ไพฑูรย์แจงรัฐบาลจ่ายเงิน 2 พันบาท ครั้งเดียวเท่านั้น ถนนไร้ฝุ่นของเพื่อนเนวินหั่นเหลือ1.5พันล. ไพฑ

ไพฑูรย์แจงรัฐบาลจ่ายเงิน 2 พันบาท ครั้งเดียวเท่านั้น ถนนไร้ฝุ่นของเพื่อนเนวินหั่นเหลือ1.5พันล. ไพฑ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เสธ.หนั่น ไม่ติดใจชาติไทยพัฒนาและพรรคร่วมอื่นๆได้งบประมาณจากงบ 1 แสนล้านน้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์ หลังครม.ไฟเขียวแผนใช้งบ 1 แสนล.กระตุ้นเศรษฐกิจ พรรคร่วมโวย โดน ปชป. ฮุบไปกว่า 6 หมื่นล้าน ถนนไร้ฝุ่นของเพื่อนเนวินโดนหั่นเหลือแค่ 1.5 พันล. ก.ท่องเที่ยวเซ็งโดนเมิน ขณะที่แรงงานได้ 1.6 หมื่นล. แจกคนเงินเดือนต่ำ 1.4 หมื่นหัวละ 2 พัน ไพฑูรย์ ยันให้ครั้งเดียวจบ แรงงานค้าน จี้ช่วยคนยากจน 23 ล้านดีกว่า นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการมาตรการเพิ่มรายได้ เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ รวมทั้งผู้ประกันตนที่มีรายได้ไม่เกิน 14,000 บาท วงเงิน 19,000 ล้านบาทว่า เป็นการนำเงินมาช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้ต่ำและกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ ตอนนี้หลายคนยังเข้าใจผิดกับหลักการของเงินดังกล่าวว่า จะให้อย่างไรและจำนวนเท่าไหร่

นายไพฑูรย์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานได้รับอนุมัติเงิน 16,000 ล้านบาทให้ผู้ประกันตนกว่า 8 ล้านคน โดยจะมอบให้สำหรับผู้ที่มีฐานเงินเดือนไม่ถึง 14,000 บาท คนละ 2,000 บาท เพียงครั้งเดียวเท่านั้น คาดว่า ภายหลังการประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะสามารถโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ประกันตนได้ภายในเดือนเมษายน โดยสำนักงานประกันสังคมจะเป็นผู้รับผิดชอบฐานข้อมูล พร้อมกับวางระบบ เพื่อขอเลขบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน จากนั้น จะนำเสนอกรมบัญชีกลาง เพื่อจ่ายเงินเข้าสู่บัญชีลูกจ้าง ที่เป็นผู้ประกันตนโดยตรงต่อไป

นายไพฑูรย์ กล่าวอีกว่า ส่วนบุคลากรภาครัฐและข้าราชการที่มีฐานเงินเดือนไม่ถึง 14,000 บาท กระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการวางมาตรการให้การช่วยเหลือว่าจะนำเงินจำนวน 2,000 บาท จ่ายให้กับบุคคลากรภาครัฐอย่างไร

เสธ.หนั่นไม่ติดใจชาติไทยพัฒนาได้งบน้อยกว่าปชป. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 มกราคมว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 52 วงเงินประมาณ 115,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ปรากฏว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลได้งบประมาณน้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์นั้น งบประมาณดังกล่าวเป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะไปถึงประชาชนอันเป็นงบพิเศษกลางปี ดังนั้นกระทรวงต่างๆก็ขอกันมาก อยากได้กันทั้งนั้นเพราะงบประจำปีมีอยู่แล้ว แต่งบงบประมาณดังกล่าวจะต้องเน้นหนักให้ถึงมือประชาชน ดังนั้นกระทรวงใดที่เกี่ยวพันกับการช่วยเหลือประชาชนก็ได้มาก

ครม.โปรยงบฟื้นศก.1.15แสนล้าน

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 มกราคม มีมติอนุมัติกรอบแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ และร่างงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 วงเงิน 115,000 ล้านบาท โดยแยกเป็นงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 17 โครงการ วงเงิน 95,870.5 ล้านบาท และงบชดใช้เงินคงคลังอีก 19,139.5 ล้านบาท

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงรายละเอียดงบ 1.15 แสนล้านบาท ว่า แบ่งเป็น มาตรการเพิ่มรายได้ 1.ช่วยเหลือค่าครองชีพของข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบประกันสังคมมีรายได้น้อย 19,000 ล้านบาท 2.เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 9,000 ล้านบาท และมาตรการลดรายจ่าย แบ่งเป็น 1.การต่ออายุ 6 มาตรการของรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยยกเว้นมาตรการภาษีน้ำมัน 11,000 ล้านบาท 2.กระทรวงพาณิชย์จะนำไปช่วยลดค่าครองชีพประชาชน 1,000 ล้านบาท 3.เรียนฟรี 19,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังรวมถึงโครงการช่วยเหลือผู้ว่างงาน เสี่ยงต่อการว่างงาน และบัณฑิตจบใหม่ 6,900 ล้านบาท และมีโครงการที่สนับสนุนภาคการผลิตบ้าง แต่เป็นเงินจำนวนไม่มากนัก ยกเว้นกองทุนเศรษฐกิจพอเพียงที่จะใช้เงิน 15,200 ล้านบาท

คุยมีนาคมเงินถึงมือประชาชน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เชื่อว่าร่างพ.ร.บ.งบกลางปีจะเข้าสู่การพิจารณาของครม.อีกครั้งในวันที่ 20 มกราคม ก่อนจะนำเข้าสู่สภาวันที่ 28 มกราคม และเม็ดเงินจะถือมือประชาชนตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป

หลักของการใช้งบกลางปี ที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นได้เร็ว ตรง และได้ผลที่สุด คือหามาตรการเพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชน ซึ่งเท่าที่ดูผลการวิจัยการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลกพบว่า การให้เงินกับประชาชนเป็นมาตรการที่ดีที่สุด เพราะนำไปสู่การใช้จ่ายโดยตรง และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และภาคธุรกิจในไปตัว ได้ผลดีกว่าการช่วยโดยอ้อม เช่น ช่วยภาคการผลิตหรือทำโครงการที่ต้องใช้เวลา นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ไม่ให้งบดึงท่องเที่ยว-ส่งออก

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้ขอให้ครม.ทำเพิ่ม 2 เรื่อง คือการท่องเที่ยว โดยจะให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปหามาตรการลดภาระผู้ประกอบการและกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวมากขึ้นโดยไม่ใช้งบประมาณ และเรื่องของราคาสินค้า ที่ยังไม่ลดตามราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยจะให้กระทรวงพาณิชย์ไปรวบรวมข้อมูล เสนอครม.เศรษฐกิจภายในสัปดาห์นี้ หรือในการประชุมครม.สัปดาห์หน้า เมื่อถามว่า จะป้องกันไม่ให้เกิดการผลาญงบอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นว่าจะผลาญงบเหล่านี้อย่างไร เพราะถึงกระเป๋าประชาชนชัดเจน ่มีการจัดทำโครงการขนาดใหญ่ และจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับติดตามในโครงการแก้ไขปัญหาว่างงาน และกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง

ยืนยันว่างบเหล่านี้จะลงถึงรากหญ้าได้จริง เพราะเท่าที่ดูจากงานวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่ามาตรการแบบนี้ได้ผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจนกว่าการยกเว้นภาษี เพราะประชาชนได้จับเงินจริง และคนที่มีรายได้ไม่มากเมื่อได้เงินมาจะจับจ่าย นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า ส่วนการกระตุ้นการท่องเที่ยวและส่งออกก็ไม่ได้ทิ้ง แต่มีวิธีอื่นที่กระตุ้นได้โดยไม่ต้องใช้งบกลางปี แต่จะการใช้งบท้องถิ่นและธนาคารของรัฐ

เผยประชาธิปัตย์ฮุบงบกว่า60%จาก1แสนล้าน

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เป็นที่น่าสังเกตุว่า งบ 100,000 ล้านบาทถูกจัดสรรให้กับกระทรวงของพรรคประชาธิปัตย์ มาที่สุด ประกอบด้วย

งบกลาง 12,203.4 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในอำนาจเบิกจ่ายของนายกฯ

สำนักนายกรัฐมนตรี 15,200 ล้านบาท

กระทรวงการต่างประเทศ 325 ล้านบาท

กระทรวงแรงงาน 16,058.4 ล้านบาท

กระทรวงวัฒนธรรม 21.2 ล้านบาท

กระทรวงศึกษาธิการ 18,258.0 ล้านบาท

กระทรวงสาธารณสุข 1,095.8 ล้านบาท

รวมแล้วประมาณ 62,807 ล้านบาท หรือกว่าร้อยละ 60 นอกจากนี้ งบส่วนหนึ่งถูกจัดสรรให้ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง 1,972.6 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 11,874.1 ล้านบาท ส่วนกระทรวงที่รัฐมนตรีมาจากพรรคร่วมรัฐบาล เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เพียง 550 ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2,000 ล้านบาท กระทรวงคมนาคม 1,500 ล้านบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 760 ล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ 1,000 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย 12,557 ล้านบาท เป็นต้น

เพื่อนเนวินโวยงบถนนไร่ฝุ่นถูกหั่น

แหล่งข่าวจากที่ประชุมครม. เปิดเผยว่า การประชุมครม.ครั้งนี้ เวลาส่วนใหญ่ใช้ในการพิจารณาการของบกลางปีของกระทรวงต่างๆ ที่เสนอโครงการมา เพราะทันทีที่มีการแจ้งให้ทราบว่าแต่ละกระทรวงได้รับจัดสรรเงินเท่าไร มีรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงหลายคนที่แสดงอาการผิดหวัง และต่างพยายามอ้างถึงเหตุผลว่าโครงการของกระทรวงตนมีความจำเป็นอย่างไร ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องพูดแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า เนื่องจากงบกลางปีมีจำกัด จำเป็นต้องเลือกโครงการที่เข้าถึงประชาชนโดยเร็วก่อน หากเป็นโครงการที่สำคัญจริงๆ ขอให้ตั้งเบิกงบในปีงบประมาณ 2553

แหล่งข่าวระบุว่า ระหว่างการหารือ เมื่อทราบว่ากระทรวงคมนาคมได้งบจัดทำโครงการถนนปลอดฝุ่นเพียง 1,500 ล้านบาท จากที่เสนอไป 1.5 หมื่นล้านบาท ทำให้นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่พอใจ และลุกขึ้นท้วงติงในที่ประชุมครม.ว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่ น่าจะต้องใช้งบมากกว่านี้ นายกฯ ต้องตอบไปว่า จะรับข้อเสนอไปพิจารณา โดยอาจนำงบจากส่วนอื่นมาใช้ในโครงการนี้แทนงบแสนล้านบาท

นายโสภณ กล่าวว่า ครม.เห็นชอบจัดสรรงบกลางปีสำหรับโครงการถนนปลอดฝุ่น จำนวน 1,500 ล้านบาท จากที่ขอไป 30,000 ล้านบาท

ครั้งแรก ผมไม่ยอม เพราะเห็นว่าได้งบน้อยไป เพราะเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคโดยตรง แต่นายกฯรับปากว่าจะจัดสรรงบส่วนอื่นมาเพิ่มเติมให้ นายโสภณ กล่าว

จวกรัฐบาลเมินแก้ท่องเที่ยว

แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เห็นได้ว่า นโยบายของรัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง โดยให้ส่วนราชการไปปรับแผนงบประมาณปี 2552 เพื่อใช้จัดการฝึกอบรมและสัมมนาให้กระจายทั่วประเทศ รวมทั้งลดหย่อนค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดให้มีการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แสดงว่าจะไม่มีการจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้ให้ และให้ไปจัดสรรจากงบประมาณที่มีอยู่มาดำเนินการแทน

กระทรวงแรงงาน จ่ายหัวละ2พันเริ่มเมษายนนี้

ที่กระทรวงแรงงาน นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ได้เสนอครม.อนุมัติเงิน 22,900 ล้านบาท แบ่งเป็นสองส่วน คือ เงินช่วยเหลือค่าชีพของผู้ประกันตนที่มีรายได้เดือนละไม่เกิน 14,000 บาท จำนวน 8.01 ล้านคน โดยจ่ายให้ครั้งเดียวรายละ 2,000 บาท เป็นเงิน 16,000 ล้านบาท สามารถเบิกจ่ายได้ทันทีหลังพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมผ่านสภา คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายน อีกส่วนคือเงินฝึกอบรมอาชีพช่วยเหลือผู้ที่ว่างงานวงเงิน 6,900 ล้านบาท ตั้งเป้าช่วยผู้ประกันตน 5 แสนคน

นายปั้น วรรณวินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงการช่วยเหลือค่าครองชีพผู้ประกันตนรายละ 2,000 บาท ว่า ผู้ประกันตนกับสปส.มี 9.3 ล้านคน และมี 8.01 ล้านคนที่มีฐานเงินเดือนไม่เกิน 14,000 บาทที่จะได้รับการช่วยเหลือ โดย สปส.จะวางระบบเพื่อขอเลขบัญชีธนาคารทั้ง 8.01 ล้านคน เพื่อส่งให้กรมบัญชีกลางจ่ายเงินเข้าบัญชีโดยตรง ไม่ผ่านฝ่ายธุรการหรือฝ่ายบุคคลของสถานประกอบการ

แรงงานค้าน-จี้ช่วย23ล้านคนจน

น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลให้ก็จะรับไว้ แต่ยังคิดไม่ออกว่าให้เงินมาแล้วจะไปใช้จ่ายอะไรได้บ้าง อาจจะลดภาระได้บ้างนิดหน่อย เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นมาก อยากให้รัฐบาลมองการแก้ปัญหาระยะยาวมากกว่า ส่วนการลดเงินสมทบที่สปส.เสนอ ต้องคิดให้ดีกว่าจะกระทบกับกองทุนชราภาพในอนาคตหรือไม่ นอกจากนี้ รัฐบาลควรขยายความช่วยเหลือให้ลูกจ้างนอกระบบสปส.ที่ยากจนด้วย

นางประทิน เวคะวากยานนท์ ประธานเครือข่ายสลัม 4 ภาค กล่าวว่า คนที่อยู่ในชุมชนแออัด คนที่ทำงานอาชีพอิสระหรือแรงงานนอกระบบที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมกว่า 23 ล้านคน หรืออาจมากกว่านั้นยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ และมีคนจำนวนไม่น้อยเป็นลูกจ้างเหมาของหน่วยงานของรัฐที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์อะไร

เบี้ยยังชีพถึงมือคนชราเม.ย.

นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวภายหลังประชุมครม. ว่า ปัจจุบันมีผู้สูงอายุ 7 ล้านคน ในจำนวนนี้ 2 ล้านคนได้รับบำนาญและเป็นกลุ่มที่พิการที่ได้รับเงินช่วยเหลืออยู่แล้ว ทำให้มีผู้สูงอายุประมาณ 5 ล้านคนมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพ โดยพม.จะเร่งประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละจังหวัดให้ผู้สูงอายุที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพมาลงทะเบียนให้เสร็จภายในเดือนมีนาคม และจะเริ่มจ่ายได้ตั้งเดือนเมษายนนี้ ส่วนผู้สูงอายุใน กทม.จะให้สำนักพัฒนาสังคมของ กทม.ดำเนินการ

นางเพียงใจ วิศรุตรัตน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กทม. กล่าวว่า กทม.มีจำนวนผู้สูงอายุประมาณ 3 หมื่นคน ที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพเดือนละ 500 บาท โดยต้องมีคุณสมบัติ คืออายุ 60 ปีขึ้นไป และต้องมีรายได้ไม่เกินเดือนละ 2,020 บาท และไม่มีผู้ดูแลอุปการะ อย่างไรก็ตาม กทม.จะต้องดูนโยบายของรัฐเพื่อให้การปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน

ม.หอการค้าให้เพิ่ม2แสนล้านถึงจะพอ

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯได้คาดการณ์การค้าระหว่างประเทศปี 2552 บนสมมุติฐานเศรษฐกิจโลกขยายตัว 0.9% การค้าโลกขยายตัว 1.8% ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกไทยติดลบ 1.6% แต่ยังไม่ได้ประเมินจากมาตรการและงบประมาณกลางปีของรัฐบาล ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีก 0.7% และทำให้เศรษฐกิจขยายตัวจาก 0.5-1.5% เป็น 1.2-2.2% ซึ่งยังไม่เพียงพอ รัฐบาลจึงควรเพิ่มงบกลางปีเป็น 2 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 1.4% ช่วยเพิ่มการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็น 1.4-2.9%

น้ำมันร่วงอีกเหลือ37เหรียญ

เอพีรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลต์สวีท ซื้อขายในเอเชีย ปรับลงอีก 92 เซ็นต์ไปอยู่ที่ 36.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากร่วงลงไปถึง 8 % หรือ 3.24 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 37.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลที่ตลาดนิวยอร์ค เนื่องจากตลาดคาดหมายว่าความต้องการน้ำมันจะลดน้อยลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะหลังจากอัลโค บริษัทผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่อันดับสามของโลกแห่งสหรัฐประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ว่าขาดทุนถึง 1.19 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันลดลงทั้งที่การต่อสู้กับอิสราเอลและปาเลสไตน์ยังไม่ยุติ แสดงว่าภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคของทั้งโลกมีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันมากกว่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook