อ่านข่าวย้อนหลัง ทั้งหมด หน้า 26623

เนื้อหาทั้งหมด

เนื้อหาทั้งหมด ใหม่ล่าสุด

เนื้อหาทั้งหมด
ใหม่ล่าสุด
AGEลุยโลจิสติกปี53 ปั๊มรายได้เพิ่ม20%

AGEลุยโลจิสติกปี53 ปั๊มรายได้เพิ่ม20%

บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เตรียมแผนขยายการลงทุนด้านโลจิสติกปี2553 ต่อเนื่องไปยังปี2554 เพิ่ม หวังลดต้นทุนค่าใช้จ่ายระยะยาว  มั่นใจผลการดำเนินปีหน้ารายได้เพิ่ม 20%นายสมยศ ฐิติสุริยารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนการลงทุนปี 53-54 ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นแผนการขยายการลงทุนทางด้านลอจิสติกส์ เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งของบริษัทฯในอนาคต โดยแผนดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 400-500 ล้านบาท  นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายการรับคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)ไปยังแถบประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดออเดอร์)ให้กับบริษัทในปี53 ได้อย่างมากขึ้น    “ ปัจจุบันบริษัทฯมีคลังสินค้าอยู่ 4 แห่ง สามารถเก็บสต๊อกสินค้าได้ถึง 650,000 ตันต่อปี ซึ่งแผนการขยายการลงทุนในครั้งนี้เป็นแผนลงทุนต่อเนื่องระหว่างปี2553-2554 โดยคาดว่าจะสามารถช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯในระยะยาวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมาต้นทุนค่าขนส่งอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ  เพราะต้องอิงกับราคาน้ำมัน ทำให้ช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องแบกบรับภาระต้นทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ” นายสมยศ กล่าว สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2553นั้น นายสมยศ กล่าวว่า จากแผนการขยายธุรกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของบริษัทฯจะส่งผลให้ปริมาณยอดขายถ่านหินเพิ่มขึ้นอีก 20% จากปี2552 ที่คาดว่าจะมีปริมาณยอดขายถ่านหินอยู่ที่ 9.5 แสนตัน โดยเพิ่มขึ้นจากปี2551 ที่มีปริมาณยอดขายถ่านหินอยู่ที่8.4 แสนตัน ขณะที่ประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ในปีหน้า คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น20% จากปี2552 ที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ระดับ2,100 ล้านบาท  อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางถ่านหินในปี2553นั้น นายสมยศ กล่าวว่า ในปี2553เชื่อว่าถ่านหินยังคงมีความต้องการสูงตามทิศทางเศรษฐกิจโลก สำหรับราคาถ่านหินในตลาดโลกแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วยเช่นกัน โดยราคาถ่านหินตามดัชนี BJI ขณะนี้อยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาถ่านหินในประเทศอยู่ที่ 2,500 – 2,700 บาทต่อตัน  อุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหินจำนวนมากได้แก่โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า  และปูนซีเมนท์  และยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มใช้ถ่านหินอย่างต่อเนื่องตามกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่อุตสาหกรรมดังกล่าวได้มีการลดกำลังการผลิตลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งหากกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวขยายตัวตามที่มีการคาดการณ์ ก็จะเป็นผลดีต่อบริษัทฯที่มีแผนขยายการลงทุนเพื่อรองรับความต้องการถ่านหินในอนาคต       

เปิดอ่าน9
AGEลุยโลจิสติกปี53 ปั๊มรายได้เพิ่ม20%

AGEลุยโลจิสติกปี53 ปั๊มรายได้เพิ่ม20%

บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เตรียมแผนขยายการลงทุนด้านโลจิสติกปี2553 ต่อเนื่องไปยังปี2554 เพิ่ม หวังลดต้นทุนค่าใช้จ่ายระยะยาว  มั่นใจผลการดำเนินปีหน้ารายได้เพิ่ม 20%นายสมยศ ฐิติสุริยารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนการลงทุนปี 53-54 ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นแผนการขยายการลงทุนทางด้านลอจิสติกส์ เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งของบริษัทฯในอนาคต โดยแผนดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 400-500 ล้านบาท  นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายการรับคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)ไปยังแถบประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดออเดอร์)ให้กับบริษัทในปี53 ได้อย่างมากขึ้น    “ ปัจจุบันบริษัทฯมีคลังสินค้าอยู่ 4 แห่ง สามารถเก็บสต๊อกสินค้าได้ถึง 650,000 ตันต่อปี ซึ่งแผนการขยายการลงทุนในครั้งนี้เป็นแผนลงทุนต่อเนื่องระหว่างปี2553-2554 โดยคาดว่าจะสามารถช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯในระยะยาวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมาต้นทุนค่าขนส่งอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ  เพราะต้องอิงกับราคาน้ำมัน ทำให้ช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องแบกบรับภาระต้นทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ” นายสมยศ กล่าว สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2553นั้น นายสมยศ กล่าวว่า จากแผนการขยายธุรกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของบริษัทฯจะส่งผลให้ปริมาณยอดขายถ่านหินเพิ่มขึ้นอีก 20% จากปี2552 ที่คาดว่าจะมีปริมาณยอดขายถ่านหินอยู่ที่ 9.5 แสนตัน โดยเพิ่มขึ้นจากปี2551 ที่มีปริมาณยอดขายถ่านหินอยู่ที่8.4 แสนตัน ขณะที่ประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ในปีหน้า คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น20% จากปี2552 ที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ระดับ2,100 ล้านบาท  อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางถ่านหินในปี2553นั้น นายสมยศ กล่าวว่า ในปี2553เชื่อว่าถ่านหินยังคงมีความต้องการสูงตามทิศทางเศรษฐกิจโลก สำหรับราคาถ่านหินในตลาดโลกแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วยเช่นกัน โดยราคาถ่านหินตามดัชนี BJI ขณะนี้อยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาถ่านหินในประเทศอยู่ที่ 2,500 – 2,700 บาทต่อตัน  อุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหินจำนวนมากได้แก่โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า  และปูนซีเมนท์  และยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มใช้ถ่านหินอย่างต่อเนื่องตามกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่อุตสาหกรรมดังกล่าวได้มีการลดกำลังการผลิตลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งหากกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวขยายตัวตามที่มีการคาดการณ์ ก็จะเป็นผลดีต่อบริษัทฯที่มีแผนขยายการลงทุนเพื่อรองรับความต้องการถ่านหินในอนาคต       

เปิดอ่าน4
เครือกสิกรไทยรุกธุรกิจลีสซิ่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์

เครือกสิกรไทยรุกธุรกิจลีสซิ่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์

           แฟคเตอริ่งกสิกรไทยเปลี่ยนชื่อเป็น แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย พร้อมลุยสินเชื่อ    ลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบวงจร เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าผู้จำหน่ายเครื่องจักรและผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนซื้อเครื่องจักร ตั้งเป้า 3 ปีขึ้นเป็นผู้นำตลาด             นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพจะเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเริ่มฟื้นตัว จึงคาดว่าผู้ประกอบการจะเริ่มให้ความสำคัญในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตให้สูงขึ้น โดยคาดว่า ยอดขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ภายในประเทศที่อาศัยแหล่งเงินทุนต่าง ๆ จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้ให้บริการลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ยังมีจำนวนน้อยราย             ดังนั้นเครือธนาคารกสิกรไทย จึงได้ปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ โดยการโอนธุรกิจแฟค    เตอริ่งจากบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด ให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ดำเนินการแทน และเปลี่ยนชื่อบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด เป็นบริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด (Kasikorn Factory and Equipment : KF&E) ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป เพื่อรุกสู่ธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบวงจรอย่างเต็มตัว โดยมอบหมายนายศาศวัต วีระปรีย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เข้าไปเป็นผู้บริหารสูงสุด ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ของบริษัท ฯ              ทั้งนี้บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทยจะให้บริการหลัก 3 ประเภท ได้แก่ (1) บริการสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) เป็นสินเชื่อสำหรับเช่าซื้ออุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ โดยผู้เช่าจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดอายุสัญญาที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 12 เดือนถึง 48 เดือน    (2) บริการสัญญาเช่าทางการเงิน (Financial Lease) สำหรับเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ โดยผู้เช่าสามารถเลือกที่จะเป็นเจ้าของหรือไม่เป็นเจ้าของทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดการเช่าก็ได้ มีระยะเวลาการกู้ไม่ต่ำกว่า 36 เดือน (3) บริการสัญญาเช่าดำเนินการ (Operating Lease) เป็นการเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์เพื่อนำมาประกอบการเพียงอย่างเดียว โดยผู้ประกอบการไม่ต้องการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน             ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อการเช่า/เช่าซื้อเครื่องจักรกสิกรไทย จะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการเช่าซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยแฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จะให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 90% ของมูลค่าทรัพย์สิน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์อื่นค้ำประกัน ลูกค้าจึงไม่ต้องลงทุนซื้อทรัพย์สินที่เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้วยเงินสด จึงไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจที่ดำเนินการอยู่             นายประสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด จะใช้    กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนผู้จำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ และเป็นสื่อกลางระหว่างตัวแทนจำหน่ายกับลูกค้าที่มีความต้องการเครื่องจักรและอุปกรณ์แต่ขาดสภาพคล่อง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับการตอบสนองความต้องการอย่างครบถ้วน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมาย จะสามารถเพิ่มปริมาณธุรกิจ      ลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์อีก 100% ภายในปี 2553 สู่ระดับมากว่า 4,500 ล้านบาท และจะสามารถครองความเป็นผู้นำในธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า   

เปิดอ่าน4
PF ปัดพูดรายได้ Q4

PF ปัดพูดรายได้ Q4

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งรายงานว่า บริษัทคาดว่าจะมียอดพรีเซลไตรมาส 4/2552 ของบริษัท อยู่ประมาณ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552 จะอยู่ที่ 1,800-1,900 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากไตรมาส 3/2552 ที่มีรายได้จำนวน 1,390 ล้าน บาท นั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงการให้ข้อมูลดังกล่าวโดยมีรายละเอียดังนี้ผู้บริหารของบริษัทได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ทันหุ้นในวันที่ 23 ธันวาคม  2552 ทางโทรศัพท์โดยได้ให้ข้อมูลประมาณการยอดพรีเซลสำหรับไตรมาส 4/2552 และยอด แบ็กล็อก ณ สิ้นไตรมาส 3/2552 เท่านั้น โดยมิได้อ้างถึงยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552     

เปิดอ่าน10
PF ปัดพูดรายได้ Q4

PF ปัดพูดรายได้ Q4

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งรายงานว่า บริษัทคาดว่าจะมียอดพรีเซลไตรมาส 4/2552 ของบริษัท อยู่ประมาณ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552 จะอยู่ที่ 1,800-1,900 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากไตรมาส 3/2552 ที่มีรายได้จำนวน 1,390 ล้าน บาท นั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงการให้ข้อมูลดังกล่าวโดยมีรายละเอียดังนี้ผู้บริหารของบริษัทได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ทันหุ้นในวันที่ 23 ธันวาคม  2552 ทางโทรศัพท์โดยได้ให้ข้อมูลประมาณการยอดพรีเซลสำหรับไตรมาส 4/2552 และยอด แบ็กล็อก ณ สิ้นไตรมาส 3/2552 เท่านั้น โดยมิได้อ้างถึงยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552     

เปิดอ่าน10
AGEลุยโลจิสติกปี53 ปั๊มรายได้เพิ่ม20%

AGEลุยโลจิสติกปี53 ปั๊มรายได้เพิ่ม20%

บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เตรียมแผนขยายการลงทุนด้านโลจิสติกปี2553 ต่อเนื่องไปยังปี2554 เพิ่ม หวังลดต้นทุนค่าใช้จ่ายระยะยาว  มั่นใจผลการดำเนินปีหน้ารายได้เพิ่ม 20%นายสมยศ ฐิติสุริยารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนการลงทุนปี 53-54 ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นแผนการขยายการลงทุนทางด้านลอจิสติกส์ เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งของบริษัทฯในอนาคต โดยแผนดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 400-500 ล้านบาท  นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายการรับคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)ไปยังแถบประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดออเดอร์)ให้กับบริษัทในปี53 ได้อย่างมากขึ้น    “ ปัจจุบันบริษัทฯมีคลังสินค้าอยู่ 4 แห่ง สามารถเก็บสต๊อกสินค้าได้ถึง 650,000 ตันต่อปี ซึ่งแผนการขยายการลงทุนในครั้งนี้เป็นแผนลงทุนต่อเนื่องระหว่างปี2553-2554 โดยคาดว่าจะสามารถช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯในระยะยาวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมาต้นทุนค่าขนส่งอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ  เพราะต้องอิงกับราคาน้ำมัน ทำให้ช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องแบกบรับภาระต้นทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ” นายสมยศ กล่าว สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2553นั้น นายสมยศ กล่าวว่า จากแผนการขยายธุรกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของบริษัทฯจะส่งผลให้ปริมาณยอดขายถ่านหินเพิ่มขึ้นอีก 20% จากปี2552 ที่คาดว่าจะมีปริมาณยอดขายถ่านหินอยู่ที่ 9.5 แสนตัน โดยเพิ่มขึ้นจากปี2551 ที่มีปริมาณยอดขายถ่านหินอยู่ที่8.4 แสนตัน ขณะที่ประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ในปีหน้า คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น20% จากปี2552 ที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ระดับ2,100 ล้านบาท  อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางถ่านหินในปี2553นั้น นายสมยศ กล่าวว่า ในปี2553เชื่อว่าถ่านหินยังคงมีความต้องการสูงตามทิศทางเศรษฐกิจโลก สำหรับราคาถ่านหินในตลาดโลกแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วยเช่นกัน โดยราคาถ่านหินตามดัชนี BJI ขณะนี้อยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาถ่านหินในประเทศอยู่ที่ 2,500 – 2,700 บาทต่อตัน  อุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหินจำนวนมากได้แก่โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า  และปูนซีเมนท์  และยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มใช้ถ่านหินอย่างต่อเนื่องตามกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่อุตสาหกรรมดังกล่าวได้มีการลดกำลังการผลิตลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งหากกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวขยายตัวตามที่มีการคาดการณ์ ก็จะเป็นผลดีต่อบริษัทฯที่มีแผนขยายการลงทุนเพื่อรองรับความต้องการถ่านหินในอนาคต       

เปิดอ่าน8
PF ปัดพูดรายได้ Q4

PF ปัดพูดรายได้ Q4

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งรายงานว่า บริษัทคาดว่าจะมียอดพรีเซลไตรมาส 4/2552 ของบริษัท อยู่ประมาณ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552 จะอยู่ที่ 1,800-1,900 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากไตรมาส 3/2552 ที่มีรายได้จำนวน 1,390 ล้าน บาท นั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงการให้ข้อมูลดังกล่าวโดยมีรายละเอียดังนี้ผู้บริหารของบริษัทได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ทันหุ้นในวันที่ 23 ธันวาคม  2552 ทางโทรศัพท์โดยได้ให้ข้อมูลประมาณการยอดพรีเซลสำหรับไตรมาส 4/2552 และยอด แบ็กล็อก ณ สิ้นไตรมาส 3/2552 เท่านั้น โดยมิได้อ้างถึงยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552     

เปิดอ่าน9
PF ปัดพูดรายได้ Q4

PF ปัดพูดรายได้ Q4

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งรายงานว่า บริษัทคาดว่าจะมียอดพรีเซลไตรมาส 4/2552 ของบริษัท อยู่ประมาณ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552 จะอยู่ที่ 1,800-1,900 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากไตรมาส 3/2552 ที่มีรายได้จำนวน 1,390 ล้าน บาท นั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงการให้ข้อมูลดังกล่าวโดยมีรายละเอียดังนี้ผู้บริหารของบริษัทได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ทันหุ้นในวันที่ 23 ธันวาคม  2552 ทางโทรศัพท์โดยได้ให้ข้อมูลประมาณการยอดพรีเซลสำหรับไตรมาส 4/2552 และยอด แบ็กล็อก ณ สิ้นไตรมาส 3/2552 เท่านั้น โดยมิได้อ้างถึงยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552     

เปิดอ่าน5
PF ปัดพูดรายได้ Q4

PF ปัดพูดรายได้ Q4

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งรายงานว่า บริษัทคาดว่าจะมียอดพรีเซลไตรมาส 4/2552 ของบริษัท อยู่ประมาณ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552 จะอยู่ที่ 1,800-1,900 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากไตรมาส 3/2552 ที่มีรายได้จำนวน 1,390 ล้าน บาท นั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงการให้ข้อมูลดังกล่าวโดยมีรายละเอียดังนี้ผู้บริหารของบริษัทได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ทันหุ้นในวันที่ 23 ธันวาคม  2552 ทางโทรศัพท์โดยได้ให้ข้อมูลประมาณการยอดพรีเซลสำหรับไตรมาส 4/2552 และยอด แบ็กล็อก ณ สิ้นไตรมาส 3/2552 เท่านั้น โดยมิได้อ้างถึงยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552     

เปิดอ่าน6
PF ปัดพูดรายได้ Q4

PF ปัดพูดรายได้ Q4

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งรายงานว่า บริษัทคาดว่าจะมียอดพรีเซลไตรมาส 4/2552 ของบริษัท อยู่ประมาณ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552 จะอยู่ที่ 1,800-1,900 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากไตรมาส 3/2552 ที่มีรายได้จำนวน 1,390 ล้าน บาท นั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงการให้ข้อมูลดังกล่าวโดยมีรายละเอียดังนี้ผู้บริหารของบริษัทได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ทันหุ้นในวันที่ 23 ธันวาคม  2552 ทางโทรศัพท์โดยได้ให้ข้อมูลประมาณการยอดพรีเซลสำหรับไตรมาส 4/2552 และยอด แบ็กล็อก ณ สิ้นไตรมาส 3/2552 เท่านั้น โดยมิได้อ้างถึงยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552     

เปิดอ่าน6
เครือกสิกรไทยรุกธุรกิจลีสซิ่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์

เครือกสิกรไทยรุกธุรกิจลีสซิ่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์

           แฟคเตอริ่งกสิกรไทยเปลี่ยนชื่อเป็น แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย พร้อมลุยสินเชื่อ    ลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบวงจร เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าผู้จำหน่ายเครื่องจักรและผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนซื้อเครื่องจักร ตั้งเป้า 3 ปีขึ้นเป็นผู้นำตลาด             นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพจะเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเริ่มฟื้นตัว จึงคาดว่าผู้ประกอบการจะเริ่มให้ความสำคัญในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตให้สูงขึ้น โดยคาดว่า ยอดขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ภายในประเทศที่อาศัยแหล่งเงินทุนต่าง ๆ จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้ให้บริการลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ยังมีจำนวนน้อยราย             ดังนั้นเครือธนาคารกสิกรไทย จึงได้ปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ โดยการโอนธุรกิจแฟค    เตอริ่งจากบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด ให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ดำเนินการแทน และเปลี่ยนชื่อบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด เป็นบริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด (Kasikorn Factory and Equipment : KF&E) ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป เพื่อรุกสู่ธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบวงจรอย่างเต็มตัว โดยมอบหมายนายศาศวัต วีระปรีย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เข้าไปเป็นผู้บริหารสูงสุด ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ของบริษัท ฯ              ทั้งนี้บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทยจะให้บริการหลัก 3 ประเภท ได้แก่ (1) บริการสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) เป็นสินเชื่อสำหรับเช่าซื้ออุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ โดยผู้เช่าจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดอายุสัญญาที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 12 เดือนถึง 48 เดือน    (2) บริการสัญญาเช่าทางการเงิน (Financial Lease) สำหรับเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ โดยผู้เช่าสามารถเลือกที่จะเป็นเจ้าของหรือไม่เป็นเจ้าของทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดการเช่าก็ได้ มีระยะเวลาการกู้ไม่ต่ำกว่า 36 เดือน (3) บริการสัญญาเช่าดำเนินการ (Operating Lease) เป็นการเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์เพื่อนำมาประกอบการเพียงอย่างเดียว โดยผู้ประกอบการไม่ต้องการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน             ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อการเช่า/เช่าซื้อเครื่องจักรกสิกรไทย จะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการเช่าซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยแฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จะให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 90% ของมูลค่าทรัพย์สิน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์อื่นค้ำประกัน ลูกค้าจึงไม่ต้องลงทุนซื้อทรัพย์สินที่เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้วยเงินสด จึงไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจที่ดำเนินการอยู่             นายประสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด จะใช้    กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนผู้จำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ และเป็นสื่อกลางระหว่างตัวแทนจำหน่ายกับลูกค้าที่มีความต้องการเครื่องจักรและอุปกรณ์แต่ขาดสภาพคล่อง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับการตอบสนองความต้องการอย่างครบถ้วน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมาย จะสามารถเพิ่มปริมาณธุรกิจ      ลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์อีก 100% ภายในปี 2553 สู่ระดับมากว่า 4,500 ล้านบาท และจะสามารถครองความเป็นผู้นำในธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า   

เปิดอ่าน7
PF ปัดพูดรายได้ Q4

PF ปัดพูดรายได้ Q4

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งรายงานว่า บริษัทคาดว่าจะมียอดพรีเซลไตรมาส 4/2552 ของบริษัท อยู่ประมาณ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552 จะอยู่ที่ 1,800-1,900 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากไตรมาส 3/2552 ที่มีรายได้จำนวน 1,390 ล้าน บาท นั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงการให้ข้อมูลดังกล่าวโดยมีรายละเอียดังนี้ผู้บริหารของบริษัทได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ทันหุ้นในวันที่ 23 ธันวาคม  2552 ทางโทรศัพท์โดยได้ให้ข้อมูลประมาณการยอดพรีเซลสำหรับไตรมาส 4/2552 และยอด แบ็กล็อก ณ สิ้นไตรมาส 3/2552 เท่านั้น โดยมิได้อ้างถึงยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552     

เปิดอ่าน7
เครือกสิกรไทยรุกธุรกิจลีสซิ่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์

เครือกสิกรไทยรุกธุรกิจลีสซิ่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์

           แฟคเตอริ่งกสิกรไทยเปลี่ยนชื่อเป็น แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย พร้อมลุยสินเชื่อ    ลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบวงจร เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าผู้จำหน่ายเครื่องจักรและผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนซื้อเครื่องจักร ตั้งเป้า 3 ปีขึ้นเป็นผู้นำตลาด             นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพจะเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเริ่มฟื้นตัว จึงคาดว่าผู้ประกอบการจะเริ่มให้ความสำคัญในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตให้สูงขึ้น โดยคาดว่า ยอดขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ภายในประเทศที่อาศัยแหล่งเงินทุนต่าง ๆ จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้ให้บริการลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ยังมีจำนวนน้อยราย             ดังนั้นเครือธนาคารกสิกรไทย จึงได้ปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ โดยการโอนธุรกิจแฟค    เตอริ่งจากบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด ให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ดำเนินการแทน และเปลี่ยนชื่อบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด เป็นบริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด (Kasikorn Factory and Equipment : KF&E) ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป เพื่อรุกสู่ธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบวงจรอย่างเต็มตัว โดยมอบหมายนายศาศวัต วีระปรีย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เข้าไปเป็นผู้บริหารสูงสุด ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ของบริษัท ฯ              ทั้งนี้บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทยจะให้บริการหลัก 3 ประเภท ได้แก่ (1) บริการสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) เป็นสินเชื่อสำหรับเช่าซื้ออุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ โดยผู้เช่าจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดอายุสัญญาที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 12 เดือนถึง 48 เดือน    (2) บริการสัญญาเช่าทางการเงิน (Financial Lease) สำหรับเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ โดยผู้เช่าสามารถเลือกที่จะเป็นเจ้าของหรือไม่เป็นเจ้าของทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดการเช่าก็ได้ มีระยะเวลาการกู้ไม่ต่ำกว่า 36 เดือน (3) บริการสัญญาเช่าดำเนินการ (Operating Lease) เป็นการเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์เพื่อนำมาประกอบการเพียงอย่างเดียว โดยผู้ประกอบการไม่ต้องการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน             ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อการเช่า/เช่าซื้อเครื่องจักรกสิกรไทย จะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการเช่าซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยแฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จะให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 90% ของมูลค่าทรัพย์สิน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์อื่นค้ำประกัน ลูกค้าจึงไม่ต้องลงทุนซื้อทรัพย์สินที่เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้วยเงินสด จึงไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจที่ดำเนินการอยู่             นายประสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด จะใช้    กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนผู้จำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ และเป็นสื่อกลางระหว่างตัวแทนจำหน่ายกับลูกค้าที่มีความต้องการเครื่องจักรและอุปกรณ์แต่ขาดสภาพคล่อง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับการตอบสนองความต้องการอย่างครบถ้วน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมาย จะสามารถเพิ่มปริมาณธุรกิจ      ลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์อีก 100% ภายในปี 2553 สู่ระดับมากว่า 4,500 ล้านบาท และจะสามารถครองความเป็นผู้นำในธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า   

เปิดอ่าน5
AGEลุยโลจิสติกปี53 ปั๊มรายได้เพิ่ม20%

AGEลุยโลจิสติกปี53 ปั๊มรายได้เพิ่ม20%

บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เตรียมแผนขยายการลงทุนด้านโลจิสติกปี2553 ต่อเนื่องไปยังปี2554 เพิ่ม หวังลดต้นทุนค่าใช้จ่ายระยะยาว  มั่นใจผลการดำเนินปีหน้ารายได้เพิ่ม 20%นายสมยศ ฐิติสุริยารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนการลงทุนปี 53-54 ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นแผนการขยายการลงทุนทางด้านลอจิสติกส์ เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งของบริษัทฯในอนาคต โดยแผนดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 400-500 ล้านบาท  นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายการรับคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)ไปยังแถบประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดออเดอร์)ให้กับบริษัทในปี53 ได้อย่างมากขึ้น    “ ปัจจุบันบริษัทฯมีคลังสินค้าอยู่ 4 แห่ง สามารถเก็บสต๊อกสินค้าได้ถึง 650,000 ตันต่อปี ซึ่งแผนการขยายการลงทุนในครั้งนี้เป็นแผนลงทุนต่อเนื่องระหว่างปี2553-2554 โดยคาดว่าจะสามารถช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯในระยะยาวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมาต้นทุนค่าขนส่งอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ  เพราะต้องอิงกับราคาน้ำมัน ทำให้ช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องแบกบรับภาระต้นทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ” นายสมยศ กล่าว สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2553นั้น นายสมยศ กล่าวว่า จากแผนการขยายธุรกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของบริษัทฯจะส่งผลให้ปริมาณยอดขายถ่านหินเพิ่มขึ้นอีก 20% จากปี2552 ที่คาดว่าจะมีปริมาณยอดขายถ่านหินอยู่ที่ 9.5 แสนตัน โดยเพิ่มขึ้นจากปี2551 ที่มีปริมาณยอดขายถ่านหินอยู่ที่8.4 แสนตัน ขณะที่ประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ในปีหน้า คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น20% จากปี2552 ที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ระดับ2,100 ล้านบาท  อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางถ่านหินในปี2553นั้น นายสมยศ กล่าวว่า ในปี2553เชื่อว่าถ่านหินยังคงมีความต้องการสูงตามทิศทางเศรษฐกิจโลก สำหรับราคาถ่านหินในตลาดโลกแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วยเช่นกัน โดยราคาถ่านหินตามดัชนี BJI ขณะนี้อยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาถ่านหินในประเทศอยู่ที่ 2,500 – 2,700 บาทต่อตัน  อุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหินจำนวนมากได้แก่โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า  และปูนซีเมนท์  และยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มใช้ถ่านหินอย่างต่อเนื่องตามกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่อุตสาหกรรมดังกล่าวได้มีการลดกำลังการผลิตลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งหากกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวขยายตัวตามที่มีการคาดการณ์ ก็จะเป็นผลดีต่อบริษัทฯที่มีแผนขยายการลงทุนเพื่อรองรับความต้องการถ่านหินในอนาคต       

เปิดอ่าน7
เครือกสิกรไทยรุกธุรกิจลีสซิ่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์

เครือกสิกรไทยรุกธุรกิจลีสซิ่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์

           แฟคเตอริ่งกสิกรไทยเปลี่ยนชื่อเป็น แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย พร้อมลุยสินเชื่อ    ลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบวงจร เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าผู้จำหน่ายเครื่องจักรและผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนซื้อเครื่องจักร ตั้งเป้า 3 ปีขึ้นเป็นผู้นำตลาด             นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพจะเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเริ่มฟื้นตัว จึงคาดว่าผู้ประกอบการจะเริ่มให้ความสำคัญในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตให้สูงขึ้น โดยคาดว่า ยอดขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ภายในประเทศที่อาศัยแหล่งเงินทุนต่าง ๆ จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้ให้บริการลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ยังมีจำนวนน้อยราย             ดังนั้นเครือธนาคารกสิกรไทย จึงได้ปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ โดยการโอนธุรกิจแฟค    เตอริ่งจากบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด ให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ดำเนินการแทน และเปลี่ยนชื่อบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด เป็นบริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด (Kasikorn Factory and Equipment : KF&E) ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป เพื่อรุกสู่ธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบวงจรอย่างเต็มตัว โดยมอบหมายนายศาศวัต วีระปรีย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เข้าไปเป็นผู้บริหารสูงสุด ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ของบริษัท ฯ              ทั้งนี้บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทยจะให้บริการหลัก 3 ประเภท ได้แก่ (1) บริการสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) เป็นสินเชื่อสำหรับเช่าซื้ออุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ โดยผู้เช่าจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดอายุสัญญาที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 12 เดือนถึง 48 เดือน    (2) บริการสัญญาเช่าทางการเงิน (Financial Lease) สำหรับเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ โดยผู้เช่าสามารถเลือกที่จะเป็นเจ้าของหรือไม่เป็นเจ้าของทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดการเช่าก็ได้ มีระยะเวลาการกู้ไม่ต่ำกว่า 36 เดือน (3) บริการสัญญาเช่าดำเนินการ (Operating Lease) เป็นการเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์เพื่อนำมาประกอบการเพียงอย่างเดียว โดยผู้ประกอบการไม่ต้องการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน             ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อการเช่า/เช่าซื้อเครื่องจักรกสิกรไทย จะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการเช่าซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยแฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จะให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 90% ของมูลค่าทรัพย์สิน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์อื่นค้ำประกัน ลูกค้าจึงไม่ต้องลงทุนซื้อทรัพย์สินที่เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้วยเงินสด จึงไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจที่ดำเนินการอยู่             นายประสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด จะใช้    กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนผู้จำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ และเป็นสื่อกลางระหว่างตัวแทนจำหน่ายกับลูกค้าที่มีความต้องการเครื่องจักรและอุปกรณ์แต่ขาดสภาพคล่อง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับการตอบสนองความต้องการอย่างครบถ้วน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมาย จะสามารถเพิ่มปริมาณธุรกิจ      ลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์อีก 100% ภายในปี 2553 สู่ระดับมากว่า 4,500 ล้านบาท และจะสามารถครองความเป็นผู้นำในธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า   

เปิดอ่าน4
AGEลุยโลจิสติกปี53 ปั๊มรายได้เพิ่ม20%

AGEลุยโลจิสติกปี53 ปั๊มรายได้เพิ่ม20%

บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เตรียมแผนขยายการลงทุนด้านโลจิสติกปี2553 ต่อเนื่องไปยังปี2554 เพิ่ม หวังลดต้นทุนค่าใช้จ่ายระยะยาว  มั่นใจผลการดำเนินปีหน้ารายได้เพิ่ม 20%นายสมยศ ฐิติสุริยารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนการลงทุนปี 53-54 ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นแผนการขยายการลงทุนทางด้านลอจิสติกส์ เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งของบริษัทฯในอนาคต โดยแผนดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 400-500 ล้านบาท  นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายการรับคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)ไปยังแถบประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดออเดอร์)ให้กับบริษัทในปี53 ได้อย่างมากขึ้น    “ ปัจจุบันบริษัทฯมีคลังสินค้าอยู่ 4 แห่ง สามารถเก็บสต๊อกสินค้าได้ถึง 650,000 ตันต่อปี ซึ่งแผนการขยายการลงทุนในครั้งนี้เป็นแผนลงทุนต่อเนื่องระหว่างปี2553-2554 โดยคาดว่าจะสามารถช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯในระยะยาวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมาต้นทุนค่าขนส่งอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ  เพราะต้องอิงกับราคาน้ำมัน ทำให้ช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องแบกบรับภาระต้นทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ” นายสมยศ กล่าว สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2553นั้น นายสมยศ กล่าวว่า จากแผนการขยายธุรกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของบริษัทฯจะส่งผลให้ปริมาณยอดขายถ่านหินเพิ่มขึ้นอีก 20% จากปี2552 ที่คาดว่าจะมีปริมาณยอดขายถ่านหินอยู่ที่ 9.5 แสนตัน โดยเพิ่มขึ้นจากปี2551 ที่มีปริมาณยอดขายถ่านหินอยู่ที่8.4 แสนตัน ขณะที่ประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ในปีหน้า คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น20% จากปี2552 ที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ระดับ2,100 ล้านบาท  อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางถ่านหินในปี2553นั้น นายสมยศ กล่าวว่า ในปี2553เชื่อว่าถ่านหินยังคงมีความต้องการสูงตามทิศทางเศรษฐกิจโลก สำหรับราคาถ่านหินในตลาดโลกแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วยเช่นกัน โดยราคาถ่านหินตามดัชนี BJI ขณะนี้อยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาถ่านหินในประเทศอยู่ที่ 2,500 – 2,700 บาทต่อตัน  อุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหินจำนวนมากได้แก่โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า  และปูนซีเมนท์  และยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มใช้ถ่านหินอย่างต่อเนื่องตามกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่อุตสาหกรรมดังกล่าวได้มีการลดกำลังการผลิตลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งหากกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวขยายตัวตามที่มีการคาดการณ์ ก็จะเป็นผลดีต่อบริษัทฯที่มีแผนขยายการลงทุนเพื่อรองรับความต้องการถ่านหินในอนาคต       

เปิดอ่าน8
เครือกสิกรไทยรุกธุรกิจลีสซิ่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์

เครือกสิกรไทยรุกธุรกิจลีสซิ่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์

           แฟคเตอริ่งกสิกรไทยเปลี่ยนชื่อเป็น แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย พร้อมลุยสินเชื่อ    ลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบวงจร เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าผู้จำหน่ายเครื่องจักรและผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนซื้อเครื่องจักร ตั้งเป้า 3 ปีขึ้นเป็นผู้นำตลาด             นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพจะเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเริ่มฟื้นตัว จึงคาดว่าผู้ประกอบการจะเริ่มให้ความสำคัญในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตให้สูงขึ้น โดยคาดว่า ยอดขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ภายในประเทศที่อาศัยแหล่งเงินทุนต่าง ๆ จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้ให้บริการลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ยังมีจำนวนน้อยราย             ดังนั้นเครือธนาคารกสิกรไทย จึงได้ปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ โดยการโอนธุรกิจแฟค    เตอริ่งจากบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด ให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ดำเนินการแทน และเปลี่ยนชื่อบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด เป็นบริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด (Kasikorn Factory and Equipment : KF&E) ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป เพื่อรุกสู่ธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบวงจรอย่างเต็มตัว โดยมอบหมายนายศาศวัต วีระปรีย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เข้าไปเป็นผู้บริหารสูงสุด ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ของบริษัท ฯ              ทั้งนี้บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทยจะให้บริการหลัก 3 ประเภท ได้แก่ (1) บริการสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) เป็นสินเชื่อสำหรับเช่าซื้ออุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ โดยผู้เช่าจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดอายุสัญญาที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 12 เดือนถึง 48 เดือน    (2) บริการสัญญาเช่าทางการเงิน (Financial Lease) สำหรับเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ โดยผู้เช่าสามารถเลือกที่จะเป็นเจ้าของหรือไม่เป็นเจ้าของทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดการเช่าก็ได้ มีระยะเวลาการกู้ไม่ต่ำกว่า 36 เดือน (3) บริการสัญญาเช่าดำเนินการ (Operating Lease) เป็นการเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์เพื่อนำมาประกอบการเพียงอย่างเดียว โดยผู้ประกอบการไม่ต้องการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน             ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อการเช่า/เช่าซื้อเครื่องจักรกสิกรไทย จะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการเช่าซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยแฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จะให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 90% ของมูลค่าทรัพย์สิน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์อื่นค้ำประกัน ลูกค้าจึงไม่ต้องลงทุนซื้อทรัพย์สินที่เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้วยเงินสด จึงไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจที่ดำเนินการอยู่             นายประสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด จะใช้    กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนผู้จำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ และเป็นสื่อกลางระหว่างตัวแทนจำหน่ายกับลูกค้าที่มีความต้องการเครื่องจักรและอุปกรณ์แต่ขาดสภาพคล่อง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับการตอบสนองความต้องการอย่างครบถ้วน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมาย จะสามารถเพิ่มปริมาณธุรกิจ      ลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์อีก 100% ภายในปี 2553 สู่ระดับมากว่า 4,500 ล้านบาท และจะสามารถครองความเป็นผู้นำในธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า   

เปิดอ่าน6
เครือกสิกรไทยรุกธุรกิจลีสซิ่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์

เครือกสิกรไทยรุกธุรกิจลีสซิ่งซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์

           แฟคเตอริ่งกสิกรไทยเปลี่ยนชื่อเป็น แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย พร้อมลุยสินเชื่อ    ลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบวงจร เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าผู้จำหน่ายเครื่องจักรและผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนซื้อเครื่องจักร ตั้งเป้า 3 ปีขึ้นเป็นผู้นำตลาด             นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพจะเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเริ่มฟื้นตัว จึงคาดว่าผู้ประกอบการจะเริ่มให้ความสำคัญในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตให้สูงขึ้น โดยคาดว่า ยอดขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ภายในประเทศที่อาศัยแหล่งเงินทุนต่าง ๆ จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้ให้บริการลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ยังมีจำนวนน้อยราย             ดังนั้นเครือธนาคารกสิกรไทย จึงได้ปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ โดยการโอนธุรกิจแฟค    เตอริ่งจากบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด ให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ดำเนินการแทน และเปลี่ยนชื่อบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด เป็นบริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด (Kasikorn Factory and Equipment : KF&E) ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป เพื่อรุกสู่ธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ครบวงจรอย่างเต็มตัว โดยมอบหมายนายศาศวัต วีระปรีย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เข้าไปเป็นผู้บริหารสูงสุด ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ของบริษัท ฯ              ทั้งนี้บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทยจะให้บริการหลัก 3 ประเภท ได้แก่ (1) บริการสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) เป็นสินเชื่อสำหรับเช่าซื้ออุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ โดยผู้เช่าจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดอายุสัญญาที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 12 เดือนถึง 48 เดือน    (2) บริการสัญญาเช่าทางการเงิน (Financial Lease) สำหรับเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์ โดยผู้เช่าสามารถเลือกที่จะเป็นเจ้าของหรือไม่เป็นเจ้าของทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดการเช่าก็ได้ มีระยะเวลาการกู้ไม่ต่ำกว่า 36 เดือน (3) บริการสัญญาเช่าดำเนินการ (Operating Lease) เป็นการเช่าอุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรมหรือการพาณิชย์เพื่อนำมาประกอบการเพียงอย่างเดียว โดยผู้ประกอบการไม่ต้องการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน             ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อการเช่า/เช่าซื้อเครื่องจักรกสิกรไทย จะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการเช่าซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยแฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จะให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 90% ของมูลค่าทรัพย์สิน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์อื่นค้ำประกัน ลูกค้าจึงไม่ต้องลงทุนซื้อทรัพย์สินที่เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ด้วยเงินสด จึงไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจที่ดำเนินการอยู่             นายประสาร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด จะใช้    กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนผู้จำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ และเป็นสื่อกลางระหว่างตัวแทนจำหน่ายกับลูกค้าที่มีความต้องการเครื่องจักรและอุปกรณ์แต่ขาดสภาพคล่อง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับการตอบสนองความต้องการอย่างครบถ้วน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมาย จะสามารถเพิ่มปริมาณธุรกิจ      ลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์อีก 100% ภายในปี 2553 สู่ระดับมากว่า 4,500 ล้านบาท และจะสามารถครองความเป็นผู้นำในธุรกิจลีสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า   

เปิดอ่าน6
PF ปัดพูดรายได้ Q4

PF ปัดพูดรายได้ Q4

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งรายงานว่า บริษัทคาดว่าจะมียอดพรีเซลไตรมาส 4/2552 ของบริษัท อยู่ประมาณ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552 จะอยู่ที่ 1,800-1,900 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากไตรมาส 3/2552 ที่มีรายได้จำนวน 1,390 ล้าน บาท นั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงการให้ข้อมูลดังกล่าวโดยมีรายละเอียดังนี้ผู้บริหารของบริษัทได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ทันหุ้นในวันที่ 23 ธันวาคม  2552 ทางโทรศัพท์โดยได้ให้ข้อมูลประมาณการยอดพรีเซลสำหรับไตรมาส 4/2552 และยอด แบ็กล็อก ณ สิ้นไตรมาส 3/2552 เท่านั้น โดยมิได้อ้างถึงยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552     

เปิดอ่าน5
PF ปัดพูดรายได้ Q4

PF ปัดพูดรายได้ Q4

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งรายงานว่า บริษัทคาดว่าจะมียอดพรีเซลไตรมาส 4/2552 ของบริษัท อยู่ประมาณ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552 จะอยู่ที่ 1,800-1,900 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากไตรมาส 3/2552 ที่มีรายได้จำนวน 1,390 ล้าน บาท นั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงการให้ข้อมูลดังกล่าวโดยมีรายละเอียดังนี้ผู้บริหารของบริษัทได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ทันหุ้นในวันที่ 23 ธันวาคม  2552 ทางโทรศัพท์โดยได้ให้ข้อมูลประมาณการยอดพรีเซลสำหรับไตรมาส 4/2552 และยอด แบ็กล็อก ณ สิ้นไตรมาส 3/2552 เท่านั้น โดยมิได้อ้างถึงยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2552     

เปิดอ่าน8