ชาวปากีฯนับแสนไว้อาลัยบุตโตเสียชีวิตครบ 1 ปี

ชาวปากีฯนับแสนไว้อาลัยบุตโตเสียชีวิตครบ 1 ปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(27ธ.ค.) ในวันนี้ ชาวปากีสถานหลายแสนคนไปรวมตัวกันที่สุสานตระกูลบุตโตที่ฝังร่างของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง เบนาซีร์ บุตโต ที่เมืองการี คูดา บาคช์ บ้านเกิดของเธอทางใต้ของประเทศ เพื่อร่วมไว้อาลัยในพิธีรำลึกวันครบรอบ 1 ปีเต็มที่เธอถูกลอบสังหารที่เมืองราวัลพินดี เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมปีที่แล้ว โดยมีอาซิฟ อาลี ซาร์ดารี สามีของเธอ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีร่วมในพิธีรำลึกที่จัดขึ้น

ทางการปากีสถานได้ประกาศให้วันนี้เป็นวันหยุดประจำชาติ เพื่อเป็นเกียรติกับนางบุตโต ซึ่งเป็นผู้นำหญิงคนแรกในโลกมุสลิม

// //

เมื่อวานนี้ นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องผ่านแถลงการณ์ให้มีการสอบสวนหาความจริงและความยุติธรรมถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดของนางบุตโตโดยเร็ว ซึ่งยังเป็นข้อกังขาอยู่ว่าเธอเสียชีวิตจากแรงระเบิดหรือจากกระสุนปืน เพราะจากการตรวจสอบของทีมสอบสวนอังกฤษเมื่อต้นปี พบว่าเธอเสียชีวิตจากการแรงระเบิดไม่ใช่จากกระสุนปืนซึ่งตรงกับผลการสอบสวนของทางการปากีสถาน แต่พรรคประชาชนปากีสถานของเธอยืนยันว่าเธอถูกยิงเสียชีวิตพร้อมกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดที่แล้วที่นำโดยประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ อยู่เบื้องหลังและพยายามปิดบังข้อเท็จจริง

เส้นทางการเมืองของเธอเต็มไปด้วยขวากหนาม ทั้งเคยถูกจองจำ ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ และต้องเผชิญโศกนาฏกรรมมากมายของครอบครัว รวมทั้งการสูญเสียบิดา-อดีตประธานาธิบดี ซัลฟิการ์ อาลี บุตโต ที่ถูกประหารชีวิตจากพิษการเมือง แต่เธอก็สามารถก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของชาติมุสลิม และเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในโลกด้วยวัย 35 ปีเมื่อปี 2531 ก่อนถูกปลดจากข้อกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชั่น แต่อีก 5 ปีต่อมาเธอก็กลับมานั่งเก้าอี้นี้อีกครั้ง แม้สุดท้ายจะต้องพ้นจากตำแหน่งจากข้อหาเดิม จนต้องลี้ภัยในต่างแดน แต่เมื่อปีที่แล้ว ก็สามารถกลับมาลงสนามเลือกตั้งได้อีกครั้ง โดยหวังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 3 แต่ไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะ

ถูกลอบสังหารระหว่างหาเสียงขณะมีอายุ 54 ปี

ตะลุยข่าว - 388 ศพสึนามิ...ยังไม่ได้กลับบ้าน

แม้พิบัติภัยสึนามิจะผ่านพ้นไปแล้ว 4 ปี ทว่าภาพความเสียหาย การล้มตาย และสูญหายไปของคนอันเป็นที่รัก ยังคงติดตรึงอยู่ในใจเหมือนภาพฝันร้ายในคืนที่แสนยุ่งเหยิง หลายครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับมหันตภัยที่เกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัว และธุรกิจ เสียงหวีดร้องโหยหวนและร่ำไห้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ยังคงก้องอยู่ในมโนสำนึก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook