อ่านข่าวย้อนหลัง ทั้งหมด หน้า 26914

เนื้อหาทั้งหมด

เนื้อหาทั้งหมด ใหม่ล่าสุด

เนื้อหาทั้งหมด
ใหม่ล่าสุด
ทองรูปพรรณวันนี้ขายออกบาทละ 18,000 บาท

ทองรูปพรรณวันนี้ขายออกบาทละ 18,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง (ทองคำ 96.5%) ประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2552 ทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ 17,500 บาท  ขายออก 17,600 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 17,252.08 บาท ขายออก 18,000 บาท ที่มา สมาคมค้าทองคำ

เปิดอ่าน4
ทองรูปพรรณวันนี้ขายออกบาทละ 18,000 บาท

ทองรูปพรรณวันนี้ขายออกบาทละ 18,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง (ทองคำ 96.5%) ประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2552 ทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ 17,500 บาท  ขายออก 17,600 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 17,252.08 บาท ขายออก 18,000 บาท ที่มา สมาคมค้าทองคำ

เปิดอ่าน5
TANG FRERES SA. ขายหุ้น TAF ทิ้งเกลี้ยงพอร์ต

TANG FRERES SA. ขายหุ้น TAF ทิ้งเกลี้ยงพอร์ต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการจำหน่าย หุ้นของบมจ. ไทย อกริ ฟู้ดส์(TAF)โดย TANG FRERES SA. ซึ่งเป็นการจำหน่าย  เมื่อวันที่ 17/12/2552จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น  -20.0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น  0.0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ และได้รับรายงานการได้มา หุ้นของบมจ. ไทย อกริ ฟู้ดส์(TAF)โดย FINANCIERE LAFONTAINE ซึ่งเป็นการได้มา  เมื่อวันที่ 17/12/2552จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น  6.14% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น  6.14% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ รวมทั้งได้รับรายงานการได้มา หุ้นของบมจ. ไทย อกริ ฟู้ดส์(TAF)โดย LA FINANCIERE TANGซึ่งเป็นการได้มา  เมื่อวันที่ 17/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น  9.77% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น  9.77% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ                ที่มา ก.ล.ต.

เปิดอ่าน8
บล.ไอร่า : กลยุทธ์ลงทุนทางเทคนิค 21/12/52

บล.ไอร่า : กลยุทธ์ลงทุนทางเทคนิค 21/12/52

บล.ไอร่า : กลยุทธ์ลงทุนทางเทคนิค 21/12/52KICK OFF THE WEEKกลยุทธ์ลงทุนทางเทคนิคMARKET SUMMARY & TECHNICAL STRATEGIES708 จุด  ตัวชี้กรอบแนวโน้มในสัปดาห์นี้ • ทิศทางดัชนีสัปดาห์ก่อน  LTF, RMF หนุน ค่าเงินดอล่าร์และกลุ่มธนาคารกดดัน  แรงซื้อจาก LTF, RMF เป็นแรงหนุนดัชนี ในสัปดาห์ที่ผ่านมา  ดัชนีสามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 703 จุด และ 713 จุด  ขึ้นไปในช่วง 2 วันแรกของสัปดาห์ และขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 718 จุด  โดยสามารถทำจุดสูงสุดไว้ที่ 719.17 จุด  ก่อนที่จะถูกกดดันลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 711.25 จุด และปิดที่ 715.68 จุด ในวันสุดท้ายของสัปดาห์  จากแรงกดดันของค่าเงินดอลล่าร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และแรงกดดันจากกลุ่มธนาคารตามตลาดสำคัญๆ ปรับตัวลง จากความกังวลการกันสำรองผลกำไรมากขึ้นหรือต้องเพิ่มระดับการกันสำรองเงินทุนภายใต้ข้อเสนอที่เข้มงวดขึ้นของคณะกรรมาธิการบาเซิลที่จะเริ่มตั้งแต่ปี 2012  ดัชนีกลุ่มธนาคารปรับลดลง -0.43% ในรอบสัปดาห์ ขณะที่ ดัชนี SET ปรับเพิ่มขึ้น 0.84%  นำโดย SCIB -4.13%, SCB -2.62%, KTB -1.01%, KBANK -0.89%, TCAP -0.88% • ทิศทางดัชนีสัปดาห์นี้  แนวรับ UPTREND LINE เริ่มที่บริเวณ 708 จุด  จะเป็นตัวชี้กรอบแนวโน้มในสัปดาห์นี้   ขึ้นกับแรงกดดันของกลุ่มธนาคาร ความคืบหน้าของกรณีมาบตาพุด  แนวโน้มค่าเงินดอลล่าร์  นักลงทุนต่างชาติกับมาขายสุทธิ   1636 ล้านบาท หลังชะลอลงก่อนหน้า  เราประเมินภาพการเคลื่อนไหวของดัชนีแกว่งตัวรอทิศทางในรูปแบบ SIDEWAY UP หรือ SIDEWAY ออกด้านข้างในระยะถัดไป ก่อนที่จะปรับตัวลงในคลื่น c   ซึ่งภาพในสัปดาห์นี้หากดัชนีสามารถยืนเหนือ UPTREND LINE  และผ่านบริเวณ 718-719 จุด ขึ้นไปได้จะขึ้นทดสอบบริเวณ FIBONACCI 723-737 จุด ต่อไป ในรูปแบบ SIDEWAY UP  อย่างไรก็ตาม หากหลุด UPTREND LINEลงมา  ภาพสัปดาห์นี้ จะลงทดสอบบริเวณ 700 จุด และหากรับไว้ได้จะมีแนวรับถัดไปบิเวณ 689 จุด และรูปแบบ SIDWAY ออกด้านข้างจะมีความเป็นไปได้สูง •กลยุทธ์ลงทุน  เน้นทะยอยขายบริเวณ  718-723-737 จุด   ตัดขาดทุน บริเวณ 700 จุด  ติดตามทิศทางนักลงทุนต่างชาติ  ประเด็นความคืบหน้ามาบตาพุดและการเคลื่อนไหวกลุ่มธนาคาร   ตลาดอยู่ในคลื่น CORRECTION ที่เราเตือนก่อนหน้านี้แล้วว่าทิศทางจะพลิกผันคาดการณ์ได้ยาก  การลงทุนจึงควรรอให้จบคลื่นปรับฐานทั้งหมด  เหลือเพียงการเก็งกำไรด้วยเม็ดเงินน้อยๆ ตามการคาดการณ์ทิศทางคลื่นปรับตัวSTOCK VIEW    • SCB  สัญญาณ RSI ตัดเส้นสัญญาณนำ MACD ลงมาก่อนแล้ว หากยืนบริเวณ 83 บาท ไม่ได้ จะเป็นจุดตัดขาดทุนและทำให้ภาพแนวโน้มในรอบสัปดาห์ลงทดสอบด้านล่างต่อไปซึ่งมีแนวรับบริเวณ 82 บาท และถัดไป 79.5 บาท • BAY  ระวังตัวเป็นหมีหัวกระทิง  แนวต้านบริเวณ 22.58 บาท   ตัดขาดทุน 21.35 บาท     •การซื้อขายสะสมสุทธินักลงทุนต่างชาติ   ขายออกมาประมาณ 26,000 ล้านบาท ที่ระดับใกล้แนวรับ FIBONACCI 38.2% หลังซื้อสะสมมาประมาณ 76800 ล้านบาท   อย่างไรก็ตามยังประมาทไม่ได้หากเริ่มมีแรงขายสุทธิออกมาอีกครั้งและเมื่อหลุดระดับดังกล่าวจะกดดันดัชนี  ค่าเฉลี่ยการซื้อขายสุทธิ SMA5-10-25 วัน เคลื่อนไหวใต้  ZERO LINE  ในลักษณะยกตัวขึ้นสู่บริเวณ ZERO LINE  สอดคล้องกับการขายมาที่ระดับ FIBO 38.2%  เป็นประเด็นติดตามต่อเนื่อง • ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ หลังจากที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องก็ยังสามารถยืนในระดับสูงโดยล่าสุด อยู่ที่ระดับ 77.545 จุด  หลังขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 77.943 จุด   ตามสัญญาณทางเทคนิคที่เตือนมาก่อนหน้านี้  และเป็นประเด็นติดตามต่อไป   หากยืน 78 จุด ได้แนวต้านถัดไป 80 จุด • จาก SET50 CHART ตามสัญญาณ MACD ระยะสั้น(สัญญาณจากกราฟรายวัน)  ระยะกลาง(สัญญาณจากกราฟรายสัปดาห์)  ระยะยาว(สัญญาณจากกราฟรายเดือน)  ตามสัญญาณระยะกลางมีหุ้น 35 ตัวที่ยังอยู่ในช่วงการขายทำกำไร และ 4 ตัว ที่เข้าสู่ภาวะหมีแล้ว  ขณะที่ 11 ตัว ยังประคองตัวอยู่ในภาวะกระทิง ได้แก่ BANPU, BAY, BEC, BECL, BH, CPALL, CPF, MAKRO, PS, SCIB, TCAP •แสดงการเคลื่อนไหวของดัชนี และหุ้นใน SET50  ในรอบสัปดาห์และรอบเดือน หุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด 5 อันดับแรกในรอบสัปดาห์ คือ TMB 9.73%, CPF 7.48%, BEC 7.39%, BANPU 6.55%, KSL 6.47%  และ 5 อันดับที่ปรับลดลงมากที่สุด SCIB-4.13%, ADVANC -3.53%, MBK -2.94%, SCB -2.62%, MINT -2.56% • กรอบ BOLLINGER BAND ของหุ้นใน SET50 ตามตัวคูณส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากเส้นค่าเฉลี่ย SMA20 วัน ซึ่งตัวคูณเรากำหนดตามตัวเลข FIBONACCI NUMBER แสดงตามตาราง  ถือเป็นกรอบแนวรับแนวต้านเป็นช่วงๆ ไป   ใช้สำหรับช่วงต้นสัปดาห์ 1-2 วัน  และถ้าการเปลี่ยนแปลงหุ้นตัวใด เคลื่อนไหวแคบๆ   ก็อาจพิจารณาใช้ได้ตลอดสัปดาห์  

เปิดอ่าน5
PAP  ขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 1 แสนหุ้น

PAP ขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 1 แสนหุ้น

นางสาววิริยา อัมพรนภากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิกไพพ์ จำกัด (มหาชน) หรือ   PAP เปิดเผยว่า  เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2552 บริษัทฯขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 100,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 1.62 บาท มูลค่า 162,000 บาท รวมจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนที่ยังมิได้จำหน่าย 960,700 หุ้น ร้อยละ 0.145 ของทุนชำระแล้ว มูลค่ารวม 1,546,727 บาท วันที่ครบกำหนดระยะเวลาที่ต้องจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน วันที่ 26 พฤษภาคม 2555 (ไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น) ที่มา ก.ล.ต.

เปิดอ่าน5
บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/12/52 กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buyแนวโน้มตลาดวันนี้ : ผันผวนในกรอบแคบต่อ แม้แรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติกว่า1.64 พันล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอาจ สร้างแรงกดดันต่อหุ้นขนาดใหญ่ แต่ทางฝ่ายมองแรงซื้อหุ้นเก็งกำไรในช่วงปลายปี ที่ยังพอมีลุ้นเรื่อง year-end rally จากการซื้อของกองทุน LTF/RMF และการทำราคาปิด บัญชีสิ้นปีน่าจะยังทำหน้าที่ประคองตลาดได้ดี ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ค่อนข้าง ทรงตัวอิงทางเชิงบวก ทำให้มองว่าโดยรวมดัชนี หุ้นไทยในวันนี้จะยังเคลื่อนไหวใน กรอบแคบแบบ Sideways ต่อไป โดยนักลงทุนยังคงต้องติดตามการเคลื่อนไหวของ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐต่อไปอย่างใกล้ชิด กลยุทธ์การลงทุน: เน้นการเก็งกำไรหุ้นแบบรายตัวต่อ แนวต้าน : 721-729    แนวรับ : 711-708ปัจจัยเด่นวันนี้  +    ดาวโจนส์ปิดบวก 20.63 จุด ในวันศุกร์ ขณะที่ผลประกอบการที่สดใสของบริษัท ออราเคิล และรีเสิร์ช อิน โมชั่น หนุนให้ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นมากกว่า 1 % แต่การ แข็งค่าของดอลลาร์ก็เป็นปัจจัยลบสกัดช่วงบวกของดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500+    ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดพุ่งขึ้น 71 เซนต์ มาที่ 73.36 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล ในวันศุกร์ ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิรักและภาวะ อากาศหนาวเย็นทั่วสหรัฐและยุโรปช่วยหนุนราคาน้ำมัน+    จับตาการประกาศตัวเลขนำเข้า-ส่งออกเดือน พ.ย. จากกระทรวงพาณิชย์ คาดจะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง+    คลังตัดสินใจต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาฯ ไปอีก 1 ปี เตรียมเสนอ ครม. ภายใน เดือน ธ.ค.นี้ -    นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 1.64 พันล้านบาท เมื่อวันศุกร์ 0    SCC เตรียมยื่นร้องศาลปกครองฯ เพื่อขออนุญาตการดำเนินการก่อสร้างโครงการท่าเทียบเรือในมาบตาพุด เนื่องจากได้ใบอนุญาต EIA ก่อนรัฐธรรมนูญปี 50 บังคับใช้               

เปิดอ่าน4
TANG FRERES SA. ขายหุ้น TAF ทิ้งเกลี้ยงพอร์ต

TANG FRERES SA. ขายหุ้น TAF ทิ้งเกลี้ยงพอร์ต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการจำหน่าย หุ้นของบมจ. ไทย อกริ ฟู้ดส์(TAF)โดย TANG FRERES SA. ซึ่งเป็นการจำหน่าย  เมื่อวันที่ 17/12/2552จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น  -20.0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น  0.0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ และได้รับรายงานการได้มา หุ้นของบมจ. ไทย อกริ ฟู้ดส์(TAF)โดย FINANCIERE LAFONTAINE ซึ่งเป็นการได้มา  เมื่อวันที่ 17/12/2552จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น  6.14% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น  6.14% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ รวมทั้งได้รับรายงานการได้มา หุ้นของบมจ. ไทย อกริ ฟู้ดส์(TAF)โดย LA FINANCIERE TANGซึ่งเป็นการได้มา  เมื่อวันที่ 17/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น  9.77% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น  9.77% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ                ที่มา ก.ล.ต.

เปิดอ่าน7
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/12/52 บวกได้ KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันจันทร์ปรับขึ้น ปัจจัยหนุนหลักยังคงเป็นการซื้อหนักของนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. สถาบันฯ ซื้อสุทธิแล้ว 6.5 พันล้านบาท (หากนับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. ซื้อสุทธิ 1.33 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเมื่อเทียบกับสถิติในอดีตแล้วพบว่ายังมีโอกาสที่สถาบันฯ จะซื้อต่ออีกในช่วง 8 วันทำการที่เหลือของปี 2552 ขณะที่ปัจจัยภายนอกเป็นกลาง ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และดัชนีค่าเงินดอลลาร์ฯ ทรงตัวออกข้าง แต่ราคาทองคำและน้ำมันปรับขึ้นปานกลาง โดยสำหรับราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากสภาวะอากาศหนาวในสหรัฐฯ รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่าอิหร่านส่งกำลังทหารรุกรานบ่อน้ำมันของอิรักด้วย โดยสรุปมองว่าแรงซื้อจากฝั่งในประเทศจะหนุน SET แกว่งขึ้น โดยมีแนวต้านสำคัญอยู่แถว 719-720 จุด กลับสู่ปัจจัยในประเทศ สัปดาห์นี้ประเด็นน่าติดตามได้แก่ i) ครม. จะต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข่าวยืนยันชัดเจน แต่มีพูดกันบ้างในบางสื่อส่งผลให้น่ามีแรงเก็งกำไรหุ้นบ้านและที่ดินเข้ามา ii) การพิจารณาของประธาน กกต. ต่อข้อกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาค 258 ล้านบาทจาก บมจ. TPIPL ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีความไม่ชัดเจนในข้อที่ว่าหากประธาน กกต. เห็นควรยุติเรื่อง เรื่องจะจบไปเลยหรือไม่หรือต้องนำกลับมาเข้าที่ประชุม กกต. อีก แต่ถ้ากลับเป็นว่าประธานกกต. เห็นควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ อันนี้จะทำให้จิตวิทยาการเมืองไทยแย่ลงได้ กลยุทธ์: ให้ถือหุ้นหลักๆ ต่อไป และยังแนะซื้อ/ซื้อเก็งกำไร QH, PS, LH (ไม่ว่ามาตรการภาษีอสังหาฯ จะต่อหรือไม่ เราก็ชอบหุ้นทั้งสาม) รวมทั้งซื้อเพิ่มใน PTTEP และ PTTAR ซึ่งเรามองว่าเป็นสองหุ้นพลังงานที่น่าสนใจที่สุด เมื่อพิจารณาทั้งเรื่องของประเด็นลงทุนและระดับราคาหุ้นเข้าด้วยกัน และแนะซื้อเพิ่มในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวฟื้นตัว เช่น AOT และ BGHความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่าคลังเตรียมที่จะเสนอแพ็กเกจมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีภายในเดือนนี้ ซึ่งขณะนี้นายกรณ์จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้กรมสรรพากรไปดูในรายละเอียดแล้วสำหรับแพ็กเกจภาษีที่จะลดหย่อนประกอบด้วย 1. ให้นำเงินจากการซื้อบ้านใหม่ที่จะโอนในปี 2553 มาหักลดหย่อนค่าภาษีได้ในวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ที่กำลังจะหมดอายุในปลายเดือน ธ.ค. นี้ ขณะที่ 2. ภาษีธุรกิจเฉพาะ อัตรา 0.1% และในส่วนของกระทรวงมหาดไทย การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน จดจำนอง อัตรา 0.01% จะหมดอายุในเดือน มี.ค. 2553 รวมทั้งจะมีมาตรการเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังชี้ว่า ยอดส่งออกเดือน พ.ย. เติบโตถึง 17.2% YoY โดยเป็นการขยายตัวในทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลกโทรนิกส์ ซึ่งตัวเลขอย่างเป็นทางการจะแถลงโดยกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ (21 ธ.ค.) ทั้งนี้ KGI มองว่าด้วยฐานการส่งออกที่กลับมาต่ำ (Base effect) รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ยอดส่งออกจะเติบโตได้ต่อไป และคงเป้าหมายส่งออกปี 2553 โต 10%               

เปิดอ่าน4
TANG FRERES SA. ขายหุ้น TAF ทิ้งเกลี้ยงพอร์ต

TANG FRERES SA. ขายหุ้น TAF ทิ้งเกลี้ยงพอร์ต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้รับแบบรายงานการจำหน่าย หุ้นของบมจ. ไทย อกริ ฟู้ดส์(TAF)โดย TANG FRERES SA. ซึ่งเป็นการจำหน่าย  เมื่อวันที่ 17/12/2552จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น  -20.0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น  0.0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ และได้รับรายงานการได้มา หุ้นของบมจ. ไทย อกริ ฟู้ดส์(TAF)โดย FINANCIERE LAFONTAINE ซึ่งเป็นการได้มา  เมื่อวันที่ 17/12/2552จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น  6.14% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น  6.14% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ รวมทั้งได้รับรายงานการได้มา หุ้นของบมจ. ไทย อกริ ฟู้ดส์(TAF)โดย LA FINANCIERE TANGซึ่งเป็นการได้มา  เมื่อวันที่ 17/12/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น  9.77% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น  9.77% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ                ที่มา ก.ล.ต.

เปิดอ่าน7
PAP  ขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 1 แสนหุ้น

PAP ขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 1 แสนหุ้น

นางสาววิริยา อัมพรนภากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิกไพพ์ จำกัด (มหาชน) หรือ   PAP เปิดเผยว่า  เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2552 บริษัทฯขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 100,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 1.62 บาท มูลค่า 162,000 บาท รวมจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนที่ยังมิได้จำหน่าย 960,700 หุ้น ร้อยละ 0.145 ของทุนชำระแล้ว มูลค่ารวม 1,546,727 บาท วันที่ครบกำหนดระยะเวลาที่ต้องจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน วันที่ 26 พฤษภาคม 2555 (ไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น) ที่มา ก.ล.ต.

เปิดอ่าน5
MBK เผย บ.ย่อย PDP เข้าถือหุ้นใน PDR

MBK เผย บ.ย่อย PDP เข้าถือหุ้นใน PDR

นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ แผนกกำกับและดูแลการปฏิบัติการ  บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBKเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท พาราไดซ์ พาร์ค จำกัด ( PDP ) ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทย่อยที่ MBK ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 65.35% ครั้งที่ 5 ปี 52/53 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 ได้มีมติอนุมัติในหลักการเบื้องต้นให้ PDP เข้าลงทุนในบริษัทที่จัดตั้งใหม่ชื่อ บริษัท พาราไดซ์ รีเทล จำกัด  ( PDR )

เปิดอ่าน6
บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/12/52 กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buyแนวโน้มตลาดวันนี้ : ผันผวนในกรอบแคบต่อ แม้แรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติกว่า1.64 พันล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอาจ สร้างแรงกดดันต่อหุ้นขนาดใหญ่ แต่ทางฝ่ายมองแรงซื้อหุ้นเก็งกำไรในช่วงปลายปี ที่ยังพอมีลุ้นเรื่อง year-end rally จากการซื้อของกองทุน LTF/RMF และการทำราคาปิด บัญชีสิ้นปีน่าจะยังทำหน้าที่ประคองตลาดได้ดี ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ค่อนข้าง ทรงตัวอิงทางเชิงบวก ทำให้มองว่าโดยรวมดัชนี หุ้นไทยในวันนี้จะยังเคลื่อนไหวใน กรอบแคบแบบ Sideways ต่อไป โดยนักลงทุนยังคงต้องติดตามการเคลื่อนไหวของ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐต่อไปอย่างใกล้ชิด กลยุทธ์การลงทุน: เน้นการเก็งกำไรหุ้นแบบรายตัวต่อ แนวต้าน : 721-729    แนวรับ : 711-708ปัจจัยเด่นวันนี้  +    ดาวโจนส์ปิดบวก 20.63 จุด ในวันศุกร์ ขณะที่ผลประกอบการที่สดใสของบริษัท ออราเคิล และรีเสิร์ช อิน โมชั่น หนุนให้ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นมากกว่า 1 % แต่การ แข็งค่าของดอลลาร์ก็เป็นปัจจัยลบสกัดช่วงบวกของดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500+    ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดพุ่งขึ้น 71 เซนต์ มาที่ 73.36 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล ในวันศุกร์ ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิรักและภาวะ อากาศหนาวเย็นทั่วสหรัฐและยุโรปช่วยหนุนราคาน้ำมัน+    จับตาการประกาศตัวเลขนำเข้า-ส่งออกเดือน พ.ย. จากกระทรวงพาณิชย์ คาดจะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง+    คลังตัดสินใจต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาฯ ไปอีก 1 ปี เตรียมเสนอ ครม. ภายใน เดือน ธ.ค.นี้ -    นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 1.64 พันล้านบาท เมื่อวันศุกร์ 0    SCC เตรียมยื่นร้องศาลปกครองฯ เพื่อขออนุญาตการดำเนินการก่อสร้างโครงการท่าเทียบเรือในมาบตาพุด เนื่องจากได้ใบอนุญาต EIA ก่อนรัฐธรรมนูญปี 50 บังคับใช้               

เปิดอ่าน5
MBK เผย บ.ย่อย PDP เข้าถือหุ้นใน PDR

MBK เผย บ.ย่อย PDP เข้าถือหุ้นใน PDR

นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ แผนกกำกับและดูแลการปฏิบัติการ  บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBKเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท พาราไดซ์ พาร์ค จำกัด ( PDP ) ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทย่อยที่ MBK ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 65.35% ครั้งที่ 5 ปี 52/53 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 ได้มีมติอนุมัติในหลักการเบื้องต้นให้ PDP เข้าลงทุนในบริษัทที่จัดตั้งใหม่ชื่อ บริษัท พาราไดซ์ รีเทล จำกัด  ( PDR )

เปิดอ่าน7
บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/12/52 กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buyแนวโน้มตลาดวันนี้ : ผันผวนในกรอบแคบต่อ แม้แรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติกว่า1.64 พันล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอาจ สร้างแรงกดดันต่อหุ้นขนาดใหญ่ แต่ทางฝ่ายมองแรงซื้อหุ้นเก็งกำไรในช่วงปลายปี ที่ยังพอมีลุ้นเรื่อง year-end rally จากการซื้อของกองทุน LTF/RMF และการทำราคาปิด บัญชีสิ้นปีน่าจะยังทำหน้าที่ประคองตลาดได้ดี ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ค่อนข้าง ทรงตัวอิงทางเชิงบวก ทำให้มองว่าโดยรวมดัชนี หุ้นไทยในวันนี้จะยังเคลื่อนไหวใน กรอบแคบแบบ Sideways ต่อไป โดยนักลงทุนยังคงต้องติดตามการเคลื่อนไหวของ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐต่อไปอย่างใกล้ชิด กลยุทธ์การลงทุน: เน้นการเก็งกำไรหุ้นแบบรายตัวต่อ แนวต้าน : 721-729    แนวรับ : 711-708ปัจจัยเด่นวันนี้  +    ดาวโจนส์ปิดบวก 20.63 จุด ในวันศุกร์ ขณะที่ผลประกอบการที่สดใสของบริษัท ออราเคิล และรีเสิร์ช อิน โมชั่น หนุนให้ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นมากกว่า 1 % แต่การ แข็งค่าของดอลลาร์ก็เป็นปัจจัยลบสกัดช่วงบวกของดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500+    ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดพุ่งขึ้น 71 เซนต์ มาที่ 73.36 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล ในวันศุกร์ ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิรักและภาวะ อากาศหนาวเย็นทั่วสหรัฐและยุโรปช่วยหนุนราคาน้ำมัน+    จับตาการประกาศตัวเลขนำเข้า-ส่งออกเดือน พ.ย. จากกระทรวงพาณิชย์ คาดจะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง+    คลังตัดสินใจต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาฯ ไปอีก 1 ปี เตรียมเสนอ ครม. ภายใน เดือน ธ.ค.นี้ -    นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 1.64 พันล้านบาท เมื่อวันศุกร์ 0    SCC เตรียมยื่นร้องศาลปกครองฯ เพื่อขออนุญาตการดำเนินการก่อสร้างโครงการท่าเทียบเรือในมาบตาพุด เนื่องจากได้ใบอนุญาต EIA ก่อนรัฐธรรมนูญปี 50 บังคับใช้               

เปิดอ่าน5
PAP  ขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 1 แสนหุ้น

PAP ขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 1 แสนหุ้น

นางสาววิริยา อัมพรนภากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิกไพพ์ จำกัด (มหาชน) หรือ   PAP เปิดเผยว่า  เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2552 บริษัทฯขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 100,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 1.62 บาท มูลค่า 162,000 บาท รวมจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนที่ยังมิได้จำหน่าย 960,700 หุ้น ร้อยละ 0.145 ของทุนชำระแล้ว มูลค่ารวม 1,546,727 บาท วันที่ครบกำหนดระยะเวลาที่ต้องจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน วันที่ 26 พฤษภาคม 2555 (ไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น) ที่มา ก.ล.ต.

เปิดอ่าน8
PAP  ขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 1 แสนหุ้น

PAP ขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 1 แสนหุ้น

นางสาววิริยา อัมพรนภากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิกไพพ์ จำกัด (มหาชน) หรือ   PAP เปิดเผยว่า  เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2552 บริษัทฯขายหุ้นที่ซื้อคืนอีก 100,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 1.62 บาท มูลค่า 162,000 บาท รวมจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนที่ยังมิได้จำหน่าย 960,700 หุ้น ร้อยละ 0.145 ของทุนชำระแล้ว มูลค่ารวม 1,546,727 บาท วันที่ครบกำหนดระยะเวลาที่ต้องจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน วันที่ 26 พฤษภาคม 2555 (ไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น) ที่มา ก.ล.ต.

เปิดอ่าน9
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/12/52 บวกได้ KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันจันทร์ปรับขึ้น ปัจจัยหนุนหลักยังคงเป็นการซื้อหนักของนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. สถาบันฯ ซื้อสุทธิแล้ว 6.5 พันล้านบาท (หากนับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. ซื้อสุทธิ 1.33 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเมื่อเทียบกับสถิติในอดีตแล้วพบว่ายังมีโอกาสที่สถาบันฯ จะซื้อต่ออีกในช่วง 8 วันทำการที่เหลือของปี 2552 ขณะที่ปัจจัยภายนอกเป็นกลาง ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และดัชนีค่าเงินดอลลาร์ฯ ทรงตัวออกข้าง แต่ราคาทองคำและน้ำมันปรับขึ้นปานกลาง โดยสำหรับราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากสภาวะอากาศหนาวในสหรัฐฯ รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่าอิหร่านส่งกำลังทหารรุกรานบ่อน้ำมันของอิรักด้วย โดยสรุปมองว่าแรงซื้อจากฝั่งในประเทศจะหนุน SET แกว่งขึ้น โดยมีแนวต้านสำคัญอยู่แถว 719-720 จุด กลับสู่ปัจจัยในประเทศ สัปดาห์นี้ประเด็นน่าติดตามได้แก่ i) ครม. จะต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข่าวยืนยันชัดเจน แต่มีพูดกันบ้างในบางสื่อส่งผลให้น่ามีแรงเก็งกำไรหุ้นบ้านและที่ดินเข้ามา ii) การพิจารณาของประธาน กกต. ต่อข้อกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาค 258 ล้านบาทจาก บมจ. TPIPL ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีความไม่ชัดเจนในข้อที่ว่าหากประธาน กกต. เห็นควรยุติเรื่อง เรื่องจะจบไปเลยหรือไม่หรือต้องนำกลับมาเข้าที่ประชุม กกต. อีก แต่ถ้ากลับเป็นว่าประธานกกต. เห็นควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ อันนี้จะทำให้จิตวิทยาการเมืองไทยแย่ลงได้ กลยุทธ์: ให้ถือหุ้นหลักๆ ต่อไป และยังแนะซื้อ/ซื้อเก็งกำไร QH, PS, LH (ไม่ว่ามาตรการภาษีอสังหาฯ จะต่อหรือไม่ เราก็ชอบหุ้นทั้งสาม) รวมทั้งซื้อเพิ่มใน PTTEP และ PTTAR ซึ่งเรามองว่าเป็นสองหุ้นพลังงานที่น่าสนใจที่สุด เมื่อพิจารณาทั้งเรื่องของประเด็นลงทุนและระดับราคาหุ้นเข้าด้วยกัน และแนะซื้อเพิ่มในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวฟื้นตัว เช่น AOT และ BGHความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่าคลังเตรียมที่จะเสนอแพ็กเกจมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีภายในเดือนนี้ ซึ่งขณะนี้นายกรณ์จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้กรมสรรพากรไปดูในรายละเอียดแล้วสำหรับแพ็กเกจภาษีที่จะลดหย่อนประกอบด้วย 1. ให้นำเงินจากการซื้อบ้านใหม่ที่จะโอนในปี 2553 มาหักลดหย่อนค่าภาษีได้ในวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ที่กำลังจะหมดอายุในปลายเดือน ธ.ค. นี้ ขณะที่ 2. ภาษีธุรกิจเฉพาะ อัตรา 0.1% และในส่วนของกระทรวงมหาดไทย การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน จดจำนอง อัตรา 0.01% จะหมดอายุในเดือน มี.ค. 2553 รวมทั้งจะมีมาตรการเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังชี้ว่า ยอดส่งออกเดือน พ.ย. เติบโตถึง 17.2% YoY โดยเป็นการขยายตัวในทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลกโทรนิกส์ ซึ่งตัวเลขอย่างเป็นทางการจะแถลงโดยกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ (21 ธ.ค.) ทั้งนี้ KGI มองว่าด้วยฐานการส่งออกที่กลับมาต่ำ (Base effect) รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ยอดส่งออกจะเติบโตได้ต่อไป และคงเป้าหมายส่งออกปี 2553 โต 10%               

เปิดอ่าน4
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/12/52 บวกได้ KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันจันทร์ปรับขึ้น ปัจจัยหนุนหลักยังคงเป็นการซื้อหนักของนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. สถาบันฯ ซื้อสุทธิแล้ว 6.5 พันล้านบาท (หากนับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. ซื้อสุทธิ 1.33 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเมื่อเทียบกับสถิติในอดีตแล้วพบว่ายังมีโอกาสที่สถาบันฯ จะซื้อต่ออีกในช่วง 8 วันทำการที่เหลือของปี 2552 ขณะที่ปัจจัยภายนอกเป็นกลาง ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และดัชนีค่าเงินดอลลาร์ฯ ทรงตัวออกข้าง แต่ราคาทองคำและน้ำมันปรับขึ้นปานกลาง โดยสำหรับราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากสภาวะอากาศหนาวในสหรัฐฯ รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่าอิหร่านส่งกำลังทหารรุกรานบ่อน้ำมันของอิรักด้วย โดยสรุปมองว่าแรงซื้อจากฝั่งในประเทศจะหนุน SET แกว่งขึ้น โดยมีแนวต้านสำคัญอยู่แถว 719-720 จุด กลับสู่ปัจจัยในประเทศ สัปดาห์นี้ประเด็นน่าติดตามได้แก่ i) ครม. จะต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข่าวยืนยันชัดเจน แต่มีพูดกันบ้างในบางสื่อส่งผลให้น่ามีแรงเก็งกำไรหุ้นบ้านและที่ดินเข้ามา ii) การพิจารณาของประธาน กกต. ต่อข้อกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาค 258 ล้านบาทจาก บมจ. TPIPL ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีความไม่ชัดเจนในข้อที่ว่าหากประธาน กกต. เห็นควรยุติเรื่อง เรื่องจะจบไปเลยหรือไม่หรือต้องนำกลับมาเข้าที่ประชุม กกต. อีก แต่ถ้ากลับเป็นว่าประธานกกต. เห็นควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ อันนี้จะทำให้จิตวิทยาการเมืองไทยแย่ลงได้ กลยุทธ์: ให้ถือหุ้นหลักๆ ต่อไป และยังแนะซื้อ/ซื้อเก็งกำไร QH, PS, LH (ไม่ว่ามาตรการภาษีอสังหาฯ จะต่อหรือไม่ เราก็ชอบหุ้นทั้งสาม) รวมทั้งซื้อเพิ่มใน PTTEP และ PTTAR ซึ่งเรามองว่าเป็นสองหุ้นพลังงานที่น่าสนใจที่สุด เมื่อพิจารณาทั้งเรื่องของประเด็นลงทุนและระดับราคาหุ้นเข้าด้วยกัน และแนะซื้อเพิ่มในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวฟื้นตัว เช่น AOT และ BGHความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่าคลังเตรียมที่จะเสนอแพ็กเกจมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีภายในเดือนนี้ ซึ่งขณะนี้นายกรณ์จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้กรมสรรพากรไปดูในรายละเอียดแล้วสำหรับแพ็กเกจภาษีที่จะลดหย่อนประกอบด้วย 1. ให้นำเงินจากการซื้อบ้านใหม่ที่จะโอนในปี 2553 มาหักลดหย่อนค่าภาษีได้ในวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ที่กำลังจะหมดอายุในปลายเดือน ธ.ค. นี้ ขณะที่ 2. ภาษีธุรกิจเฉพาะ อัตรา 0.1% และในส่วนของกระทรวงมหาดไทย การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน จดจำนอง อัตรา 0.01% จะหมดอายุในเดือน มี.ค. 2553 รวมทั้งจะมีมาตรการเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังชี้ว่า ยอดส่งออกเดือน พ.ย. เติบโตถึง 17.2% YoY โดยเป็นการขยายตัวในทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลกโทรนิกส์ ซึ่งตัวเลขอย่างเป็นทางการจะแถลงโดยกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ (21 ธ.ค.) ทั้งนี้ KGI มองว่าด้วยฐานการส่งออกที่กลับมาต่ำ (Base effect) รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ยอดส่งออกจะเติบโตได้ต่อไป และคงเป้าหมายส่งออกปี 2553 โต 10%               

เปิดอ่าน5
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/12/52อ่อนตัวซื้อ กลยุทธ์วันนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ได้แสดงความแข็งแกร่งให้เห็นแล้วโดย +1.7% W-W ขณะที่ MSCI Asia ex Japan -2.3% และ MSCI EM -2.5% ท่ามกลางดอลลาร์ที่แข็งค่า 2% W-W ราคาน้ำมันที่แกว่งตัวแคบ 70 – 75 และต่างชาติขายสุทธิ 1.5 พันล้านบาท แต่การซื้อสุทธิของนักลงทุนในประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็น 3 พันล้านบาท ช่วยหนุนการปรับขึ้นของตลาดได้ เราเชื่อว่า SET จะยังแข็งแกร่งโดยคาดว่าจะค่อย ๆ ปรับขึ้นสู่ 730 จุดสิ้นปีนี้ และ 760 – 780 จุดต้นปีหน้าแม้ว่าการเมืองในประเทศ (ประเด็นยุบพรรค ปชป.) จะกลับมาเป็นประเด็นกดดันตลาดในสัปดาห์นี้ก็ตาม เพราะนอกจากเม็ดเงินใหม่จาก LTF และ RMF รวมถึงการทำ Window dressing สิ้นปีแล้ว ค่า PE ปีหน้าที่ยังไม่แพงเกินไปที่ 11.7 เท่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของเอเชียที่ 14 – 15 เท่า และการกลับมาซื้อรอบใหม่ของนักลงทุนต่างชาติในช่วงต้นปีจะทำให้ SET Index ไปต่อได้ สำหรับสัปดาห์นี้ตลาดวอลล์สตรีทซึ่งเปิดเทรด 3 วันครึ่ง ไม่น่าเป็นแรงกดดันเพราะตัวเลขเศรษฐกิจน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่ยอดส่งออกของไต้หวัน (วันพุธ) น่าจะขยายตัว Y-Y เป็นเลข 2 หลักและคาดว่าธนาคารกลางไต้หวันจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น การแกว่งลงของ SET โดยเฉพาะเมื่อต่ำกว่า 710 – 700 จุดจะถือเป็นโอกาสซื้อสะสม กลุ่มแบงก์ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจมากกว่ากลุ่มน้ำมัน เราแนะนำสะสมหุ้นปันผลเช่น ADVANC, DCC, TVO, SPALI, BCP และหุ้นที่มีกำไรเติบโตสูงในปีหน้าเช่น BAY, IRPC, MCOT, QH, ROJNA และหุ้นในกลุ่มมาบตาพุดที่ Undervalue คือ PTTประเด็นสำคัญวันนี้ วันนี้กระทรวงพาณิชย์จะรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน พ.ย. ซึ่งจะเป็นเดือนแรกของปีนี้ที่การขยายตัวเป็นบวก Y-Y เพราะยอดส่งออกที่ทรุดฮวบในเดือน พ.ย. ปีก่อนหลังวิกฤต Lehman โดย Bloomberg consensus คาดว่าการส่งออกเดือน พ.ย. จะเพิ่มขึ้น 22.5% Y-Y แต่ลดลง 2.3% M-M ซึ่งถือเป็นปกติที่ยอดส่งออกใน 2 เดือนสุดท้ายของทุกปีมักจะชะลอลง M-M เพราะเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาว และหากเดือน ธ.ค. จะชะลอลงอีก คาดว่ายอดส่งออกทั้งปี 2552 จะลดลง 14% - 15% ใกล้เคียงกับที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้า   จนถึงขณะนี้มีแบงก์ 6 แห่งรายงานยอดสินเชื่อเดือน พ.ย. แล้วได้แก่ KTB, TMB, SCB, SCIB, TISCO, TCAP โดยแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากนับเฉพาะ 4 ธนาคารใหญ่ที่ไม่รวม TISCO, TCAP ทุกแห่งมีสินเชื่อเพิ่มขึ้นราว 0.56% M-M หรือราว 3 หมื่นลบ. ซึ่งเป็นไปตามคาดหมาย ส่วนใหญ่การเพิ่มขึ้นมาจากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งภาครัฐ SMEs และขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไร 4Q09 คาดว่าจะชะลอตัว ~15% Q-Q เพราะตั้งสำรองเพิ่มและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่ม แต่จะเพิ่มขึ้น ~50% Y-Y โดย BBL น่าสนใจที่สุดในเชิงการเติบโตของกำไรใน 4Q09 ส่วนภาพรวมสินเชื่อปี 2010 มีแนวโน้มสดใส เราคาดว่าจะขยายตัว ~9% จากที่คาดจะทรงตัวในปีนี้ และกำไรเติบโต ~18%Y-Y เทียบกับที่คาดว่าจะลดลง 2% ในปีนี้ หุ้นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในปีหน้าได้แก่ BAY, KBANK, SCB  ทิศทางของค่าเงินดอลลาร์มีบทบาทกับตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์มากในระยะนี้ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์ค่อยๆ แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องนับแต่ Dollar index อ่อนลงไปแตะ 74.23 จุด และสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เป็นสัปดาห์ที่ดอลลาร์แข็งค่ามากที่สุดอีกสัปดาห์หนึ่งโดย Dollar index +2% W-W เพราะได้รับแรงหนุนใหม่จากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างอิรัก-อิหร่าน ทำให้ยิ่งมีแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะที่เป็น Safe heaven การแข็งค่าของดอลลาร์ที่ผ่านมาเป็นไปตามที่เราคาด และเรายังเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ สำหรับสัปดาห์หน้ายังมีปัจจัยสนับสนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าคือรายงาน GDP 3Q09 (คาดการณ์ครั้งสุดท้าย) ตัวเลขเกี่ยวกับบ้าน รายได้และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน    แม้ว่าดอลลาร์จะแข็งค่า แต่ตลาดวอลล์สตรีทก็บวก 24 จุดนำโดยหุ้นกลุ่ม Technology ที่ประกาศผลประกอบการแข็งแกร่ง คือ Research In Motion (ผู้ผลิต Blackberry) (+10%) และ Oracle (+6%) ขณะเดียวกันราคาทองบวก US$6.6 มาปิดที่ US$1,114 เพราะความตึงเครียดของอิรัก-อิหร่าน เหตุผลเดียวกันทำให้ราคาน้ำมันบวก US$0.40 ค่าระวางเรือ (BDI) ลดลงอีก 118 จุด ปิดที่ 3,258 จุด Technical View : “ดัชนีปิดระดับสัปดาห์ได้ดี ทำให้มีลุ้นขึ้นต่อเนื่องและอาจทำจุดสูงสุดใหม่ได้ด้วย ดังนั้นสัปดาห์นี้ยังเทรดดิ้งตามต่อได้ จนกว่าดัชนีจะหลุดต่ำกว่า 700 จุดถึงจะเลิกเข้าเทรดดิ้ง...” แนวรับ    :   710-708** , 702-700***      แนวต้าน  :   720* , 724-727**, 732***Technical Picks:STEC (Bt 5.95 เป้าเทคนิค 6.35 cut loss ถ้าหลุด 5.80)PF (Bt 3.76 เป้าเทคนิค 4-4.10 cut loss ถ้าหลุด 3.64)SMT (Bt 5.95 เป้าเทคนิค 6.40 cut loss ถ้าหลุด 5.80)               

เปิดอ่าน8
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/12/52 บวกได้ KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันจันทร์ปรับขึ้น ปัจจัยหนุนหลักยังคงเป็นการซื้อหนักของนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. สถาบันฯ ซื้อสุทธิแล้ว 6.5 พันล้านบาท (หากนับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. ซื้อสุทธิ 1.33 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเมื่อเทียบกับสถิติในอดีตแล้วพบว่ายังมีโอกาสที่สถาบันฯ จะซื้อต่ออีกในช่วง 8 วันทำการที่เหลือของปี 2552 ขณะที่ปัจจัยภายนอกเป็นกลาง ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ และดัชนีค่าเงินดอลลาร์ฯ ทรงตัวออกข้าง แต่ราคาทองคำและน้ำมันปรับขึ้นปานกลาง โดยสำหรับราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากสภาวะอากาศหนาวในสหรัฐฯ รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่าอิหร่านส่งกำลังทหารรุกรานบ่อน้ำมันของอิรักด้วย โดยสรุปมองว่าแรงซื้อจากฝั่งในประเทศจะหนุน SET แกว่งขึ้น โดยมีแนวต้านสำคัญอยู่แถว 719-720 จุด กลับสู่ปัจจัยในประเทศ สัปดาห์นี้ประเด็นน่าติดตามได้แก่ i) ครม. จะต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข่าวยืนยันชัดเจน แต่มีพูดกันบ้างในบางสื่อส่งผลให้น่ามีแรงเก็งกำไรหุ้นบ้านและที่ดินเข้ามา ii) การพิจารณาของประธาน กกต. ต่อข้อกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาค 258 ล้านบาทจาก บมจ. TPIPL ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีความไม่ชัดเจนในข้อที่ว่าหากประธาน กกต. เห็นควรยุติเรื่อง เรื่องจะจบไปเลยหรือไม่หรือต้องนำกลับมาเข้าที่ประชุม กกต. อีก แต่ถ้ากลับเป็นว่าประธานกกต. เห็นควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ อันนี้จะทำให้จิตวิทยาการเมืองไทยแย่ลงได้ กลยุทธ์: ให้ถือหุ้นหลักๆ ต่อไป และยังแนะซื้อ/ซื้อเก็งกำไร QH, PS, LH (ไม่ว่ามาตรการภาษีอสังหาฯ จะต่อหรือไม่ เราก็ชอบหุ้นทั้งสาม) รวมทั้งซื้อเพิ่มใน PTTEP และ PTTAR ซึ่งเรามองว่าเป็นสองหุ้นพลังงานที่น่าสนใจที่สุด เมื่อพิจารณาทั้งเรื่องของประเด็นลงทุนและระดับราคาหุ้นเข้าด้วยกัน และแนะซื้อเพิ่มในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวฟื้นตัว เช่น AOT และ BGHความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่าคลังเตรียมที่จะเสนอแพ็กเกจมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีภายในเดือนนี้ ซึ่งขณะนี้นายกรณ์จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้กรมสรรพากรไปดูในรายละเอียดแล้วสำหรับแพ็กเกจภาษีที่จะลดหย่อนประกอบด้วย 1. ให้นำเงินจากการซื้อบ้านใหม่ที่จะโอนในปี 2553 มาหักลดหย่อนค่าภาษีได้ในวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ที่กำลังจะหมดอายุในปลายเดือน ธ.ค. นี้ ขณะที่ 2. ภาษีธุรกิจเฉพาะ อัตรา 0.1% และในส่วนของกระทรวงมหาดไทย การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน จดจำนอง อัตรา 0.01% จะหมดอายุในเดือน มี.ค. 2553 รวมทั้งจะมีมาตรการเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังชี้ว่า ยอดส่งออกเดือน พ.ย. เติบโตถึง 17.2% YoY โดยเป็นการขยายตัวในทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลกโทรนิกส์ ซึ่งตัวเลขอย่างเป็นทางการจะแถลงโดยกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ (21 ธ.ค.) ทั้งนี้ KGI มองว่าด้วยฐานการส่งออกที่กลับมาต่ำ (Base effect) รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ยอดส่งออกจะเติบโตได้ต่อไป และคงเป้าหมายส่งออกปี 2553 โต 10%               

เปิดอ่าน8