เร่งอัดฉีดงบแสนล้านใน3เดือน ลุยสร้างงานในชนบทอุ้มตกงาน

เร่งอัดฉีดงบแสนล้านใน3เดือน ลุยสร้างงานในชนบทอุ้มตกงาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบแผนและปฏิทินการจัดทำงบกลางปีเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในวันที่ 7 มกราคมนี้ ในที่ประชุมจะมีการพิจารณากรอบงบประมาณจำนวน 1 แสนล้านบาทดังกล่าว เชื่อว่าจะสามารถเสนอการจัดสรรงบประมาณกลางปีต่อ ครม.ได้ในวันที่ 13 มกราคมนี้ และเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 21 มกราคม หลังจากนั้นจะสามารถเบิกจ่ายได้เร็วภายใน 2-3 เดือน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุไว้

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้งบประมาณกลางปีอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย โดยรวบรวมมาตรการต่างๆ ไว้ทั้งหมด เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ โดยมาตรการต่างๆ จะมีการทบทวนเป็นครั้งสุดท้ายในที่ประชุม ครม. วันที่ 13 มกราคมนี้ หลังจากนั้นจะนำเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 28 มกราคม อย่างไรก็ตาม คาดว่าเม็ดเงินจะอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ทันก่อนเดือนเมษายนนี้แน่นอน

รัฐบาลยังมีมาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงาน ในการสร้างงานให้แก่ผู้ตกงาน รวมถึงสร้างงานในชนบท โดยผ่านกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง มั่นใจว่าจะรองรับผู้ตกงานในเบื้องต้นได้ไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน นายกรณ์ กล่าว

// //

ขณะที่นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า รัฐบาลควรเร่งใช้งบประมาณกลางปีให้ได้ภายใน 3 เดือน ลงทุนในโครงการย่อยตามจังหวัดต่างๆ พร้อมทั้งควรเร่งใช้งบประมาณค้างท่อวงเงิน 1 แสนล้านบาท ให้เป็นไปตามโครงการที่วางไว้ก่อนหน้านี้ด้วย ให้เม็ดเงินกระจายไปในจังหวัดต่างๆ ให้มากที่สุด และควรเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ รัฐบาลควรประเมินผลการอัดฉีดเม็ดเงินลงไปในโครงการต่างๆ เช่น เอสเอ็มแอล ภายหลังจากดำเนินการไปแล้ว 3 เดือน เพื่อให้ทราบว่าเกิดผลและตรงตามเป้าหมายหรือไม่

ด้านนายธนิต โสรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. ยอมรับว่า หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวลงมาใกล้กับ 0% จะเท่ากับเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะมีผลทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมหลักของไทย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ หดตัวตามไปด้วย ขณะที่อุตสาหกรรมเหล่านี้มีการจ้างงานจำนวนมาก ทำให้ปีนี้ประเทศไทยจะต้องเผชิญปัญหาการว่างงาน โดยประเมินว่าไตรมาสแรกผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะเติบโต 0.5-1.0% การว่างงานจะอยู่ที่ 1.8% หรือคิดเป็น 6.3 แสนคน ส่วนไตรมาส 2 ประเมินว่าอัตราการขยายตัวจะอยู่ที่ 0% ทำให้เกิดการว่างงานประมาณ 9 แสนคน

ตะลุยข่าว : THE GREEN POLICE กองปราบฯ สู่ศตวรรษที่ 21

ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกสามารถระงับยับยั้งปัญหาอาชญากรรมให้ลดลงและควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ ตรงกันข้ามกับประเทศไทย กลับมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และมีการกล่าวถึงในระดับนานาชาติว่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook