อ่านข่าวย้อนหลัง ทั้งหมด หน้า 25844

เนื้อหาทั้งหมด

เนื้อหาทั้งหมด ใหม่ล่าสุด

เนื้อหาทั้งหมด
ใหม่ล่าสุด
เตฟเผยเหตุเยาะเนวิลล์เพราะโดนดูถูกเรื่องค่าตัว

เตฟเผยเหตุเยาะเนวิลล์เพราะโดนดูถูกเรื่องค่าตัว

คาร์ลอส เตเบซ ดาวยิงจอมเดือดทีม "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ เผยสาเหตุที่แสดงความดีใจเยาะเย้ย แกรี่ เนวิลล์ อดีตเพื่อนร่วมเก่าที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมคาร์ลิ่งคัพว่า เป็นเพราะโดนดูถูกเรื่องค่าตัว หลังก่อนหน้าเกม อดีตแบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ ออกมาสนับสนุน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ให้ซื้อตัวเขามาร่วมทีม เพราะค่าตัวสูงโอเวอร์เกินความเป็นจริง

เปิดอ่าน610
เดเด้พลิกลิ้น อยากเก็บอาร์กฟาไว้กับทีมต่อ

เดเด้พลิกลิ้น อยากเก็บอาร์กฟาไว้กับทีมต่อ

แม้จะมีกระแสข่าวว่าไม่กินเส้นกับลูกทีมและเตรียมที่จะเฉดหัวทิ้งทันทีที่ ได้ราคางามๆ สำหรับ ดิดิเยร์ เดส์ชองก์ ผู้จัดการทีมของโอลิมปิก มาร์กเซย และ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา ปีกซ้ายตัวจี๊ดของทีม แต่ล่าสุดมีรายงานว่าอดีตกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสต้องการเก็บดาวตะรายนี้ไว้ กับทีมต่อไป

เปิดอ่าน428
คุมตัวลูกน้องเสธ.แดงสอบ-รับเป็นเจ้าของไม่เกี่ยวเสธ.แดง

คุมตัวลูกน้องเสธ.แดงสอบ-รับเป็นเจ้าของไม่เกี่ยวเสธ.แดง

คุมตัวลูกน้องเสธ.แดงสอบ รับเป็นเจ้าของอาวุธ อ้างสะสมมาร่วม 20 ปี ตร.ระบุเตรียมฝากขังเช้าวันนี้ สั่งกำลังคุมเข้มหลังมีข่าวเสื้อแดงปิดล้อม

เปิดอ่าน3,066
โคบี้กระหึ่ม!!เสื้อแข่งขายพุ่งอันดับ 1

โคบี้กระหึ่ม!!เสื้อแข่งขายพุ่งอันดับ 1

โคบี้ ไบรอันท์ สร้างชื่อกระหึ่มวงการบาสเกตบอล เอ็นบีเอ อีกคครั้งแล้ว หลังจากมีผลสำรวจออกมาว่า เสื้อแข่งของซูปเปอร์สตาร์แอลเอ เลเกอร์ส ยังคงขายดีเป็นอันดับ 1 ทั้งในยุโรปและจีน

เปิดอ่าน688
สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1218.32ลบ.

สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1218.32ลบ.

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดที่ 714.10 จุด ลดลง 4.89  จุด หรือ 0.68% มูลค่าการซื้อขาย  22,267.03   ล้านบาทประเภทนักลงทุน               มูลค่าซื้อ(ลบ.)   มูลค่าขาย(ลบ.)   สุทธิ(ลบ.)  นักลงทุนสถาบัน                    905.62              3,879.76    -2,974.14 บัญชีบริษัทหลักทรัพย์         3,441.37              3,062.22       379.15 นักลงทุนต่างชาติ                3,731.26              4,949.58    -1,218.32 นักลงทุนทั่วไป                 14,188.78            10,375.47     3,813.32               

เปิดอ่าน26
ค่าเงินบาทเย็นนี้ปิดที่ 32.97-33.00 บาท/ดอลล์

ค่าเงินบาทเย็นนี้ปิดที่ 32.97-33.00 บาท/ดอลล์

นักค้าเงินจาก ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาทเย็นนี้ปิดตลาดที่ระดับ 32.97-33.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดของวันนี้ ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดที่ระดับ 33.05 บาทต่อดอลลาร์ สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า มีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ 32.95-33.05 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือการเคลื่อนไหวของทิศทางค่าเงินสกลุหลักอื่นๆ โดยฉพาะยูโร รวมถึงให้ติดตามกระแสเงินลงทุนไหลเข้า-ออก เพื่อมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยควบคู่ไปด้วย               

เปิดอ่าน104
วันนี้ดัชนีฯ ปิดลดลง 4.89 จุดที่  714.10

วันนี้ดัชนีฯ ปิดลดลง 4.89 จุดที่ 714.10

วันนี้ดัชนีฯ ปิดที่  714.10 จุด ลดลง 4.89 จุด หรือ -0.68% มูลค่าการซื้อขาย ณ เวลา  16.45 น. อยู่ที่ 22,244.24 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่1.BANPU ปิดที่  574.00  บาท ลดลง 16.00  บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,156.55 ลบ.2.PTT   ปิดที่  229.00 บาท ลดลง 2.00 บาท  มูลค่าการซื้อขาย 1,659.94 ลบ.3.PTTAR  ปิดที่ 25.25   บาท ลดลง 0.25 บาท  บาทมูลค่าการซื้อขาย 1,597.64 ลบ.4. PTTEP   ปิดที่ 137.00  บาท ลดลง 3.00  บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,527.34 ลบ.5.TMB    ปิดที่  1.30  บาท  ลดลง 0.05 บาท  มูลค่าการซื้อขาย 1,262.42  ลบ. ส่วนวันนี้ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 219.88 จุด ลดลง 1.14 จุด หรือ 0.52% ด้าน SET100 Index ปิดที่ 1081.77 จุด ลดลง 7.76 จุด หรือ 0.71% และ SET50 Index ปิดที่ 502.42 จุด ลดลง 3.62 จุด หรือ 0.72%

เปิดอ่าน20
ผีระส่ำโอเชส่อพักยาวจนจบซีซั่น

ผีระส่ำโอเชส่อพักยาวจนจบซีซั่น

จอห์น โอเช กองหลังสารพัดประโยชน์ของ "ปีศาจแดง" แมนฯยู ไนเต็ด ส่อหมดโอกาสลงสนามช่วยต้นสังกัดไปจนจบฤดูกาลเนื่องจากอาการเจ็บขาร้าย แรงกว่าที่คาดการณ์ไว้

เปิดอ่าน281
ธปท. ปรับเป้าจีดีพีปี52เพิ่มเป็นติดลบเหลือ 2.7%

ธปท. ปรับเป้าจีดีพีปี52เพิ่มเป็นติดลบเหลือ 2.7%

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ได้ปรับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ในปี 2552 เป็นติดลบ 2.7% จากเดิมที่คาดติดลบ 3.2-2.5% โดยเมื่อพิจารณาสัญญาณการฟื้นตัวทั้งปี 2552 เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 แม้ว่าจะยังหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกเป็นสำคัญ และจากการประเมินเครื่องชี้เบื้องต้นในไตรมาส 4/2552 การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องและปรับตัวดีขึ้นจากช่วงก่อนหน้า โดยคาดว่าจีดีพีในไตรมาส 4/2552 จะขยายตัวอยู่ที่ 4% ทั้งนี้การส่งออกและอุปสงค์ของภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญซึ่งสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่สูงขึ้น ทำให้เศรษฐกิจไตรมาสในไตรมาสที่ 4/2552 ขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดไว้ นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำพิเศษ ซึ่งสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่หากในช่วงไตรมาส 3-ไตรมาส 4 อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานหลุดกรอบเป้าหมายที่ประมาณการไว้ระดับ 1.3-2.3% ธปท.อาจต้องพิจารณาว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ทั้งนี้หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะเวลาดังกล่าวเชื่อว่าตลาดจะไม่เกิดอาการช็อค เพราะที่ผ่านมาตลาดได้ประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยมาเป็นระยะๆ แล้ว              

เปิดอ่าน12
แบงก์ชาติคงเป้าหมายจีดีพีปี  53 โต  3.3-5.3%

แบงก์ชาติคงเป้าหมายจีดีพีปี 53 โต 3.3-5.3%

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ได้คงการประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ปี 2553 อยู่ที่ 3.3-5.3% เนื่องจากแนวโน้มในปี 2553 ยังคงไม่แตกต่างจากการประมาณการครั้งก่อน แต่เป็นการฟื้นตัวที่มีคุณภาพสูงขึ้นและอยู่บนความเชื่อมั่นของภาคเอกชนมากขึ้น โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนมากขึ้น แนวโน้มของการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นและนโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลายต่อเนื่องไปยังปี 2554 ส่วนในปี 2554 ธปท.ประมาณการจีดีพีอยู่ที่ 2.8-4.8% เนื่องจากเศรษฐกิจยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากปี 2553 โดยการขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาสต่อไตรมาสมีค่าเฉลี่ยในปี 2554 ที่ 1.0% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยปี 2553 ที่ 0.8% นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำพิเศษ ซึ่งสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่หากในช่วงไตรมาส 3-ไตรมาส 4 อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานหลุดกรอบเป้าหมายที่ประมาณการไว้ระดับ 1.3-2.3% ธปท.อาจต้องพิจารณาว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ทั้งนี้หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะเวลาดังกล่าวเชื่อว่าตลาดจะไม่เกิดอาการช็อค เพราะที่ผ่านมาตลาดได้ประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยมาเป็นระยะๆ แล้ว

เปิดอ่าน18
Ibank เผย ได้รับชำระหนี้จากเพรซิเดนท์ฯเต็มจำนวนแล้ว

Ibank เผย ได้รับชำระหนี้จากเพรซิเดนท์ฯเต็มจำนวนแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ IBANK  แจ้งว่า  ตามที่มีข่าวระบุว่า บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง  ได้ขอสินเชื่อจากธนาคาร ในวงเงิน 200 ล้านบาทนั้น ธนาคารขอชี้แจงว่า ได้เคยปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทเพรซิเดนท์ฯ ในวงเงินดังกล่าวจริง แต่ได้รับชำระหนี้จากบริษัทครบเต็มจำนวน  ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2550  ที่ผ่านมา  โดยเงินที่นำมาชำระหนี้ มาจากเงินโอนค่าสินค้า (T/T) และจากตั๋วส่งเรียกเก็บ (D/P sight)  ซึ่งธนาคารได้รับชำระหนี้ครบเต็มจำนวนเรียบร้อยแล้ว  ดังนั้น ธนาคารขอยืนยันว่า ปัจจุบันบริษัทเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง และบริษัทในเครือ ไม่มีภาระหนี้กับธนาคารแต่อย่างใด               

เปิดอ่าน30
หุ้นไทยร่วงหนักเหตุปัจจัยภายใน- ภายนอกกดดัน

หุ้นไทยร่วงหนักเหตุปัจจัยภายใน- ภายนอกกดดัน

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ปรับตัวลดลงมาจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ สำหรับปัจจัยภายนอกคือ กรณีที่จีนออกมาตรการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อเพราะว่าเป็นห่วง โดยไม่ต้องการทำให้เศรษฐกิจร้อนแรง ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปยังตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทย ขณะเดียวกันตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก จากเดือนธันวาคม 2552 ถึงเดือนมกราคม 2553 รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน โดยเดือนธันวาคม 2552 ตลาดปรับเพิ่มขึ้นมา 6.6% และกลางมกราคม 2553 ปรับเพิ่มขึ้นอีก 1.6% โดยเวลาเพียงแค่ 1 เดือนครึ่งตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.2% ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะอยู่ในช่วงของการปรับฐานบ้าง นอกจากนี้ปัจจัยการเมืองในประเทศก็ยังมีผลกดดันต่อบรรยากาศการลงทุน โดยมีผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้น แต่ก็มองว่าน้ำหนักการลงทุนที่มีผลกดดันมากที่สุดน่าจะมาจากปัจจัยภายนอกประเทศมากกว่าปัจจัยภายใน นางภัทรียา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนไทยจำนวน 30 แห่ง ที่ลงทุนในประเทศเวียดนามสนใจที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮานอย ในประเทศเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันตลาดหุ้นฮานอยอยู่ระหว่างปรับกฏเกณฑ์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนในการเข้าไปจดทะเบียนได้ในช่วงไตรมาส 1/2554                

เปิดอ่าน53
สศค.เผย งบQ1/53 รัฐบาลขาดดุลเงินสด175,000 ล.

สศค.เผย งบQ1/53 รัฐบาลขาดดุลเงินสด175,000 ล.

นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาลไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2553 ว่า รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้ 352,392 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2552 ที่จัดเก็บรายได้ได้ 278,018 ล้านบาท จำนวน 74,374 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 26.8นายสาธิต กล่าวว่า รายได้ที่จัดเก็บได้สูงขึ้น  เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ภาษีสุรา เบียร์ และภาษียาสูบ ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายงบ ประมาณขาดดุล โดยไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2553 มีการเบิกจ่ายงบประมาณ 451,175 ล้านบาท มากกว่าช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2552 จำนวน 46,835 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.6  ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ  2553  รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณ 98,783 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุลส่งผลให้ขาดดุลเงินสดรวม 175,093 ล้านบาททั้งนี้ รัฐบาลได้ออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุล  51,572  ล้านบาท  ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 123,521 ล้านบาท  ส่งผลให้เงินคงคลัง  ณ  สิ้นเดือนธันวาคม  2552  มีจำนวนทั้งสิ้น 170,313 ล้านบาท  ซึ่งถือเป็นระดับที่ยังมีความมั่นคงต่อฐานะการคลัง และจากผลการจัดเก็บรายได้ที่มีทิศทางดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ฐานะการคลังของรัฐบาลมีความเข้มแข็ง ซึ่งจะส่งผลให้รัฐบาลสามารถอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างต่อ เนื่องและเป็นไปตามเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

เปิดอ่าน18
STANLYวางงบลงทุน ปี 53 จำนวน 700-800 ล. ขึ้น

STANLYวางงบลงทุน ปี 53 จำนวน 700-800 ล. ขึ้น

นายอภิชาต ลี้อิสสระนุกูล กรรมการ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (STANLY) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะใช้เงินลงทุนประมาณ 700-800 ล้านบาท สำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซื้อแม่พิมพ์และเครื่องจักรใหม่ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ใช้อยู่ประมาณ 80-85% ซึ่งยังเพียงพอกับความต้องการและออเดอร์ที่จะเข้ามาใหม่ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าบริษัทฯมีกระแสเงินสดในมือค่อนข้างมาก โดยมีเงินสดจากธนาคาร 2 พันกว่าล้านบาท ไว้สำหรับรองรับโครงการอีโคคาร์ ที่คาดว่าจะเกิดได้ภายในปีนี้ นายอภิชาต กล่าวต่อว่า คาดการณ์ยอดขายปี 53 (เริ่ม 1 เม.ย.53-31 มี.ค.54) เติบโต 10% จากปี 2552 (1เม.ย.52-31 มี.ค.53)ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 7 พันล้านบาท โดยเป็นไปตามอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ปรับตัวดีขึน ประกอบกับสินค้าภาคการเกษตร อาทิ ราคาข้าว ราคายาง รวมถึงผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆราคาปรับตัวดีขึ้นทำให้มีกำลังซื้อเข้ามาในตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ทั้งนี้บริษัทฯเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนไฟ ซึ่งมีมาร์เก็ตแชร์สำหรับรถจักรยานยนต์อยู่ที่ประมาณ 97-98% และมีมาร์เก็ตแชร์รถยนต์อยู่ที่ 60% ทั้งนี้แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้สำหรับรถยนต์ประมาณ 60-65% ส่วนที่เหลือเป็นรถจักรยานยนต์

เปิดอ่าน18
เช้าวันนี้ดัชนีฯ ปิดดลง 10.05 จุดที่  708.94

เช้าวันนี้ดัชนีฯ ปิดดลง 10.05 จุดที่ 708.94

เช้าวันนี้ดัชนีฯ ปิดที่  708.94 ลดลง 10.05 จุดหรือ -1.40%  มูลค่าการซื้อขาย 12,287.62ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่1.BANPU ปิดที่  570.00  บาท ลดลง 20.00  บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,067.37ลบ.2.PTT   ปิดที่  228.00 บาท ลดลง 3.00 บาท  มูลค่าการซื้อขาย 1,033.43 ลบ.3.PTTAR  ปิดที่ 24.90   บาท ลดลง 0.60 บาท  บาทมูลค่าการซื้อขาย 1,026.57 ลบ.4. TMB  ปิดที่ 1.30  บาท ลดลง 0.05  บาท มูลค่าการซื้อขาย 812.63 ลบ.5.PTTEP    ปิดที่  137.50 บาท  ลดลง 2.50 บาท  มูลค่าการซื้อขาย 744.91  ลบ.                 ส่วนดัชนีตลาด mai ปิดที่ 217.85 จุด ลดลง 3.17 จุด หรือ 1.43% ด้าน SET50 Index ปิดที่ 498.72 จุด ลดลง 7.32 จุด หรือ 1.45% และ SET100 Index ปิดที่ 1073.59 จุด ลดลง 15.94 จุด หรือ 1.46%               

เปิดอ่าน20
ThaiBMA ชี้ ปีนี้เห็นเอกชนออกหุ้นกู้แค่ 2-2.5 แสนล.

ThaiBMA ชี้ ปีนี้เห็นเอกชนออกหุ้นกู้แค่ 2-2.5 แสนล.

นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) เปิดเผยว่า คาดว่าแนวโน้มการออกหุ้นกู้เอกชนในปีนี้จะมีจำนวนลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ประมาณ 2-2.5 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มีหุ้นกู้ภาคเอกชนออกจำนวนทั้งหมดที่ 4.3 แสนล้านบาท เนื่องจากจากผลแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนมีทางเลือกที่จะลงทุนผ่านช่องทางอื่นที่มีต้นทุนที่ต่ำกว่า หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อที่ดีขึ้นจากปีที่แล้ว รวมทั้งสามารถกู้เงินจากต่างประเทศได้ง่ายขึ้น รวมถึงยังสามารถเพิ่มทุนโดยใช้ช่องทางผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้ จึงส่งผลให้ภาคเอกชนจะพิจารณาช่องทางการระดมทุนที่มีต้นทุนต่ำสุด นอกจากนี้ ในปีนี้ภาครัฐจะมีการออกพันธบัตรที่จะเข้ามาส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของพันธบัตร สำหรับแนวโน้มอายุออกพันธบัตรที่จะออกในปีนี้จากแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อผู้ออกหุ้นกู้ ขณะที่ฝั่งผู้ซื้อไม่ต้องการที่จะถือหุ้นกู้ที่มีอายุยาว อีกทั้งไม่ต้องการอัตราดอกเบี้ยคงที่เนื่องจากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวขึ้น นายณัฐพล กล่าวอีกว่า  สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยคาดว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าคาด จากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มเห็นการปรับขึ้นช่วงปลายปี เนื่องจากแนวโน้มของตัวเลขเงินเฟ้อที่เริ่มมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางส่วนใหญ่จะเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น เป็นผลจากเศรษฐกิจที่เริ่มมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้ประชาชนเริ่มมีการใช้จ่ายมากขึ้น อีกทั้งหลังจากที่ประเทศจีนประกาศตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ที่มีการเติบโต 10% ขณะที่ทางการจีนเริ่มออกนโยบายที่จะควบคุมการจับจ่ายในประเทศมากขึ้น โดยควบคุมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารให้มีความเข้มงวดขึ้น                

เปิดอ่าน49
JUBILE ส่งซิก ปันผลครึ่งหลังปี 52แจ่ม

JUBILE ส่งซิก ปันผลครึ่งหลังปี 52แจ่ม

นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัทยูบิลลี่เอ็นเตอร์ไพรส์จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE เปิดเผยว่า ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2553 บริษัทฯ จะมีการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เพื่อหารือเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 2552 ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าบริษัทฯ มีศักยภาพที่จะจ่ายเงินปันผลงวดดังกล่าวได้มากกว่างวดระหว่างกาลที่คณะกรรมการอนุมัติจ่ายหุ้นละ 0.29 บาท เนื่องจากแนวโน้มของรายได้และกำไรสุทธิในปีที่ผ่านมาเติบโตในทิศทางที่ดี ประกอบกับยังเป็นนโยบายของบริษัทฯ ที่เน้นให้ JUBILE เป็นหุ้นปันผล ส่วนนโยบายการจ่ายเงินปันผลคือไม่น้อยกว่า 60% ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทและตามกฎหมาย หากไม่มีเหตุจำเป็นอื่นใด นางสาวอัญรัตน์ กล่าวอีกว่า หลังจากภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว คงส่งผลให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจกล้าตัดสินใจซื้อสินค้ามากขึ้น ประกอบกับที่บริษัทฯ เตรียมออกโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าใหม่ๆ จากเดิมที่จัดจำหน่ายผ่านทางเคาน์เตอร์ ฉะนั้นคงช่วยผลักดันรายได้ในปี 2553 ให้ขยายตัว 20% เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่คาดทำได้ 650 ล้านบาท ' ปี 53 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้โต 20% จากปี 52 ที่ตัวเลขรายได้ยังไม่ Final ฝ่ายบัญชีกำลังดูอยู่ แต่ว่าโตจากปี 51 อย่างแน่นอน เพราะได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก 1.เรื่องของสินค้าที่มีรูปแบบตรงกับความต้องการของผู้บริโภค 2.มีการจัดกิจกรรมทางการตลาดหรือโปรโมชั่นต่างๆ ออกมา และ 3. เรื่องของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและในไตรมาส 4 เป็นช่วงเทศกาลที่ต้องจับจ่ายซื้อสินค้า ' นางสาวอัญรัตน์ กล่าวJUBILE ส่งซิก ปันผลครึ่งหลังปี 52แจ่ม นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัทยูบิลลี่เอ็นเตอร์ไพรส์จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE เปิดเผยว่า ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2553 บริษัทฯ จะมีการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เพื่อหารือเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 2552 ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าบริษัทฯ มีศักยภาพที่จะจ่ายเงินปันผลงวดดังกล่าวได้มากกว่างวดระหว่างกาลที่คณะกรรมการอนุมัติจ่ายหุ้นละ 0.29 บาท เนื่องจากแนวโน้มของรายได้และกำไรสุทธิในปีที่ผ่านมาเติบโตในทิศทางที่ดี ประกอบกับยังเป็นนโยบายของบริษัทฯ ที่เน้นให้ JUBILE เป็นหุ้นปันผล ส่วนนโยบายการจ่ายเงินปันผลคือไม่น้อยกว่า 60% ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทและตามกฎหมาย หากไม่มีเหตุจำเป็นอื่นใด นางสาวอัญรัตน์ กล่าวอีกว่า หลังจากภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว คงส่งผลให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจกล้าตัดสินใจซื้อสินค้ามากขึ้น ประกอบกับที่บริษัทฯ เตรียมออกโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าใหม่ๆ จากเดิมที่จัดจำหน่ายผ่านทางเคาน์เตอร์ ฉะนั้นคงช่วยผลักดันรายได้ในปี 2553 ให้ขยายตัว 20% เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่คาดทำได้ 650 ล้านบาท ' ปี 53 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้โต 20% จากปี 52 ที่ตัวเลขรายได้ยังไม่ Final ฝ่ายบัญชีกำลังดูอยู่ แต่ว่าโตจากปี 51 อย่างแน่นอน เพราะได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก 1.เรื่องของสินค้าที่มีรูปแบบตรงกับความต้องการของผู้บริโภค 2.มีการจัดกิจกรรมทางการตลาดหรือโปรโมชั่นต่างๆ ออกมา และ 3. เรื่องของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและในไตรมาส 4 เป็นช่วงเทศกาลที่ต้องจับจ่ายซื้อสินค้า ' นางสาวอัญรัตน์ กล่าว

เปิดอ่าน57