กกร.เร่งรัฐเจรจายุติเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

กกร.เร่งรัฐเจรจายุติเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

กกร.เร่งรัฐเจรจายุติเหตุปะทะไทย-กัมพูชา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. เปิดเผยว่า เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา ภาคเอกชนต้องการให้มีการพูดคุยกันด้วยสันติวิธี เพราะขณะนี้มีการพัฒนา และมีการกระทบกระทั่ง จนเกิดความรุนแรง โดยผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ต้องพูดคุยกัน เพื่อยุติความรุนแรงโดยเร็ว และควรมีการตั้งคณะกรรมการมาแก้ไขปัญหาร่วมกัน พร้อมกับมองว่า ปัญหาของชายแดน เป็นเรื่องที่ซับซ้อนจึงต้องใช้วิธีการทูต ส่วนผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ คงเป็นการค้าขายชายแดนที่อยู่บริเวณนั้น ระยะทางจากชายแดน ประมาณ 10 กิโลเมตร

ส่วนด่านชายแดนขณะนี้ ก็ปิดเพียงด่านเดียว คือ ด่านช่องจอม ด้านตัวเลขทางการค้า หรือ ผลกระทบ ยังไม่สามารถประเมินได้ ส่วนนักลงทุนในขณะนี้ ยังไม่มีความวิตกกังวล เนื่องจากมองว่า สถานการณ์ไม่น่ารุนแรง หรือ ยืดเยื้อ

อย่างไรก็ตาม การค้าขายระหว่างไทย-กัมพูชา มีการส่งออกไป ปีละประมาณ 53,000 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าประเภทน้ำตาลทราย น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องดื่ม เหล็ก เป็นต้น ในขณะที่การนำเข้าสินค้าจากกัมพูชา มีประมาณ 1,000 ล้านบาท เท่านั้น


พร้อมกันนี้ ภาคเอกชนมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายประชาวิวัฒน์ ของรัฐบาล ใน 2 ประเด็น เนื่องจากมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ คือ การลอยตัวก๊าซ LPG และการใช้ไฟฟรี ที่ไม่เกิน 90 หน่วย โดยเห็นด้วยกับการลอยตัวก๊าซ LPG แต่ต้องทยอยปรับขึ้น อย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 1-2 ปี เพื่อให้ภาคธุรกิจได้มีการปรับตัว พร้อมกับควรจัดหาเชื้อเพลิงทางเลือกอื่น ให้กับธุรกิจ SME ส่วนการใช้ไฟฟรี กับผู้ที่ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วย นั้น มองว่าอาจเป็นภาระกับคนที่ใช้ไฟตั้งแต่ 91 หน่วยขึ้นไป ซึ่งเป็นภาระเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4-7 และอาจทำให้คนที่ใช้ไม่ถึง 90 หน่วย ใช้ไฟมากขึ้นได้ เพราะปัจจุบันมีกว่า 9,000,000 ครัวเรือน ที่ใช้ไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 หน่วย เท่านั้น ดังนั้นจึงอยากให้รัฐไปหาข้อมูล และศึกษาการใช้ไฟฟ้าของคนทั้งประเทศมากขึ้น และถ้าการใช้ไฟในระดับ 40-50 หน่วย จะสามารถใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าใดบ้าง เพื่อนำไปสู่แนวทางการประหยัดพลังงาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook