แดงค้างคืนรอ ไล่มาร์ค

แดงค้างคืนรอ ไล่มาร์ค

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ดักสนามหลวง เทือกอ้อนแม้ว จับเข่าเคลียร์!

ควันหลงเสื้อแดง ดักไล่มาร์ค เช้านี้ที่สนามหลวง จี้ยุบสภา อภิสิทธิ์ ลั่นชุมนุมได้ แต่ห้ามบุกสถานที่ราช การ สั่งเจ้าหน้าที่เร่งสางคดีหมิ่น ไม่สนแม้วประกาศคัมแบ๊กนายกฯ แต่ต้องอยู่ใต้กฎหมาย เทือกยันพร้อมเดินหน้าคุยกับทุกกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ตั้งแต่ระดับจังหวัดถึงระดับประเทศ รวมทั้งนายใหญ่ เผยจะพูดคุยกับแม้วทั้งเรื่องการเมือง อนาคตชาติ-ประชาชน และอนาคตทักษิณ เลขาฯ แม้วปัดทันที ไล่รัฐบาลย้อนดูตัวเองว่ามาถูกกฎหมายหรือไม่ ยันอดีตนายกฯ ยังไม่ได้กลับเข้าไทย แต่อยากกลับ ชวนระบุย้ายที่แถลงนโยบายไม่ผิด อ้างมีผู้ใหญ่เตือนให้ระวังความปลอดภัยนายกฯ เหนาะเชียร์ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ พร้อมเป็นพยานเพราะไม่ได้รับแจ้งการย้ายสถานที่ เพื่อไทยประกาศตามบี้รัฐบาลหลังปีใหม่ จองกฐินซัก ฟอกเทือก-กษิต-บิ๊กป้อม-ชวรัตน์-โสภณ

ปีใหม่มาร์คอยากให้บ้านเมืองสงบสุข

เวลา 09.30 น. วันที่ 31 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมหารือกันที่ห้องทำงานชั้น 2 ตึก ควง อภัยวงศ์ ถึงมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล การดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในช่วงปีใหม่ และหารือกับคณะทำงานและผู้ทรงคุณวุฒิของพรรคว่าต้องไปช่วยทำงานในกระทรวงใดบ้าง โดยใช้เวลาหารือกว่า 1 ชั่วโมง จึงเดินทางกลับบ้านย่านสุขุมวิท 31 ก่อนขึ้นรถ นายกฯ ได้สวัสดีปีใหม่กับสื่อมวลชนทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

สำหรับกำหนดการของนายกฯ ในวันที่ 1 ม.ค. เวลา 07.00 น. จะเดินทางไปร่วมตักบาตรทำบุญปีใหม่ที่ท้องสนามหลวง เวลา 08.30 น. เดินทางไปร่วมลงนามถวายพระพรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ที่พระ บรมมหาราชวัง ทั้งนี้ นายกฯ ขอพักผ่อนกับครอบ ครัวเป็นการส่วนตัว 2 วัน และจะกลับมาทำงานในวันที่ 3 ม.ค.

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ (31 ธ.ค.) เป็นวันสุดท้ายของปี 2551 เป็นปีที่ทุกคนกังวลใจกับเหตุ การณ์หลายอย่างอยากให้ความกังวลทั้งหลายผ่านพ้นไปพร้อมกับปีนี้ และเริ่มต้นกันด้วยความหวัง มาช่วยกันทำความหวังให้เป็นความจริง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนมีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ คิดสิ่งใดที่เป็นสิ่งดีก็ขอให้สมความปรารถนาทุกประการ เมื่อถามว่าของขวัญที่รัฐบาลเตรียมไว้ให้ประชาชนในปี 2552 คืออะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งที่อยากหยิบยื่นให้มากที่สุดคือการนำพาบ้านเมืองกลับสู่ความสงบสุข ประชาชนคนไทยรักสามัคคีกัน ฟันฝ่าปัญหาทุกอย่างไปด้วยกัน

แม้วคัมแบ๊กนายกฯได้แต่ต้องอยู่ใต้กม.

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ นิตยสารซีอีโอ มิดเดิลอีสต์ ในตะวันออกกลาง ระบุเป้าหมายต้นๆ คือกลับมาเล่นการเมืองและอาจเป็นไปได้จะกลับมาเป็นนายกฯ ว่า ไม่แปลกใจ พ.ต.ท.ทักษิณ มีสิทธิ์จะคิดได้ถ้าอยู่ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมาย เพราะอายุก็ยังไม่มาก ถ้ากลับมายอมรับในเรื่องกฎหมายและมีคุณ สมบัติครบถ้วนเมื่อไรก็มีสิทธิ์กลับเข้าสู่การเมือง เมื่อถามว่าคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ สะท้อนให้เห็นว่าบ้าน เมืองมีโอกาสปั่นป่วนอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าวิธีการหวนกลับคืนของพ.ต.ท.ทักษิณ ดีที่สุดคือการยอมรับกฎหมายมากกว่าจะไปเคลื่อนไหวและทำ ให้บ้านเมืองเกิดปัญหามากขึ้น

เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าถูกต้อนให้จนมุมและจนตรอก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ไปต้อนให้จนมุม ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีสิทธิ์ได้รับความเป็นธรรมรัฐบาล ถ้าทำผิดแล้วถูกตัดสินว่าผิดแต่มองว่าเป็นเรื่องของความไม่เป็นธรรม มันก็คงพูดกันยาก แต่ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะให้ความเป็นธรรม เมื่อถามว่าห่วงจะเกิดขบวนการใต้ดินหลังจากนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าความเคลื่อนไหวก็คงจะมีอยู่บ้างแต่เป็นหน้า ที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและรัฐบาลในการดูแลความเรียบร้อย สิ่งสำคัญคือถ้ารัฐบาลสามารถทำงานเพื่อบ้านเมืองได้สำเร็จก็คิดว่าการเคลื่อนไหวต่างๆ จะไม่ค่อยมีน้ำหนัก

ปี52สั่งจนท.เร่งสางคดีหมิ่นเบื้องสูง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงนโยบายการดูแลและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ของรัฐบาลในปี 2552 ว่า เบื้องต้นคงจะให้เจ้าหน้าที่เร่งสะสางคดีหมิ่นสถาบัน และขณะเดียวกันได้ปรารภกับร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อ สาร (ไอซีที) แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าไปดูว่าทำอย่างไร การบังคับใช้กฎหมายจะมีประ สิทธิภาพกว่าที่เป็นอยู่ แต่สิ่งที่ย้ำเสมอคือต้องช่วยกันปกป้องด้วยการเทิดทูนให้สถาบันอยู่เหนือความขัดแย้งทุกอย่าง ซึ่งจะเป็นวิธีปกป้องที่ดีที่สุด

เมื่อถามว่าจะต้องใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท ในการดูแลเหมือนที่รมว.ไอซีที คนก่อนเสนอไว้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะเท่าที่ตรวจสอบเป็นเรื่องของการบริหารจัดการมากกว่า ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลขนาดนั้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการย้ายสถานที่ประชุม รัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลเป็นโมฆะหรือไม่ ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยข้องใจก็มีสิทธิ์ยื่นเรื่องได้ ในส่วนของรัฐบาลจะเดินหน้าทำงานต่อไป การตีความอะไรก็ให้ว่าไปตามกระบวนการ เมื่อถามว่าได้ตรวจสอบแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่ผิดข้อบังคับการประชุมสภา นายกฯ กล่าวว่า ทางสภายืนยันว่าไม่มีปัญหา

เข้มม็อบบุกสถานที่ราชการมีความผิด

เมื่อถามว่าการแถลงนโยบายที่เกิดขึ้นที่กระทรวงการต่างประเทศทำให้รัฐบาลดูไม่สง่างามหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราอยู่ในภาวะบ้านเมืองที่ไม่ปกติ จะไปคาดหวังทุกอย่างให้เป็นไปตามต้องการคงไม่ได้ สิ่งสำคัญคือเป้าหมายที่คิดไว้คือทำอย่างไรให้บ้านเมืองเดินหน้าโดยไม่มีความสูญเสีย บาดเจ็บ ล้มตายของผู้คนอีก การรักษาตรงจุดนี้สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าจะกระทบกระเทือนภาพลักษณ์ของรัฐบาลบ้างก็ยอมได้ เพื่อให้งานของบ้านเมืองและชีวิตของคนไทยไม่ได้รับผลกระทบ

เมื่อถามว่าจะรับมืออย่างไรต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ทำทั้งในและนอกสภา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีปัญหา การทำงานของฝ่ายค้านทำได้ทั้งในและนอกสภาขอให้อยู่ภายใต้กฎหมายเป็นใช้ได้ สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อ ต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถ้าเคลื่อนไหวภายใต้กฎหมายก็ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าถ้านปช. บุกยึดทำเนียบรัฐบาลบ้างจะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ถ้าจะเข้ายึดสถานที่ราชการเจ้าหน้าที่ก็ต้องป้องกันในชั้นแรก เพราะการบุกยึดสถานที่ราชการถือเป็นความผิด

เมื่อถามว่าจะนำบทเรียนของรัฐบาลชุดก่อนๆ มาปรับใช้อย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เคยย้ำไปแล้วว่าให้หลีกเลี่ยงในสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหา ซึ่งบทเรียนมันมีทั้ง 2 ขั้ว ขั้วหนึ่งไปใช้ความรุนแรงจนคนบาดเจ็บล้มตาย อีกขั้วหนึ่งปล่อยจนสถานการณ์มันลุกลามบานปลาย เกิดการยึดสถานที่สำคัญของบ้านเมือง ดังนั้นทั้ง 2 อย่างต้องไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ที่ผ่านมา เป็นตัวอย่างว่ารัฐบาลได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่เปิดทางให้ส.ส. โดยใช้โล่อย่างเดียว แต่เมื่อทำไม่สำเร็จ ก็เดินหน้าไปในช่องทางอื่น

สั่งตัดไฟต้นลมแก้ปัญหาเสื้อแดงตามไล่

ต่อข้อถามว่ารัฐบาลมีนโยบายป้องกันพฤติกรรมการลอกเลียนแบบของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตย คืออยากได้อะไรก็ไปชุมนุมตามที่นักวิชาการติติงมาอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการบังคับใช้กฎหมาย ตนพยายามอย่างเต็มที่ว่าปัญหาใดๆ ที่จะเกิดขึ้นให้รีบตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ให้รีบแก้ไขก่อนเกิดการประท้วง ไม่เช่นนั้นจะเป็นการสร้าง ค่านิยมที่ผิดว่าใครอยากได้อะไร ก็ต้องมาประท้วง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2552 หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์จีดีพีในไตรมาส 4 จะเป็น 0 เปอร์เซ็นต์ ว่า วันที่ 5 ม.ค. ตนจะไปพบผู้บริหารธปท. จากนั้นวันที่ 6 ม.ค. จะมอบนโยบายให้กับผู้บริหารส่วนราชการ ตามด้วยการประชุมกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจใน วันที่ 7 ม.ค. คาดว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและงบประมาณกลางปี 1 แสนล้านบาท น่าจะผ่านการ พิจารณาของครม. ภายในวันที่ 20 ม.ค. และจะลงไปถึงมือประชาชนในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. เมื่อถามว่ายังมั่นใจว่าจะทำให้จีดีพีอยู่ในแดนบวก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังคิดว่าเป็นไปได้อยู่ โดยพยายามไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหลายคน ในจำนวนนี้มีนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการอังค์ถัด แนะนำว่าช่วงนี้ต้องอาศัยเวทีสุดยอดผู้นำอาเซียนและเวทีการค้าภายในภูมิภาคเป็นตัวรักษาระดับการขยายตัว

พระอ้างมาร์คบอกรบ.ขออยู่ไม่นาน

เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ว่านโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลมุ่งอุ้มคนรวยและชนชั้นกลางมากเกินไป นายกฯกล่าวว่าไม่ได้ยินอย่างนั้น มีแต่บอกว่าไปลอกเลียน ไปอะไรต่างๆ ความจริงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อออกมาจะครอบคลุมทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน นักธุรกิจ การท่องเที่ยว โดยจะมีมาตรการชัดเจน อาทิ มาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์ คิดถึงคนงานก่อสร้างและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการสร้าง อสัง หาริมทรัพย์มากกว่า แต่มาตรการต้องเป็นไปในทางช่วยเหลือผู้มีกำลังซื้อจึงจะเดินได้

เมื่อเวลา 10.00 น. พระสุนาโค พระจากวัดสระเกศ เดินทางมาเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เพื่อชี้แนะแนวทางบริหารประเทศพร้อมนำพระพุทธรูปปางประสูติ ซึ่งอัญเชิญมาจากสวนลุมพินีวัน ประเทศอินเดีย ความสูง 5 นิ้ว มามอบให้ด้วย โดยพระสุนาโคเผยภายหลังพบนายกฯว่า ได้ขอให้นายกฯไม่เป็นพวกสีเหลืองหรือสีแดง แต่ต้องเป็นสีขาวคือเป็นกลาง มีเหตุผลและต้องเริ่มต้นด้วยการจัดระเบียบบ้านเมืองปัดกวาดสิ่งต่างๆ และเปรียบเทียบสถานการณ์การเมืองของประเทศไทยในขณะนี้เหมือนลานวัดที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการจัดงาน สิ่งสกปรกเต็มวัดไปหมด เมื่อปัดกวาดเสร็จแล้วก็ขอให้คืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งนายอภิสิทธิ์รับปากว่าจะเข้ามาปัดกวาดวัดให้สะอาดแต่คงไปกำหนดช่วงเวลาไม่ได้ แต่รัฐบาลคงอยู่ไม่นาน เมื่อปัดกวาดวัดเรียบร้อยแล้วจะคืนอำนาจให้ประชาชน รัฐบาลจะทำอะไรโดยคำนึงถึงเหตุและผล

เทือกทำใจรบ.เจอสารพัดปัญหา

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านกำหนดเปิดอภิปรายนายกฯ นอกสภาในวันที่ 5 ม.ค.ว่า วันนี้(31ธ.ค.) เป็นวันส่งท้ายปีเก่า พรุ่งนี้(1 ม.ค.) ขึ้นปีใหม่แล้ว เอาเรื่องดีๆ ที่พี่น้องประชาชนมีความสุขดีกว่า พวกตนดีใจที่บัด นี้ประชาชนมีพวกเราเป็นรัฐบาล คอยดูแลแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ส่วนการทำหน้าที่เป็นรัฐ บาลนั้นต้องเผชิญปัญหาอะไรบ้างเป็นเรื่องที่ทำใจไว้แล้ว เพราะถือว่าจะได้ทำหน้าที่เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชนเป็นภารกิจที่มีเกียรติ ถ้าจะต้องเจอกับอะไรบ้างก็รับได้ทุกรูปแบบ

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านเตรียมนำเรื่องย้ายสถานที่แถลงนโยบายของรัฐบาลยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความจะมีปัญหาหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าไม่มีปัญหาอะไร ไม่ มีความจำเป็นที่ต้องโต้แย้งกัน ถ้าเห็นว่าสิ่งที่เราทำไปไม่ถูกต้องก็มีกระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ความถูกต้องได้ ไม่กังวลใจอะไร ที่รัฐบาลไม่ได้ตอบโต้ก็ไม่ใช่กลัวว่าสุดท้ายจะเกิดการปะทะ เพราะตนไม่ปะทะเด็ดขาด นายกฯให้แนวทางชัดเจน ตนก็ทำอย่างนั้นคือหลีกเลี่ยงไม่ให้เสียเลือดแม้แต่หยดเดียว ไม่ทำเด็ดขาดเพราะเรารักคนไทยทุกคน

ส่วนที่นปช.ยอมสลายการชุมนุม นายสุเทพกล่าวว่าเจ้าหน้าที่มีการพูดคุยกันบ้าง แต่ใครจะคุยกับใครอย่ารู้หมด เพราะเดี๋ยววันหลังตนจะคุยกับใครไม่ได้ ต่อข้อถามว่ากลุ่มเสื้อแดงยืนยันจะออกมาเคลื่อนไหวช่วงหลังปีใหม่อีก รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าอย่าไปกังวลใจเลย พี่น้องคนไทยมีความทุกข์กังวลติดต่อกันเป็นปีแล้ว ปีใหม่นี้ให้มีเรื่องดีๆ บ้าง เอาเป็นว่าตั้งแต่คืนวันที่ 30 ธ.ค. ที่รัฐบาลประชุมครม.นัดพิเศษ ได้วางมาตรการกอบกู้วิกฤตการณ์ของประเทศ ไม่ว่าอะไรจะมาหาเราพร้อมสู้ทั้งนั้น ตราบใดที่มั่นใจว่าทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์ของประชาชน เราพร้อมเผชิญปัญหา

ลั่นเดินหน้าเจรจารวมถึงนายใหญ่

เมื่อถามว่าจะประสานกับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงเพื่อให้ยุติการเคลื่อนไหวหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าตนจะประสานตลอดเวลาและหลังปีใหม่นี้ก็จะพยายามพูดคุยกับกลุ่มที่เขายังมีความเห็นแตกต่างไปจากรัฐบาลต่อไปอีก ซึ่งได้นัดหมายกันบ้างแล้ว แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร เพราะถ้าต้องพูดทั้งหมดตนก็จะทำอะไรไม่สำเร็จมาจนทุกวันนี้ บางอย่างก็ต้องขอแต่ก็ไม่ได้ปิดบัง วันข้างหน้าจะเรียนให้ทราบ ขณะนี้ขออนุญาตว่าค่อยๆ คุยกันไปไม่อย่างนั้นคนอื่นเขาก็ต้องเดือดร้อนด้วย

นายสุเทพกล่าวว่า ตนจะคุยกับกลุ่มที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับรัฐบาลทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะระดับจังหวัดหรือระดับประเทศ เพื่อบอกเขาว่าพวกเราตั้งใจทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชา ชน ให้มาร่วมมือกันเถอะ อย่างน้อยที่สุดถึงช่วยอะไรไม่ได้ก็ขออย่าได้ทำลายกัน หรืออย่าทำให้ปัญหามันมากขึ้น เชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือแต่จะมากแค่ไหนก็สุดแล้วแต่ว่าจะคิดอ่านอย่างไร แต่ตนก็จะคุย แม้แต่วันนี้ถ้าจะคุยกับกลุ่มที่เป็นเจ้านายใหญ่ก็พร้อมที่จะคุย เพื่อร้องขอว่าขอให้บ้านเมืองอยู่อย่างสงบเรียบร้อยเถอะ ขอให้เราได้ดำเนินชีวิตอย่างประชาชนปกติเหมือนประเทศอื่นเขา

เมื่อถามว่าแสดงว่าเจ้านายใหญ่จริงๆ คือพ.ต.ท. ทักษิณใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าทิ้งไว้ให้คนตี ความบ้างก็ได้ ไม่ต้องไปศาลรัฐธรรมนูญ ต่อข้อถามว่าได้ประสานไปยังกลุ่มนปช.หรือยัง นายสุเทพกล่าวว่าเริ่มส่งสัญญาณไปแล้วผ่านที่ต่างๆ หากท่านเหล่านั้นต้องการให้ตนไปพบที่ไหนก็พร้อมไปทั้งนั้น อะไร ที่ทำให้เกิดความสงบสุขได้ก็จะทำ เมื่อถามว่าล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติว่าจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง นายสุเทพกล่าวว่า ไม่เป็นไร เป็นความคิดหนึ่ง เราไม่ไปวิจารณ์อะไร พวกตนวันนี้ไม่ทะเลาะ กับใคร ไม่ตอบโต้ใคร ไม่วิจารณ์ แต่ตั้งใจว่าจะทำ อย่างที่นายกฯ ประกาศไว้เราจะสร้างความกลมเกลียวให้เกิดขึ้น เป็นเอกภาพในบ้านเมืองให้ได้ เราจะพยายามทุกวิถีทาง

