ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลมีผลแล้ววันนี้

ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลมีผลแล้ววันนี้

ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลมีผลแล้ววันนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรุงเทพฯ  21 เม.ย. -  นายชวลิต  พิชาลัย  รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า การลดภาษีสรรพสามิตและการลดเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตรา 5.83  บาทต่อลิตร ได้มีผลตั้งแต่วันนี้  (21 เม.ย.)  แต่เนื่องจากมีการปรับลดอัตราเท่ากัน  จึงไม่ต้องมีการตรวจสตอกน้ำมันคงเหลือของผู้ค้าแต่อย่างใด และหากในอนาคตน้ำมันดีเซลปรับขึ้นลง  จนส่งผลทำให้ราคาสูงหรือต่ำกว่า  30  บาทต่อลิตร  จะใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ เข้าไปดูแลกลไกราคาน้ำมันดีเซล  30  บาท  จนถึงวันที่  30  กันยายน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้  (20 เม.ย.) 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดน้ำมันดิบตลาดโลกปรับขึ้น  เป็นผลจากสตอกราคาน้ำมันสหรัฐปรับลดลง  ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัส ปรับเพิ่มขึ้น 3.17  ดอลลาร์  มาอยู่ที่  111.45  ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ตลาดเบรนท์ ทะเลเหนือเพิ่มขึ้น  2.52  มาอยู่ที่  123.85  ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และคาดว่าจะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ที่ไทยใช้อ้างอิงขยับขึ้น และมีผลต่อราคาน้ำมันของไทยต่อไป  หลังจากที่ราคาน้ำมันของไทยได้มีการปรับลดลงในกลุ่มเบนซิน  40  สตางค์ต่อลิตร เมื่อเช้าวันนี้ (21 เม.ย.)      ไปแล้ว  

ด้านที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที เออาร์ได้มีการพิจารณาวาระสำคัญในการควบรวมกิจการระหว่างพีทีทีเออาร์และบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน)หรือ ปตท.เคมิคอล  โดยช่วงเช้าประชุมผู้ถือหุ้นพีทีทีเออาร์ และบ่ายจะประชุม ปตท.เคมิคอล หากได้รับการอนุมัติทั้ง  2  บริษัทจะมีการควบรวมเสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม และจะมีบริษัทใหม่ขึ้นมาจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แทน

ด้าน บล.กิมเอ็ง  ประเมินว่าจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและหลายค่ายคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันโลกปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ  89.3  ล้านบาร์เรลต่อวัน  เพิ่มขึ้น  1.5  ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ ร้อยละ 1.7  และคาดการณ์ว่าปีหน้าความต้องการใช้น้ำมันยังเพิ่มขึ้นอีกไปอยู่ที่  90.8  ล้านบาร์เรลต่อวัน  จากสมมติฐานคาดว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้ขยายตัวร้อยละ  4.4  และร้อยละ  4.5  ในปีหน้า  ประกอบกับการเกิดอุบัติภัยในญี่ปุ่น  จึงเป็นที่คาดว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวระดับสูง และค่าการกลั่นรวมของโรงกลั่นต่าง ๆ โดยเฉพาะค่าการกลั่นเฉลี่ยของประเทศสิงคโปร์จะเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ระดับ  8-9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มีผลทำให้ผลประกอบการของธุรกิจ      โรงกลั่นโดยรวมปีนี้ดีขึ้น

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook