รวบหนุ่ม 15 ชวนสาวไฮไฟว์นัวเนีย 4 วันติด

(28 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี และเจ้าหน้าที่หน่วยงานสงเคราะห์และคุ้มครอง กก.สดส. ได้ทำการจับกุม นายโชค (นามสมมติ) อายุ 15 ปี หลังมีผู้ปกครองของเด็กสาวรายหนึ่ง เข้าร้องเรียนว่า ลูกสาวหายตัวไปออกจากบ้าน เมื่อโทรศัพท์ตามกลับเป็นเสียงผู้ชายรับสาย จึงรีบเข้าแจ้งตำรวจ

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนและตามจับกุม นายโชค ได้ที่บ้านพักย่านตลาดบางแค แขวงบางแค เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ หลังจากที่แม่ของ น.ส.ดาว (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเปิดเผยว่า ลูกสาวได้หายออกไปจากบ้านย่านบางแค ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนออกจากบ้าน ได้ขอเงินคุณยายไปจำนวน 100 บาท บอกว่าจะนำไปซื้อเครื่องเขียนและหายตัวไป เมื่อตนโทรศัพท์ไปหาลูกสาว ปรากฎว่าเป็นเสียงผู้ชายรับสาย และอ้างว่าลูกนายทหารอยู่ทางภาคใต้และได้โทรศัพท์มือถือของลูกสาวเพราะลูกสาวเอามาจำนำไว้ ตนจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความทันที

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนและพบเบาะแสว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.ดาว ได้ไปเล่นไฮไฟว์ที่บ้านเพื่อนในละแวกเดียวกัน จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลรายชื่อและพบว่ามี นายโชค เป็นผู้ที่พูดคุยกันเป็นรายล่าสุด ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์ติดต่อไปหา นายโชค ซึ่งระบุว่าขณะนี้อยู่ที่ จ.นราธิวาส และกำลังจะขึ้นมาที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ไปอีกครั้ง นายโชค กลับบอกว่าอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ

ซึ่งในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบเห็น นายโชค และ น.ส.ดาว อยู่ด้วยกันที่บ้านหลังหนึ่งใกล้กับตลาดบางแค เมื่อเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจสอบ พบทั้งสองอยู่ภายในบ้านพักจริง จึงได้ควบคุมตัวไปสอบสวน เบื้องต้น นายโชค รับสารภาพว่า ได้รู้จักกับ น.ส.ดาว มาประมาณ 1 ปีแล้ว ก่อนจะเริ่มห่างหายกันไป และได้กลับมาเจอกันอีกครั้งตอนที่เล่นไฮไฟว์ จึงได้ชักชวนฝ่ายหญิงมาที่บ้าน ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. และได้มีเพศสัมพันธ์กับ น.ส.ดาว จำนวน 3 ครั้ง ด้วยความเต็มใจทั้งสองฝ่าย อีกทั้งยังยอมรับว่าชอบพอกับ น.ส.ดาว มาก หากพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะให้แต่งงานก็ยินดี

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ทำการตรวจสอบปัสสาวะของทั้งสอง หลังจากที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้เสพยาไอซ์ด้วย ปรากฎว่าผลออกเป็นสีม่วง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาเสพยาเสพติด และพาเด็กอายุ 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีไปล่วงเกินทำการอนาจาร แม้จะยินยอมก็ตาม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีต่อไป