อ่านข่าวย้อนหลัง ทั้งหมด หน้า 26913

เนื้อหาทั้งหมด

เนื้อหาทั้งหมด ใหม่ล่าสุด

เนื้อหาทั้งหมด
ใหม่ล่าสุด
เอสเอ็มอีแบงก์ มั่นใจสินเชื่อใหม่ปีนี้แตะ 4.45 หมื่นล.

เอสเอ็มอีแบงก์ มั่นใจสินเชื่อใหม่ปีนี้แตะ 4.45 หมื่นล.

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปีนี้เป็นปีที่ธนาคารพลิกฟื้นผลประกอบการทุกด้าน โดยภายในสิ้นปี 2552 คาดว่าจะอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่ได้ถึง 4.45 หมื่นล้านบาท โดย ณ วันที่ 18 ธ.ค. 2552 มียอดอนุมัติสินเชื่ออยู่ที่ 43,960 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการทะลุเป้าที่ธนาคารตั้งไว้ 4.35 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นการขยายตัวจากปี 2551 เพิ่มขึ้น 112% ถือเป็นผลงานสูงสุดในรอบ 7 ปีของการก่อตั้งธนาคาร ทั้งนี้ธนาคารสามารถก่อให้เกิดการจ้างงานสูงสุดถึง 8.6 หมื่นคนและส่งผลให้ธนาคารคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ300ล้านบาทจากที่เคยขาดทุนต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา3ปีรวมทั้งสามารถลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ให้อยู่ที่ประมาณ 38.72% จากที่อยู่ในระดับ 50% เมื่อปี 2551 สำหรับเป้าหมายของธนาคารในปี 2553 ตั้งเป้าเพิ่มยอดสินเชื่อคงค้างโต 20% หรือคิดเป็นสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันยอดสินเชื่อคงค้างที่ 5.5 หมื่นล้านบาท  อีกทั้งตั้งเป้าลดเอ็นพีแอลให้เหลือ 20% ทั้งนี้ธนาคารจะเน้นลูกค้าเชิงสังคม และสนับสนุนนโยบายภาครัฐ อาทิ กลุ่มโอท็อป แฟรนไชส์  หนี้นอกระบบ และกลุ่มเป้าหมายของรัฐบาล อาทิ ธุรกิจพลังงานทดแทน แปรรูปสินค้าเกษตร ธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงจะเน้นลูกค้าที่มีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจตามการขยายตัวของชุมชน นอกจากนี้ธนาคารจะเพิ่มบทบาทสาขาให้เป็น วันสต็อปเซอร์วิส ที่ให้บริการแบบครบวงจรแก่ลูกค้ารายย่อย ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 15 ล้านบาท และธนาคารจะเน้นความรวดเร็วในการอนุมัติสินเชื่อไม่เกิน 45 วัน นอกจากนี้ธนาคารได้มีการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์เป็นสถาบันการเงินหลักที่ช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย โดยมีพันธกิจ 4 ด้านได้แก่ การสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย ให้บริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการ ส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอีไทยควบคู่สนับสนุนเงินทุนและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบการจัดการองค์กร เพื่อให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

เปิดอ่าน9
คลัง ชี้ กม.ภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างเข้าครม.ต้นปีหน้า

คลัง ชี้ กม.ภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างเข้าครม.ต้นปีหน้า

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมนำร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในต้นปีหน้า ตามแนวคิดเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ผลักดันร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯดังกล่าวเพื่อให้เกิดการจัดเก็บให้มีความยุติธรรมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเพื่อให้มีความสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน  ทั้งนี้ตามขั้นตอนหลังร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้วจะเสนอให้กับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณา  ซึ่งเชื่อว่าจะมีข้อถกเถียงอย่างเป็นวงกว้าง และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกพ.ร.บ.ในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังจะยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิม โดยจะจัดเก็บโดยคำนึงถึงพื้นฐานความมั่นคงของรายได้ประชาชนมากกว่าที่จะจัดเก็บตามรายได้ที่เป็นจริงของผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความยุติธรรมในการกระจายรายได้ในระยะยาว โดยกระทรวงการคลังจะประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้(22ธ.ค.52)กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณามาตรการภาษีบางประเภท ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถส่งสัญญาณให้กับประชาชนได้ ส่วนมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์แบ่งเป็นให้นำเงินจากการซื้อบ้านใหม่ที่จะโอนในปี 2553 นำมาลดหย่อนภาษีได้ในวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ซึ่งจะหมดอายุภายในสิ้นปีนี้นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะต่อหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาวัตถุประสงค์ของรัฐบาลมีความต้องการให้ประชาชนโอนบ้านให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งขณะนี้นโยบายดังกล่าวประสบความสำเร็จพอสมควร สำหรับมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้ โดยการให้นำเงินจ่ายชำระค่าซื้อบ้านใหม่มาคำนวณลดหย่อนภาษี 3 แสนบาท จะหมดอายุ 30 ธ.ค.2552 ขณะที่ การลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เหลือ 0.1%, ค่าธรรมเนียมการโอนฯ และจดจำนองจาก 2% และ 1% เหลือ 0.01% จะหมดอายุ เดือนมี.ค.2553 นั้น ยังไม่สามารถตอบได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากจะไม่เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้การพิจารณาจะนำภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมาประกอบด้วย 'หากรัฐบาลจะต่ออายุมาตรการภาษีก็ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจภายในปีนี้ ซึ่งรัฐบาลสามารถให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีได้ ส่วนเรื่องที่ตลาดได้คาดการณ์ว่ารัฐบาลจะต่ออายุมาตรการอสังหาฯ นั้น ถือเป็นเรื่องของตลาด ซึ่งในฐานะรมว.คลังไม่สามารถพูดถึงนโยบายภาษีล่วงหน้าได้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งในที่ประชุมครม.พรุ่งนี้จะมีมาตรการภาษีให้ครม.พิจารณาบ้าง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นมาตรการใด โดยส่วนหนึ่งเป็นข้อเสนอของกรอ.' รมว.คลัง กล่าว               

เปิดอ่าน9
SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

นายอารักษ์ ราษฏร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 คาดการณ์ผลการดำเนินงานจะมีผลขาดทุน เพราะงวด 9 เดือนแรกบริษัทฯ มีผลขาดทุนแล้วประมาณ 13 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในปี 2553 จะพลิกกลับมามีกำไร และรายได้น่าจะเติบโตกว่าในปี 2552 เพราะมีการเข้าไปรุกธุรกิจสื่อสมัยใหม่ หรือ นิวมีเดีย รวมถึงคาดการณ์รายได้ในส่วนของธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าในปีหน้า บริษัทฯ จะเข้าไปรุกในส่วนของนิวมีเดีย แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นปีที่เพิ่งเริ่มลงทุน จึงอาจจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนิวมีเดียอาจจะขยับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยที่สุดแล้วโครงสร้างรายได้ก็จะมาจาก 3 ส่วนธุรกิจ คือ ซอฟต์แวร์ นิวมีเดีย และสื่อสิ่งพิมพ์ เท่าๆกัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 2554 อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์นั้น บริษัทฯ ยังดำเนินการอยู่ เพราะว่ายังมีฐานลูกค้าเดิมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการขยายออกไปทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและแง่อื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมในธุรกิจนิวมีเดีย ซึ่งบริษัทฯ มองว่าธุรกิจนิวมีเดียยังมีช่องว่าง ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีบุคลากรที่สามารถพัฒนาโปรแกรมและวิเคราะห์ข้อมูล โดยในอนาคตบริษัทย่อยที่ได้จัดตั้งคือ บริษัท สปริงคอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็จะเข้ามาช่วยผลิตและเสนอข่าวสารผ่านทางสื่อสมัยใหม่ โดยอาจจะผลิตผ่านทีวีดาวเทียม ซึ่งก็มองว่าคอนเทนต์ต่างๆก็สามารถที่จะนำมาเชื่อมโยงและเพิ่มมูลค่าได้นายอารักษ์ กล่าวว่า อีกว่า ปี 2553 บริษัทฯวางเงินลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท สำหรับรุกธุรกิจนิวมีเดีย เช่น ดิจิตอลมีเดีย มัลติมีเดีย มัลติชาแนล อาทิ แซทเทิลไลท์ ทีวี ฟรีทีวีอินเตอร์เน็ต ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะทำแซทเทิลไลท์ ทีวี ประมาณ 2 ช่อง โดยจะเสนอรายการข่าว 1 ช่อง ส่วนอีก 1 ช่องก็อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็มองว่าแซทเทิลไลท์ ทีวีก็ยังมีการเติบโตและงบลงทุนในปัจจุบันก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต โดยใช้เงินลงทุนต่อช่องไม่เกิน 70-80 ล้านบาท  ซึ่งรายการที่จะเสนอจะเป็นลักษณะการรายงานเหตุการณ์ที่ผ่านมา การรายงนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร และการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตเป็นในแนวของการวิเคราะห์ข่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนระยะยาว 2-3 ปีบริษัทฯก็มีแผนการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตลาดและโอกาสทางธุรกิจสำหรับธุรกิจไอซีที โดยใช้เงินไม่เกิน 200 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจนิวมีเดียใช้เงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ไม่เกิน 300 ล้านบาท และสุดท้ายสำรองไว้สำหรับการลงทุนในอนาคตไ

เปิดอ่าน4
SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

นายอารักษ์ ราษฏร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 คาดการณ์ผลการดำเนินงานจะมีผลขาดทุน เพราะงวด 9 เดือนแรกบริษัทฯ มีผลขาดทุนแล้วประมาณ 13 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในปี 2553 จะพลิกกลับมามีกำไร และรายได้น่าจะเติบโตกว่าในปี 2552 เพราะมีการเข้าไปรุกธุรกิจสื่อสมัยใหม่ หรือ นิวมีเดีย รวมถึงคาดการณ์รายได้ในส่วนของธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าในปีหน้า บริษัทฯ จะเข้าไปรุกในส่วนของนิวมีเดีย แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นปีที่เพิ่งเริ่มลงทุน จึงอาจจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนิวมีเดียอาจจะขยับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยที่สุดแล้วโครงสร้างรายได้ก็จะมาจาก 3 ส่วนธุรกิจ คือ ซอฟต์แวร์ นิวมีเดีย และสื่อสิ่งพิมพ์ เท่าๆกัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 2554 อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์นั้น บริษัทฯ ยังดำเนินการอยู่ เพราะว่ายังมีฐานลูกค้าเดิมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการขยายออกไปทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและแง่อื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมในธุรกิจนิวมีเดีย ซึ่งบริษัทฯ มองว่าธุรกิจนิวมีเดียยังมีช่องว่าง ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีบุคลากรที่สามารถพัฒนาโปรแกรมและวิเคราะห์ข้อมูล โดยในอนาคตบริษัทย่อยที่ได้จัดตั้งคือ บริษัท สปริงคอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็จะเข้ามาช่วยผลิตและเสนอข่าวสารผ่านทางสื่อสมัยใหม่ โดยอาจจะผลิตผ่านทีวีดาวเทียม ซึ่งก็มองว่าคอนเทนต์ต่างๆก็สามารถที่จะนำมาเชื่อมโยงและเพิ่มมูลค่าได้นายอารักษ์ กล่าวว่า อีกว่า ปี 2553 บริษัทฯวางเงินลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท สำหรับรุกธุรกิจนิวมีเดีย เช่น ดิจิตอลมีเดีย มัลติมีเดีย มัลติชาแนล อาทิ แซทเทิลไลท์ ทีวี ฟรีทีวีอินเตอร์เน็ต ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะทำแซทเทิลไลท์ ทีวี ประมาณ 2 ช่อง โดยจะเสนอรายการข่าว 1 ช่อง ส่วนอีก 1 ช่องก็อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็มองว่าแซทเทิลไลท์ ทีวีก็ยังมีการเติบโตและงบลงทุนในปัจจุบันก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต โดยใช้เงินลงทุนต่อช่องไม่เกิน 70-80 ล้านบาท  ซึ่งรายการที่จะเสนอจะเป็นลักษณะการรายงานเหตุการณ์ที่ผ่านมา การรายงนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร และการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตเป็นในแนวของการวิเคราะห์ข่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนระยะยาว 2-3 ปีบริษัทฯก็มีแผนการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตลาดและโอกาสทางธุรกิจสำหรับธุรกิจไอซีที โดยใช้เงินไม่เกิน 200 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจนิวมีเดียใช้เงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ไม่เกิน 300 ล้านบาท และสุดท้ายสำรองไว้สำหรับการลงทุนในอนาคตไ

เปิดอ่าน6
คลัง ชี้ กม.ภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างเข้าครม.ต้นปีหน้า

คลัง ชี้ กม.ภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างเข้าครม.ต้นปีหน้า

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมนำร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในต้นปีหน้า ตามแนวคิดเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ผลักดันร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯดังกล่าวเพื่อให้เกิดการจัดเก็บให้มีความยุติธรรมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเพื่อให้มีความสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน  ทั้งนี้ตามขั้นตอนหลังร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้วจะเสนอให้กับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณา  ซึ่งเชื่อว่าจะมีข้อถกเถียงอย่างเป็นวงกว้าง และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกพ.ร.บ.ในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังจะยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิม โดยจะจัดเก็บโดยคำนึงถึงพื้นฐานความมั่นคงของรายได้ประชาชนมากกว่าที่จะจัดเก็บตามรายได้ที่เป็นจริงของผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความยุติธรรมในการกระจายรายได้ในระยะยาว โดยกระทรวงการคลังจะประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้(22ธ.ค.52)กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณามาตรการภาษีบางประเภท ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถส่งสัญญาณให้กับประชาชนได้ ส่วนมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์แบ่งเป็นให้นำเงินจากการซื้อบ้านใหม่ที่จะโอนในปี 2553 นำมาลดหย่อนภาษีได้ในวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ซึ่งจะหมดอายุภายในสิ้นปีนี้นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะต่อหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาวัตถุประสงค์ของรัฐบาลมีความต้องการให้ประชาชนโอนบ้านให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งขณะนี้นโยบายดังกล่าวประสบความสำเร็จพอสมควร สำหรับมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้ โดยการให้นำเงินจ่ายชำระค่าซื้อบ้านใหม่มาคำนวณลดหย่อนภาษี 3 แสนบาท จะหมดอายุ 30 ธ.ค.2552 ขณะที่ การลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เหลือ 0.1%, ค่าธรรมเนียมการโอนฯ และจดจำนองจาก 2% และ 1% เหลือ 0.01% จะหมดอายุ เดือนมี.ค.2553 นั้น ยังไม่สามารถตอบได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากจะไม่เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้การพิจารณาจะนำภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมาประกอบด้วย 'หากรัฐบาลจะต่ออายุมาตรการภาษีก็ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจภายในปีนี้ ซึ่งรัฐบาลสามารถให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีได้ ส่วนเรื่องที่ตลาดได้คาดการณ์ว่ารัฐบาลจะต่ออายุมาตรการอสังหาฯ นั้น ถือเป็นเรื่องของตลาด ซึ่งในฐานะรมว.คลังไม่สามารถพูดถึงนโยบายภาษีล่วงหน้าได้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งในที่ประชุมครม.พรุ่งนี้จะมีมาตรการภาษีให้ครม.พิจารณาบ้าง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นมาตรการใด โดยส่วนหนึ่งเป็นข้อเสนอของกรอ.' รมว.คลัง กล่าว               

เปิดอ่าน7
SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

นายอารักษ์ ราษฏร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 คาดการณ์ผลการดำเนินงานจะมีผลขาดทุน เพราะงวด 9 เดือนแรกบริษัทฯ มีผลขาดทุนแล้วประมาณ 13 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในปี 2553 จะพลิกกลับมามีกำไร และรายได้น่าจะเติบโตกว่าในปี 2552 เพราะมีการเข้าไปรุกธุรกิจสื่อสมัยใหม่ หรือ นิวมีเดีย รวมถึงคาดการณ์รายได้ในส่วนของธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าในปีหน้า บริษัทฯ จะเข้าไปรุกในส่วนของนิวมีเดีย แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นปีที่เพิ่งเริ่มลงทุน จึงอาจจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนิวมีเดียอาจจะขยับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยที่สุดแล้วโครงสร้างรายได้ก็จะมาจาก 3 ส่วนธุรกิจ คือ ซอฟต์แวร์ นิวมีเดีย และสื่อสิ่งพิมพ์ เท่าๆกัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 2554 อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์นั้น บริษัทฯ ยังดำเนินการอยู่ เพราะว่ายังมีฐานลูกค้าเดิมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการขยายออกไปทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและแง่อื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมในธุรกิจนิวมีเดีย ซึ่งบริษัทฯ มองว่าธุรกิจนิวมีเดียยังมีช่องว่าง ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีบุคลากรที่สามารถพัฒนาโปรแกรมและวิเคราะห์ข้อมูล โดยในอนาคตบริษัทย่อยที่ได้จัดตั้งคือ บริษัท สปริงคอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็จะเข้ามาช่วยผลิตและเสนอข่าวสารผ่านทางสื่อสมัยใหม่ โดยอาจจะผลิตผ่านทีวีดาวเทียม ซึ่งก็มองว่าคอนเทนต์ต่างๆก็สามารถที่จะนำมาเชื่อมโยงและเพิ่มมูลค่าได้นายอารักษ์ กล่าวว่า อีกว่า ปี 2553 บริษัทฯวางเงินลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท สำหรับรุกธุรกิจนิวมีเดีย เช่น ดิจิตอลมีเดีย มัลติมีเดีย มัลติชาแนล อาทิ แซทเทิลไลท์ ทีวี ฟรีทีวีอินเตอร์เน็ต ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะทำแซทเทิลไลท์ ทีวี ประมาณ 2 ช่อง โดยจะเสนอรายการข่าว 1 ช่อง ส่วนอีก 1 ช่องก็อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็มองว่าแซทเทิลไลท์ ทีวีก็ยังมีการเติบโตและงบลงทุนในปัจจุบันก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต โดยใช้เงินลงทุนต่อช่องไม่เกิน 70-80 ล้านบาท  ซึ่งรายการที่จะเสนอจะเป็นลักษณะการรายงานเหตุการณ์ที่ผ่านมา การรายงนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร และการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตเป็นในแนวของการวิเคราะห์ข่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนระยะยาว 2-3 ปีบริษัทฯก็มีแผนการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตลาดและโอกาสทางธุรกิจสำหรับธุรกิจไอซีที โดยใช้เงินไม่เกิน 200 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจนิวมีเดียใช้เงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ไม่เกิน 300 ล้านบาท และสุดท้ายสำรองไว้สำหรับการลงทุนในอนาคตไ

เปิดอ่าน4
SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

นายอารักษ์ ราษฏร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 คาดการณ์ผลการดำเนินงานจะมีผลขาดทุน เพราะงวด 9 เดือนแรกบริษัทฯ มีผลขาดทุนแล้วประมาณ 13 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในปี 2553 จะพลิกกลับมามีกำไร และรายได้น่าจะเติบโตกว่าในปี 2552 เพราะมีการเข้าไปรุกธุรกิจสื่อสมัยใหม่ หรือ นิวมีเดีย รวมถึงคาดการณ์รายได้ในส่วนของธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าในปีหน้า บริษัทฯ จะเข้าไปรุกในส่วนของนิวมีเดีย แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นปีที่เพิ่งเริ่มลงทุน จึงอาจจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนิวมีเดียอาจจะขยับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยที่สุดแล้วโครงสร้างรายได้ก็จะมาจาก 3 ส่วนธุรกิจ คือ ซอฟต์แวร์ นิวมีเดีย และสื่อสิ่งพิมพ์ เท่าๆกัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 2554 อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์นั้น บริษัทฯ ยังดำเนินการอยู่ เพราะว่ายังมีฐานลูกค้าเดิมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการขยายออกไปทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและแง่อื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมในธุรกิจนิวมีเดีย ซึ่งบริษัทฯ มองว่าธุรกิจนิวมีเดียยังมีช่องว่าง ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีบุคลากรที่สามารถพัฒนาโปรแกรมและวิเคราะห์ข้อมูล โดยในอนาคตบริษัทย่อยที่ได้จัดตั้งคือ บริษัท สปริงคอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็จะเข้ามาช่วยผลิตและเสนอข่าวสารผ่านทางสื่อสมัยใหม่ โดยอาจจะผลิตผ่านทีวีดาวเทียม ซึ่งก็มองว่าคอนเทนต์ต่างๆก็สามารถที่จะนำมาเชื่อมโยงและเพิ่มมูลค่าได้นายอารักษ์ กล่าวว่า อีกว่า ปี 2553 บริษัทฯวางเงินลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท สำหรับรุกธุรกิจนิวมีเดีย เช่น ดิจิตอลมีเดีย มัลติมีเดีย มัลติชาแนล อาทิ แซทเทิลไลท์ ทีวี ฟรีทีวีอินเตอร์เน็ต ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะทำแซทเทิลไลท์ ทีวี ประมาณ 2 ช่อง โดยจะเสนอรายการข่าว 1 ช่อง ส่วนอีก 1 ช่องก็อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็มองว่าแซทเทิลไลท์ ทีวีก็ยังมีการเติบโตและงบลงทุนในปัจจุบันก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต โดยใช้เงินลงทุนต่อช่องไม่เกิน 70-80 ล้านบาท  ซึ่งรายการที่จะเสนอจะเป็นลักษณะการรายงานเหตุการณ์ที่ผ่านมา การรายงนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร และการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตเป็นในแนวของการวิเคราะห์ข่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนระยะยาว 2-3 ปีบริษัทฯก็มีแผนการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตลาดและโอกาสทางธุรกิจสำหรับธุรกิจไอซีที โดยใช้เงินไม่เกิน 200 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจนิวมีเดียใช้เงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ไม่เกิน 300 ล้านบาท และสุดท้ายสำรองไว้สำหรับการลงทุนในอนาคตไ

เปิดอ่าน7
คลัง ชี้ กม.ภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างเข้าครม.ต้นปีหน้า

คลัง ชี้ กม.ภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างเข้าครม.ต้นปีหน้า

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมนำร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในต้นปีหน้า ตามแนวคิดเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ผลักดันร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯดังกล่าวเพื่อให้เกิดการจัดเก็บให้มีความยุติธรรมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเพื่อให้มีความสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน  ทั้งนี้ตามขั้นตอนหลังร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้วจะเสนอให้กับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณา  ซึ่งเชื่อว่าจะมีข้อถกเถียงอย่างเป็นวงกว้าง และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกพ.ร.บ.ในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังจะยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิม โดยจะจัดเก็บโดยคำนึงถึงพื้นฐานความมั่นคงของรายได้ประชาชนมากกว่าที่จะจัดเก็บตามรายได้ที่เป็นจริงของผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความยุติธรรมในการกระจายรายได้ในระยะยาว โดยกระทรวงการคลังจะประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้(22ธ.ค.52)กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณามาตรการภาษีบางประเภท ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถส่งสัญญาณให้กับประชาชนได้ ส่วนมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์แบ่งเป็นให้นำเงินจากการซื้อบ้านใหม่ที่จะโอนในปี 2553 นำมาลดหย่อนภาษีได้ในวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ซึ่งจะหมดอายุภายในสิ้นปีนี้นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะต่อหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาวัตถุประสงค์ของรัฐบาลมีความต้องการให้ประชาชนโอนบ้านให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งขณะนี้นโยบายดังกล่าวประสบความสำเร็จพอสมควร สำหรับมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้ โดยการให้นำเงินจ่ายชำระค่าซื้อบ้านใหม่มาคำนวณลดหย่อนภาษี 3 แสนบาท จะหมดอายุ 30 ธ.ค.2552 ขณะที่ การลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เหลือ 0.1%, ค่าธรรมเนียมการโอนฯ และจดจำนองจาก 2% และ 1% เหลือ 0.01% จะหมดอายุ เดือนมี.ค.2553 นั้น ยังไม่สามารถตอบได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากจะไม่เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้การพิจารณาจะนำภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมาประกอบด้วย 'หากรัฐบาลจะต่ออายุมาตรการภาษีก็ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจภายในปีนี้ ซึ่งรัฐบาลสามารถให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีได้ ส่วนเรื่องที่ตลาดได้คาดการณ์ว่ารัฐบาลจะต่ออายุมาตรการอสังหาฯ นั้น ถือเป็นเรื่องของตลาด ซึ่งในฐานะรมว.คลังไม่สามารถพูดถึงนโยบายภาษีล่วงหน้าได้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งในที่ประชุมครม.พรุ่งนี้จะมีมาตรการภาษีให้ครม.พิจารณาบ้าง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นมาตรการใด โดยส่วนหนึ่งเป็นข้อเสนอของกรอ.' รมว.คลัง กล่าว               

เปิดอ่าน5
SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

นายอารักษ์ ราษฏร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 คาดการณ์ผลการดำเนินงานจะมีผลขาดทุน เพราะงวด 9 เดือนแรกบริษัทฯ มีผลขาดทุนแล้วประมาณ 13 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในปี 2553 จะพลิกกลับมามีกำไร และรายได้น่าจะเติบโตกว่าในปี 2552 เพราะมีการเข้าไปรุกธุรกิจสื่อสมัยใหม่ หรือ นิวมีเดีย รวมถึงคาดการณ์รายได้ในส่วนของธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าในปีหน้า บริษัทฯ จะเข้าไปรุกในส่วนของนิวมีเดีย แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นปีที่เพิ่งเริ่มลงทุน จึงอาจจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนิวมีเดียอาจจะขยับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยที่สุดแล้วโครงสร้างรายได้ก็จะมาจาก 3 ส่วนธุรกิจ คือ ซอฟต์แวร์ นิวมีเดีย และสื่อสิ่งพิมพ์ เท่าๆกัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 2554 อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์นั้น บริษัทฯ ยังดำเนินการอยู่ เพราะว่ายังมีฐานลูกค้าเดิมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการขยายออกไปทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและแง่อื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมในธุรกิจนิวมีเดีย ซึ่งบริษัทฯ มองว่าธุรกิจนิวมีเดียยังมีช่องว่าง ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีบุคลากรที่สามารถพัฒนาโปรแกรมและวิเคราะห์ข้อมูล โดยในอนาคตบริษัทย่อยที่ได้จัดตั้งคือ บริษัท สปริงคอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็จะเข้ามาช่วยผลิตและเสนอข่าวสารผ่านทางสื่อสมัยใหม่ โดยอาจจะผลิตผ่านทีวีดาวเทียม ซึ่งก็มองว่าคอนเทนต์ต่างๆก็สามารถที่จะนำมาเชื่อมโยงและเพิ่มมูลค่าได้นายอารักษ์ กล่าวว่า อีกว่า ปี 2553 บริษัทฯวางเงินลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท สำหรับรุกธุรกิจนิวมีเดีย เช่น ดิจิตอลมีเดีย มัลติมีเดีย มัลติชาแนล อาทิ แซทเทิลไลท์ ทีวี ฟรีทีวีอินเตอร์เน็ต ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะทำแซทเทิลไลท์ ทีวี ประมาณ 2 ช่อง โดยจะเสนอรายการข่าว 1 ช่อง ส่วนอีก 1 ช่องก็อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็มองว่าแซทเทิลไลท์ ทีวีก็ยังมีการเติบโตและงบลงทุนในปัจจุบันก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต โดยใช้เงินลงทุนต่อช่องไม่เกิน 70-80 ล้านบาท  ซึ่งรายการที่จะเสนอจะเป็นลักษณะการรายงานเหตุการณ์ที่ผ่านมา การรายงนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร และการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตเป็นในแนวของการวิเคราะห์ข่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนระยะยาว 2-3 ปีบริษัทฯก็มีแผนการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตลาดและโอกาสทางธุรกิจสำหรับธุรกิจไอซีที โดยใช้เงินไม่เกิน 200 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจนิวมีเดียใช้เงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ไม่เกิน 300 ล้านบาท และสุดท้ายสำรองไว้สำหรับการลงทุนในอนาคตไ

เปิดอ่าน7
SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

นายอารักษ์ ราษฏร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 คาดการณ์ผลการดำเนินงานจะมีผลขาดทุน เพราะงวด 9 เดือนแรกบริษัทฯ มีผลขาดทุนแล้วประมาณ 13 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในปี 2553 จะพลิกกลับมามีกำไร และรายได้น่าจะเติบโตกว่าในปี 2552 เพราะมีการเข้าไปรุกธุรกิจสื่อสมัยใหม่ หรือ นิวมีเดีย รวมถึงคาดการณ์รายได้ในส่วนของธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าในปีหน้า บริษัทฯ จะเข้าไปรุกในส่วนของนิวมีเดีย แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นปีที่เพิ่งเริ่มลงทุน จึงอาจจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนิวมีเดียอาจจะขยับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยที่สุดแล้วโครงสร้างรายได้ก็จะมาจาก 3 ส่วนธุรกิจ คือ ซอฟต์แวร์ นิวมีเดีย และสื่อสิ่งพิมพ์ เท่าๆกัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 2554 อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์นั้น บริษัทฯ ยังดำเนินการอยู่ เพราะว่ายังมีฐานลูกค้าเดิมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการขยายออกไปทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและแง่อื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมในธุรกิจนิวมีเดีย ซึ่งบริษัทฯ มองว่าธุรกิจนิวมีเดียยังมีช่องว่าง ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีบุคลากรที่สามารถพัฒนาโปรแกรมและวิเคราะห์ข้อมูล โดยในอนาคตบริษัทย่อยที่ได้จัดตั้งคือ บริษัท สปริงคอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็จะเข้ามาช่วยผลิตและเสนอข่าวสารผ่านทางสื่อสมัยใหม่ โดยอาจจะผลิตผ่านทีวีดาวเทียม ซึ่งก็มองว่าคอนเทนต์ต่างๆก็สามารถที่จะนำมาเชื่อมโยงและเพิ่มมูลค่าได้นายอารักษ์ กล่าวว่า อีกว่า ปี 2553 บริษัทฯวางเงินลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท สำหรับรุกธุรกิจนิวมีเดีย เช่น ดิจิตอลมีเดีย มัลติมีเดีย มัลติชาแนล อาทิ แซทเทิลไลท์ ทีวี ฟรีทีวีอินเตอร์เน็ต ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะทำแซทเทิลไลท์ ทีวี ประมาณ 2 ช่อง โดยจะเสนอรายการข่าว 1 ช่อง ส่วนอีก 1 ช่องก็อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็มองว่าแซทเทิลไลท์ ทีวีก็ยังมีการเติบโตและงบลงทุนในปัจจุบันก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต โดยใช้เงินลงทุนต่อช่องไม่เกิน 70-80 ล้านบาท  ซึ่งรายการที่จะเสนอจะเป็นลักษณะการรายงานเหตุการณ์ที่ผ่านมา การรายงนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร และการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตเป็นในแนวของการวิเคราะห์ข่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนระยะยาว 2-3 ปีบริษัทฯก็มีแผนการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตลาดและโอกาสทางธุรกิจสำหรับธุรกิจไอซีที โดยใช้เงินไม่เกิน 200 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจนิวมีเดียใช้เงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ไม่เกิน 300 ล้านบาท และสุดท้ายสำรองไว้สำหรับการลงทุนในอนาคตไ

เปิดอ่าน4
คลัง ชี้ กม.ภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างเข้าครม.ต้นปีหน้า

คลัง ชี้ กม.ภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างเข้าครม.ต้นปีหน้า

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมนำร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในต้นปีหน้า ตามแนวคิดเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ผลักดันร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯดังกล่าวเพื่อให้เกิดการจัดเก็บให้มีความยุติธรรมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเพื่อให้มีความสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน  ทั้งนี้ตามขั้นตอนหลังร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้วจะเสนอให้กับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณา  ซึ่งเชื่อว่าจะมีข้อถกเถียงอย่างเป็นวงกว้าง และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกพ.ร.บ.ในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังจะยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิม โดยจะจัดเก็บโดยคำนึงถึงพื้นฐานความมั่นคงของรายได้ประชาชนมากกว่าที่จะจัดเก็บตามรายได้ที่เป็นจริงของผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความยุติธรรมในการกระจายรายได้ในระยะยาว โดยกระทรวงการคลังจะประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้(22ธ.ค.52)กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณามาตรการภาษีบางประเภท ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถส่งสัญญาณให้กับประชาชนได้ ส่วนมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์แบ่งเป็นให้นำเงินจากการซื้อบ้านใหม่ที่จะโอนในปี 2553 นำมาลดหย่อนภาษีได้ในวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ซึ่งจะหมดอายุภายในสิ้นปีนี้นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะต่อหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาวัตถุประสงค์ของรัฐบาลมีความต้องการให้ประชาชนโอนบ้านให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งขณะนี้นโยบายดังกล่าวประสบความสำเร็จพอสมควร สำหรับมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้ โดยการให้นำเงินจ่ายชำระค่าซื้อบ้านใหม่มาคำนวณลดหย่อนภาษี 3 แสนบาท จะหมดอายุ 30 ธ.ค.2552 ขณะที่ การลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เหลือ 0.1%, ค่าธรรมเนียมการโอนฯ และจดจำนองจาก 2% และ 1% เหลือ 0.01% จะหมดอายุ เดือนมี.ค.2553 นั้น ยังไม่สามารถตอบได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากจะไม่เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้การพิจารณาจะนำภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมาประกอบด้วย 'หากรัฐบาลจะต่ออายุมาตรการภาษีก็ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจภายในปีนี้ ซึ่งรัฐบาลสามารถให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีได้ ส่วนเรื่องที่ตลาดได้คาดการณ์ว่ารัฐบาลจะต่ออายุมาตรการอสังหาฯ นั้น ถือเป็นเรื่องของตลาด ซึ่งในฐานะรมว.คลังไม่สามารถพูดถึงนโยบายภาษีล่วงหน้าได้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งในที่ประชุมครม.พรุ่งนี้จะมีมาตรการภาษีให้ครม.พิจารณาบ้าง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นมาตรการใด โดยส่วนหนึ่งเป็นข้อเสนอของกรอ.' รมว.คลัง กล่าว               

เปิดอ่าน9
SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

นายอารักษ์ ราษฏร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 คาดการณ์ผลการดำเนินงานจะมีผลขาดทุน เพราะงวด 9 เดือนแรกบริษัทฯ มีผลขาดทุนแล้วประมาณ 13 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในปี 2553 จะพลิกกลับมามีกำไร และรายได้น่าจะเติบโตกว่าในปี 2552 เพราะมีการเข้าไปรุกธุรกิจสื่อสมัยใหม่ หรือ นิวมีเดีย รวมถึงคาดการณ์รายได้ในส่วนของธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าในปีหน้า บริษัทฯ จะเข้าไปรุกในส่วนของนิวมีเดีย แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นปีที่เพิ่งเริ่มลงทุน จึงอาจจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนิวมีเดียอาจจะขยับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยที่สุดแล้วโครงสร้างรายได้ก็จะมาจาก 3 ส่วนธุรกิจ คือ ซอฟต์แวร์ นิวมีเดีย และสื่อสิ่งพิมพ์ เท่าๆกัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 2554 อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์นั้น บริษัทฯ ยังดำเนินการอยู่ เพราะว่ายังมีฐานลูกค้าเดิมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการขยายออกไปทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและแง่อื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมในธุรกิจนิวมีเดีย ซึ่งบริษัทฯ มองว่าธุรกิจนิวมีเดียยังมีช่องว่าง ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีบุคลากรที่สามารถพัฒนาโปรแกรมและวิเคราะห์ข้อมูล โดยในอนาคตบริษัทย่อยที่ได้จัดตั้งคือ บริษัท สปริงคอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็จะเข้ามาช่วยผลิตและเสนอข่าวสารผ่านทางสื่อสมัยใหม่ โดยอาจจะผลิตผ่านทีวีดาวเทียม ซึ่งก็มองว่าคอนเทนต์ต่างๆก็สามารถที่จะนำมาเชื่อมโยงและเพิ่มมูลค่าได้นายอารักษ์ กล่าวว่า อีกว่า ปี 2553 บริษัทฯวางเงินลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท สำหรับรุกธุรกิจนิวมีเดีย เช่น ดิจิตอลมีเดีย มัลติมีเดีย มัลติชาแนล อาทิ แซทเทิลไลท์ ทีวี ฟรีทีวีอินเตอร์เน็ต ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะทำแซทเทิลไลท์ ทีวี ประมาณ 2 ช่อง โดยจะเสนอรายการข่าว 1 ช่อง ส่วนอีก 1 ช่องก็อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็มองว่าแซทเทิลไลท์ ทีวีก็ยังมีการเติบโตและงบลงทุนในปัจจุบันก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต โดยใช้เงินลงทุนต่อช่องไม่เกิน 70-80 ล้านบาท  ซึ่งรายการที่จะเสนอจะเป็นลักษณะการรายงานเหตุการณ์ที่ผ่านมา การรายงนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร และการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตเป็นในแนวของการวิเคราะห์ข่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนระยะยาว 2-3 ปีบริษัทฯก็มีแผนการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตลาดและโอกาสทางธุรกิจสำหรับธุรกิจไอซีที โดยใช้เงินไม่เกิน 200 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจนิวมีเดียใช้เงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ไม่เกิน 300 ล้านบาท และสุดท้ายสำรองไว้สำหรับการลงทุนในอนาคตไ

เปิดอ่าน11
คลัง ชี้ กม.ภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างเข้าครม.ต้นปีหน้า

คลัง ชี้ กม.ภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างเข้าครม.ต้นปีหน้า

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมนำร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในต้นปีหน้า ตามแนวคิดเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ผลักดันร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯดังกล่าวเพื่อให้เกิดการจัดเก็บให้มีความยุติธรรมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเพื่อให้มีความสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน  ทั้งนี้ตามขั้นตอนหลังร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้วจะเสนอให้กับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณา  ซึ่งเชื่อว่าจะมีข้อถกเถียงอย่างเป็นวงกว้าง และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกพ.ร.บ.ในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังจะยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิม โดยจะจัดเก็บโดยคำนึงถึงพื้นฐานความมั่นคงของรายได้ประชาชนมากกว่าที่จะจัดเก็บตามรายได้ที่เป็นจริงของผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความยุติธรรมในการกระจายรายได้ในระยะยาว โดยกระทรวงการคลังจะประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้(22ธ.ค.52)กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณามาตรการภาษีบางประเภท ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถส่งสัญญาณให้กับประชาชนได้ ส่วนมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์แบ่งเป็นให้นำเงินจากการซื้อบ้านใหม่ที่จะโอนในปี 2553 นำมาลดหย่อนภาษีได้ในวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ซึ่งจะหมดอายุภายในสิ้นปีนี้นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะต่อหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาวัตถุประสงค์ของรัฐบาลมีความต้องการให้ประชาชนโอนบ้านให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งขณะนี้นโยบายดังกล่าวประสบความสำเร็จพอสมควร สำหรับมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้ โดยการให้นำเงินจ่ายชำระค่าซื้อบ้านใหม่มาคำนวณลดหย่อนภาษี 3 แสนบาท จะหมดอายุ 30 ธ.ค.2552 ขณะที่ การลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เหลือ 0.1%, ค่าธรรมเนียมการโอนฯ และจดจำนองจาก 2% และ 1% เหลือ 0.01% จะหมดอายุ เดือนมี.ค.2553 นั้น ยังไม่สามารถตอบได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากจะไม่เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้การพิจารณาจะนำภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมาประกอบด้วย 'หากรัฐบาลจะต่ออายุมาตรการภาษีก็ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจภายในปีนี้ ซึ่งรัฐบาลสามารถให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีได้ ส่วนเรื่องที่ตลาดได้คาดการณ์ว่ารัฐบาลจะต่ออายุมาตรการอสังหาฯ นั้น ถือเป็นเรื่องของตลาด ซึ่งในฐานะรมว.คลังไม่สามารถพูดถึงนโยบายภาษีล่วงหน้าได้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งในที่ประชุมครม.พรุ่งนี้จะมีมาตรการภาษีให้ครม.พิจารณาบ้าง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นมาตรการใด โดยส่วนหนึ่งเป็นข้อเสนอของกรอ.' รมว.คลัง กล่าว               

เปิดอ่าน8
เอสเอ็มอีแบงก์ มั่นใจสินเชื่อใหม่ปีนี้แตะ 4.45 หมื่นล.

เอสเอ็มอีแบงก์ มั่นใจสินเชื่อใหม่ปีนี้แตะ 4.45 หมื่นล.

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปีนี้เป็นปีที่ธนาคารพลิกฟื้นผลประกอบการทุกด้าน โดยภายในสิ้นปี 2552 คาดว่าจะอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่ได้ถึง 4.45 หมื่นล้านบาท โดย ณ วันที่ 18 ธ.ค. 2552 มียอดอนุมัติสินเชื่ออยู่ที่ 43,960 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการทะลุเป้าที่ธนาคารตั้งไว้ 4.35 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นการขยายตัวจากปี 2551 เพิ่มขึ้น 112% ถือเป็นผลงานสูงสุดในรอบ 7 ปีของการก่อตั้งธนาคาร ทั้งนี้ธนาคารสามารถก่อให้เกิดการจ้างงานสูงสุดถึง 8.6 หมื่นคนและส่งผลให้ธนาคารคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ300ล้านบาทจากที่เคยขาดทุนต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา3ปีรวมทั้งสามารถลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ให้อยู่ที่ประมาณ 38.72% จากที่อยู่ในระดับ 50% เมื่อปี 2551 สำหรับเป้าหมายของธนาคารในปี 2553 ตั้งเป้าเพิ่มยอดสินเชื่อคงค้างโต 20% หรือคิดเป็นสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันยอดสินเชื่อคงค้างที่ 5.5 หมื่นล้านบาท  อีกทั้งตั้งเป้าลดเอ็นพีแอลให้เหลือ 20% ทั้งนี้ธนาคารจะเน้นลูกค้าเชิงสังคม และสนับสนุนนโยบายภาครัฐ อาทิ กลุ่มโอท็อป แฟรนไชส์  หนี้นอกระบบ และกลุ่มเป้าหมายของรัฐบาล อาทิ ธุรกิจพลังงานทดแทน แปรรูปสินค้าเกษตร ธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงจะเน้นลูกค้าที่มีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจตามการขยายตัวของชุมชน นอกจากนี้ธนาคารจะเพิ่มบทบาทสาขาให้เป็น วันสต็อปเซอร์วิส ที่ให้บริการแบบครบวงจรแก่ลูกค้ารายย่อย ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 15 ล้านบาท และธนาคารจะเน้นความรวดเร็วในการอนุมัติสินเชื่อไม่เกิน 45 วัน นอกจากนี้ธนาคารได้มีการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์เป็นสถาบันการเงินหลักที่ช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย โดยมีพันธกิจ 4 ด้านได้แก่ การสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย ให้บริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการ ส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอีไทยควบคู่สนับสนุนเงินทุนและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบการจัดการองค์กร เพื่อให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

เปิดอ่าน8
เอสเอ็มอีแบงก์ มั่นใจสินเชื่อใหม่ปีนี้แตะ 4.45 หมื่นล.

เอสเอ็มอีแบงก์ มั่นใจสินเชื่อใหม่ปีนี้แตะ 4.45 หมื่นล.

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปีนี้เป็นปีที่ธนาคารพลิกฟื้นผลประกอบการทุกด้าน โดยภายในสิ้นปี 2552 คาดว่าจะอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่ได้ถึง 4.45 หมื่นล้านบาท โดย ณ วันที่ 18 ธ.ค. 2552 มียอดอนุมัติสินเชื่ออยู่ที่ 43,960 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการทะลุเป้าที่ธนาคารตั้งไว้ 4.35 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นการขยายตัวจากปี 2551 เพิ่มขึ้น 112% ถือเป็นผลงานสูงสุดในรอบ 7 ปีของการก่อตั้งธนาคาร ทั้งนี้ธนาคารสามารถก่อให้เกิดการจ้างงานสูงสุดถึง 8.6 หมื่นคนและส่งผลให้ธนาคารคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ300ล้านบาทจากที่เคยขาดทุนต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา3ปีรวมทั้งสามารถลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ให้อยู่ที่ประมาณ 38.72% จากที่อยู่ในระดับ 50% เมื่อปี 2551 สำหรับเป้าหมายของธนาคารในปี 2553 ตั้งเป้าเพิ่มยอดสินเชื่อคงค้างโต 20% หรือคิดเป็นสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันยอดสินเชื่อคงค้างที่ 5.5 หมื่นล้านบาท  อีกทั้งตั้งเป้าลดเอ็นพีแอลให้เหลือ 20% ทั้งนี้ธนาคารจะเน้นลูกค้าเชิงสังคม และสนับสนุนนโยบายภาครัฐ อาทิ กลุ่มโอท็อป แฟรนไชส์  หนี้นอกระบบ และกลุ่มเป้าหมายของรัฐบาล อาทิ ธุรกิจพลังงานทดแทน แปรรูปสินค้าเกษตร ธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงจะเน้นลูกค้าที่มีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจตามการขยายตัวของชุมชน นอกจากนี้ธนาคารจะเพิ่มบทบาทสาขาให้เป็น วันสต็อปเซอร์วิส ที่ให้บริการแบบครบวงจรแก่ลูกค้ารายย่อย ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 15 ล้านบาท และธนาคารจะเน้นความรวดเร็วในการอนุมัติสินเชื่อไม่เกิน 45 วัน นอกจากนี้ธนาคารได้มีการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์เป็นสถาบันการเงินหลักที่ช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย โดยมีพันธกิจ 4 ด้านได้แก่ การสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย ให้บริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการ ส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอีไทยควบคู่สนับสนุนเงินทุนและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบการจัดการองค์กร เพื่อให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

เปิดอ่าน6
SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

นายอารักษ์ ราษฏร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 คาดการณ์ผลการดำเนินงานจะมีผลขาดทุน เพราะงวด 9 เดือนแรกบริษัทฯ มีผลขาดทุนแล้วประมาณ 13 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในปี 2553 จะพลิกกลับมามีกำไร และรายได้น่าจะเติบโตกว่าในปี 2552 เพราะมีการเข้าไปรุกธุรกิจสื่อสมัยใหม่ หรือ นิวมีเดีย รวมถึงคาดการณ์รายได้ในส่วนของธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าในปีหน้า บริษัทฯ จะเข้าไปรุกในส่วนของนิวมีเดีย แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นปีที่เพิ่งเริ่มลงทุน จึงอาจจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนิวมีเดียอาจจะขยับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยที่สุดแล้วโครงสร้างรายได้ก็จะมาจาก 3 ส่วนธุรกิจ คือ ซอฟต์แวร์ นิวมีเดีย และสื่อสิ่งพิมพ์ เท่าๆกัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 2554 อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์นั้น บริษัทฯ ยังดำเนินการอยู่ เพราะว่ายังมีฐานลูกค้าเดิมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการขยายออกไปทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและแง่อื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมในธุรกิจนิวมีเดีย ซึ่งบริษัทฯ มองว่าธุรกิจนิวมีเดียยังมีช่องว่าง ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีบุคลากรที่สามารถพัฒนาโปรแกรมและวิเคราะห์ข้อมูล โดยในอนาคตบริษัทย่อยที่ได้จัดตั้งคือ บริษัท สปริงคอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็จะเข้ามาช่วยผลิตและเสนอข่าวสารผ่านทางสื่อสมัยใหม่ โดยอาจจะผลิตผ่านทีวีดาวเทียม ซึ่งก็มองว่าคอนเทนต์ต่างๆก็สามารถที่จะนำมาเชื่อมโยงและเพิ่มมูลค่าได้นายอารักษ์ กล่าวว่า อีกว่า ปี 2553 บริษัทฯวางเงินลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท สำหรับรุกธุรกิจนิวมีเดีย เช่น ดิจิตอลมีเดีย มัลติมีเดีย มัลติชาแนล อาทิ แซทเทิลไลท์ ทีวี ฟรีทีวีอินเตอร์เน็ต ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะทำแซทเทิลไลท์ ทีวี ประมาณ 2 ช่อง โดยจะเสนอรายการข่าว 1 ช่อง ส่วนอีก 1 ช่องก็อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็มองว่าแซทเทิลไลท์ ทีวีก็ยังมีการเติบโตและงบลงทุนในปัจจุบันก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต โดยใช้เงินลงทุนต่อช่องไม่เกิน 70-80 ล้านบาท  ซึ่งรายการที่จะเสนอจะเป็นลักษณะการรายงานเหตุการณ์ที่ผ่านมา การรายงนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร และการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตเป็นในแนวของการวิเคราะห์ข่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนระยะยาว 2-3 ปีบริษัทฯก็มีแผนการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตลาดและโอกาสทางธุรกิจสำหรับธุรกิจไอซีที โดยใช้เงินไม่เกิน 200 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจนิวมีเดียใช้เงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ไม่เกิน 300 ล้านบาท และสุดท้ายสำรองไว้สำหรับการลงทุนในอนาคตไ

เปิดอ่าน7
เอสเอ็มอีแบงก์ มั่นใจสินเชื่อใหม่ปีนี้แตะ 4.45 หมื่นล.

เอสเอ็มอีแบงก์ มั่นใจสินเชื่อใหม่ปีนี้แตะ 4.45 หมื่นล.

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปีนี้เป็นปีที่ธนาคารพลิกฟื้นผลประกอบการทุกด้าน โดยภายในสิ้นปี 2552 คาดว่าจะอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่ได้ถึง 4.45 หมื่นล้านบาท โดย ณ วันที่ 18 ธ.ค. 2552 มียอดอนุมัติสินเชื่ออยู่ที่ 43,960 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการทะลุเป้าที่ธนาคารตั้งไว้ 4.35 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นการขยายตัวจากปี 2551 เพิ่มขึ้น 112% ถือเป็นผลงานสูงสุดในรอบ 7 ปีของการก่อตั้งธนาคาร ทั้งนี้ธนาคารสามารถก่อให้เกิดการจ้างงานสูงสุดถึง 8.6 หมื่นคนและส่งผลให้ธนาคารคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ300ล้านบาทจากที่เคยขาดทุนต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา3ปีรวมทั้งสามารถลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ให้อยู่ที่ประมาณ 38.72% จากที่อยู่ในระดับ 50% เมื่อปี 2551 สำหรับเป้าหมายของธนาคารในปี 2553 ตั้งเป้าเพิ่มยอดสินเชื่อคงค้างโต 20% หรือคิดเป็นสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันยอดสินเชื่อคงค้างที่ 5.5 หมื่นล้านบาท  อีกทั้งตั้งเป้าลดเอ็นพีแอลให้เหลือ 20% ทั้งนี้ธนาคารจะเน้นลูกค้าเชิงสังคม และสนับสนุนนโยบายภาครัฐ อาทิ กลุ่มโอท็อป แฟรนไชส์  หนี้นอกระบบ และกลุ่มเป้าหมายของรัฐบาล อาทิ ธุรกิจพลังงานทดแทน แปรรูปสินค้าเกษตร ธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงจะเน้นลูกค้าที่มีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจตามการขยายตัวของชุมชน นอกจากนี้ธนาคารจะเพิ่มบทบาทสาขาให้เป็น วันสต็อปเซอร์วิส ที่ให้บริการแบบครบวงจรแก่ลูกค้ารายย่อย ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 15 ล้านบาท และธนาคารจะเน้นความรวดเร็วในการอนุมัติสินเชื่อไม่เกิน 45 วัน นอกจากนี้ธนาคารได้มีการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์เป็นสถาบันการเงินหลักที่ช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย โดยมีพันธกิจ 4 ด้านได้แก่ การสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย ให้บริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการ ส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอีไทยควบคู่สนับสนุนเงินทุนและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบการจัดการองค์กร เพื่อให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

เปิดอ่าน9
SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

นายอารักษ์ ราษฏร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 คาดการณ์ผลการดำเนินงานจะมีผลขาดทุน เพราะงวด 9 เดือนแรกบริษัทฯ มีผลขาดทุนแล้วประมาณ 13 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในปี 2553 จะพลิกกลับมามีกำไร และรายได้น่าจะเติบโตกว่าในปี 2552 เพราะมีการเข้าไปรุกธุรกิจสื่อสมัยใหม่ หรือ นิวมีเดีย รวมถึงคาดการณ์รายได้ในส่วนของธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าในปีหน้า บริษัทฯ จะเข้าไปรุกในส่วนของนิวมีเดีย แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นปีที่เพิ่งเริ่มลงทุน จึงอาจจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนิวมีเดียอาจจะขยับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยที่สุดแล้วโครงสร้างรายได้ก็จะมาจาก 3 ส่วนธุรกิจ คือ ซอฟต์แวร์ นิวมีเดีย และสื่อสิ่งพิมพ์ เท่าๆกัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 2554 อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์นั้น บริษัทฯ ยังดำเนินการอยู่ เพราะว่ายังมีฐานลูกค้าเดิมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการขยายออกไปทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและแง่อื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมในธุรกิจนิวมีเดีย ซึ่งบริษัทฯ มองว่าธุรกิจนิวมีเดียยังมีช่องว่าง ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีบุคลากรที่สามารถพัฒนาโปรแกรมและวิเคราะห์ข้อมูล โดยในอนาคตบริษัทย่อยที่ได้จัดตั้งคือ บริษัท สปริงคอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็จะเข้ามาช่วยผลิตและเสนอข่าวสารผ่านทางสื่อสมัยใหม่ โดยอาจจะผลิตผ่านทีวีดาวเทียม ซึ่งก็มองว่าคอนเทนต์ต่างๆก็สามารถที่จะนำมาเชื่อมโยงและเพิ่มมูลค่าได้นายอารักษ์ กล่าวว่า อีกว่า ปี 2553 บริษัทฯวางเงินลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท สำหรับรุกธุรกิจนิวมีเดีย เช่น ดิจิตอลมีเดีย มัลติมีเดีย มัลติชาแนล อาทิ แซทเทิลไลท์ ทีวี ฟรีทีวีอินเตอร์เน็ต ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะทำแซทเทิลไลท์ ทีวี ประมาณ 2 ช่อง โดยจะเสนอรายการข่าว 1 ช่อง ส่วนอีก 1 ช่องก็อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็มองว่าแซทเทิลไลท์ ทีวีก็ยังมีการเติบโตและงบลงทุนในปัจจุบันก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต โดยใช้เงินลงทุนต่อช่องไม่เกิน 70-80 ล้านบาท  ซึ่งรายการที่จะเสนอจะเป็นลักษณะการรายงานเหตุการณ์ที่ผ่านมา การรายงนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร และการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตเป็นในแนวของการวิเคราะห์ข่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนระยะยาว 2-3 ปีบริษัทฯก็มีแผนการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตลาดและโอกาสทางธุรกิจสำหรับธุรกิจไอซีที โดยใช้เงินไม่เกิน 200 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจนิวมีเดียใช้เงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ไม่เกิน 300 ล้านบาท และสุดท้ายสำรองไว้สำหรับการลงทุนในอนาคตไ

เปิดอ่าน8
SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

SLC รับปีนี้ยังขาดทุนแต่มั่นใจปีหน้าพลิกกำไร

นายอารักษ์ ราษฏร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 คาดการณ์ผลการดำเนินงานจะมีผลขาดทุน เพราะงวด 9 เดือนแรกบริษัทฯ มีผลขาดทุนแล้วประมาณ 13 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าในปี 2553 จะพลิกกลับมามีกำไร และรายได้น่าจะเติบโตกว่าในปี 2552 เพราะมีการเข้าไปรุกธุรกิจสื่อสมัยใหม่ หรือ นิวมีเดีย รวมถึงคาดการณ์รายได้ในส่วนของธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าในปีหน้า บริษัทฯ จะเข้าไปรุกในส่วนของนิวมีเดีย แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นปีที่เพิ่งเริ่มลงทุน จึงอาจจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนิวมีเดียอาจจะขยับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยที่สุดแล้วโครงสร้างรายได้ก็จะมาจาก 3 ส่วนธุรกิจ คือ ซอฟต์แวร์ นิวมีเดีย และสื่อสิ่งพิมพ์ เท่าๆกัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 2554 อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจเดิม คือ ซอฟต์แวร์นั้น บริษัทฯ ยังดำเนินการอยู่ เพราะว่ายังมีฐานลูกค้าเดิมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งในอนาคตก็จะมีการขยายออกไปทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและแง่อื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมในธุรกิจนิวมีเดีย ซึ่งบริษัทฯ มองว่าธุรกิจนิวมีเดียยังมีช่องว่าง ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีบุคลากรที่สามารถพัฒนาโปรแกรมและวิเคราะห์ข้อมูล โดยในอนาคตบริษัทย่อยที่ได้จัดตั้งคือ บริษัท สปริงคอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็จะเข้ามาช่วยผลิตและเสนอข่าวสารผ่านทางสื่อสมัยใหม่ โดยอาจจะผลิตผ่านทีวีดาวเทียม ซึ่งก็มองว่าคอนเทนต์ต่างๆก็สามารถที่จะนำมาเชื่อมโยงและเพิ่มมูลค่าได้นายอารักษ์ กล่าวว่า อีกว่า ปี 2553 บริษัทฯวางเงินลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท สำหรับรุกธุรกิจนิวมีเดีย เช่น ดิจิตอลมีเดีย มัลติมีเดีย มัลติชาแนล อาทิ แซทเทิลไลท์ ทีวี ฟรีทีวีอินเตอร์เน็ต ซึ่งบริษัทฯมีแผนที่จะทำแซทเทิลไลท์ ทีวี ประมาณ 2 ช่อง โดยจะเสนอรายการข่าว 1 ช่อง ส่วนอีก 1 ช่องก็อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็มองว่าแซทเทิลไลท์ ทีวีก็ยังมีการเติบโตและงบลงทุนในปัจจุบันก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับอดีต โดยใช้เงินลงทุนต่อช่องไม่เกิน 70-80 ล้านบาท  ซึ่งรายการที่จะเสนอจะเป็นลักษณะการรายงานเหตุการณ์ที่ผ่านมา การรายงนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร และการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตเป็นในแนวของการวิเคราะห์ข่าว อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนระยะยาว 2-3 ปีบริษัทฯก็มีแผนการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตลาดและโอกาสทางธุรกิจสำหรับธุรกิจไอซีที โดยใช้เงินไม่เกิน 200 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจนิวมีเดียใช้เงินลงทุนไม่เกิน 300 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ไม่เกิน 300 ล้านบาท และสุดท้ายสำรองไว้สำหรับการลงทุนในอนาคตไ

เปิดอ่าน5
เอสเอ็มอีแบงก์ มั่นใจสินเชื่อใหม่ปีนี้แตะ 4.45 หมื่นล.

เอสเอ็มอีแบงก์ มั่นใจสินเชื่อใหม่ปีนี้แตะ 4.45 หมื่นล.

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปีนี้เป็นปีที่ธนาคารพลิกฟื้นผลประกอบการทุกด้าน โดยภายในสิ้นปี 2552 คาดว่าจะอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่ได้ถึง 4.45 หมื่นล้านบาท โดย ณ วันที่ 18 ธ.ค. 2552 มียอดอนุมัติสินเชื่ออยู่ที่ 43,960 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการทะลุเป้าที่ธนาคารตั้งไว้ 4.35 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นการขยายตัวจากปี 2551 เพิ่มขึ้น 112% ถือเป็นผลงานสูงสุดในรอบ 7 ปีของการก่อตั้งธนาคาร ทั้งนี้ธนาคารสามารถก่อให้เกิดการจ้างงานสูงสุดถึง 8.6 หมื่นคนและส่งผลให้ธนาคารคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ300ล้านบาทจากที่เคยขาดทุนต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา3ปีรวมทั้งสามารถลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ให้อยู่ที่ประมาณ 38.72% จากที่อยู่ในระดับ 50% เมื่อปี 2551 สำหรับเป้าหมายของธนาคารในปี 2553 ตั้งเป้าเพิ่มยอดสินเชื่อคงค้างโต 20% หรือคิดเป็นสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันยอดสินเชื่อคงค้างที่ 5.5 หมื่นล้านบาท  อีกทั้งตั้งเป้าลดเอ็นพีแอลให้เหลือ 20% ทั้งนี้ธนาคารจะเน้นลูกค้าเชิงสังคม และสนับสนุนนโยบายภาครัฐ อาทิ กลุ่มโอท็อป แฟรนไชส์  หนี้นอกระบบ และกลุ่มเป้าหมายของรัฐบาล อาทิ ธุรกิจพลังงานทดแทน แปรรูปสินค้าเกษตร ธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงจะเน้นลูกค้าที่มีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจตามการขยายตัวของชุมชน นอกจากนี้ธนาคารจะเพิ่มบทบาทสาขาให้เป็น วันสต็อปเซอร์วิส ที่ให้บริการแบบครบวงจรแก่ลูกค้ารายย่อย ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 15 ล้านบาท และธนาคารจะเน้นความรวดเร็วในการอนุมัติสินเชื่อไม่เกิน 45 วัน นอกจากนี้ธนาคารได้มีการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์เป็นสถาบันการเงินหลักที่ช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย โดยมีพันธกิจ 4 ด้านได้แก่ การสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย ให้บริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการ ส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอีไทยควบคู่สนับสนุนเงินทุนและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบการจัดการองค์กร เพื่อให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

เปิดอ่าน6