววทะลุเป้า 15% ชูกลยุทธ์ทั้งรายได้หลักจากสินเชื่อเช่าซื้อ และเล็งขยายฐานสินเชื่อรายย่อย SME พ่วงแผนซื้อกิจการ ดันพอร์ตโต ส่วนสินเชื่อรถยนต์มองโตไม่ต่ำกว่า 10% ความเห็น: การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า สนับสนุนทั้งการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ SME ลง อีกทั้งบริษัทมีแนวโน้มรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายเข้ามามากขึ้น คาดว่า ROE ในปีหน้าจะอยู่ในระดับสูงสุดของกลุ่มธนาคาร  แนะนำเก็งกำไร TISCO เมื่อราคาอ่อนตัว ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน     ปัจจัยในประเทศ +    สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.52 ที่ระดับ 104.7 เพิ่มขึ้นจาก 104.3 ในเดือนต.ค.52 โดยมีค่าเกิน 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 43 เดือน โดยมีปัจจัยสำคัญจากคำสั่งซื้อที่สูงขึ้น นับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า +    ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย คาดการณ์เศรษฐกิจปี 53  ขยายตัวเป็นบวก 3.2% จากการส่งออก และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น โดยคาดว่า ไตรมาส 1/53 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2-3% ไตรมาส 2 เติบโต 3-4% ไตรมาส 3 เติบโต 2.5-3% และไตรมาส 4 เติบโต 3.5-4.5% ปัจจัยต่างประเทศ +    ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 53.66 จุด ปิดที่ 10,520.10 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 51 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงขยายตัวเกินคาด     +    ราคาน้ำมันดิบ (WTI) ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลล่าร์ ปิดที่ 78.05 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากดอลล่าร์ที่อ่อนค่าลง ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเชิงบวกและตัวเลขสต็อกน้ำมันที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว    

เปิดอ่าน4
บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52 กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อเก็งกำไรต่อแนวโน้มตลาดวันนี้ : ผันผวนกรอบแคบ คาดตลาดวันนี้จะเงียบเหงาลงอีก จากการหยุดทำการของตลาดหุ้นหลายแห่งเนื่อง ในเทศกาลคริสต์มาส ดัชนีน่าจะผันผวนในกรอบแคบ อิงทางบวกจากปัจจัยหนุนทั้งใน ส่วนความคืบหน้าเป็นลำดับของกรณีมาบตาพุด และการฟื้นตัวต่อเนื่องของดัชนี ดาวโจนส์-ราคาน้ำมัน รวมถึงการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ความกังวลที่ อาจถ่วงตลาดไม่ให้ขยับไปได้ไกลอาจเป็นเรื่องการ ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 27-28 ธ.ค. แต่ทางฝ่ายมองว่าน่าจะอยู่ในการควบคุมดูแลของรัฐบาลได้ อีกทั้งแรงซื้อ ของกองทุนฯ และการทำราคาปิดบัญชีในช่วงปลายปียังจะเป็นตัวประคองตลาด ได้เป็นอย่างดี กลยุทธ์การลงทุน: เน้นการซื้อเก็งกำไรเพื่อรอขายช่วงต้นปีหน้า แนวต้าน : 736-744    แนวรับ : 723-719ปัจจัยเด่นวันนี้  +    ดาวโจนส์ปิดบวก 53.66 จุดในวันพฤหัสบดี หลังข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนผู้ขอรับ สวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัวขึ้นนั้น แสดงว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังกระเตื้องขึ้น+    ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ทะยานขึ้น 1.38 ดอลลาร์ มาที่ 78.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อการ ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากการร่วงลง ของดอลลาร์ และจากตัวเลขสต็อกน้ำมันที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว+    บอร์ดสิ่งแวดล้อมฯ เห็นชอบแผน EIA และ HIA นายกฯ คาดมี 5-6 โครงการมาบตาพุดที่สามารถดำเนินการต่อได้ +    สมาคมนักวิเคราะห์เพิ่มเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 52 เป็น 726 จากเดิม 674 จุด ส่วนปี 53 เพิ่มเป็น 812 จากเดิม 764 จุด +    สภาอุตสาหกรรมเผยดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. 52 พุ่งแตะ 104.7 เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค. ที่ 104.3  +    สภาอุตสาหกรรมเผยส่งออกรถยนต์เดือน พ.ย. 52 อยู่ที่ 58,665 คัน ลดลง 1.41% MoM ส่วนยอดขายในประเทศอยู่ที่ 57,031 คัน เติบโต 7.06% MoM 0    ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส อาทิ สหรัฐ, ฮ่องกง, เกาหลี, มาเลเซีย, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์               

เปิดอ่าน4
บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52 กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อเก็งกำไรต่อแนวโน้มตลาดวันนี้ : ผันผวนกรอบแคบ คาดตลาดวันนี้จะเงียบเหงาลงอีก จากการหยุดทำการของตลาดหุ้นหลายแห่งเนื่อง ในเทศกาลคริสต์มาส ดัชนีน่าจะผันผวนในกรอบแคบ อิงทางบวกจากปัจจัยหนุนทั้งใน ส่วนความคืบหน้าเป็นลำดับของกรณีมาบตาพุด และการฟื้นตัวต่อเนื่องของดัชนี ดาวโจนส์-ราคาน้ำมัน รวมถึงการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ความกังวลที่ อาจถ่วงตลาดไม่ให้ขยับไปได้ไกลอาจเป็นเรื่องการ ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 27-28 ธ.ค. แต่ทางฝ่ายมองว่าน่าจะอยู่ในการควบคุมดูแลของรัฐบาลได้ อีกทั้งแรงซื้อ ของกองทุนฯ และการทำราคาปิดบัญชีในช่วงปลายปียังจะเป็นตัวประคองตลาด ได้เป็นอย่างดี กลยุทธ์การลงทุน: เน้นการซื้อเก็งกำไรเพื่อรอขายช่วงต้นปีหน้า แนวต้าน : 736-744    แนวรับ : 723-719ปัจจัยเด่นวันนี้  +    ดาวโจนส์ปิดบวก 53.66 จุดในวันพฤหัสบดี หลังข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนผู้ขอรับ สวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัวขึ้นนั้น แสดงว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังกระเตื้องขึ้น+    ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ทะยานขึ้น 1.38 ดอลลาร์ มาที่ 78.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อการ ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากการร่วงลง ของดอลลาร์ และจากตัวเลขสต็อกน้ำมันที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว+    บอร์ดสิ่งแวดล้อมฯ เห็นชอบแผน EIA และ HIA นายกฯ คาดมี 5-6 โครงการมาบตาพุดที่สามารถดำเนินการต่อได้ +    สมาคมนักวิเคราะห์เพิ่มเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 52 เป็น 726 จากเดิม 674 จุด ส่วนปี 53 เพิ่มเป็น 812 จากเดิม 764 จุด +    สภาอุตสาหกรรมเผยดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. 52 พุ่งแตะ 104.7 เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค. ที่ 104.3  +    สภาอุตสาหกรรมเผยส่งออกรถยนต์เดือน พ.ย. 52 อยู่ที่ 58,665 คัน ลดลง 1.41% MoM ส่วนยอดขายในประเทศอยู่ที่ 57,031 คัน เติบโต 7.06% MoM 0    ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส อาทิ สหรัฐ, ฮ่องกง, เกาหลี, มาเลเซีย, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์               

เปิดอ่าน3
บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52 กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อเก็งกำไรต่อแนวโน้มตลาดวันนี้ : ผันผวนกรอบแคบ คาดตลาดวันนี้จะเงียบเหงาลงอีก จากการหยุดทำการของตลาดหุ้นหลายแห่งเนื่อง ในเทศกาลคริสต์มาส ดัชนีน่าจะผันผวนในกรอบแคบ อิงทางบวกจากปัจจัยหนุนทั้งใน ส่วนความคืบหน้าเป็นลำดับของกรณีมาบตาพุด และการฟื้นตัวต่อเนื่องของดัชนี ดาวโจนส์-ราคาน้ำมัน รวมถึงการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ความกังวลที่ อาจถ่วงตลาดไม่ให้ขยับไปได้ไกลอาจเป็นเรื่องการ ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 27-28 ธ.ค. แต่ทางฝ่ายมองว่าน่าจะอยู่ในการควบคุมดูแลของรัฐบาลได้ อีกทั้งแรงซื้อ ของกองทุนฯ และการทำราคาปิดบัญชีในช่วงปลายปียังจะเป็นตัวประคองตลาด ได้เป็นอย่างดี กลยุทธ์การลงทุน: เน้นการซื้อเก็งกำไรเพื่อรอขายช่วงต้นปีหน้า แนวต้าน : 736-744    แนวรับ : 723-719ปัจจัยเด่นวันนี้  +    ดาวโจนส์ปิดบวก 53.66 จุดในวันพฤหัสบดี หลังข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนผู้ขอรับ สวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัวขึ้นนั้น แสดงว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังกระเตื้องขึ้น+    ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ทะยานขึ้น 1.38 ดอลลาร์ มาที่ 78.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อการ ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากการร่วงลง ของดอลลาร์ และจากตัวเลขสต็อกน้ำมันที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว+    บอร์ดสิ่งแวดล้อมฯ เห็นชอบแผน EIA และ HIA นายกฯ คาดมี 5-6 โครงการมาบตาพุดที่สามารถดำเนินการต่อได้ +    สมาคมนักวิเคราะห์เพิ่มเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 52 เป็น 726 จากเดิม 674 จุด ส่วนปี 53 เพิ่มเป็น 812 จากเดิม 764 จุด +    สภาอุตสาหกรรมเผยดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. 52 พุ่งแตะ 104.7 เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค. ที่ 104.3  +    สภาอุตสาหกรรมเผยส่งออกรถยนต์เดือน พ.ย. 52 อยู่ที่ 58,665 คัน ลดลง 1.41% MoM ส่วนยอดขายในประเทศอยู่ที่ 57,031 คัน เติบโต 7.06% MoM 0    ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส อาทิ สหรัฐ, ฮ่องกง, เกาหลี, มาเลเซีย, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์               

เปิดอ่าน4
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52ฟื้นตัวได้จากข่าวดีในประเทศ วันนี้มีข่าวดีเกี่ยวกับความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหามาบตาพุดหลังรัฐบาลออกมาพร้อมระบุว่ามี 5-6 โครงการมีโอกาสเดินหน้าต่อเพราะได้ใบอนุญาตก่อน รธน.ปี 5 นอกจากนี้ยังมีข่าวชาวบ้านมาบตาพุด 10 รายจาก 43 ราย ที่เคยยื่นเรื่องฟ้องจนเป็นเหตุให้ศาลปกครองสั่งระงับ 65 โครงการ กลับลำยื่นขอถอนฟ้องคดีต่อศาลปกครองศาลเพราะเชื่อว่าหากถอนฟ้องจะทำให้ชุมชนเจริญขึ้นและมีงานทำ หลังสภาวะเศรษฐกิจในชุมชนซบเซา เชื่อ SET จะปิดได้แถว 730-740 จุดในช่วงสิ้นปีนี้และสามารถปรับขึ้นต่อไปทดสอบระดับ 770-780 จุดได้ในช่วงกลางไตรมาส 1/53 ภาพตลาดวันนี้: นักลงทุนสถาบันยังคงซื้อต่อเนื่องช่วยหนุนให้ SET ไม่ให้ปรับตัวลงมาก แต่กลับ Short Futures มากขึ้น ในขณะแรงซื้อขายจากต่างชาติดูจะไม่ส่งผลกระทบมากนักเพราะปริมาณการซื้อขายของต่างชาติลดลงเนื่องเป็นช่วงวันหยุดคริสต์มาส คาด SET วันนี้จะฟื้นตัวเล็กน้อยด้วยปริมาณซื้อขายเบาบาง กลยุทธ์การลงทุน: เราแนะนำซื้อ PTTEP เนื่องจากเรามีมุมมองเป็นบวกกับราคาน้ำมันในอนาคตและแนะนำซื้อ TOP จากค่าการกลั่นที่กลับมาดีอีกครั้ง รวมถึงหุ้นที่หากมองในภาพใหญ่อาจมีโอกาสรับข่าวดีจากความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหามาบตาพุด ได้แก่ PTTAR, PTTCH, PTT แ ละ SCC กรอบวันนี้ แนวรับ 720 แนวต้าน 733ปัจจัยวันนี้ ( + ) มาบตาพุด: นายกฯ คาดจะมีอีก 5-6 โครงการในมาบตาพุดสามารถดำเนินการต่อได้เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้รับใบอนุญาตก่อนรัฐธรรมนูญปี 2550 ด้าน PTTAR เผยว่าโครงการของกลุ่ม PTT มี 3 โครงการที่ได้ EIA ก่อนรัฐธรรมนูญปี 2550 ประกอบไปด้วย โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 โครงการขยายท่าเทียบเรือ และโครงการผลิตสารเอทานอลเอมีน ล่าสุดการประชุมวานนี้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรฯ ในเรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และผลกระทบสุขภาพ (HIA) ตามที่ คณะกรรมการ 4 ฝ่ายเสนอ ( + ) ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมสูงสุดรอบ 43 เดือน: ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนพ.ย. 52 อยู่ที่ 104.7 ในขณะดัชนีคาดการณ์สามเดือนข้างหน้าอยู่ที่ 118.3 เพิ่มจากเดือนก่อนหน้าที่ 107.8 จุด ส่งสัญญาณบวกว่าผู้ประกอบการส่วนมากคาดว่ายอดขายรวม การผลิต และผลประกอบการในอนาคตจะปรับตัวดีขึ้น ( + ) STEC: คาดเซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญา 2 ได้ในวันที่ 29 ธ.ค. 52 นี้ โดยเรายังคงแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 7.8 บาท เนื่องจากบริษัทยังคงเป็นตัวเก็งในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่คาดว่าจะเริ่มประกวดราคาในช่วงต้นปี 2553 เช่นเดิมรวมถึง STEC มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งและมีภาระหนี้ต่ำเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น และมีโอกาสกลับมาจ่ายเงินปันผลได้อีกครั้งหลังงดจ่ายเงินปันผลติดต่อกัน 3 ปี เนื่องจากบริษัทล้างขาดทุนสะสมแล้วคาดจ่ายเงินปันผล 0.12 บาท/หุ้น ( + ) KSL: คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 20 บาท จากผลประกอบการที่คาดว่าจะเติบโตได้ดี 49% ในปีผลผลิต FY53 จากราคาน้ำตาลที่ยังคงเป็นขาขึ้น ประกอบการโรงงานใหม่เริ่มทำการผลิต ( - ) GSTEEL: บริษัทฯ รายงานว่าจะแจ้งความคืบหน้าในการหาพันธมิตรใหม่และเงินกู้แบงก์เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้ได้ในวันที่ 31 มี.ค.53 จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถสรุปได้ทันในสิ้นปีนี้ คงคำแนะนำ”ขาย”               

เปิดอ่าน4
บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52SET วานนี้ปิดลบเล็กน้อย หลังมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในกลุ่มพลังงานและแบงก์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง SET ปิดลบเล็กน้อย โดยดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 735.20 จุดในช่วงเช้า แต่ในภาคบ่ายมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน และแบงก์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมา 2 วัน ในขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาในตลาด ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 727.21 จุด ลดลง 2.59 จุด (-0.35%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 12,015.26 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวนไม่มากนัก 64.80 ล้านบาทตารางแสดงยอดการลงทุนของต่างชาติปี 2552 Aug-09    Sep-09    Oct-09    Nov -09    Dec -09    Total -092,996    22,994    654    -13,135    -3,910    38,835ที่มา : รวบรวมโดย KKSแนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในช่วง 725-735 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัวหลังจากเข้าใกล้วันหยุดปลายสัปดาห์ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวนในกรอบข้างต้นได้ ด้านสถาบันซื้อสุทธิ +484 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ -64 ล้านบาท  แสดงถึงตลาดหุ้นจะเป็นแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน แต่มีน้ำหนักทางบวกต่อเนื่องได้หลังจากตลาดสามารถยืนเหนือระดับ 725 จุด ทั้งนี้การแกว่งตัวในกรอบ 725-735 จุดจะใช้เวลา 1-2 วัน โดยตลาดยังเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มตลาดหุ้นภูมิภาค โดยเมื่อวานเป็นการขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากที่นักลงทุนคาดหวังว่า 19 โครงการที่มาบตาพุด มีโอกาสกลับมาดำเนินกิจการได้ โดยโครงการจะยืนขอทบทวนต่อศาลปกครองอีกครั้งหนึ่ง สำหรับกลยุทธ์ในภาพรวมในช่วงนี้ ในระยะสั้นตลาดหุ้นยังแกว่งตัวในกรอบ 725-735 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรได้ถ้าตลาดยืนเหนือ 725 จุด กรณีต่ำกว่า 720 จุดจึงจะเป็นสัญญาณขาย สำหรับสัดส่วนการลงทุนในช่วงนี้ให้เป็นถือหุ้น 75% ถือเงินสด 25%ปัจจัยที่ส่งผลต่อหุ้นวันนี้ : (+)    1. ตลาดหุ้นสหรัฐ  วานนี้ปิดบวกเป็นวันที่ 5 หลังข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัวขึ้น แสดงว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังจะกระเตื้องขึ้น โดยระหว่างวันดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดของวัน 5.44 จุด จากระดับเปิด และดัชนีปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดของวัน 54.94 จุด จากระดับเปิด ก่อนที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดที่ระดับ 10,520.10 จุด เพิ่มขึ้น 53.66 จุด (+0.51%) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในกรอบ 0.05-0.12% หลังกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และธนาคารปรับขึ้น (-)    2. นักลงทุนต่างประเทศ  วานนี้นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวน 64.80 ล้านบาท ส่งผลให้ปี 52 นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิจำนวน 38,835 ล้านบาท (-)    3. บัญชีบริษัทหลักทรัพย์  วานนี้บริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิจำนวน 51.95 ล้านบาท (+)    4. LTF-RMF  ในช่วงเดือน ธ.ค. จะมีการเข้าลงทุนในกองทุน LTF/RMF ทำให้สถาบันยังมีแนวโน้มของการซื้อสุทธิต่อเนื่อง เมื่อวานนี้สถาบันซื้อสุทธิ 484.16 ล้านบาท ทั้งนี้ในเดือน ธ.ค. สถาบันซื้อสุทธิจำนวน 9,572.66 ล้านบาท (-)    5. ค่าเงินบาท On shore  วานนี้เงินบาทอ่อนค่าและเคลื่อนไหวในกรอบ 33.28-33.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเช้านี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.32-33.36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (+)    6. ดัชนีค่าเงินดอลลาร์  วานนี้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเล็กน้อยและปิดที่ระดับ 77.734 จุด ลดลง 0.163 จุด (-0.21%) สำหรับเช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 77.724-77.753 จุด (+)    7. ราคาน้ำมัน  วานนี้ปิดบวกวันที่ 3 หลังนักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการร่วงลงของดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันดิบตลาด Nymex ปิดตลาดที่ระดับ 78.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์ (+1.8%) ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดตลาดที่ระดับ 76.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ (+1.17%) (+)    8. ราคาทองคำ  วานนี้ปิดบวกวันที่ 2 หลังจากการคาดการณ์ว่าจะได้รับเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน ETF โดยราคาทองคำที่ตลาด Comex ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดตลาดที่ระดับ 1,104.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.80 ดอลลาร์ (+0.99%) (-)    9. ค่าระวางเรือ  วานนี้ปิดลบวันที่ 14 โดยปิดที่ 3,005 จุด ลดลง 18 จุด (-0.6%) (+)    10. มาบตาพุด  วานนี้ (24 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรีระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เห็นชอบประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และรับฟังความคิดเห็น โดยจะอยู่ภายใต้ประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะแก้ปัญหาความไม่ชัดเจนการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดในขณะนี้ (+)    11. เศรษฐกิจ  วานนี้ (24 ธ.ค.) รองนายกรัฐมนตรีเผยว่าในขณะนี้รัฐบาลได้กำหนดงบประมาณในโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” รอบสองที่จะใช้ในปี 53 แล้ว วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โดยให้ทุกหน่วยงานที่ได้รับจัดสรร เร่งลงนามสัญญาในโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 8 เม.ย. 53 นี้ ในขณะที่งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งรอบแรก วงเงิน 2 แสนล้านบาทที่สิ้นสุดในวันที่ 24 ธ.ค. นี้ได้เบิกจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 1.3 แสนล้านบาท (-)    12. ตลาดหุ้นภูมิภาค  ช่วงนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคปิดทำการเนื่องจากวันคริสต์มาส โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ หยุด 24-28 ธ.ค. และยุโรปส่วนใหญ่หยุด 24-25 ธ.ค. ส่วนเกาหลีใต้ มาเลเซีย สิ่งคโปร์ ฮ่องกง หยุด 25 ธ.ค. (+)    13. หุ้นปันผล  ทาง KKS คาดการณ์จ่ายปันผลของผลประกอบการ 2H52ที่คาดหมายผลตอบแทนเงินปันผลระดับ 3-9% ซึ่งเป็นผลมาจากผลประกอบการในครึ่งปีหลัง (2H52) และผลประกอบการทั้งปีของปี 52 เช่น KTB,ASP,BLS,PHATRA,BAT-3K,TPC,AP,LPN,SPALI,MK,TOP,BCP-DR1,GRAMMY,MCOT,HANA,DELTA, ADVANC และ TKT

เปิดอ่าน4
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก รับ Window Dressing     แนวโน้มตลาดวันนี้ : การดีดขึ้นต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ยังคงเป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการลงทุนวันนี้ แม้ว่านักลงทุนบางกลุ่มจะทยอยขายทำกำไรก่อนวันหยุดช่วงเทศกาล หรือขายทำกำไรรับข่าวกรณีมาบตาพุด อย่างไรก็ดีตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ดีขึ้นในช่วงปลายปี รวมทั้งการทำ Window Dressing จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญในช่วงนี้ ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้มีแนวโน้มผันผวนแคบๆ จากแรงซื้อของเม็ดเงินจาก LTF และ RMF สลับด้วยแรงขายทำกำไรระยะสั้นของ Day Trader แนวรับ: 722-725            แนวต้าน : 732-735กลยุทธ์ : รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก ช่วงราคาอ่อนตัว     แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะมีแนวโน้มผันผวนบ้างในระยะสั้น แต่แนวโน้มการผลักดันราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า และสินค้าโภคภัณฑ์ช่วงสิ้นปี ของบรรดา Hedge Fund จะช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีได้พอๆ กับความคืบหน้าเชิงบวกจากกรณีมาบตาพุด จึงสามารถรอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มดังกล่าวช่วงราคาอ่อนตัวลง รวมทั้งกลุ่มหลักอื่นเช่นกัน ระยะสั้น : ขึ้นขายก่อน รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ช่วงราคาอ่อนตัว ระยะยาว : ถือต่อ และทยอยซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มหลัก ที่แนวรับ จับข่าวมาเก็งกำไร       +     TISCO คาดปี 2553 สินเชื่อมีแววทะลุเป้า 15% ชูกลยุทธ์ทั้งรายได้หลักจากสินเชื่อเช่าซื้อ และเล็งขยายฐานสินเชื่อรายย่อย SME พ่วงแผนซื้อกิจการ ดันพอร์ตโต ส่วนสินเชื่อรถยนต์มองโตไม่ต่ำกว่า 10% ความเห็น: การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า สนับสนุนทั้งการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ SME ลง อีกทั้งบริษัทมีแนวโน้มรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายเข้ามามากขึ้น คาดว่า ROE ในปีหน้าจะอยู่ในระดับสูงสุดของกลุ่มธนาคาร  แนะนำเก็งกำไร TISCO เมื่อราคาอ่อนตัว ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน     ปัจจัยในประเทศ +    สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.52 ที่ระดับ 104.7 เพิ่มขึ้นจาก 104.3 ในเดือนต.ค.52 โดยมีค่าเกิน 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 43 เดือน โดยมีปัจจัยสำคัญจากคำสั่งซื้อที่สูงขึ้น นับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า +    ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย คาดการณ์เศรษฐกิจปี 53  ขยายตัวเป็นบวก 3.2% จากการส่งออก และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น โดยคาดว่า ไตรมาส 1/53 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2-3% ไตรมาส 2 เติบโต 3-4% ไตรมาส 3 เติบโต 2.5-3% และไตรมาส 4 เติบโต 3.5-4.5% ปัจจัยต่างประเทศ +    ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 53.66 จุด ปิดที่ 10,520.10 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 51 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงขยายตัวเกินคาด     +    ราคาน้ำมันดิบ (WTI) ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลล่าร์ ปิดที่ 78.05 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากดอลล่าร์ที่อ่อนค่าลง ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเชิงบวกและตัวเลขสต็อกน้ำมันที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว    

เปิดอ่าน5
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก รับ Window Dressing     แนวโน้มตลาดวันนี้ : การดีดขึ้นต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ยังคงเป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการลงทุนวันนี้ แม้ว่านักลงทุนบางกลุ่มจะทยอยขายทำกำไรก่อนวันหยุดช่วงเทศกาล หรือขายทำกำไรรับข่าวกรณีมาบตาพุด อย่างไรก็ดีตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ดีขึ้นในช่วงปลายปี รวมทั้งการทำ Window Dressing จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญในช่วงนี้ ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้มีแนวโน้มผันผวนแคบๆ จากแรงซื้อของเม็ดเงินจาก LTF และ RMF สลับด้วยแรงขายทำกำไรระยะสั้นของ Day Trader แนวรับ: 722-725            แนวต้าน : 732-735กลยุทธ์ : รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก ช่วงราคาอ่อนตัว     แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะมีแนวโน้มผันผวนบ้างในระยะสั้น แต่แนวโน้มการผลักดันราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า และสินค้าโภคภัณฑ์ช่วงสิ้นปี ของบรรดา Hedge Fund จะช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีได้พอๆ กับความคืบหน้าเชิงบวกจากกรณีมาบตาพุด จึงสามารถรอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มดังกล่าวช่วงราคาอ่อนตัวลง รวมทั้งกลุ่มหลักอื่นเช่นกัน ระยะสั้น : ขึ้นขายก่อน รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ช่วงราคาอ่อนตัว ระยะยาว : ถือต่อ และทยอยซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มหลัก ที่แนวรับ จับข่าวมาเก็งกำไร       +     TISCO คาดปี 2553 สินเชื่อมีแววทะลุเป้า 15% ชูกลยุทธ์ทั้งรายได้หลักจากสินเชื่อเช่าซื้อ และเล็งขยายฐานสินเชื่อรายย่อย SME พ่วงแผนซื้อกิจการ ดันพอร์ตโต ส่วนสินเชื่อรถยนต์มองโตไม่ต่ำกว่า 10% ความเห็น: การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า สนับสนุนทั้งการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ SME ลง อีกทั้งบริษัทมีแนวโน้มรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายเข้ามามากขึ้น คาดว่า ROE ในปีหน้าจะอยู่ในระดับสูงสุดของกลุ่มธนาคาร  แนะนำเก็งกำไร TISCO เมื่อราคาอ่อนตัว ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน     ปัจจัยในประเทศ +    สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.52 ที่ระดับ 104.7 เพิ่มขึ้นจาก 104.3 ในเดือนต.ค.52 โดยมีค่าเกิน 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 43 เดือน โดยมีปัจจัยสำคัญจากคำสั่งซื้อที่สูงขึ้น นับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า +    ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย คาดการณ์เศรษฐกิจปี 53  ขยายตัวเป็นบวก 3.2% จากการส่งออก และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น โดยคาดว่า ไตรมาส 1/53 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2-3% ไตรมาส 2 เติบโต 3-4% ไตรมาส 3 เติบโต 2.5-3% และไตรมาส 4 เติบโต 3.5-4.5% ปัจจัยต่างประเทศ +    ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 53.66 จุด ปิดที่ 10,520.10 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 51 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงขยายตัวเกินคาด     +    ราคาน้ำมันดิบ (WTI) ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลล่าร์ ปิดที่ 78.05 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากดอลล่าร์ที่อ่อนค่าลง ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเชิงบวกและตัวเลขสต็อกน้ำมันที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว    

เปิดอ่าน2
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52ฟื้นตัวได้จากข่าวดีในประเทศ วันนี้มีข่าวดีเกี่ยวกับความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหามาบตาพุดหลังรัฐบาลออกมาพร้อมระบุว่ามี 5-6 โครงการมีโอกาสเดินหน้าต่อเพราะได้ใบอนุญาตก่อน รธน.ปี 5 นอกจากนี้ยังมีข่าวชาวบ้านมาบตาพุด 10 รายจาก 43 ราย ที่เคยยื่นเรื่องฟ้องจนเป็นเหตุให้ศาลปกครองสั่งระงับ 65 โครงการ กลับลำยื่นขอถอนฟ้องคดีต่อศาลปกครองศาลเพราะเชื่อว่าหากถอนฟ้องจะทำให้ชุมชนเจริญขึ้นและมีงานทำ หลังสภาวะเศรษฐกิจในชุมชนซบเซา เชื่อ SET จะปิดได้แถว 730-740 จุดในช่วงสิ้นปีนี้และสามารถปรับขึ้นต่อไปทดสอบระดับ 770-780 จุดได้ในช่วงกลางไตรมาส 1/53 ภาพตลาดวันนี้: นักลงทุนสถาบันยังคงซื้อต่อเนื่องช่วยหนุนให้ SET ไม่ให้ปรับตัวลงมาก แต่กลับ Short Futures มากขึ้น ในขณะแรงซื้อขายจากต่างชาติดูจะไม่ส่งผลกระทบมากนักเพราะปริมาณการซื้อขายของต่างชาติลดลงเนื่องเป็นช่วงวันหยุดคริสต์มาส คาด SET วันนี้จะฟื้นตัวเล็กน้อยด้วยปริมาณซื้อขายเบาบาง กลยุทธ์การลงทุน: เราแนะนำซื้อ PTTEP เนื่องจากเรามีมุมมองเป็นบวกกับราคาน้ำมันในอนาคตและแนะนำซื้อ TOP จากค่าการกลั่นที่กลับมาดีอีกครั้ง รวมถึงหุ้นที่หากมองในภาพใหญ่อาจมีโอกาสรับข่าวดีจากความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหามาบตาพุด ได้แก่ PTTAR, PTTCH, PTT แ ละ SCC กรอบวันนี้ แนวรับ 720 แนวต้าน 733ปัจจัยวันนี้ ( + ) มาบตาพุด: นายกฯ คาดจะมีอีก 5-6 โครงการในมาบตาพุดสามารถดำเนินการต่อได้เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้รับใบอนุญาตก่อนรัฐธรรมนูญปี 2550 ด้าน PTTAR เผยว่าโครงการของกลุ่ม PTT มี 3 โครงการที่ได้ EIA ก่อนรัฐธรรมนูญปี 2550 ประกอบไปด้วย โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 โครงการขยายท่าเทียบเรือ และโครงการผลิตสารเอทานอลเอมีน ล่าสุดการประชุมวานนี้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรฯ ในเรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และผลกระทบสุขภาพ (HIA) ตามที่ คณะกรรมการ 4 ฝ่ายเสนอ ( + ) ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมสูงสุดรอบ 43 เดือน: ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนพ.ย. 52 อยู่ที่ 104.7 ในขณะดัชนีคาดการณ์สามเดือนข้างหน้าอยู่ที่ 118.3 เพิ่มจากเดือนก่อนหน้าที่ 107.8 จุด ส่งสัญญาณบวกว่าผู้ประกอบการส่วนมากคาดว่ายอดขายรวม การผลิต และผลประกอบการในอนาคตจะปรับตัวดีขึ้น ( + ) STEC: คาดเซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญา 2 ได้ในวันที่ 29 ธ.ค. 52 นี้ โดยเรายังคงแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 7.8 บาท เนื่องจากบริษัทยังคงเป็นตัวเก็งในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่คาดว่าจะเริ่มประกวดราคาในช่วงต้นปี 2553 เช่นเดิมรวมถึง STEC มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งและมีภาระหนี้ต่ำเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น และมีโอกาสกลับมาจ่ายเงินปันผลได้อีกครั้งหลังงดจ่ายเงินปันผลติดต่อกัน 3 ปี เนื่องจากบริษัทล้างขาดทุนสะสมแล้วคาดจ่ายเงินปันผล 0.12 บาท/หุ้น ( + ) KSL: คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 20 บาท จากผลประกอบการที่คาดว่าจะเติบโตได้ดี 49% ในปีผลผลิต FY53 จากราคาน้ำตาลที่ยังคงเป็นขาขึ้น ประกอบการโรงงานใหม่เริ่มทำการผลิต ( - ) GSTEEL: บริษัทฯ รายงานว่าจะแจ้งความคืบหน้าในการหาพันธมิตรใหม่และเงินกู้แบงก์เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้ได้ในวันที่ 31 มี.ค.53 จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถสรุปได้ทันในสิ้นปีนี้ คงคำแนะนำ”ขาย”               

เปิดอ่าน5
บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52SET วานนี้ปิดลบเล็กน้อย หลังมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในกลุ่มพลังงานและแบงก์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง SET ปิดลบเล็กน้อย โดยดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 735.20 จุดในช่วงเช้า แต่ในภาคบ่ายมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน และแบงก์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมา 2 วัน ในขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาในตลาด ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 727.21 จุด ลดลง 2.59 จุด (-0.35%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 12,015.26 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวนไม่มากนัก 64.80 ล้านบาทตารางแสดงยอดการลงทุนของต่างชาติปี 2552 Aug-09    Sep-09    Oct-09    Nov -09    Dec -09    Total -092,996    22,994    654    -13,135    -3,910    38,835ที่มา : รวบรวมโดย KKSแนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในช่วง 725-735 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัวหลังจากเข้าใกล้วันหยุดปลายสัปดาห์ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวนในกรอบข้างต้นได้ ด้านสถาบันซื้อสุทธิ +484 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ -64 ล้านบาท  แสดงถึงตลาดหุ้นจะเป็นแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน แต่มีน้ำหนักทางบวกต่อเนื่องได้หลังจากตลาดสามารถยืนเหนือระดับ 725 จุด ทั้งนี้การแกว่งตัวในกรอบ 725-735 จุดจะใช้เวลา 1-2 วัน โดยตลาดยังเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มตลาดหุ้นภูมิภาค โดยเมื่อวานเป็นการขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากที่นักลงทุนคาดหวังว่า 19 โครงการที่มาบตาพุด มีโอกาสกลับมาดำเนินกิจการได้ โดยโครงการจะยืนขอทบทวนต่อศาลปกครองอีกครั้งหนึ่ง สำหรับกลยุทธ์ในภาพรวมในช่วงนี้ ในระยะสั้นตลาดหุ้นยังแกว่งตัวในกรอบ 725-735 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรได้ถ้าตลาดยืนเหนือ 725 จุด กรณีต่ำกว่า 720 จุดจึงจะเป็นสัญญาณขาย สำหรับสัดส่วนการลงทุนในช่วงนี้ให้เป็นถือหุ้น 75% ถือเงินสด 25%ปัจจัยที่ส่งผลต่อหุ้นวันนี้ : (+)    1. ตลาดหุ้นสหรัฐ  วานนี้ปิดบวกเป็นวันที่ 5 หลังข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัวขึ้น แสดงว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังจะกระเตื้องขึ้น โดยระหว่างวันดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดของวัน 5.44 จุด จากระดับเปิด และดัชนีปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดของวัน 54.94 จุด จากระดับเปิด ก่อนที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดที่ระดับ 10,520.10 จุด เพิ่มขึ้น 53.66 จุด (+0.51%) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในกรอบ 0.05-0.12% หลังกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และธนาคารปรับขึ้น (-)    2. นักลงทุนต่างประเทศ  วานนี้นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวน 64.80 ล้านบาท ส่งผลให้ปี 52 นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิจำนวน 38,835 ล้านบาท (-)    3. บัญชีบริษัทหลักทรัพย์  วานนี้บริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิจำนวน 51.95 ล้านบาท (+)    4. LTF-RMF  ในช่วงเดือน ธ.ค. จะมีการเข้าลงทุนในกองทุน LTF/RMF ทำให้สถาบันยังมีแนวโน้มของการซื้อสุทธิต่อเนื่อง เมื่อวานนี้สถาบันซื้อสุทธิ 484.16 ล้านบาท ทั้งนี้ในเดือน ธ.ค. สถาบันซื้อสุทธิจำนวน 9,572.66 ล้านบาท (-)    5. ค่าเงินบาท On shore  วานนี้เงินบาทอ่อนค่าและเคลื่อนไหวในกรอบ 33.28-33.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเช้านี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.32-33.36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (+)    6. ดัชนีค่าเงินดอลลาร์  วานนี้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเล็กน้อยและปิดที่ระดับ 77.734 จุด ลดลง 0.163 จุด (-0.21%) สำหรับเช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 77.724-77.753 จุด (+)    7. ราคาน้ำมัน  วานนี้ปิดบวกวันที่ 3 หลังนักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการร่วงลงของดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันดิบตลาด Nymex ปิดตลาดที่ระดับ 78.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์ (+1.8%) ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดตลาดที่ระดับ 76.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ (+1.17%) (+)    8. ราคาทองคำ  วานนี้ปิดบวกวันที่ 2 หลังจากการคาดการณ์ว่าจะได้รับเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน ETF โดยราคาทองคำที่ตลาด Comex ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดตลาดที่ระดับ 1,104.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.80 ดอลลาร์ (+0.99%) (-)    9. ค่าระวางเรือ  วานนี้ปิดลบวันที่ 14 โดยปิดที่ 3,005 จุด ลดลง 18 จุด (-0.6%) (+)    10. มาบตาพุด  วานนี้ (24 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรีระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เห็นชอบประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และรับฟังความคิดเห็น โดยจะอยู่ภายใต้ประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะแก้ปัญหาความไม่ชัดเจนการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดในขณะนี้ (+)    11. เศรษฐกิจ  วานนี้ (24 ธ.ค.) รองนายกรัฐมนตรีเผยว่าในขณะนี้รัฐบาลได้กำหนดงบประมาณในโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” รอบสองที่จะใช้ในปี 53 แล้ว วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โดยให้ทุกหน่วยงานที่ได้รับจัดสรร เร่งลงนามสัญญาในโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 8 เม.ย. 53 นี้ ในขณะที่งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งรอบแรก วงเงิน 2 แสนล้านบาทที่สิ้นสุดในวันที่ 24 ธ.ค. นี้ได้เบิกจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 1.3 แสนล้านบาท (-)    12. ตลาดหุ้นภูมิภาค  ช่วงนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคปิดทำการเนื่องจากวันคริสต์มาส โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ หยุด 24-28 ธ.ค. และยุโรปส่วนใหญ่หยุด 24-25 ธ.ค. ส่วนเกาหลีใต้ มาเลเซีย สิ่งคโปร์ ฮ่องกง หยุด 25 ธ.ค. (+)    13. หุ้นปันผล  ทาง KKS คาดการณ์จ่ายปันผลของผลประกอบการ 2H52ที่คาดหมายผลตอบแทนเงินปันผลระดับ 3-9% ซึ่งเป็นผลมาจากผลประกอบการในครึ่งปีหลัง (2H52) และผลประกอบการทั้งปีของปี 52 เช่น KTB,ASP,BLS,PHATRA,BAT-3K,TPC,AP,LPN,SPALI,MK,TOP,BCP-DR1,GRAMMY,MCOT,HANA,DELTA, ADVANC และ TKT

เปิดอ่าน7
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก รับ Window Dressing     แนวโน้มตลาดวันนี้ : การดีดขึ้นต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ยังคงเป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการลงทุนวันนี้ แม้ว่านักลงทุนบางกลุ่มจะทยอยขายทำกำไรก่อนวันหยุดช่วงเทศกาล หรือขายทำกำไรรับข่าวกรณีมาบตาพุด อย่างไรก็ดีตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ดีขึ้นในช่วงปลายปี รวมทั้งการทำ Window Dressing จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญในช่วงนี้ ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้มีแนวโน้มผันผวนแคบๆ จากแรงซื้อของเม็ดเงินจาก LTF และ RMF สลับด้วยแรงขายทำกำไรระยะสั้นของ Day Trader แนวรับ: 722-725            แนวต้าน : 732-735กลยุทธ์ : รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก ช่วงราคาอ่อนตัว     แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะมีแนวโน้มผันผวนบ้างในระยะสั้น แต่แนวโน้มการผลักดันราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า และสินค้าโภคภัณฑ์ช่วงสิ้นปี ของบรรดา Hedge Fund จะช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีได้พอๆ กับความคืบหน้าเชิงบวกจากกรณีมาบตาพุด จึงสามารถรอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มดังกล่าวช่วงราคาอ่อนตัวลง รวมทั้งกลุ่มหลักอื่นเช่นกัน ระยะสั้น : ขึ้นขายก่อน รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ช่วงราคาอ่อนตัว ระยะยาว : ถือต่อ และทยอยซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มหลัก ที่แนวรับ จับข่าวมาเก็งกำไร       +     TISCO คาดปี 2553 สินเชื่อมีแววทะลุเป้า 15% ชูกลยุทธ์ทั้งรายได้หลักจากสินเชื่อเช่าซื้อ และเล็งขยายฐานสินเชื่อรายย่อย SME พ่วงแผนซื้อกิจการ ดันพอร์ตโต ส่วนสินเชื่อรถยนต์มองโตไม่ต่ำกว่า 10% ความเห็น: การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า สนับสนุนทั้งการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ SME ลง อีกทั้งบริษัทมีแนวโน้มรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายเข้ามามากขึ้น คาดว่า ROE ในปีหน้าจะอยู่ในระดับสูงสุดของกลุ่มธนาคาร  แนะนำเก็งกำไร TISCO เมื่อราคาอ่อนตัว ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน     ปัจจัยในประเทศ +    สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.52 ที่ระดับ 104.7 เพิ่มขึ้นจาก 104.3 ในเดือนต.ค.52 โดยมีค่าเกิน 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 43 เดือน โดยมีปัจจัยสำคัญจากคำสั่งซื้อที่สูงขึ้น นับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า +    ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย คาดการณ์เศรษฐกิจปี 53  ขยายตัวเป็นบวก 3.2% จากการส่งออก และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น โดยคาดว่า ไตรมาส 1/53 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2-3% ไตรมาส 2 เติบโต 3-4% ไตรมาส 3 เติบโต 2.5-3% และไตรมาส 4 เติบโต 3.5-4.5% ปัจจัยต่างประเทศ +    ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 53.66 จุด ปิดที่ 10,520.10 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 51 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงขยายตัวเกินคาด     +    ราคาน้ำมันดิบ (WTI) ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลล่าร์ ปิดที่ 78.05 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากดอลล่าร์ที่อ่อนค่าลง ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเชิงบวกและตัวเลขสต็อกน้ำมันที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว    

เปิดอ่าน4
บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.เกียรตินาคิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52SET วานนี้ปิดลบเล็กน้อย หลังมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในกลุ่มพลังงานและแบงก์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง SET ปิดลบเล็กน้อย โดยดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 735.20 จุดในช่วงเช้า แต่ในภาคบ่ายมีแรงเทขายทำกำไรออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน และแบงก์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมา 2 วัน ในขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาในตลาด ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 727.21 จุด ลดลง 2.59 จุด (-0.35%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 12,015.26 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวนไม่มากนัก 64.80 ล้านบาทตารางแสดงยอดการลงทุนของต่างชาติปี 2552 Aug-09    Sep-09    Oct-09    Nov -09    Dec -09    Total -092,996    22,994    654    -13,135    -3,910    38,835ที่มา : รวบรวมโดย KKSแนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในช่วง 725-735 จุด เป็นแนวโน้มแกว่งตัวหลังจากเข้าใกล้วันหยุดปลายสัปดาห์ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวนในกรอบข้างต้นได้ ด้านสถาบันซื้อสุทธิ +484 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ -64 ล้านบาท  แสดงถึงตลาดหุ้นจะเป็นแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน แต่มีน้ำหนักทางบวกต่อเนื่องได้หลังจากตลาดสามารถยืนเหนือระดับ 725 จุด ทั้งนี้การแกว่งตัวในกรอบ 725-735 จุดจะใช้เวลา 1-2 วัน โดยตลาดยังเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มตลาดหุ้นภูมิภาค โดยเมื่อวานเป็นการขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากที่นักลงทุนคาดหวังว่า 19 โครงการที่มาบตาพุด มีโอกาสกลับมาดำเนินกิจการได้ โดยโครงการจะยืนขอทบทวนต่อศาลปกครองอีกครั้งหนึ่ง สำหรับกลยุทธ์ในภาพรวมในช่วงนี้ ในระยะสั้นตลาดหุ้นยังแกว่งตัวในกรอบ 725-735 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรได้ถ้าตลาดยืนเหนือ 725 จุด กรณีต่ำกว่า 720 จุดจึงจะเป็นสัญญาณขาย สำหรับสัดส่วนการลงทุนในช่วงนี้ให้เป็นถือหุ้น 75% ถือเงินสด 25%ปัจจัยที่ส่งผลต่อหุ้นวันนี้ : (+)    1. ตลาดหุ้นสหรัฐ  วานนี้ปิดบวกเป็นวันที่ 5 หลังข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัวขึ้น แสดงว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังจะกระเตื้องขึ้น โดยระหว่างวันดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดของวัน 5.44 จุด จากระดับเปิด และดัชนีปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดของวัน 54.94 จุด จากระดับเปิด ก่อนที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดที่ระดับ 10,520.10 จุด เพิ่มขึ้น 53.66 จุด (+0.51%) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในกรอบ 0.05-0.12% หลังกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และธนาคารปรับขึ้น (-)    2. นักลงทุนต่างประเทศ  วานนี้นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิจำนวน 64.80 ล้านบาท ส่งผลให้ปี 52 นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิจำนวน 38,835 ล้านบาท (-)    3. บัญชีบริษัทหลักทรัพย์  วานนี้บริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิจำนวน 51.95 ล้านบาท (+)    4. LTF-RMF  ในช่วงเดือน ธ.ค. จะมีการเข้าลงทุนในกองทุน LTF/RMF ทำให้สถาบันยังมีแนวโน้มของการซื้อสุทธิต่อเนื่อง เมื่อวานนี้สถาบันซื้อสุทธิ 484.16 ล้านบาท ทั้งนี้ในเดือน ธ.ค. สถาบันซื้อสุทธิจำนวน 9,572.66 ล้านบาท (-)    5. ค่าเงินบาท On shore  วานนี้เงินบาทอ่อนค่าและเคลื่อนไหวในกรอบ 33.28-33.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเช้านี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.32-33.36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ (+)    6. ดัชนีค่าเงินดอลลาร์  วานนี้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเล็กน้อยและปิดที่ระดับ 77.734 จุด ลดลง 0.163 จุด (-0.21%) สำหรับเช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 77.724-77.753 จุด (+)    7. ราคาน้ำมัน  วานนี้ปิดบวกวันที่ 3 หลังนักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการร่วงลงของดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันดิบตลาด Nymex ปิดตลาดที่ระดับ 78.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์ (+1.8%) ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดตลาดที่ระดับ 76.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ (+1.17%) (+)    8. ราคาทองคำ  วานนี้ปิดบวกวันที่ 2 หลังจากการคาดการณ์ว่าจะได้รับเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน ETF โดยราคาทองคำที่ตลาด Comex ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดตลาดที่ระดับ 1,104.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.80 ดอลลาร์ (+0.99%) (-)    9. ค่าระวางเรือ  วานนี้ปิดลบวันที่ 14 โดยปิดที่ 3,005 จุด ลดลง 18 จุด (-0.6%) (+)    10. มาบตาพุด  วานนี้ (24 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรีระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เห็นชอบประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และรับฟังความคิดเห็น โดยจะอยู่ภายใต้ประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะแก้ปัญหาความไม่ชัดเจนการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดในขณะนี้ (+)    11. เศรษฐกิจ  วานนี้ (24 ธ.ค.) รองนายกรัฐมนตรีเผยว่าในขณะนี้รัฐบาลได้กำหนดงบประมาณในโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” รอบสองที่จะใช้ในปี 53 แล้ว วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โดยให้ทุกหน่วยงานที่ได้รับจัดสรร เร่งลงนามสัญญาในโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 8 เม.ย. 53 นี้ ในขณะที่งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งรอบแรก วงเงิน 2 แสนล้านบาทที่สิ้นสุดในวันที่ 24 ธ.ค. นี้ได้เบิกจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 1.3 แสนล้านบาท (-)    12. ตลาดหุ้นภูมิภาค  ช่วงนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคปิดทำการเนื่องจากวันคริสต์มาส โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ หยุด 24-28 ธ.ค. และยุโรปส่วนใหญ่หยุด 24-25 ธ.ค. ส่วนเกาหลีใต้ มาเลเซีย สิ่งคโปร์ ฮ่องกง หยุด 25 ธ.ค. (+)    13. หุ้นปันผล  ทาง KKS คาดการณ์จ่ายปันผลของผลประกอบการ 2H52ที่คาดหมายผลตอบแทนเงินปันผลระดับ 3-9% ซึ่งเป็นผลมาจากผลประกอบการในครึ่งปีหลัง (2H52) และผลประกอบการทั้งปีของปี 52 เช่น KTB,ASP,BLS,PHATRA,BAT-3K,TPC,AP,LPN,SPALI,MK,TOP,BCP-DR1,GRAMMY,MCOT,HANA,DELTA, ADVANC และ TKT

เปิดอ่าน5
บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52 กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อเก็งกำไรต่อแนวโน้มตลาดวันนี้ : ผันผวนกรอบแคบ คาดตลาดวันนี้จะเงียบเหงาลงอีก จากการหยุดทำการของตลาดหุ้นหลายแห่งเนื่อง ในเทศกาลคริสต์มาส ดัชนีน่าจะผันผวนในกรอบแคบ อิงทางบวกจากปัจจัยหนุนทั้งใน ส่วนความคืบหน้าเป็นลำดับของกรณีมาบตาพุด และการฟื้นตัวต่อเนื่องของดัชนี ดาวโจนส์-ราคาน้ำมัน รวมถึงการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ความกังวลที่ อาจถ่วงตลาดไม่ให้ขยับไปได้ไกลอาจเป็นเรื่องการ ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 27-28 ธ.ค. แต่ทางฝ่ายมองว่าน่าจะอยู่ในการควบคุมดูแลของรัฐบาลได้ อีกทั้งแรงซื้อ ของกองทุนฯ และการทำราคาปิดบัญชีในช่วงปลายปียังจะเป็นตัวประคองตลาด ได้เป็นอย่างดี กลยุทธ์การลงทุน: เน้นการซื้อเก็งกำไรเพื่อรอขายช่วงต้นปีหน้า แนวต้าน : 736-744    แนวรับ : 723-719ปัจจัยเด่นวันนี้  +    ดาวโจนส์ปิดบวก 53.66 จุดในวันพฤหัสบดี หลังข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจำนวนผู้ขอรับ สวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนขยายตัวขึ้นนั้น แสดงว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังกระเตื้องขึ้น+    ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ทะยานขึ้น 1.38 ดอลลาร์ มาที่ 78.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อการ ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากการร่วงลง ของดอลลาร์ และจากตัวเลขสต็อกน้ำมันที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว+    บอร์ดสิ่งแวดล้อมฯ เห็นชอบแผน EIA และ HIA นายกฯ คาดมี 5-6 โครงการมาบตาพุดที่สามารถดำเนินการต่อได้ +    สมาคมนักวิเคราะห์เพิ่มเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 52 เป็น 726 จากเดิม 674 จุด ส่วนปี 53 เพิ่มเป็น 812 จากเดิม 764 จุด +    สภาอุตสาหกรรมเผยดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. 52 พุ่งแตะ 104.7 เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค. ที่ 104.3  +    สภาอุตสาหกรรมเผยส่งออกรถยนต์เดือน พ.ย. 52 อยู่ที่ 58,665 คัน ลดลง 1.41% MoM ส่วนยอดขายในประเทศอยู่ที่ 57,031 คัน เติบโต 7.06% MoM 0    ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส อาทิ สหรัฐ, ฮ่องกง, เกาหลี, มาเลเซีย, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์               

เปิดอ่าน3
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก รับ Window Dressing     แนวโน้มตลาดวันนี้ : การดีดขึ้นต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ยังคงเป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการลงทุนวันนี้ แม้ว่านักลงทุนบางกลุ่มจะทยอยขายทำกำไรก่อนวันหยุดช่วงเทศกาล หรือขายทำกำไรรับข่าวกรณีมาบตาพุด อย่างไรก็ดีตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ดีขึ้นในช่วงปลายปี รวมทั้งการทำ Window Dressing จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญในช่วงนี้ ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้มีแนวโน้มผันผวนแคบๆ จากแรงซื้อของเม็ดเงินจาก LTF และ RMF สลับด้วยแรงขายทำกำไรระยะสั้นของ Day Trader แนวรับ: 722-725            แนวต้าน : 732-735กลยุทธ์ : รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก ช่วงราคาอ่อนตัว     แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะมีแนวโน้มผันผวนบ้างในระยะสั้น แต่แนวโน้มการผลักดันราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า และสินค้าโภคภัณฑ์ช่วงสิ้นปี ของบรรดา Hedge Fund จะช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีได้พอๆ กับความคืบหน้าเชิงบวกจากกรณีมาบตาพุด จึงสามารถรอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มดังกล่าวช่วงราคาอ่อนตัวลง รวมทั้งกลุ่มหลักอื่นเช่นกัน ระยะสั้น : ขึ้นขายก่อน รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ช่วงราคาอ่อนตัว ระยะยาว : ถือต่อ และทยอยซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มหลัก ที่แนวรับ จับข่าวมาเก็งกำไร       +     TISCO คาดปี 2553 สินเชื่อมีแววทะลุเป้า 15% ชูกลยุทธ์ทั้งรายได้หลักจากสินเชื่อเช่าซื้อ และเล็งขยายฐานสินเชื่อรายย่อย SME พ่วงแผนซื้อกิจการ ดันพอร์ตโต ส่วนสินเชื่อรถยนต์มองโตไม่ต่ำกว่า 10% ความเห็น: การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า สนับสนุนทั้งการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ SME ลง อีกทั้งบริษัทมีแนวโน้มรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายเข้ามามากขึ้น คาดว่า ROE ในปีหน้าจะอยู่ในระดับสูงสุดของกลุ่มธนาคาร  แนะนำเก็งกำไร TISCO เมื่อราคาอ่อนตัว ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน     ปัจจัยในประเทศ +    สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.52 ที่ระดับ 104.7 เพิ่มขึ้นจาก 104.3 ในเดือนต.ค.52 โดยมีค่าเกิน 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 43 เดือน โดยมีปัจจัยสำคัญจากคำสั่งซื้อที่สูงขึ้น นับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า +    ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย คาดการณ์เศรษฐกิจปี 53  ขยายตัวเป็นบวก 3.2% จากการส่งออก และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น โดยคาดว่า ไตรมาส 1/53 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2-3% ไตรมาส 2 เติบโต 3-4% ไตรมาส 3 เติบโต 2.5-3% และไตรมาส 4 เติบโต 3.5-4.5% ปัจจัยต่างประเทศ +    ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 53.66 จุด ปิดที่ 10,520.10 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 51 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงขยายตัวเกินคาด     +    ราคาน้ำมันดิบ (WTI) ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลล่าร์ ปิดที่ 78.05 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากดอลล่าร์ที่อ่อนค่าลง ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเชิงบวกและตัวเลขสต็อกน้ำมันที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว    

เปิดอ่าน3
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะหุ้น 25/12/52

บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/12/52รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก รับ Window Dressing     แนวโน้มตลาดวันนี้ : การดีดขึ้นต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ยังคงเป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการลงทุนวันนี้ แม้ว่านักลงทุนบางกลุ่มจะทยอยขายทำกำไรก่อนวันหยุดช่วงเทศกาล หรือขายทำกำไรรับข่าวกรณีมาบตาพุด อย่างไรก็ดีตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ดีขึ้นในช่วงปลายปี รวมทั้งการทำ Window Dressing จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญในช่วงนี้ ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้มีแนวโน้มผันผวนแคบๆ จากแรงซื้อของเม็ดเงินจาก LTF และ RMF สลับด้วยแรงขายทำกำไรระยะสั้นของ Day Trader แนวรับ: 722-725            แนวต้าน : 732-735กลยุทธ์ : รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก ช่วงราคาอ่อนตัว     แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะมีแนวโน้มผันผวนบ้างในระยะสั้น แต่แนวโน้มการผลักดันราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า และสินค้าโภคภัณฑ์ช่วงสิ้นปี ของบรรดา Hedge Fund จะช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีได้พอๆ กับความคืบหน้าเชิงบวกจากกรณีมาบตาพุด จึงสามารถรอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มดังกล่าวช่วงราคาอ่อนตัวลง รวมทั้งกลุ่มหลักอื่นเช่นกัน ระยะสั้น : ขึ้นขายก่อน รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ช่วงราคาอ่อนตัว ระยะยาว : ถือต่อ และทยอยซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มหลัก ที่แนวรับ จับข่าวมาเก็งกำไร       +     TISCO คาดปี 2553 สินเชื่อมีแววทะลุเป้า 15% ชูกลยุทธ์ทั้งรายได้หลักจากสินเชื่อเช่าซื้อ และเล็งขยายฐานสินเชื่อรายย่อย SME พ่วงแผนซื้อกิจการ ดันพอร์ตโต ส่วนสินเชื่อรถยนต์มองโตไม่ต่ำกว่า 10% ความเห็น: การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า สนับสนุนทั้งการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ SME ลง อีกทั้งบริษัทมีแนวโน้มรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายเข้ามามากขึ้น คาดว่า ROE ในปีหน้าจะอยู่ในระดับสูงสุดของกลุ่มธนาคาร  แนะนำเก็งกำไร TISCO เมื่อราคาอ่อนตัว ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน     ปัจจัยในประเทศ +    สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.52 ที่ระดับ 104.7 เพิ่มขึ้นจาก 104.3 ในเดือนต.ค.52 โดยมีค่าเกิน 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 43 เดือน โดยมีปัจจัยสำคัญจากคำสั่งซื้อที่สูงขึ้น นับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า +    ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย คาดการณ์เศรษฐกิจปี 53  ขยายตัวเป็นบวก 3.2% จากการส่งออก และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น โดยคาดว่า ไตรมาส 1/53 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2-3% ไตรมาส 2 เติบโต 3-4% ไตรมาส 3 เติบโต 2.5-3% และไตรมาส 4 เติบโต 3.5-4.5% ปัจจัยต่างประเทศ +    ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 53.66 จุด ปิดที่ 10,520.10 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 51 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงขยายตัวเกินคาด     +    ราคาน้ำมันดิบ (WTI) ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลล่าร์ ปิดที่ 78.05 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากดอลล่าร์ที่อ่อนค่าลง ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเชิงบวกและตัวเลขสต็อกน้ำมันที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว    

เปิดอ่าน4