ชงเวิร์กช็อปพาณิชย์-ยืดจำนำข้าวนาปี 1ด. พ่อค้าแตะเบรกระบายสต๊อก-ติงพยุงราคาบิดเบือน

ชงเวิร์กช็อปพาณิชย์-ยืดจำนำข้าวนาปี 1ด. พ่อค้าแตะเบรกระบายสต๊อก-ติงพยุงราคาบิดเบือน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายประสิทธิ์ บุยเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย เปิดเผยว่าในการเข้าร่วมประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการสินค้าการเกษตร(เวิร์กช็อป) ซึ่งจะมีนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เป็นประธานในการประชุมที่กระทรวงพาณิชย์วันที่ 12 ม.ค.นี้ สมาคมจะนำเสนอปัญหาและแนวทางการกำกับดูแลข้าว โดยเฉพาะปัญหาเร่งด่วนเกี่ยวกับข้าวนาปีปีการผลิต 51/52 โดยจะเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ขยายเวลาเปิดรับจำนำข้าวนาปีออกไปอีก 1 เดือนจากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 28 ก.พ.52 เพราะเกรงว่าผลผลิตข้าวนาปีบางส่วนจะออกสู่ตลาดไม่ ทันระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ เพราะมีข้าวเปลือกอีกจำนวนมากประมาณ 1 ล้านตันข้าวเปลือกจะเริ่มทยอยออกสู่ตลาดในช่วงเดือนมี.ค.

ดังนั้นจึงต้องการให้รัฐบาลขยายเวลารับจำนำข้าวนาปีออกไปอีก เพื่อไม่ให้เกษตรกรเดือดร้อนไม่มีสถานที่รับจำนำซึ่งจะกดดันทำให้ราคาข้าวในตลาดตกต่ำลง นอกจากนี้ต้องการให้รัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์ข้าวแบบครบวงจรและยั่งยืนเน้นดูแลเกษตรกรให้มีรายได้ที่ยั่งยืน รวมทั้งขอให้ช่วยเหลือหางานด้านการเกษตรให้กับลูกหลานของชาวนาที่ตกงานและต้องกลับเข้ามาเป็นแรงงานในภาคการเกษตรมากขึ้นด้วย ส่วนเรื่องภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายเพราะปลูกเช่นค่าปุ๋ยเคมีนั้นขณะนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหาแล้ว เนื่องจากราคาปุ๋ยเคมีได้ปรับลดลงมากตามภาวะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับลดลง

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ในการสัมมนาตนจะเสนอแนะให้รัฐบาลดำเนินการแทรกแซงราคาข้าวในลักษณะที่เหมาะสมไม่บิดเบือนกลไกราคาตลาดมากเกินไป โดยควรกำหนดราคารับจำนำด้วยการนำราคาต้นทุนเพาะปลูกบวกด้วยอัตรากำไรระหว่าง 20-30% เพราะหากกำหนดราคารับจำนำสูงกว่านี้จะทำให้ข้าวไทยไม่สามารถแข่งขันส่งออกได้เพราะมีต้นทุนที่สูงเกินจริง เห็นได้จากรัฐบาลก่อนที่มีการกำหนดราคารับจำนำข้าวสูงผิดปกติทำให้ราคาขายข้าวขาวของไทยสูงกว่าเวียดนามถึงตันละ 170 เหรียญสหรัฐ โดยเวียดนามราคาตันละ 400 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ไทยราคาตันละ 570 เหรียญสหรัฐทำให้ข้าวไทยขายไม่ออกเพราะมีราคาแพงมาก

นอกจากนี้ยังจะเสนอแนะรัฐบาลให้ชะลอการขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลซึ่งมีจำนวนรวมประมาณ 3.5 ล้านตันออกไปก่อน เนื่องจากขณะนี้เป็นฤดูที่ผลผลิตข้าวนาปีออกสู่ตลาดหากระบายข้าวขณะนี้จะทำให้ราคาข้าวทั้งระบบตกซึ่งจะเพิ่มภาระทำให้รัฐบาลต้องเข้ามารับจำนำเพิ่มขึ้น

ดังนั้นรัฐบาลต้องอดทนไปก่อนและรอดูแนวโน้มราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงครึ่งปีหลังเพราะอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นจังหวะเหมาะที่รัฐบาลควรจะเริ่มทยอยระบายข้าวออกสู่ตลาด ประกอบกับเป็นช่วงที่ผลผลิตของเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งมีจำนวนน้อยด้วย ส่วนวิธีการระบายข้าวนั้นควรมีความหลากหลายมากกว่านี้ โดยเฉพาะการระบายผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าให้มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทุจริตที่ซ้ำซาก เช่น เปิดให้พ่อค้าซื้อเพื่อใช้บริโภคหรือนำมาจำหน่ายต่อภายในได้ซึ่งก็จะทำให้เกิดปัญหานำข้าวที่ซื้อจากรัฐบาลมาเวียนเทียนเข้าโครงการรับจำนำ นอกจากนี้รัฐบาลไม่จำเป็นต้องขายข้าวให้กับภาคเอกชนเสมอ แต่อาจขายโดยรัฐบาลเองโดยใช้รูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลด้วย

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยว่า ทางสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์จะเสนอขอให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาปรับลดภาษีกากถั่วเหลืองนำเข้าจาก 2% เหลือ 0% ตามที่เคยขอไว้เดิม เนื่องจากขณะนี้ต้นทุนหลายอย่างเพิ่งปรับเพิ่มขึ้น แม้การลดภาษีจะมีส่วนช่วยลดต้นทุนแต่ก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อยไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ ส่วนราคาอาหารสัตว์คงไม่ปรับเพิ่มขึ้นไปมากกว่าปี51 แน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook