พาณิชย์ปูพรมสอบจำนำสินค้าเกษตร

พาณิชย์ปูพรมสอบจำนำสินค้าเกษตร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการนำทีมภาครัฐและเอกชนเข้าตรวจสอบการสวมสิทธิ์รับจำนำข้าวโพดในพื้นที่ จ.ตาก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และเลย พบว่ามีการรับจำนำผิดปกติ โดยได้อายัดและส่งดำเนินคดีผู้กระทำความผิดในการสวมสิทธิ์รับจำนำข้าวโพดฤดูการผลิตปี 2551/2552 จำนวน 3 หมื่นตัน ของห้างหุ้นส่วนจำกัดพืชผลสุวรรณภูมิ จ.ตาก คิดเป็นมูลค่ากว่า 250 ล้านบาท

ทั้งนี้ ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวร่วมกับเกษตรกร ผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการในประเทศพม่า ทุจริตเป็นกระบวนการ มีการนำข้าวโพดจากประเทศพม่ามาสวมสิทธิ์และจำนำกับโครงการภาครัฐในราคากิโลกรัมละ 8.50 บาท ทำให้โครงการรับจำนำข้าวโพดตามมติคณะรัฐมนตรีจำนวน 5 แสนตัน ที่สิ้นสุดโครงการเมื่อเดือนธันวาคม 2551 มีจำนวนข้าวโพดที่นำมาจำนำกว่า 6 แสนตัน และเท่าที่ตรวจสอบใน 4 จังหวัดเป้าหมายในบางพื้นที่ มีการร่วมมือเป็นกระบวนการลักลอบนำข้าวโพดจากประเทศพม่ามาสวมสิทธิ์ ซึ่งจะส่งดำเนินคดีทางกฎหมายอาญาและกฎหมายแพ่ง

// //

นายอลงกรณ์กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือในการตรวจสอบแบบปูพรมพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด จะต้องไม่มีการทุจริต หากผู้กระทำความผิดเป็นระดับเจ้าหน้าที่จะถูกดำเนินคดีทางกฎหมายและตามระเบียบราชการ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะไม่มีการยอมความและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการลักลอบและหลีกเลี่ยงภาษี อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ขัดข้องหากมีการนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างถูกกฎหมายและเป็นไปตามระเบียบของไทย เช่น โครงการคอนแทรคฟาร์มมิ่ง หรือการลดภาษีตามกรอบอาเซียน

สำหรับมติคณะรัฐมนตรีล่าสุดที่เพิ่มการรับจำนำข้าวโพด จาก 5 แสนตัน เป็น 7.5 แสนตัน สิ้นสุดโครงการเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ความชื้นไม่เกิน 14% นั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ คาดว่าจะเริ่มเปิดรับจำนำได้ตั้งแต่บ่ายวันที่ 12 มกราคม เป็นต้นไป จึงขอให้เกษตรกรที่มีข้าวโพดนำมาจำนำกับภาครัฐ โดยกรอบการรับจำนำรายละไม่เกิน 1 แสนบาท หากรายใดมีเกินกว่าภาครัฐกำหนดก็ให้มาขึ้นทะเบียนไว้ก่อน เมื่อภาครัฐสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ เสร็จก็จะขอมติคณะรัฐมนตรีเปิดรับจำนำข้าวโพดเพิ่มเติม

คำมั่นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะต้องคุ้มครองสื่อให้ปลอดจากอำนาจรัฐ-อำนาจทุน

สำหรับข่าวโทรทัศน์วันนี้ที่มีการคุยข่าวไปเรื่อยๆ เป็นอันตราย แม้ข้อดีคนจะได้มีความเพลิดเพลิน แต่อันตรายของการคุยข่าวคือการชี้นำ เพราะไม่เหมือนกับการอ่านข่าวหรือประกาศข่าวอย่างที่เราเห็นในอดีต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook