เหยื่อซานติก้าผับตายเพิ่มอีก 3 หนุ่มสิงคโปร์ตามหาเพื่อนหาย-นามสกุลเทียนทองรวมอยุ่ด้วย

เหยื่อซานติก้าผับตายเพิ่มอีก 3 หนุ่มสิงคโปร์ตามหาเพื่อนหาย-นามสกุลเทียนทองรวมอยุ่ด้วย

เหยื่อซานติก้าผับตายเพิ่มอีก 3 หนุ่มสิงคโปร์ตามหาเพื่อนหาย-นามสกุลเทียนทองรวมอยุ่ด้วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลกรุงเทพว่าล่าสุดได้มีเหยื่อ เพลิงไหม้"ซานติก้า ผับ"ที่เข้ารักษาตัวเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 รายคือ น.ส.วิภาวรรณ ถนอมปัญญารักษ์ อายุ 30 ปี เสียชีวิตเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 2 ธันวาคม โดยทางโรงพยาบาลได้ส่งศพที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ซึ่งมีญาติมาติดต่อรับศพไปบำเพ็ญกุศล แล้ว และนายยุทธนา สินไพบูลย์ผล อายุ 26 ปี เสียชีวิตเวลา 22.54 น. ธันวาคม ซึ่งขณะนี้ทางโรงพยาบาลกำลัง ดำเนินเรื่องติดต่อญาติมารับศพ นพ.ชาตรี เจริญธีระกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับค่าใช้จ่ายของผู้ที่รักษาในโรงพยาบาลเอกชนนั้น ตนได้รับมอบหมายจาก นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ประสานความช่วยเหลือ ซึ่ง สธ.จะเป็นตัวกลางประสานกับโรงพยาบาลเอกชนเพื่อต่อรองค่าใช้จ่าย และเรียกร้องให้เจ้าของผับรับผิดชอบ หากไม่ได้ก็ต้องเสนอรัฐบาลชงคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา ดังนั้นการดำเนินการจะต้องเป็นขั้นตอน หนุ่มการบินชาวสิงคโปร์ตามหาเพื่อนสูญหาย 1 ราย เมื่อเวลา 10.00 น.ได้มีชาวสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานการบิน การจราจรทางอากาศ ประเทศสิงคโปร์ เดินทางมาที่สน.ทองหล่อ เพื่อตามหาเพื่อนที่สูญหายไประหว่างเข้าไปเที่ยวภายใน"ซานติก้า ผับ" โดยระบุว่าก่อนเกิดเหตุได้เข้าไปเที่ยวในผับดังกล่าวกับเพื่อนชาวสิงคโปร์ รวมทั้งหมด 4 คน เมื่อเกิดเพลิงไหม้ต่างคนก็ต่างวิ่งหนีออกมาเพื่อเอาตัวรอด หลังจากนั้นพบว่าเพื่อนชาวสิงคโปร์เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน อีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บนอนพักรักษาตัวอยู่ที่รพ.กรุงเทพ และตอนนี้เพื่อนได้หายไป 1 คน จึงเดินทางมาประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามหาเพื่อนที่หายตัวไป ผู้สื่อข่าวรายนว่าตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีญาติของผู้สูญหาย ทั้งชาวไทย ชาวพม่า และลูกครึ่งเวียดนาม เดินทางมาดูภาพผู้เสียชีวิตและติดตามหาญาติของตัวเองที่สูญหายไป เหยื่อซานติก้าตายเพิ่มอีก1 รายตอนเที่ยง เมื่อ เวลา 12.00 น.นางแจ่มจันทร์ เหลืองสนิท ผู้ตรวจการศูนย์การแพทย์ รพ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า ได้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รายล่าสุดชื่อ น.ส.วิระฉัตร เทียนทอง อายุ 23 ปี เพิ่งเสียชีวิตเมื่อ 12.10 น. วันนี้ จากอาการถูกไฟลวกที่ขาทั้ง 2 ข้าง จนต้องตัดทิ้ง เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสองได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับผู้เสียชีวิตรายนี้มีอาการสมองตาย และน้ำท่วมปอด ที่ผ่านมาแพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจยื้อชีวิตตลอดเวลา ขณะนี้ญาติอยู่ระหว่างทำเรื่องส่งศพไปผ่าชันสูตรที่ ร.พ.รามาเช่นกัน สำหรับ ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บที่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่ศูนย์การแพทย์ รพ.กรุงเทพ ในขณะนี้นั้น มีทั้งสิ้นกว่าสิบราย ส่วนใหญ่ยังอยู่อาการโคม่า และต้องนำตัวเข้ารักษาบาดแผลไฟลวงภายในห้องปลอดเชื้อ อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่า ศูนย์การแพทย์ รพ.กรุงเทพ จะดูแลผู้ป่วยทุกรายอย่างเต็มที่ เพราะนโยบายของเราคือความปลอดภัยของลูกค้าต้องมาก่อน คุณแจ่มจันทร์ กล่าว ส่วน บรรยากาศที่หน้าห้องผู้ป่วยหนัก ไอซียู ชั้น 4 ศูนย์การแพทย์ รพ.กรุงเทพ เต็มไปด้วยญาติที่มารอเยี่ยม ผู้ได้รับบาดเจ็บ โดย นายศักดิ์สิทธิ์ เทียนทอง อายุ 54 ปี ข้าราชการครู ซึ่งเป็นพ่อของ น.ส.วิระฉัตร ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ปัจจุบันลูกสาวตนเป็นเจ้าของบริษัท ธุรกิจเกี่ยวกับการแสดง ในกรุงเทพฯ โดยตนก็เพิ่งทราบข่าวว่าลูกสาวตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย เมื่อเดินทางมาที่โรงพยาบาล ก็พบว่าลูกอาการสาหัสมากแล้ว แพทย์ต้องตัดขา และยื้อชีวิตด้วยเครื่องช่วยหายใจตลอด โดยหลังจากน้หากนำศพไปผ่าชันสูตรเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.แพร่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดต่อไป ด้าน นางอารมณ์ โพธิ์ปั้น อายุ 43 ปี มารดาของ นายถิระคุณ โพธิ์ปั้น อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเพลิงไหม้ครั้งด้วย เปิดเผยว่า ตอนนี้ลูกชายอาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังต้องอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งลูกเล่าให้ฟังว่า เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน เพราะตอนที่ไปเที่ยวในซานติก้าผับนั้นไปนั่งอยู่ที่โต๊ะโซนกลางกับเพื่อนๆ รวม 4 คน พอเห็นไฟลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก็รีบชวนกันวิ่งหนี เป็นลมหมดสติไป 1 รอบ มาฟื้นอีกครั้งก็ตอนไฟลามมาถึงขาแล้ว จึงลุกขึ้นวิ่งหนีได้ต่อ แต่สุดท้ายลูกชาย กับเพื่อนอีก 2 คนก็รอดมาได้ มีอยู่ 1 คน ที่ต้องเสียชีวิตอยู่ในกองเพลิง นพ.ชาตรี เจริญธีระกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับค่าใช้จ่ายของผู้ที่รักษาในโรงพยาบาลเอกชนนั้น ตนได้รับมอบหมายจาก นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ประสานความช่วยเหลือ ซึ่ง สธ.จะเป็นตัวกลางประสานกับโรงพยาบาลเอกชนเพื่อต่อรองค่าใช้จ่าย และเรียกร้องให้เจ้าของผับรับผิดชอบ หากไม่ได้ก็ต้องเสนอรัฐบาลชงคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา ดังนั้นการดำเนินการจะต้องเป็นขั้นตอน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook