อ่านข่าวย้อนหลัง ทั้งหมด หน้า 26631

เนื้อหาทั้งหมด

เนื้อหาทั้งหมด ใหม่ล่าสุด

เนื้อหาทั้งหมด
ใหม่ล่าสุด
บสก.จับมือไทยเครดิตบริการสินเชื่อ-ปรับโครงสร้างหนี้

บสก.จับมือไทยเครดิตบริการสินเชื่อ-ปรับโครงสร้างหนี้

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมกับธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) เพื่อเป็นการนำเสนอสินเชื่อให้กับลูกค้าบสก.ที่ต้องการรีไฟแนนซ์และแก่ลูกค้าที่ซื้อทรัพย์กับบสก.ด้วยเงื่อนไขพิเศษ ภายใต้โครงการสนับสนุนโครงการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อรายย่อย ซึ่งถือเป็นการให้บริการสินเชื่อให้กับลูกค้าใน 2 กลุ่ม ได้แก่ ลูกค้าที่ซื้อทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA ของ บสก. และในกลุ่มลูกค้าที่ปรับโครงสร้างหนี้กับบสก.ที่ต้องการรีไฟแนนซ์กับทางธนาคาร ทั้งนี้ปัจจุบัน บสก. มีทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ที่อยู่ในความดูแล 229,949 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขายหรือ NPA ซึ่งอยู่ในความดูแลจำนวน 15,583 รายการ มูลค่า 39,655 ล้านบาท ซึ่งได้มีการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพทรัพย์ให้เป็นบ้านพร้อมอยู่ที่ดินพร้อมใช้ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน ห้องชุดพักอาศัย ที่ดินเปล่า เป็นต้น    

เปิดอ่าน3
บสก.จับมือไทยเครดิตบริการสินเชื่อ-ปรับโครงสร้างหนี้

บสก.จับมือไทยเครดิตบริการสินเชื่อ-ปรับโครงสร้างหนี้

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมกับธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) เพื่อเป็นการนำเสนอสินเชื่อให้กับลูกค้าบสก.ที่ต้องการรีไฟแนนซ์และแก่ลูกค้าที่ซื้อทรัพย์กับบสก.ด้วยเงื่อนไขพิเศษ ภายใต้โครงการสนับสนุนโครงการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อรายย่อย ซึ่งถือเป็นการให้บริการสินเชื่อให้กับลูกค้าใน 2 กลุ่ม ได้แก่ ลูกค้าที่ซื้อทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA ของ บสก. และในกลุ่มลูกค้าที่ปรับโครงสร้างหนี้กับบสก.ที่ต้องการรีไฟแนนซ์กับทางธนาคาร ทั้งนี้ปัจจุบัน บสก. มีทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ที่อยู่ในความดูแล 229,949 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขายหรือ NPA ซึ่งอยู่ในความดูแลจำนวน 15,583 รายการ มูลค่า 39,655 ล้านบาท ซึ่งได้มีการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพทรัพย์ให้เป็นบ้านพร้อมอยู่ที่ดินพร้อมใช้ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน ห้องชุดพักอาศัย ที่ดินเปล่า เป็นต้น    

เปิดอ่าน9
บสก.จับมือไทยเครดิตบริการสินเชื่อ-ปรับโครงสร้างหนี้

บสก.จับมือไทยเครดิตบริการสินเชื่อ-ปรับโครงสร้างหนี้

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมกับธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) เพื่อเป็นการนำเสนอสินเชื่อให้กับลูกค้าบสก.ที่ต้องการรีไฟแนนซ์และแก่ลูกค้าที่ซื้อทรัพย์กับบสก.ด้วยเงื่อนไขพิเศษ ภายใต้โครงการสนับสนุนโครงการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อรายย่อย ซึ่งถือเป็นการให้บริการสินเชื่อให้กับลูกค้าใน 2 กลุ่ม ได้แก่ ลูกค้าที่ซื้อทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA ของ บสก. และในกลุ่มลูกค้าที่ปรับโครงสร้างหนี้กับบสก.ที่ต้องการรีไฟแนนซ์กับทางธนาคาร ทั้งนี้ปัจจุบัน บสก. มีทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ที่อยู่ในความดูแล 229,949 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขายหรือ NPA ซึ่งอยู่ในความดูแลจำนวน 15,583 รายการ มูลค่า 39,655 ล้านบาท ซึ่งได้มีการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพทรัพย์ให้เป็นบ้านพร้อมอยู่ที่ดินพร้อมใช้ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน ห้องชุดพักอาศัย ที่ดินเปล่า เป็นต้น    

เปิดอ่าน6
บสก.จับมือไทยเครดิตบริการสินเชื่อ-ปรับโครงสร้างหนี้

บสก.จับมือไทยเครดิตบริการสินเชื่อ-ปรับโครงสร้างหนี้

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมกับธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) เพื่อเป็นการนำเสนอสินเชื่อให้กับลูกค้าบสก.ที่ต้องการรีไฟแนนซ์และแก่ลูกค้าที่ซื้อทรัพย์กับบสก.ด้วยเงื่อนไขพิเศษ ภายใต้โครงการสนับสนุนโครงการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อรายย่อย ซึ่งถือเป็นการให้บริการสินเชื่อให้กับลูกค้าใน 2 กลุ่ม ได้แก่ ลูกค้าที่ซื้อทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA ของ บสก. และในกลุ่มลูกค้าที่ปรับโครงสร้างหนี้กับบสก.ที่ต้องการรีไฟแนนซ์กับทางธนาคาร ทั้งนี้ปัจจุบัน บสก. มีทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ที่อยู่ในความดูแล 229,949 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขายหรือ NPA ซึ่งอยู่ในความดูแลจำนวน 15,583 รายการ มูลค่า 39,655 ล้านบาท ซึ่งได้มีการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพทรัพย์ให้เป็นบ้านพร้อมอยู่ที่ดินพร้อมใช้ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน ห้องชุดพักอาศัย ที่ดินเปล่า เป็นต้น    

เปิดอ่าน9
บล.ธนชาต รายงานภาวะตลาดหุ้น 24/12/52

บล.ธนชาต รายงานภาวะตลาดหุ้น 24/12/52

บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 24/12/52             ทุกครั้งที่ฝรั่งซื้อสุทธิทั้ง 2 ตลาด (Spot & Futures) จะทำให้ SET ไปต่ออีกวัน ประเมินวันนี้ขึ้นไปทดสอบ 735 จุด เน้นเล่นรอบเก็งกำไรต่อใน PTT & PTTCH หลังมีหวังที่จะได้รับไฟเขียวจากศาลต่อจากเหล็กสยามยามาโมโตะ ทั้งนี้ระยะยาวยังต้องจับตาการแก้ปัญหามาบตาพุดแบบบูรณาการ รวมถึงอุณหภูมิการเมืองที่จะกลับมาร้อนขึ้นอีกครั้งก่อนศาลตัดสินคดียึดทรัพย์อดีตนายกฯ ประเด็นสำคัญวันนี้ SET Index movement           ความหวังที่อีก 18 โครงการที่มาบตาพุดจะหลุดบ่วงกรรมเริ่มเป็นจริง หลังล่าสุดศาลฯอนุญาตให้โครงการของเหล็กสยามยามาโมโตะ (SCC ถือหุ้นแค่ 10% ในขณะที่โครงการของ SCC เองกลับไม่เข้าข่าย 19 โครงการที่ครม.มีมติให้ยื่นอุทธรณ์) เปิดดำเนินงานได้ตามปกติ เพราะได้รับใบอนุญาตก่อนที่รธน.ปี 50 มีผลบังคับใช้ รายต่อไปคือครอบครัว PTTที่ได้ยื่นอุทธรณ์ 9 โครงการ (รวมถึงโรงแยกก๊าซแห่งที่ 6 ของ PTT) ต่อศาลฯเรียบร้อยแล้ว               รัฐคาด GDP 4Q09 พลิกมาเป็นบวก 2.7-3.2% y-y แต่ทั้งปียังติดลบ 3% ขณะที่ปีหน้าคาด +3.5% y-y จากแรงหนุนของส่งออกและการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ ขณะที่การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนขึ้นอยู่กับการเมืองและการแก้ปัญหามาบตาพุด               อุณหภูมิการเมืองเริ่มร้อน หลังกลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุม 27-28 ธ.ค. เพื่อเรียกน้ำย่อย ซึ่งจากนี้ไปต้องจับตาสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด อาจมีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นก่อนที่ศาลฎีกาฯจะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นลบ. ของอดีตนายกฯทักษิณ โดยการไต่สวนพยานนัดสุดท้ายจะทำในวันที่ 12 และ 14 ม.ค.10 แล้วหลังจากนั้นศาลฯจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือนเพื่อชี้ขาด              CK “ขายทำกำไร” หลังเชื่อราคาสะท้อนข่าวดีไปแล้ว 2 วันวิ่งไป 8% เหลือ Upside แค่ 10% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ย (จาก Bloomberg) ในปีหน้า @ 6.90 บาท โดย 2 ข่าวดีที่เข้ามาหนุนราคาหุ้น คือ 1) คาดได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจากการขาย TTW และ 2) ราคาต้องวิ่งขึ้นเพื่อจูงใจให้คนมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนหุ้น (CK ประกาศเพิ่มทุน 7:1 @ 5.34 บาท XR 2 ก.พ.10) แต่ทั้งนี้ 2 เรื่องถือเป็นแค่ข่าวดี “ชั่วคราว” ในขณะที่ระยะยาวต้องดูที่ศักยภาพการทำกำไรอิงราคาปิด @ 6.25 บาท เหลือ Upside แค่ 10% จากเป้าเฉลี่ย @ 6.90 บาท “ขายทำกำไร”             CGS เปิดเทรดวันนี้ ราคาตามทฤษฎีอยู่ที่ 0.92 บาท (vs. ราคาปิดก่อน SP @ 1.07 บาท) โดยในช่วง 8 วันทำการที่ขึ้น SP (14-23 ธ.ค.) ได้ทำใน 3 เรื่องเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ลดทุนเพิ่มทุน และแจกวอร์แรนต์ สรุปภาพตลาดวานนี้            ตามคาด SET บวก 5 จุด ปิดที่ 730 จุด ด้วยแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มครอบครัว PTT & SCC หลังเริ่มเห็นทางออกใน 19 จากทั้งหมด 65 โครงการที่ถูกศาลฯสั่งระงับกิจการชั่วคราว ที่มีโอกาสยื่นอุทธรณ์และชนะคือกลับมาเปิดดำเนินงานได้ตามปกติเช่นเดียวกับ “โครงการเหล็กสยามยามาโตะ” ที่วานนี้ศาลฯกลับคำตัดสินโดยให้ไฟเขียวหลังพบว่าโครงการดังกล่าวได้รับใบอนุญาตก่อนที่รธน.ปี 50 มีผลบังคับใช้ แม้วานนี้วอลุ่มยังบางเหมือนเดิม (1.4 หมื่นลบ.)แต่ฝรั่งดูจะแฮ็ปปี้ “ซื้อสุทธิ” ทั้งตลาด Spot (+265 ลบ.) และ Futures (+507 ลบ.)            DJ ทรงๆ แม้ข่าวลบเพียบ โดยปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ 10,466 จุด แม้จะเจอกับ 2 ข่าวร้าย คือ 1) ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.ดิ่งลง 11.3% y-y แย่กว่าคาดและต่ำสุดในรอบ 9เดือน และ 2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.และข้อมูลการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือน พ.ย.อ่อนแอเกินคาด ทั้งนี้ตลาดหุ้นสหรัฐวันนี้จะเปิดเทรดแค่ครึ่งวันส่วนวันศุกร์ปิดคริสมาสต์            น้ำมันแข็ง USD อ่อน ราคาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 2.27 USD (3%) @USD76.67/bbl หลังสต็อคน้ำมันร่วงลงเกินคาด ประกอบกับมีแรงขายทำกำไรใน USD หลังแข็งมา 6 วันติด โดย Dollar Index ปิดที่ 77.93 ลบ 0.5%

เปิดอ่าน12
ซันไชน์ฯ ขายหุ้น GEN-MIDA

ซันไชน์ฯ ขายหุ้น GEN-MIDA

ซันไชน์ อินเตอร์เนชันแนล บิสสิเนส ขายหุ้น GEN ออก 8.58% ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่น ขายออก 4.2% และ MIDA ขายออก 6.19% สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการจำหน่ายหุ้นของ บมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) โดย บริษัท ซันไชน์ อินเตอร์เนชันแนล บิสสิเนส จำกัด ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 18/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -8.58% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 12.67% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ และได้รับรายงานการจำหน่ายหุ้นของ บมจ. เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) โดย บมจ. ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่นซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 21/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -4.2% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 8.47% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ รวมทั้งได้รับรายงานการจำหน่าย หุ้นของบมจ. เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) โดย บมจ. ไมด้า แอสเซ็ท (MIDA) ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 18/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -6.19% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 1.16% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

เปิดอ่าน11
ซันไชน์ฯ ขายหุ้น GEN-MIDA

ซันไชน์ฯ ขายหุ้น GEN-MIDA

ซันไชน์ อินเตอร์เนชันแนล บิสสิเนส ขายหุ้น GEN ออก 8.58% ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่น ขายออก 4.2% และ MIDA ขายออก 6.19% สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการจำหน่ายหุ้นของ บมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) โดย บริษัท ซันไชน์ อินเตอร์เนชันแนล บิสสิเนส จำกัด ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 18/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -8.58% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 12.67% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ และได้รับรายงานการจำหน่ายหุ้นของ บมจ. เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) โดย บมจ. ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่นซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 21/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -4.2% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 8.47% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ รวมทั้งได้รับรายงานการจำหน่าย หุ้นของบมจ. เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) โดย บมจ. ไมด้า แอสเซ็ท (MIDA) ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 18/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -6.19% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 1.16% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

เปิดอ่าน23
SPPT ซื้อหุ้น บ.ย่อยเต็ม100%หวังหนุนธุรกิจ

SPPT ซื้อหุ้น บ.ย่อยเต็ม100%หวังหนุนธุรกิจ

              นายชาคริต เมธิกุลชนันทร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) หรือ SPPT ขอแจ้งการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ทจำกัด ดังต่อไปนี้         1. วันที่เกิดรายการ              ระยะเวลาภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2552          2. รายละเอียดของสินทรัพย์ที่ซื้อขาย              หุ้นสามัญของบริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด จำนวน 500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทดังกล่าวในมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้นรวม จำนวน 100,000 บาท บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์              ณ.วันที่ 30 กันยายน 2552 บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด มีขาดทุน สะสม จำนวน 9.5 ล้านบาท และงบกำไรขาดทุน (งวด 9 เดือน) มีกำไร 0.1 ล้านบาท          3. วัตถุประสงค์ในการซื้อ              1. เพื่อเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจประเภทใหม่ ประหยัดค่าใช้จ่าย และเวลาในการจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่              2. บริษัทสามารถใช้สิทธินำขาดทุนสะสมดังกล่าวเพื่อประโยชน์ทางภาษี          4. ความสัมพันธ์กับผู้ขาย              ผู้ขาย :           บริษัท T. I. MEC CO, LTD. จดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่นและเป็นผู้ถือหุ้นเดิมในบริษัทย่อย              ผู้ซื้อ :            บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)              ความสัมพันธ์ :      บริษัท T. I. MEC CO, LTD. ไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัท โดยไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันแต่อย่างใด          5. ราคาหุ้นสามัญที่ซื้อขายและเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดราคา          รวมราคาซื้อขายหุ้นทั้งสิ้น จำนวน 100,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยผู้ขายจะโอนหุ้นที่ซื้อขายให้กับบริษัทภายในเดือนธันวาคม 2552           6. สัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทในบริษัทย่อย          จากเดิมก่อนการซื้อขาย 50 %           จำนวน   500,000 หุ้น          หลังจากการซื้อขายแล้ว 100%           จำนวน 1,000,000 หุ้น           อนึ่ง การได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวข้างต้น เมื่อคิดคำนวณขนาดของรายการแล้ว ไม่ถึงเกณฑ์ตามข้อกำหนดที่ต้องดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน แต่บริษัทมีหน้าที่ที่ต้องรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และ วิธีการเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศและการปฎิบัติการใดๆของบริษัทจดทะเบียน

เปิดอ่าน5
บล.ธนชาต รายงานภาวะตลาดหุ้น 24/12/52

บล.ธนชาต รายงานภาวะตลาดหุ้น 24/12/52

บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 24/12/52             ทุกครั้งที่ฝรั่งซื้อสุทธิทั้ง 2 ตลาด (Spot & Futures) จะทำให้ SET ไปต่ออีกวัน ประเมินวันนี้ขึ้นไปทดสอบ 735 จุด เน้นเล่นรอบเก็งกำไรต่อใน PTT & PTTCH หลังมีหวังที่จะได้รับไฟเขียวจากศาลต่อจากเหล็กสยามยามาโมโตะ ทั้งนี้ระยะยาวยังต้องจับตาการแก้ปัญหามาบตาพุดแบบบูรณาการ รวมถึงอุณหภูมิการเมืองที่จะกลับมาร้อนขึ้นอีกครั้งก่อนศาลตัดสินคดียึดทรัพย์อดีตนายกฯ ประเด็นสำคัญวันนี้ SET Index movement           ความหวังที่อีก 18 โครงการที่มาบตาพุดจะหลุดบ่วงกรรมเริ่มเป็นจริง หลังล่าสุดศาลฯอนุญาตให้โครงการของเหล็กสยามยามาโมโตะ (SCC ถือหุ้นแค่ 10% ในขณะที่โครงการของ SCC เองกลับไม่เข้าข่าย 19 โครงการที่ครม.มีมติให้ยื่นอุทธรณ์) เปิดดำเนินงานได้ตามปกติ เพราะได้รับใบอนุญาตก่อนที่รธน.ปี 50 มีผลบังคับใช้ รายต่อไปคือครอบครัว PTTที่ได้ยื่นอุทธรณ์ 9 โครงการ (รวมถึงโรงแยกก๊าซแห่งที่ 6 ของ PTT) ต่อศาลฯเรียบร้อยแล้ว               รัฐคาด GDP 4Q09 พลิกมาเป็นบวก 2.7-3.2% y-y แต่ทั้งปียังติดลบ 3% ขณะที่ปีหน้าคาด +3.5% y-y จากแรงหนุนของส่งออกและการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ ขณะที่การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนขึ้นอยู่กับการเมืองและการแก้ปัญหามาบตาพุด               อุณหภูมิการเมืองเริ่มร้อน หลังกลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุม 27-28 ธ.ค. เพื่อเรียกน้ำย่อย ซึ่งจากนี้ไปต้องจับตาสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด อาจมีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นก่อนที่ศาลฎีกาฯจะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นลบ. ของอดีตนายกฯทักษิณ โดยการไต่สวนพยานนัดสุดท้ายจะทำในวันที่ 12 และ 14 ม.ค.10 แล้วหลังจากนั้นศาลฯจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือนเพื่อชี้ขาด              CK “ขายทำกำไร” หลังเชื่อราคาสะท้อนข่าวดีไปแล้ว 2 วันวิ่งไป 8% เหลือ Upside แค่ 10% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ย (จาก Bloomberg) ในปีหน้า @ 6.90 บาท โดย 2 ข่าวดีที่เข้ามาหนุนราคาหุ้น คือ 1) คาดได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจากการขาย TTW และ 2) ราคาต้องวิ่งขึ้นเพื่อจูงใจให้คนมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนหุ้น (CK ประกาศเพิ่มทุน 7:1 @ 5.34 บาท XR 2 ก.พ.10) แต่ทั้งนี้ 2 เรื่องถือเป็นแค่ข่าวดี “ชั่วคราว” ในขณะที่ระยะยาวต้องดูที่ศักยภาพการทำกำไรอิงราคาปิด @ 6.25 บาท เหลือ Upside แค่ 10% จากเป้าเฉลี่ย @ 6.90 บาท “ขายทำกำไร”             CGS เปิดเทรดวันนี้ ราคาตามทฤษฎีอยู่ที่ 0.92 บาท (vs. ราคาปิดก่อน SP @ 1.07 บาท) โดยในช่วง 8 วันทำการที่ขึ้น SP (14-23 ธ.ค.) ได้ทำใน 3 เรื่องเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ลดทุนเพิ่มทุน และแจกวอร์แรนต์ สรุปภาพตลาดวานนี้            ตามคาด SET บวก 5 จุด ปิดที่ 730 จุด ด้วยแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มครอบครัว PTT & SCC หลังเริ่มเห็นทางออกใน 19 จากทั้งหมด 65 โครงการที่ถูกศาลฯสั่งระงับกิจการชั่วคราว ที่มีโอกาสยื่นอุทธรณ์และชนะคือกลับมาเปิดดำเนินงานได้ตามปกติเช่นเดียวกับ “โครงการเหล็กสยามยามาโตะ” ที่วานนี้ศาลฯกลับคำตัดสินโดยให้ไฟเขียวหลังพบว่าโครงการดังกล่าวได้รับใบอนุญาตก่อนที่รธน.ปี 50 มีผลบังคับใช้ แม้วานนี้วอลุ่มยังบางเหมือนเดิม (1.4 หมื่นลบ.)แต่ฝรั่งดูจะแฮ็ปปี้ “ซื้อสุทธิ” ทั้งตลาด Spot (+265 ลบ.) และ Futures (+507 ลบ.)            DJ ทรงๆ แม้ข่าวลบเพียบ โดยปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ 10,466 จุด แม้จะเจอกับ 2 ข่าวร้าย คือ 1) ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.ดิ่งลง 11.3% y-y แย่กว่าคาดและต่ำสุดในรอบ 9เดือน และ 2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.และข้อมูลการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือน พ.ย.อ่อนแอเกินคาด ทั้งนี้ตลาดหุ้นสหรัฐวันนี้จะเปิดเทรดแค่ครึ่งวันส่วนวันศุกร์ปิดคริสมาสต์            น้ำมันแข็ง USD อ่อน ราคาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 2.27 USD (3%) @USD76.67/bbl หลังสต็อคน้ำมันร่วงลงเกินคาด ประกอบกับมีแรงขายทำกำไรใน USD หลังแข็งมา 6 วันติด โดย Dollar Index ปิดที่ 77.93 ลบ 0.5%

เปิดอ่าน9
ค่าบาทเปิดเช้าที่ 33.34-33.35 บ.

ค่าบาทเปิดเช้าที่ 33.34-33.35 บ.

นักค้าเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 33.34-33.35 บาทต่อดอลลาร์ โดยคาดว่าระหว่างวันจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.30-33.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยจะทรงตัวในระหว่างวัน โดยปัจจัยที่มีผลเกิดจากนักลงทุนได้มีการขายดอลลาร์ออกมาในระดับหนึ่ง    

เปิดอ่าน7
STEEL ปันผลอีก 0.20บ.-ควบรวมโซล่าฯ

STEEL ปันผลอีก 0.20บ.-ควบรวมโซล่าฯ

นายประสิทธิ์ อุ่นวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. สตีล อินเตอร์เทค (STEEL) เปิดเผยว่า ขอแจ้งมติคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 5/2552 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 ดังนี้ 1. อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ประจำปี 2552 จากกำไรสะสม ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท ทั้งนี้จะจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นตามรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 15 มกราคม 2553 และให้รวบรวมรายชื่อ ตามมาตรา 225 ของ พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ โดยวิธิปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 18 มกราคม 2553 โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 22 มกราคม 2553 2. คณะกรรมการมีความเห็นชอบในหลักการของแผนควบรวมกิจการระหว่างบริษัท สตีล อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) และบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด พันธมิตรทางธุรกิจในหมวดพลังงาน ซึ่งเป็นหมวดที่มีความมั่นคง มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และมีอัตราการเติบโตโดยตลอด การควบรวมจะทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง เพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทได้รับผลตอบแทนในอนาคตเพิ่มขึ้น  บริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด เป็นผู้ประกอบการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ และเป็นผู้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงเป็นผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว 350 ล้านบาท โดยมีคุณวันดี กุญชรยาคง และคุณชาญชัย กุลถาวรากร เป็นกรรมการและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งทั้งสองคนไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบันบริษัท โซล่า เพาเวอร์จำกัด มีโครงการการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 34 แห่ง และได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 1 ซึ่งจะดำเนินงานในเดือนมีนาคม 2553 โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 1 ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 6 เมกกะวัตต์ส่งขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทั้งจำนวน  ตามแผนการควบรวม บริษัทจะต้องออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด ในจำนวน 350 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ1.00 บาท โดยเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนจะนำไปซื้อหุ้นบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด จากผู้ถือหุ้นเดิม ทั้งนี้แผนการควบรวมดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน โดยอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการควบรวม ซึ่งได้มอบหมายให้นายประสิทธิ์ อุ่นวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้ดำเนินการตามที่เสนอ รวมถึงได้รับมอบอำนาจให้ลงนามในสัญญาว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่จำเป็น เช่น ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อประเมินมูลค่ากิจการ ผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน เป็นต้น และจะนำข้อมูลเกี่ยวกับแผนควบรวมกิจการทั้งหมด นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติในครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ทั้งนี้การได้มาซึ่งสินทรัพย์เป็นรายการขนาดใหญ่ หากคณะกรรมการบริษัทมีการอนุมัติให้ทำรายการบริษัทจะปฏิบัติตามเกณฑ์การได้มาและจำหน่ายไปตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และเกณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

เปิดอ่าน12
STEEL ปันผลอีก 0.20บ.-ควบรวมโซล่าฯ

STEEL ปันผลอีก 0.20บ.-ควบรวมโซล่าฯ

นายประสิทธิ์ อุ่นวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. สตีล อินเตอร์เทค (STEEL) เปิดเผยว่า ขอแจ้งมติคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 5/2552 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 ดังนี้ 1. อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ประจำปี 2552 จากกำไรสะสม ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท ทั้งนี้จะจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นตามรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 15 มกราคม 2553 และให้รวบรวมรายชื่อ ตามมาตรา 225 ของ พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ โดยวิธิปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 18 มกราคม 2553 โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 22 มกราคม 2553 2. คณะกรรมการมีความเห็นชอบในหลักการของแผนควบรวมกิจการระหว่างบริษัท สตีล อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) และบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด พันธมิตรทางธุรกิจในหมวดพลังงาน ซึ่งเป็นหมวดที่มีความมั่นคง มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และมีอัตราการเติบโตโดยตลอด การควบรวมจะทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง เพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทได้รับผลตอบแทนในอนาคตเพิ่มขึ้น  บริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด เป็นผู้ประกอบการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ และเป็นผู้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงเป็นผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว 350 ล้านบาท โดยมีคุณวันดี กุญชรยาคง และคุณชาญชัย กุลถาวรากร เป็นกรรมการและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งทั้งสองคนไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบันบริษัท โซล่า เพาเวอร์จำกัด มีโครงการการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 34 แห่ง และได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 1 ซึ่งจะดำเนินงานในเดือนมีนาคม 2553 โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 1 ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 6 เมกกะวัตต์ส่งขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทั้งจำนวน  ตามแผนการควบรวม บริษัทจะต้องออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด ในจำนวน 350 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ1.00 บาท โดยเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนจะนำไปซื้อหุ้นบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด จากผู้ถือหุ้นเดิม ทั้งนี้แผนการควบรวมดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน โดยอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการควบรวม ซึ่งได้มอบหมายให้นายประสิทธิ์ อุ่นวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้ดำเนินการตามที่เสนอ รวมถึงได้รับมอบอำนาจให้ลงนามในสัญญาว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่จำเป็น เช่น ที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อประเมินมูลค่ากิจการ ผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน เป็นต้น และจะนำข้อมูลเกี่ยวกับแผนควบรวมกิจการทั้งหมด นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติในครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ทั้งนี้การได้มาซึ่งสินทรัพย์เป็นรายการขนาดใหญ่ หากคณะกรรมการบริษัทมีการอนุมัติให้ทำรายการบริษัทจะปฏิบัติตามเกณฑ์การได้มาและจำหน่ายไปตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และเกณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

เปิดอ่าน9
SPPT ซื้อหุ้น บ.ย่อยเต็ม100%หวังหนุนธุรกิจ

SPPT ซื้อหุ้น บ.ย่อยเต็ม100%หวังหนุนธุรกิจ

              นายชาคริต เมธิกุลชนันทร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) หรือ SPPT ขอแจ้งการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ทจำกัด ดังต่อไปนี้         1. วันที่เกิดรายการ              ระยะเวลาภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2552          2. รายละเอียดของสินทรัพย์ที่ซื้อขาย              หุ้นสามัญของบริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด จำนวน 500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทดังกล่าวในมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้นรวม จำนวน 100,000 บาท บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์              ณ.วันที่ 30 กันยายน 2552 บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด มีขาดทุน สะสม จำนวน 9.5 ล้านบาท และงบกำไรขาดทุน (งวด 9 เดือน) มีกำไร 0.1 ล้านบาท          3. วัตถุประสงค์ในการซื้อ              1. เพื่อเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจประเภทใหม่ ประหยัดค่าใช้จ่าย และเวลาในการจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่              2. บริษัทสามารถใช้สิทธินำขาดทุนสะสมดังกล่าวเพื่อประโยชน์ทางภาษี          4. ความสัมพันธ์กับผู้ขาย              ผู้ขาย :           บริษัท T. I. MEC CO, LTD. จดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่นและเป็นผู้ถือหุ้นเดิมในบริษัทย่อย              ผู้ซื้อ :            บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)              ความสัมพันธ์ :      บริษัท T. I. MEC CO, LTD. ไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัท โดยไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันแต่อย่างใด          5. ราคาหุ้นสามัญที่ซื้อขายและเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดราคา          รวมราคาซื้อขายหุ้นทั้งสิ้น จำนวน 100,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยผู้ขายจะโอนหุ้นที่ซื้อขายให้กับบริษัทภายในเดือนธันวาคม 2552           6. สัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทในบริษัทย่อย          จากเดิมก่อนการซื้อขาย 50 %           จำนวน   500,000 หุ้น          หลังจากการซื้อขายแล้ว 100%           จำนวน 1,000,000 หุ้น           อนึ่ง การได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวข้างต้น เมื่อคิดคำนวณขนาดของรายการแล้ว ไม่ถึงเกณฑ์ตามข้อกำหนดที่ต้องดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน แต่บริษัทมีหน้าที่ที่ต้องรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และ วิธีการเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศและการปฎิบัติการใดๆของบริษัทจดทะเบียน

เปิดอ่าน5
N-PARKเตรียมอุทธรณ์คำสั่งให้ชำระ ดบ.7.5%

N-PARKเตรียมอุทธรณ์คำสั่งให้ชำระ ดบ.7.5%

นายจุมพลภัทร์ พูลทรัพย์ ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ บมจ. แนเชอรัล พาร์ค(N-PARK) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 48 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของสถาบันการเงินที่ล้มละลายแห่งหนึ่ง(บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ธนนคร จำกัด (มหาชน)) ได้มีหนังสือแจ้งให้บริษัทชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ จำนวน 31,912,858.21 บาท ในมูลหนี้หุ้นกู้ที่องค์การ เพื่อการปฏิรูปสถาบันการเงิน (ปรส.) ได้ประมูลขายให้แก่ผู้อื่นไปแล้ว พร้อมทั้งดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ12.50 ต่อปี ของต้นเงิน 25 ล้านบาท นับแต่วันที่ 19 มกราคม 2543 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ และดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราถัวเฉลี่ยของเงินฝากประจำ 1 ปี ที่ประกาศใช้โดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บวกด้วยอัตราร้อยละ 3.50 ต่อปี ของต้นเงิน 25 ล้านบาท นับแต่วันที่ 19 มกราคม 2543 เป็นต้นไป ทั้งนี้ บริษัทได้ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาลล้มละลายกลางแล้ว นั้น บริษัทขอรายงานความคืบหน้าของคดีความ ดังนี้เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2552 ศาลล้มละลายกลางพิพากษาให้แก้คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในส่วนให้ผู้ร้องชำระดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินมูลหนี้ค่าดอกเบี้ยค้างชำระจำนวน31,912,858.21 บาท นับแต่วันที่ 19 มกราคม 2543 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ธนนคร จำกัด (มหาชน) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ คำขออื่นของบริษัทให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับอย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลล้มละลายกลางดังกล่าวต่อศาลฎีกา หากบริษัทมีความคืบหน้าประการใด จะแจ้งให้ท่านทราบต่อไป  

เปิดอ่าน5
ซันไชน์ฯ ขายหุ้น GEN-MIDA

ซันไชน์ฯ ขายหุ้น GEN-MIDA

ซันไชน์ อินเตอร์เนชันแนล บิสสิเนส ขายหุ้น GEN ออก 8.58% ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่น ขายออก 4.2% และ MIDA ขายออก 6.19% สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการจำหน่ายหุ้นของ บมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) โดย บริษัท ซันไชน์ อินเตอร์เนชันแนล บิสสิเนส จำกัด ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 18/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -8.58% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 12.67% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ และได้รับรายงานการจำหน่ายหุ้นของ บมจ. เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) โดย บมจ. ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่นซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 21/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -4.2% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 8.47% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ รวมทั้งได้รับรายงานการจำหน่าย หุ้นของบมจ. เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) โดย บมจ. ไมด้า แอสเซ็ท (MIDA) ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 18/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -6.19% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 1.16% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

เปิดอ่าน7
SPPT ซื้อหุ้น บ.ย่อยเต็ม100%หวังหนุนธุรกิจ

SPPT ซื้อหุ้น บ.ย่อยเต็ม100%หวังหนุนธุรกิจ

              นายชาคริต เมธิกุลชนันทร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) หรือ SPPT ขอแจ้งการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ทจำกัด ดังต่อไปนี้         1. วันที่เกิดรายการ              ระยะเวลาภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2552          2. รายละเอียดของสินทรัพย์ที่ซื้อขาย              หุ้นสามัญของบริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด จำนวน 500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทดังกล่าวในมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้นรวม จำนวน 100,000 บาท บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์              ณ.วันที่ 30 กันยายน 2552 บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด มีขาดทุน สะสม จำนวน 9.5 ล้านบาท และงบกำไรขาดทุน (งวด 9 เดือน) มีกำไร 0.1 ล้านบาท          3. วัตถุประสงค์ในการซื้อ              1. เพื่อเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจประเภทใหม่ ประหยัดค่าใช้จ่าย และเวลาในการจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่              2. บริษัทสามารถใช้สิทธินำขาดทุนสะสมดังกล่าวเพื่อประโยชน์ทางภาษี          4. ความสัมพันธ์กับผู้ขาย              ผู้ขาย :           บริษัท T. I. MEC CO, LTD. จดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่นและเป็นผู้ถือหุ้นเดิมในบริษัทย่อย              ผู้ซื้อ :            บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)              ความสัมพันธ์ :      บริษัท T. I. MEC CO, LTD. ไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัท โดยไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันแต่อย่างใด          5. ราคาหุ้นสามัญที่ซื้อขายและเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดราคา          รวมราคาซื้อขายหุ้นทั้งสิ้น จำนวน 100,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยผู้ขายจะโอนหุ้นที่ซื้อขายให้กับบริษัทภายในเดือนธันวาคม 2552           6. สัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทในบริษัทย่อย          จากเดิมก่อนการซื้อขาย 50 %           จำนวน   500,000 หุ้น          หลังจากการซื้อขายแล้ว 100%           จำนวน 1,000,000 หุ้น           อนึ่ง การได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวข้างต้น เมื่อคิดคำนวณขนาดของรายการแล้ว ไม่ถึงเกณฑ์ตามข้อกำหนดที่ต้องดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน แต่บริษัทมีหน้าที่ที่ต้องรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และ วิธีการเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศและการปฎิบัติการใดๆของบริษัทจดทะเบียน

เปิดอ่าน8
ซันไชน์ฯ ขายหุ้น GEN-MIDA

ซันไชน์ฯ ขายหุ้น GEN-MIDA

ซันไชน์ อินเตอร์เนชันแนล บิสสิเนส ขายหุ้น GEN ออก 8.58% ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่น ขายออก 4.2% และ MIDA ขายออก 6.19% สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการจำหน่ายหุ้นของ บมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) โดย บริษัท ซันไชน์ อินเตอร์เนชันแนล บิสสิเนส จำกัด ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 18/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -8.58% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 12.67% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ และได้รับรายงานการจำหน่ายหุ้นของ บมจ. เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) โดย บมจ. ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่นซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 21/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -4.2% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 8.47% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ รวมทั้งได้รับรายงานการจำหน่าย หุ้นของบมจ. เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) โดย บมจ. ไมด้า แอสเซ็ท (MIDA) ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 18/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น -6.19% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 1.16% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

เปิดอ่าน7
N-PARKเตรียมอุทธรณ์คำสั่งให้ชำระ ดบ.7.5%

N-PARKเตรียมอุทธรณ์คำสั่งให้ชำระ ดบ.7.5%

นายจุมพลภัทร์ พูลทรัพย์ ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ บมจ. แนเชอรัล พาร์ค(N-PARK) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 48 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของสถาบันการเงินที่ล้มละลายแห่งหนึ่ง(บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ธนนคร จำกัด (มหาชน)) ได้มีหนังสือแจ้งให้บริษัทชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ จำนวน 31,912,858.21 บาท ในมูลหนี้หุ้นกู้ที่องค์การ เพื่อการปฏิรูปสถาบันการเงิน (ปรส.) ได้ประมูลขายให้แก่ผู้อื่นไปแล้ว พร้อมทั้งดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ12.50 ต่อปี ของต้นเงิน 25 ล้านบาท นับแต่วันที่ 19 มกราคม 2543 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ และดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราถัวเฉลี่ยของเงินฝากประจำ 1 ปี ที่ประกาศใช้โดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บวกด้วยอัตราร้อยละ 3.50 ต่อปี ของต้นเงิน 25 ล้านบาท นับแต่วันที่ 19 มกราคม 2543 เป็นต้นไป ทั้งนี้ บริษัทได้ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาลล้มละลายกลางแล้ว นั้น บริษัทขอรายงานความคืบหน้าของคดีความ ดังนี้เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2552 ศาลล้มละลายกลางพิพากษาให้แก้คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในส่วนให้ผู้ร้องชำระดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินมูลหนี้ค่าดอกเบี้ยค้างชำระจำนวน31,912,858.21 บาท นับแต่วันที่ 19 มกราคม 2543 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ธนนคร จำกัด (มหาชน) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ คำขออื่นของบริษัทให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับอย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลล้มละลายกลางดังกล่าวต่อศาลฎีกา หากบริษัทมีความคืบหน้าประการใด จะแจ้งให้ท่านทราบต่อไป  

เปิดอ่าน7
บล.ธนชาต รายงานภาวะตลาดหุ้น 24/12/52

บล.ธนชาต รายงานภาวะตลาดหุ้น 24/12/52

บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 24/12/52             ทุกครั้งที่ฝรั่งซื้อสุทธิทั้ง 2 ตลาด (Spot & Futures) จะทำให้ SET ไปต่ออีกวัน ประเมินวันนี้ขึ้นไปทดสอบ 735 จุด เน้นเล่นรอบเก็งกำไรต่อใน PTT & PTTCH หลังมีหวังที่จะได้รับไฟเขียวจากศาลต่อจากเหล็กสยามยามาโมโตะ ทั้งนี้ระยะยาวยังต้องจับตาการแก้ปัญหามาบตาพุดแบบบูรณาการ รวมถึงอุณหภูมิการเมืองที่จะกลับมาร้อนขึ้นอีกครั้งก่อนศาลตัดสินคดียึดทรัพย์อดีตนายกฯ ประเด็นสำคัญวันนี้ SET Index movement           ความหวังที่อีก 18 โครงการที่มาบตาพุดจะหลุดบ่วงกรรมเริ่มเป็นจริง หลังล่าสุดศาลฯอนุญาตให้โครงการของเหล็กสยามยามาโมโตะ (SCC ถือหุ้นแค่ 10% ในขณะที่โครงการของ SCC เองกลับไม่เข้าข่าย 19 โครงการที่ครม.มีมติให้ยื่นอุทธรณ์) เปิดดำเนินงานได้ตามปกติ เพราะได้รับใบอนุญาตก่อนที่รธน.ปี 50 มีผลบังคับใช้ รายต่อไปคือครอบครัว PTTที่ได้ยื่นอุทธรณ์ 9 โครงการ (รวมถึงโรงแยกก๊าซแห่งที่ 6 ของ PTT) ต่อศาลฯเรียบร้อยแล้ว               รัฐคาด GDP 4Q09 พลิกมาเป็นบวก 2.7-3.2% y-y แต่ทั้งปียังติดลบ 3% ขณะที่ปีหน้าคาด +3.5% y-y จากแรงหนุนของส่งออกและการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ ขณะที่การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนขึ้นอยู่กับการเมืองและการแก้ปัญหามาบตาพุด               อุณหภูมิการเมืองเริ่มร้อน หลังกลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุม 27-28 ธ.ค. เพื่อเรียกน้ำย่อย ซึ่งจากนี้ไปต้องจับตาสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด อาจมีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นก่อนที่ศาลฎีกาฯจะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นลบ. ของอดีตนายกฯทักษิณ โดยการไต่สวนพยานนัดสุดท้ายจะทำในวันที่ 12 และ 14 ม.ค.10 แล้วหลังจากนั้นศาลฯจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือนเพื่อชี้ขาด              CK “ขายทำกำไร” หลังเชื่อราคาสะท้อนข่าวดีไปแล้ว 2 วันวิ่งไป 8% เหลือ Upside แค่ 10% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ย (จาก Bloomberg) ในปีหน้า @ 6.90 บาท โดย 2 ข่าวดีที่เข้ามาหนุนราคาหุ้น คือ 1) คาดได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจากการขาย TTW และ 2) ราคาต้องวิ่งขึ้นเพื่อจูงใจให้คนมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนหุ้น (CK ประกาศเพิ่มทุน 7:1 @ 5.34 บาท XR 2 ก.พ.10) แต่ทั้งนี้ 2 เรื่องถือเป็นแค่ข่าวดี “ชั่วคราว” ในขณะที่ระยะยาวต้องดูที่ศักยภาพการทำกำไรอิงราคาปิด @ 6.25 บาท เหลือ Upside แค่ 10% จากเป้าเฉลี่ย @ 6.90 บาท “ขายทำกำไร”             CGS เปิดเทรดวันนี้ ราคาตามทฤษฎีอยู่ที่ 0.92 บาท (vs. ราคาปิดก่อน SP @ 1.07 บาท) โดยในช่วง 8 วันทำการที่ขึ้น SP (14-23 ธ.ค.) ได้ทำใน 3 เรื่องเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ลดทุนเพิ่มทุน และแจกวอร์แรนต์ สรุปภาพตลาดวานนี้            ตามคาด SET บวก 5 จุด ปิดที่ 730 จุด ด้วยแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มครอบครัว PTT & SCC หลังเริ่มเห็นทางออกใน 19 จากทั้งหมด 65 โครงการที่ถูกศาลฯสั่งระงับกิจการชั่วคราว ที่มีโอกาสยื่นอุทธรณ์และชนะคือกลับมาเปิดดำเนินงานได้ตามปกติเช่นเดียวกับ “โครงการเหล็กสยามยามาโตะ” ที่วานนี้ศาลฯกลับคำตัดสินโดยให้ไฟเขียวหลังพบว่าโครงการดังกล่าวได้รับใบอนุญาตก่อนที่รธน.ปี 50 มีผลบังคับใช้ แม้วานนี้วอลุ่มยังบางเหมือนเดิม (1.4 หมื่นลบ.)แต่ฝรั่งดูจะแฮ็ปปี้ “ซื้อสุทธิ” ทั้งตลาด Spot (+265 ลบ.) และ Futures (+507 ลบ.)            DJ ทรงๆ แม้ข่าวลบเพียบ โดยปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ 10,466 จุด แม้จะเจอกับ 2 ข่าวร้าย คือ 1) ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.ดิ่งลง 11.3% y-y แย่กว่าคาดและต่ำสุดในรอบ 9เดือน และ 2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.และข้อมูลการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือน พ.ย.อ่อนแอเกินคาด ทั้งนี้ตลาดหุ้นสหรัฐวันนี้จะเปิดเทรดแค่ครึ่งวันส่วนวันศุกร์ปิดคริสมาสต์            น้ำมันแข็ง USD อ่อน ราคาน้ำมัน NYMEX ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 2.27 USD (3%) @USD76.67/bbl หลังสต็อคน้ำมันร่วงลงเกินคาด ประกอบกับมีแรงขายทำกำไรใน USD หลังแข็งมา 6 วันติด โดย Dollar Index ปิดที่ 77.93 ลบ 0.5%

เปิดอ่าน5
SPPT ซื้อหุ้น บ.ย่อยเต็ม100%หวังหนุนธุรกิจ

SPPT ซื้อหุ้น บ.ย่อยเต็ม100%หวังหนุนธุรกิจ

              นายชาคริต เมธิกุลชนันทร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) หรือ SPPT ขอแจ้งการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ทจำกัด ดังต่อไปนี้         1. วันที่เกิดรายการ              ระยะเวลาภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2552          2. รายละเอียดของสินทรัพย์ที่ซื้อขาย              หุ้นสามัญของบริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด จำนวน 500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทดังกล่าวในมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้นรวม จำนวน 100,000 บาท บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์              ณ.วันที่ 30 กันยายน 2552 บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด มีขาดทุน สะสม จำนวน 9.5 ล้านบาท และงบกำไรขาดทุน (งวด 9 เดือน) มีกำไร 0.1 ล้านบาท          3. วัตถุประสงค์ในการซื้อ              1. เพื่อเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจประเภทใหม่ ประหยัดค่าใช้จ่าย และเวลาในการจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่              2. บริษัทสามารถใช้สิทธินำขาดทุนสะสมดังกล่าวเพื่อประโยชน์ทางภาษี          4. ความสัมพันธ์กับผู้ขาย              ผู้ขาย :           บริษัท T. I. MEC CO, LTD. จดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่นและเป็นผู้ถือหุ้นเดิมในบริษัทย่อย              ผู้ซื้อ :            บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)              ความสัมพันธ์ :      บริษัท T. I. MEC CO, LTD. ไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัท โดยไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันแต่อย่างใด          5. ราคาหุ้นสามัญที่ซื้อขายและเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดราคา          รวมราคาซื้อขายหุ้นทั้งสิ้น จำนวน 100,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยผู้ขายจะโอนหุ้นที่ซื้อขายให้กับบริษัทภายในเดือนธันวาคม 2552           6. สัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทในบริษัทย่อย          จากเดิมก่อนการซื้อขาย 50 %           จำนวน   500,000 หุ้น          หลังจากการซื้อขายแล้ว 100%           จำนวน 1,000,000 หุ้น           อนึ่ง การได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวข้างต้น เมื่อคิดคำนวณขนาดของรายการแล้ว ไม่ถึงเกณฑ์ตามข้อกำหนดที่ต้องดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน แต่บริษัทมีหน้าที่ที่ต้องรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และ วิธีการเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศและการปฎิบัติการใดๆของบริษัทจดทะเบียน

เปิดอ่าน7