จะคุยเรื่องอนาคตทักษิณด้วย

เมื่อถามว่าได้ติดต่อประสานพูดคุยกับพ.ต.ท. ทักษิณหรือยัง นายสุเทพกล่าวว่ายังไม่ได้ประสาน แต่พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เราไม่ไปรังแกท่านเด็ดขาด อะไรที่จะให้ความยุติธรรมได้ก็จะทำ นายกฯแถลงนโยบายชัดเจนว่าให้ความยุติธรรมและความเป็นธรรม จริงๆ แล้วตนกับพ.ต.ท.ทักษิณสมัยก่อนก็เคยพูดคุยกันดี แต่ เว้นระยะไปหลายปีแล้วถ้าจะคุยกันใหม่ก็ไม่เป็นไร

เมื่อถามว่าที่จะประสานกับพ.ต.ท.ทักษิณ จะให้นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อเนวินเข้ามาช่วยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าไม่มี เป็นเรื่องของตน นายเนวินไม่ต้องช่วย สิ่งที่จะพูดกับพ.ต.ท.ทักษิณคือเรื่องการเมือง เรื่องของอนาคตประเทศไทย อนาคตของประชาชน และจะบวกอนาคตของพ.ต.ท.ทักษิณไปด้วยก็ไม่แปลกอะไร เราเป็นรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลทุกคนอยู่แล้ว ให้ความเป็นธรรมและความมั่นใจกับทุกคน เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณมองว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศได้มาจากการรัฐประหารซ่อนรูป นายสุเทพกล่าวว่าบังเอิญเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่เป็นไร

ชวนอ้างผู้ใหญ่ความปลอดภัยนายกฯ

ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัม ภาษณ์ถึงม็อบเสื้อแดงประกาศเดินหน้าประท้วงต่อต้านรัฐบาลว่า รัฐบาลต้องดูให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย เชื่อว่าการชุมนุมไม่น่ามีอะไร กรณีเกิดความเสียหายเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูแล ส่วนกลุ่มนปช.ประกาศกลับมาชุมนุมอีกครั้งหลังปีใหม่เป็นสิ่งที่ทำได้ตามกฎหมาย แต่ถ้ามองเรื่องความเหมาะสมกับส่วนรวมและประเทศคงต้องทบทวนว่าเหมาะสมหรือไม่ และคงรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เว้นแต่เลือดเข้าตาแล้วทำได้ทุกอย่างก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม กรณีนายกฯ และรัฐมนตรีลงพื้นที่ต่างๆ อาจถูกล้อมกรอบจากผู้ชุมนุมนั้น ตนเคยให้กำลังใจนายสุเทพ กำชับว่าแม้จะถูกล้อมก็ต้องลงไปปฏิบัติในพื้นที่ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดเหมือนกับผู้ชุมนุมทั้งหมด รัฐบาลต้องเป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ของประเทศ

ต่อข้อถามถึงพรรคเพื่อไทยจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีเปลี่ยนสถานที่แถลงนโยบายรัฐบาล นายชวนกล่าวว่า เราพร้อมให้ตรวจสอบ แต่การเปลี่ยนสถานที่นั้นไม่ผิด รัฐบาลหารือกับฝ่ายรัฐสภาอย่างรอบด้านแล้ว พวกเรามีหน้าที่ทำตามคำสั่งของประธานรัฐสภา ทั้งที่ไม่มีใครอยากย้ายสถานที่แถลงนโยบาย แต่เมื่อไม่มีใครมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยในการเข้ารัฐสภา มีข่าวว่าอาจใช้อาวุธหรือน้ำกรดและเคยมีผู้ใหญ่เตือนว่าให้ระวังความปลอดภัยตัวนายกฯ เป็นพิเศษ ตนจึงแจ้งเรื่องนี้กับนายสุเทพ เพื่อให้ประสานเจ้าหน้าที่ให้ระวัง

เติ้งไม่เลิกบ่นเรื่องยุบชาติไทย

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่บ้านศิลปอาชา ถนนจรัญ สนิทวงศ์ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย พร้อมด้วยคุณหญิงแจ่มใส ภริยา และครอบ ครัว เปิดบ้านให้อดีตแกนนำพรรคชาติไทยและแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมทั้งข้าราชการและประชาชนเข้าอวยพรปีใหม่ 2552 นายประภัตร โพธสุธน อดีตเลขาธิการพรรคชาติไทย เป็นตัวแทนอดีตแกนนำพรรคชาติไทย กล่าวอวยพรปีใหม่ว่า อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยฝ่าฟันจนพรรคสำเร็จมาครึ่งหนึ่งและไม่สำเร็จอีกครึ่งหนึ่ง พวกเราเห็นใจและขอว่าอย่าทิ้งพวกเรา ให้เป็นที่พึ่งพรรคชาติไทยเดิมและพรรคชาติไทยพัฒนาในอนาคต และเป็นหลักทางการเมืองให้เข้มแข็ง ปีหน้าขอให้นายบรรหารเป็นมังกรสวรรค์

นายบรรหาร กล่าวว่า อดีตพรรคชาติไทยถูกเว้นวรรค ตนคิดทุกวันทุกลมหายใจว่าจะไม่มีวันนี้ คิดว่าจะได้รับความกรุณาปรานี เอาคนหนึ่งไม่เอาทั้งพรรค ตนรับผิดที่ทำให้ทุกคนถูกเว้นวรรค แต่ 5 ปีไม่นาน ไม่ช้าเราจะกลับมา

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นตัวแทนแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวอวยพร ว่า ปี51 ตั้งแต่หลังเลือกตั้งนายบรรหารโดนมรสุมมากมายแต่ยังประคับประคองนำพาทุกคนเหลือรอดมาได้บ้าง นายบรรหาร คาดการณ์และเตรียมตั้งพรรคชาติไทยพัฒนาไว้ ส่วนของตนรอดมา 3 คนก็จะช่วยประคับประคองดำเนินการเมืองตามที่หัวหน้าตั้งใจ นายบรรหารผ่านมรสุมมาจนถึงวันสุดท้ายของปี ยังตัดสินใจดูแลเรือลำใหม่ให้ตลอดรอดฝั่ง 5 ปีไม่นานตนเจอมาแล้ว 8 ปี ก็ผ่านมรสุมมาได้

ฝากเสธ.ดูแลชาติไทยพัฒนา

นายบรรหาร กล่าวอีกว่า ความรู้สึกของพรรคชาติ ไทยไม่เคยลบล้างไปจากหัวใจ แต่ก็เป็นเรื่องในอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ตนทำการเมืองมา 34 ปี สัมผัสพล.ต.สนั่นมา 24 ปี ทราบถึงความตั้งใจของพล.ต. สนั่น และประทับใจ คนเราสำคัญต้องมีสัจจะและกตัญญู หากมีสัจจะจะทำงานสำเร็จ คนไม่มีสัจจะอยู่ไม่ได้ สิ่งที่ยากที่สุดคือทำอย่างไรให้ 2 ฝ่ายเข้าหากัน ตนขอชมเชยรัฐบาลนี้ถ้อยทีถ้อยอาศัย ทำให้ไม่เกิดการบาดเจ็บเมื่อวันแถลงนโยบายรัฐบาล ฝากพล.ต. สนั่น ช่วยดูแลพรรคชาติไทยพัฒนาด้วย อนาคตจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกมาก

จากนั้นนายบรรหาร กล่าวอวยพรปีใหม่คนไทยว่า อยากฝากประชาชนทั่วประเทศที่ให้ความช่วยเหลือพรรคชาติไทยมาด้วยดี ตนต้องกราบขออภัยเพราะไม่สามารถรักษาพรรคชาติไทยไว้ได้ ปัญหาบ้านเมืองตอนนี้ต้องการความรักสามัคคีซึ่งกันและกัน ขอวิง วอนคนไทยทั่วประเทศว่าไม่ควรแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งเสื้อเหลืองเสื้อแดง ขอให้สามัคคีกัน เพราะประเทศชาติเราแย่มามากพอแล้ว ไม่อยากให้แย่ไปมากกว่านี้ ปัญหาจะกระทบถึงส่วนรวมประเทศในอนาคต ขอให้กำลังใจคนไทยให้มีสติ แข็งแกร่งอดทนช่วยกัน ซื่อสัตย์สุจริตต่อแผ่นดิน จะเป็นหลักธรรมสร้างสันติสุขของประเทศ

นายบรรหาร กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐ บาล ว่า จำไม่ได้ว่ามีกี่ข้อแต่ถือเป็นคำยืนยันต่อสาธารณชนว่าต้องทำตามนั้น เป้าหมายการแถลงคงกำหนดระยะเวลาไม่ได้แต่ต้องพยายามทำให้เร็วที่สุด สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปขณะนี้คือ การสร้างความปรองดองสามัคคีและแก้ปํญหาเศรษฐกิจ เรื่องปรองดองก็เห็นแล้วเรื่องการปิดล้อมสภาไม่กี่วันนี้ รัฐบาลก็ไม่ดื้อดึงก็ย้ายสถานที่ประชุมไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ทำให้คลี่คลายสถานการณ์ไปได้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีก คือวันที่จะนำข้อตกลงของกลุ่มประเทศอาเซียนเข้าที่ประชุมสภาอีกไม่กี่วันนี้ คงต้องเตรียมให้พร้อม อยากวิงวอนนปช.ช่วยเปิดโอกาส เพราะสิ่งที่จะนำเข้าสู่สภามีความหมายกับประเทศมาก ไม่ควรทำให้ภาพพจน์ประเทศเสียหายไปกว่านี้ จากนั้นค่อยไปต่อสู้ เสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้

จี้นายกฯดูเองเบิกจ่ายงบราชการ

อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจอยากให้เห็นผลภายใน 6 เดือน มาตรการแรกที่ออกมาอาจเริ่มเห็นใน 3 เดือนขึ้นไป แต่ 6 เดือนต้องเห็นผลทั้งหมด จีดีพีต้องเติบโต การส่งออกต้องดีขึ้น การนำเข้าลดลง พยายามส่งเสริมการลงทุน พยายามให้เม็ดเงินกระจายลงสู่ข้างล่างให้มากที่สุด ถ้าสามารถทำได้อย่างนี้ภาย 3 เดือนเศรษฐกิจดีขึ้น ตอนนี้ที่ตนห่วงอย่างเดียวคือระบบราชการ หากนายกฯ หรือผู้เกี่ยวข้องไม่ดูด้วยตัวเองปล่อยตามระบบเม็ดเงินจะออกช้ามาก ตนทำงานด้านนี้มาตลอด บางขณะต้องลงไปดูข้างล่างจนถูกหาว่าล้วงลูก แต่ขณะนี้คงไม่ได้ นายกฯ ต้องลงไปดูเองบ้างในบางเรื่อง ศักยภาพ

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านระบุถึงการแถลงนโยบายไม่เป็นตามข้อกฎหมาย จะเป็นโมฆะหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า เมื่อแถลงนโยบายไปแล้วผิดถูกก็ต้องไปว่ากันอีกที แต่เป็นเรื่องที่ติดเรื่องเดตล็อก 15 วัน หากไม่แถลงภายใน 15 วันจะทำอย่างไร หากไม่แถลงก็ประชุมครม.ไม่ได้ ทำงานไม่ได้ อย่างนี้น่าเห็นใจ ใครเป็นรัฐบาลก็ต้องทำอย่างนี้

เมื่อถามว่านโยบายรัฐบาลถูกโจมตีว่าไม่ต่างจากฝ่ายค้าน นายบรรหาร กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องให้เม็ดเงินลงข้างล่าง ไม่มีวิธีใดดีกว่านี้ หากเม็ดเงินยังลอยอยู่ข้างบนก็แก้ไม่ได้ เหตุการณ์บังคับให้ต้องทำอย่างนี้ ไม่ทำก็ไม่ได้ ยังทำน้อยไปด้วยซ้ำหากเป็นตนทำมากกว่านี้อีก เช่น เบี้ยยังชีพคนชรา เงินเอสเอ็ม แอล กองทุนหมู่บ้านให้เพิ่มไปเลย ทุกอย่างที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานต้องลงไปแล้วจะเห็นผลใน 3 เดือน แต่ต้องควบคุมให้ดีอย่าให้เกิดสิ่งไม่ถูกต้อง หาก 3 เดือนหรือไตรมาสแรกงานโครงการต่างๆ ยังไม่ออกคงไม่ทันการณ์ ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องต้องลงมาดูระดับล่าง

ชมอภิสิทธิ์คนหนุ่มต่างชาติเชื่อมั่น

เมื่อถามว่ามองต่างชาติจะให้ความเชื่อมั่นรัฐบาลหรือไม่ อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยกล่าวว่า ตนว่าต่างชาติให้ความเชื่อมั่นเพราะเราไม่เคยมีนายกฯ อายุ 40 กว่าแบบนี้มาก่อน และก็เป็นคนมีไอเดียที่ใช้ได้ อยู่ในการเมืองมานาน มีความรอบรู้พอสมควร ส่วนรมว.และรมช.คลังก็เก่ง คิดว่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้ดี เมื่อถามว่ามีการประเมินอายุรัฐบาลนี้จะอยู่ไม่นาน นายบรรหารกล่าวว่า หากพยายามทำให้ดีทุกด้านจะอยู่ได้นาน ต้องมีแต่คนที่เข้มแข็ง ทำงานถึงลูกถึงคน แก้ปัญหาได้ ถ้ารัฐบาลทำดีที่สุดประชาชนเห็นใจเห็นผลงานก็อยู่ได้นาน

เมื่อถามถึงนโยบายปฏิรูปการเมืองของรัฐบาลซึ่งต้องแก้รัฐธรรมนูญ จะนำไปสู่ความขัดแย้งหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่ารัฐธรรมนูญ 50 มีบางมาตราใช้ไม่ได้ หากเลือกตั้งมาอีกก็เข้าอีหรอบเดิมวุ่นวายอย่างนี้ ทำไมไม่หาข้อบกพร่อง ความจริงการแก้รัฐธรรม นูญเป็นเรื่องธรรมดาแต่จะแก้รัฐธรรมนูญเมื่อใดจะเป็นจะตายให้ได้ แล้วถ้าบ้านเมืองเดินไม่ได้จะทำอย่างไร ก็ต้องกลับไปที่เดิมอีก ตรงไหนบกพร่อง เช่น เรื่องผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เป็นส.ส.และมีเสียงข้างมาก ตอนนี้หาผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้ก็ต้องแก้ และมาตรา 190 การทำข้อตกลงกับต่างประเทศทุกเรื่องเข้าสภา ประเทศอื่นเซ็นได้แล้วเรายังทำไม่ได้ก็อายประเทศอื่น อีกหน่อยจะล้าหลังยิ่งกว่าลาวและเขมร

นอมินีเต็มเมือง-ต้องแก้รัฐธรรมนูญ

นายบรรหารกล่าวว่า ขณะนี้นอมินีเกิดทั่วประเทศแล้ว มีการเลี่ยงมาตรา 237 กันแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครยอมเป็นกรรมการบริหารพรรคแม้แต่คนเดียว ก็มีแต่ตาสีตาสามาเป็นเลขาธิการพรรค หัวหน้าพรรค ใช้ได้ที่ไหน การเมืองเราแย่ลงไปใหญ่ แทนที่จะพัฒนาให้เหมือนต่างประเทศมันยิ่งแย่ เป็นการเมืองชาวบ้าน ตอนนี้คนกลัวหมด ไปดูกรรมการบริหารพรรคประชา ธิปัตย์ใครก็ไม่รู้ ประชาธิปัตย์คราวหน้าระวังไว้เลย เจอใบแดงใบเดียวเจ๊งเลย จบหมด ถ้าไม่แก้รัฐ ธรรมนูญพลาดไม่ได้อันตราย ดังนั้นต้องแก้รัฐธรรม นูญ เสื้อเหลืองก็ต้องมีเหตุผล ต้องดูบ้านเมืองแย่เพราะอะไร

เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ของรัฐบาลจะมีการจ้างม็อบต่อต้าน นายบรรหารกล่าวว่าในอดีตมีตัวอย่างมาคนก็เอาบ้าง เหมือนขนมจีนกับน้ำยา ต้องใช้ความอดทน หากรัฐบาลบริหารงานดีประชาชนจะพอใจ ลองถ้าประชาชนไม่เอาก็ทำอะไรไม่ได้

เมื่อถามว่าจะฝากถึงพ.ต.ท.ทักษิณอย่างไร เพราะมีสื่อตีข่าวถูกอายัดทรัพย์สินที่อังกฤษ นายบรรหารกล่าวว่าตนไม่ได้พูดคุยด้วยมานาน คงไม่ฝากอะไร ท่านเก่งกว่าตนอีก และไม่ได้อ่านข่าวเลยไม่ทราบและไม่มีความเห็นเรื่องที่ถูกอายัดทรัพย์

เมื่อถามว่ามั่นใจการเลือกตั้งซ่อมที่จ.สุพรรณบุรี ของผู้สมัครในนามพรรคชาติไทยพัฒนาหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่ามั่นใจ เพราะคนสุพรรณฯเห็นใจตนหมด คราวนี้ก็ให้หลานกับเหลนลง คราวหน้ายังมีศิลปอาชา คือลูกสาวและน้องชายที่จะลงสมัยต่อไป คราวนี้ยังลงไม่ได้ เมื่อถามว่ามีข้อตกลงกับพรรคร่วมในการเลือกตั้งหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่าไม่มี พรรคร่วมก็ส่งแข่งกันหมด

ป๊อกเตือนรัฐบาลระวังพรรคเล็ก

เมื่อเวลา 07.30 น. ที่บ้านพักพล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เปิดบ้านเนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิดปีที่ 95 พร้อมทั้งอวยพรปีใหม่ มีข้าราชการ อดีตนายตำรวจ และนัก การเมือง เดินทางเข้ามาอวยพรอย่างต่อเนื่อง อาทิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

นายปองพล อดิเรกสาร อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่า วถึงกรณีการแถลงนโยบายรัฐบาลที่กระทรวงการต่างประเทศว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ใช้สถานที่อื่นแถลงนโยบาย ประเด็นทางกฎหมายที่หลายคนตั้งคำถามว่าทำได้หรือไม่ สมบูรณ์หรือไม่ ทำให้ความสง่างามของรัฐบาลหายไป และความสง่างามของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นับวันจะเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ จากวันที่สูงสุดเมื่อประกาศเปลี่ยนขั้วรัฐบาลและพร้อมจัดตั้งรัฐบาล จากนั้นก็ตกลงมาเรื่อยๆ เมื่อเริ่มตั้งคณะรัฐมนตรี แถลงนโย บายรัฐบาล อยากให้นายอภิสิทธิ์ตั้งหลักให้ดี ตัวช่วยมีอยู่มากต้องรู้จักใช้และบริหารให้ดี เพราะการมีทีมที่ปรึกษาจำนวนมากก็ทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน

นายปองพลกล่าวว่า ส่วนปัญหาการเมืองในอนาคตอาจมีการแบ่งกันออกเป็น 3 ก๊กคือ 1.ประชาธิปัตย์ 2.เพื่อไทย ซึ่งถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ และ 3.ฝ่ายที่เป็นกลาง คือพรรคเล็กๆ ที่จะรวมตัวเพื่อการต่อรอง ซึ่งจะเป็นนักการเมืองยุคเก่า และคาดว่ากลุ่มที่ 3 จะมีการรวมตัวกันที่แน่นหนามากขึ้นเพื่อต่อรอง เพราะหากไหลไปทางใดก็สามารถทำให้ฝ่ายนั้นได้เป็นรัฐบาล จึงไม่คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะอยู่ได้นานต้องยุบสภาในที่สุด หากกลุ่มที่ 3 สามารถรวมตัวกันได้มากขึ้นก็จะเกิดปัญหาเรื่องการต่อรอง และกลุ่มหลังนี้จะไม่มีแรงกดดันเพราะไม่ต้องการเป็นนายกฯ แต่ต้องการต่อรองตำแหน่งที่ต้องการเท่านั้น

เพื่อไทยประกาศไล่บี้รบ.หลังปีใหม่

เมื่อเวลา 08.00 น. ทำการพรรคเพื่อไทย ถ.พระ ราม 4 บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่ มีส.ส. เดินทางเข้าพรรค มีเพียงเจ้าหน้าที่แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า พรรคปิดทำการและจะมีการเปิดแถลงข่าวอีกครั้งในวันที่ 4 ธ.ค.

นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคมอบหมายให้นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และ คณะทำหนังสือประณามรัฐบาลและนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ที่จัดแถลงนโยบายรัฐบาลที่กระ ทรว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook