ข้าวแสนดียึดเศรษฐกิจพอเพียง เดินหน้าปั้นแบรนด์ต่อเนื่องดันยอดขายโต 20%

ข้าวแสนดียึดเศรษฐกิจพอเพียง เดินหน้าปั้นแบรนด์ต่อเนื่องดันยอดขายโต 20%

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ข้าวแสนดี เร่งรีแบรนดิ้งปรับโฉมสินค้าใหม่ ชี้อุตสาหกรรมข้าวปีนี้การแข่งขันน้อยลง ขณะที่ราคาอาจปรับขึ้นอีก 20% เตรียมแผนเดินหน้ายึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงสร้างแบรนด์ต่อเนื่อง วาดเป้าสิ้นปีดันยอดโต 20%

นายบุรินทร์ ธนถาวรลาภ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ข้าวแสนดี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวถุงภายใต้แบรนด์ข้าวแสนดี เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า ภาพรวมตลาดข้าวถุงในปี 2552 การแข่งขันจะไม่รุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะใช้กลยุทธ์ด้านราคาเป็นหัวหอกหลักในการรุกตลาด เนื่องจากทุกฝ่ายจะมีการระมัดระวังเรื่องการปล่อยเครดิตและการลงทุนในการสำรองสินค้า ซึ่งในปัจจุบันมีต้นทุนสูงมาก ขณะที่ผลผลิตโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ถึงจะมีการปลูกได้มาก แต่ต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำในขณะรอเก็บเกี่ยว ทำให้คุณภาพข้าวหอมมะลิมีความเสียหายมาก และราคาผันผวน ส่วนข้าวหักที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง จะมีการแข่งขันกันรุนแรง ทั้งในกลุ่มแป้งข้าวเจ้า , ข้าวเหนียว , ก๋วยเตี๋ยว ขณะที่ราคากลับมีการปรับตัวลดลง รวมถึงข้าวคุณภาพต่ำที่ใช้ปลายข้าวเป็นส่วนผสมราคาจะลดลง ส่งผลให้ราคาอาหารสัตว์จะถูกลงอีก 20% แต่ข้าวสำหรับการบริโภคอาจมีการปรับราคาขึ้น 20%

สำหรับแผนการรุกตลาดของบริษัทนั้น ยังคงมุ่งเน้นการรีแบรนดิ้งเพื่อสร้างการจดจำให้กับกลุ่มลูกค้า หลังจากที่ในปีที่ผ่านมาได้ทำการลงทุนรีแบรนดิ้งไปแล้วบางส่วน ขณะเดียวกันบริษัทจะมีความระมัดระวังในเรื่องการลงทุนด้านการตลาดมากขึ้น เนื่องจากสภาวะตลาดที่มีปัญหาเรื่องการตกต่ำทางการเงินของทั้งโลก ซึ่งการรุกตลาดจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และขอดูภาพรวมตลาดในช่วงไตรมาสแรกของปีก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่การรุกตลาดยังคงเป็นไปตามแผนเดิมที่วางงบ คือการใช้งบตลาดในช่วง 3-5 ปีไว้ประมาณ 30 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสร้างการจดจำแบรนด์สินค้า ล่าสุดบริษัทได้มีการปรับโฉมข้าวแสนดีใหม่ ทั้งบรรจุภัณฑ์ และช่องทางการจัดจำหน่าย พร้อมเตรียมส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ ดีไซน์ทันสมัย เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว ที่ต้องการความสะดวกสบายและรักษาสุขภาพ รวมทั้งจะมีการรุกตลาดเพื่อเจาะตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดโปรโมชัน รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR (corporate Social Respondsibility)

จากที่คาดการณ์ว่าในปี 2552 สภาพเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งส่งผลกระทบให้ธุรกิจต่างๆ เกิดการชะลอตัวเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามข้าวแสนดีก็ยังไม่หยุดที่จะเติบโตต่อไป โดยยึดหลักอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง คือเติบโตอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ก้าวกระโดด ภายใต้หลักเศรษฐกิจพอเพียง และไม่ประมาทในการประกอบการธุรกิจ อย่างไรก็ตามจากแผนการรุกตลาดคาดว่าในปีนี้ข้าวแสนดีจะมีเติบโตเพิ่มสูงขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 600-700 ล้านบาท หรือมีกำลังผลิตประมาณ 30,000 ตัน นายบุรินทร์กล่าว

ปัจจุบันมูลค่าตลาดข้าวถุงที่จำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด มีมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยสินค้าเฮาส์แบรนด์มีส่วนแบ่งประมาณ 30% ขณะที่แบรนด์ข้าวแสนดีอยู่ในอันดับ 1 ใน 5 ของตลาดที่ประกอบด้วยแบรนด์ข้าวหงษ์ทอง มาบุญครอง เกษตร และข้าวตราฉัตร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook