เรือนชานบ้านเมือง-รัฐสวัสดิการ (3)

เรือนชานบ้านเมือง-รัฐสวัสดิการ (3)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ซึ่งเป็นตัวอย่างชัดเจนในระบบโควตาของการได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วย เป็นผลให้พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสได้เลื่อนชั้นจากพรรคฝ่ายค้านขึ้นเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งในความคิดของผมก็ใช่ว่าจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองให้ดีขึ้นได้ เพราะรากเหง้าของปัญหายังคงอยู่ ยังไม่ได้รับการแก้ไข อีกทั้งจำนวน ส.ส. ของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านก็มีจำนวนก้ำกึ่งกันเสียเหลือเกิน แตกต่างกันเพียงไม่กี่เสียงเป็นผลให้เสถียรภาพของรัฐบาลผสมไม่มั่นคงเท่าที่ควรพร้อมที่จะยุบสภาเลือกตั้งใหม่ได้ตลอดเวลาครับ

คงจะต้องยอมรับกันแบบไม่ต้องกลัวเสียฟอร์มนะครับว่า รัฐธรรมนูญปี 50 ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันซึ่งร่างขึ้นโดยรัฐบาลเผด็จการทหาร มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการกับคนเพียงคนเดียวหรือกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียวหรือพรรคเพียงพรรคเดียวนั้น ไม่ได้ช่วยทำอะไรให้ระบบเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองดีขึ้น กลับทำให้สถานการณ์บ้านเมืองโดยรวมเลวร้ายหนักลงไปอีก ต่อให้ใช้หลักการของ ตุลาการภิวัตน์ ดังเช่นในปัจจุบันก็ไม่ช่วยอะไรได้เท่าไร

// //

เพราะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุของปัญหา กลับยิ่งทำให้สถาบันที่ดำเนินกิจการทางการเมืองคือ บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ มีแต่จะถูกทำให้อ่อนแอลง ในทางกลับกันควรที่จะต้องสนับสนุนทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคเล็กหรือพรรคใหญ่ให้เข้ามามีบทบาท ดังนั้น ต้องพยายามดึงทุกฝ่ายให้เข้าไปสู่สภาฯ มิฉะนั้นจะเกิดกระบวนการสู้กันนอกสภาฯ โดยไร้ซึ่งกฎกติกามารยาทใดๆ จนถึงขั้นปิดสนามบินสุวรรณภูมิดังเช่นที่เคยเป็นมาครับ

จะว่ากันไป้วไม่มีนานาอารยประเทศใดๆ ในโลกเสรีที่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่ไหนพยายามทำลายระบบพรรคการเมืองกันอย่างถอนรากถอนโคนแบบนี้หรอกครับ เพราะจะยิ่งกลับทำให้สถานการณ์ต่างๆ ในภาพรวมเลวร้ายลงไปเสียอีก ซึ่งผมกลัวเสียเหลือเกินว่าสังคมไทยในอนาคตจะพัฒนาไปสู่สังคมที่มีระบบความคิดในลักษณะ ฟาสซิส แบบสุดขั้วที่ยุโรปเคยเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสมาแล้ว

ในความเห็นของผมนั้น การที่จะทำการฝ่าทางตันของปัญหานี้ไปได้คงต้องร่วมมือร่วมใจกันจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในส่วนของการเมืองก็ต้อง เริ่มจากการแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญปี 50 ในบางมาตราให้ได้เสียก่อนครับ

รวมทั้งพยายามลดช่องว่างในสังคมที่กำลังขยายตัวกว้างขึ้นให้แคบลง โดยใช้แนวคิด รัฐสวัสดิการ เริ่มจากการใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้ให้เป็นธรรมกว่าที่เป็นอยู่ รวมถึงการจัดเก็บภาษีที่ดินและภาษีมรดก ซึ่งแน่นอนก็จะกระทบกระเทือนต่อคนชั้นกลางและชั้นสูงซึ่งกลุ่มคนจำนวนหยิบมือเหล่านี้ย่อมจะไม่พอใจและทำการต่อต้าน อีกทั้งยังต้องเร่งออกกฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปที่ดิน

เพราะในสถานการณ์เศรษฐกิจ การเมืองในปัจจุบันเราต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่า คนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นคนยากคนจนของประเทศกำลังรับภาระ แบกหนี้สินไว้หนักอึ้งเต็มบ่าเพื่อให้คนรวยอยู่ได้ พอพิจารณาไปลึกๆ สถานการณ์ในปัจจุบันก็ไป คล้ายๆ กับปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีค.ศ. 1930 หรือ พ.ศ. 2475 ซึ่งหากประมาท รวมทั้งปล่อยปละละเลยก็ส่งผลให้ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากเราไม่ต้องการให้สังคมไทยก้าวไปสู่จุดนั้นคงตองช่วยกันครับ

มาร่วมด้วยช่วยกันเถอะครับ เพราะย่างเข้าปีใหม่แล้วควรจะเริ่มต้นทำอะไรกันใหม่แบบคิดใหม่ ทำใหม่ มาช่วยกันระดมสติปัญญาเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง มิฉะนั้นสถานการณ์ก็จะเลวร้ายกว่าที่ท่านคาดไว้มาก เพราะแท้จริงแล้ว หากปล่อยให้ทุกอย่างพัฒนาไปในแนวทางอย่างเช่นในปัจจุบันนี้ ก็จะนำไปสู่กระบวนการเร่งปฏิกิริยาการเผชิญหน้าของคน 2 กลุ่ม 2 ขั้วในอนาคตต่อให้สิบรัฐบาลผสม, ร้อยพันธมิตร หรือพันนปช. ถึงจุดนั้นก็ไม่มีใครเอาอยู่หรอกครับ

หากชนชั้นรากหญ้าและกรรมาชีพที่อดอยากหิวโหย ยากจนข้นแค้น และเต็มไปด้วยภาระหนี้สินลุกฮือขึ้นทวงสิทธิความเป็นคนที่เขาพึงมีพึงได้แล้ว สังคมโดยรวมจะอยู่กันอย่างสุขสงบและสันติได้อย่างไร เพราะถึงจุดนั้นไฟได้ลามทุ่งเผาผลาญบ้านเมืองอันเป็นที่รักเราไปวอดวายแล้ว

อาถรรพณ์นรกซานติก้า ที่ดินนี้มีตำนาน...เลือด!!!

จากที่ดินทำเลทองย่านเอกมัย เพียงชั่วข้ามคืนของวันแรกที่ย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2552 กลับกลายเป็นสุสานของเหยื่อเพลิงนรก นำมาสู่การผูกโยงถึงความเชื่อของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับ สุสานซานติก้าผับ ด้วยความหวาดผวา และบอกเล่าถึงเรื่องราวอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงลางร้ายบอกเหตุที่อาจจะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook