ใช้ชีวิตแบบ ''โบ'' อยู่บนพื้นฐานของคำว่า ''สุข''

ใช้ชีวิตแบบ ''โบ'' อยู่บนพื้นฐานของคำว่า ''สุข''

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เสาร์นี้กลับมาพบกับหนุ่มเนื้อหอมของเราเช่นเคย กับเสาร์นี้ที่เราได้รับเกียรติจากผู้ชายหน้าเด็กที่ชื่อว่า โบ-ธนากร ชินกุล กับแนวคิดที่เราเองฟังแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่า ผู้ชายคนนี้มีความคิดและแปลนชีวิตที่ไม่เหมือนใคร ส่วนแนวคิดของเขาจะเป็นอย่างไรนั้น เราว่าไปฟังโบ เขาเล่าเองกันเลยดีกว ่า

เด็ก ๆ ฝันอยากจะเข้ามาทำงานวงการบันเทิงหรือเปล่า

สมัยเด็กไม่เคยฝันจะเข้ามาทำงานวงการบันเทิง แต่จะเป็นคนชอบร้องเพลง ชอบเต้น พ่อแม่ให้ทำอะไรก็ทำ พ่อแม่ให้ร้องเพลงก็ร้อง แต่ว่าไม่เคยคิดว่าจะต้องเข้าไปอยู่ในทีวีหรือเปล่า ต้องอยู่ในวิทยุหรือเปล่าไม่เคยคิด และไม่สนใจด้วย แต่สมัยที่เด็ก ๆ มากเลย ผมอยากเป็นวิศวกร คือมีความฝันเป็นสายอาชีพอื่นไปเลย ไม่เคยมีความคิดจะเข้าวงการ จนได้มาทำจริง ๆ ถึงได้คิดว่ามันเป็นโอกาสและโชคของเรามากกว่าที่พาเราเข้ามา ผมถือว่าเป็นโชคดีมากกว่า

แล้วไม่เสียดายความฝันของตัวเองหรือ

ไม่ครับ เพราะว่าพอเราโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มรู้แล้วว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนั้นเพราะว่าไม่ชอบการสอบเลย ไม่ชอบที่จะต้องมานั่งอ่านหนังสือ ก็เลยรู้สึกว่าเรื่องวิชาการเราไม่ได้แน่ ๆ เลยถือว่าโชคดีมากเข้าไปใหญ่ ถ้าเราไม่มีโอกาสเข้ามาทำงานอย่างทุกวันนี้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทำอะไรเหมือนกัน จะก้าวหน้าไปถึงไหนเหมือนกัน เพราะด้วยความที่มันไม่ถนัดจริง ๆ ด้านนั้น

อย่างนี้เป็นเด็กกิจกรรมหรือเปล่า

อืม...มีแค่ไปสนุกกับเขานะ แต่ไม่เคยไปโชว์หรือว่าอะไรกับเขาเลย ผมใช้ชีวิตเรียบ ๆ ธรรมดา ผมชอบที่จะอยู่กับเพื่อนมากกว่า ชอบที่จะไปเตะบอลกัน ชอบที่จะไปนั่งดูเพื่อนซ้อมกีฬา คือกิจกรรมอะไรพวกนี้ผมไม่เกี่ยงนะ ขอแค่มีเพื่อนด้วยผมทำหมด แต่ว่าเสนอตัวไปทำอะไรสักอย่าง แบบนั้นผมไม่ทำครับ เด็ก ๆ ขี้อายมากครับ ไม่กล้าแสดงออก คือถ้าเป็นพวกมากลากไปก็ไต่ถ้าไปคนเดียวไม่เอาเลยครับ

แสดงว่าตอนนี้มีความกล้ามากขึ้น

ทุกวันนี้ ยังมีอายมีเกร็งอยู่ คือยังไงถึงผมจะเป็นคนขี้อายก็จริง แต่ผมก็มีลูกบ้าพอสมควร ถ้ามันถึงที่สุดแล้ว ถึงเวลาต้องทำจริง เราก็ทำได้ คือบ้าก็บ้าไปเลย สุดก็สุดไปเลย คือถ้าไม่มีใครมาฉุดบังคับหรือว่าไม่มีอะไรมาจุดประกายกับเรา เราก็ไม่เอาเลย ชอบความสันโดษ แต่ว่าพอเราได้ทำบ่อย ๆ เข้า ได้เรียนรู้มากขึ้น เรียนรู้กับโอกาสที่เข้ามาหาเรา ผมถือว่าผมโชคดีมีโอกาสเข้ามาหาบ่อย ๆ แล้วผมเป็นคนที่ไม่ปิดโอกาสอะไรเลย เหมือนเราโตมาแล้ว ผมไม่มีความฝันที่ชัดเจนว่าเราจะไปทางไหน ผมเลยคิดว่าอะไรที่มันมีโอกาสหรือว่าช่องทางอะไรที่เราทำงาน เราก็จะเอามันทั้งหมด จนพอเราโตขึ้น เราก็จะเลือกมากขึ้น และเราจะรู้ว่าอะไรที่เราถนัดและเราทำแล้วเราจะมีความสุข

แล้วตอนนี้ มีความฝันที่ชัดเจนมากขึ้นไหม

ผมไม่เคยมีความฝันหรอก แต่ผมเป็นคนรักสบาย ผมเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรมาก ชอบมีความสุขไป วัน ๆ คือไม่จำเป็นต้องมีเงินก็ได้ แค่ขอให้มีอาหารลงท้องทุกวัน มีเพื่อนอยู่กับเพื่อนได้ทำอะไรที่มีความสุข คือไม่ต้องใช้ตังค์ ไม่ต้องชอปปิง ผมก็มีความสุขแล้ว ผมรู้สึกว่าทุกวันนี้ที่ผมทำขอให้ผมทำอะไรก็ได้ที่มีความสุข และผมก็จะเก็บเงินไปเรื่อยจนรู้สึกว่าตัวเองพอและสามารถที่จะใช้ชีวิตได้อย่างสบาย แล้วในบั้นปลายชีวิต ผมอาจจะไปเปิดกิจการอะไรเล็ก ๆ แล้วก็อาจจะหยุดอยู่แค่นั้นก็ได้ ผมอาจจะดูเป็นคนไม่ขวนขวาย ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็จริง ผมเป็นคนไม่ค่อยมองอะไรไปไกลเท่าไร คนอื่นอาจจะมองผมว่าเป็นคนไม่มีอนาคตก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่าอนาคตของผมถ้าผมมีความสุขแล้ว ผมก็ไม่ค่อยสนใจว่าอนาคตผมจะเป็นยังไง

แสดงว่าเป็นคนไม่เคยกดดันตัวเองเลย

ผมไม่เคยกดดันตัวเองเลย อาจจะโชคดีด้วยที่พ่อแม่ผม ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยบอกว่าผม้องเป็นอะไร ทุกวันนี้เขาจะบอกผมตลอดว่า ถ้ามีปัญหาอะไรให้ผมปรึกษาเขา ซึ่งเขาเลี้ยงดูเราแบบให้ดูแลตัวเอง ใช้ช่วยเหลือตัวเองไป และเขาเองก็ไม่ได้มาเป็นกังวลกับเรา มันเป็นโชคดีที่เราไม่ต้องมานั่งเครียดกับการใช้ชีวิต ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล

ขอเปลี่ยนเรื่อง ถามเรื่องสาว ๆ บ้าง จริง ๆ โบ เป็นคนเจ้าชู้ไหม

ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีบ้างครับ ที่ถามไถ่ว่าคนนั้นคนนี้ใครชื่ออะไร แต่ก็ไม่ใช่เป็นคนหน้าหม้ออะไรนะ

มีแฟนคนแรก ตอนอายุเท่าไร

มีแฟนคนแรกตอนอยู่ ม.3 เป็นแฟนที่เรียกว่าเราต้องดูแลเขา รู้สึกเจ๋งมาก แล้วตอนนั้นได้หอมแก้มเขาด้วย ถือว่าสุดยอดเลยนะตอนนั้น (หัวเราะ) แต่ว่าพอจบไปเราก็แยกย้ายกันไปแล้วผมก็ติดเพื่อนเลยห่าง ๆ กันออกไป แต่ตอนนี้เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ แล้วพอโตขึ้นเราก็ต้องเรียนรู้มากขึ้น ว่าการเป็นแฟนกันมันไม่ใช่แค่การโทรฯหากัน มันต้องเรียนรู้กันไปตามอายุนะครับ

คำถามสุดท้าย คิดว่าตัวเองเป็นหนุ่มเนื้อหอมไหม

ไม่หรอกครับ (หัวเราะ) เพราะผมคิดว่าผมไม่ใช่คนหล่ออะไร

เชื่อแล้วรึยังล่ะ ว่าหนุ่มคนนี้เขามีแนวคิดที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ แต่ทุกอย่างที่เขาคิดก็ไม่ผิดอะไร เพราะถ้าคนเราทำอะไรอยู่บนพื้นฐานของการมีความสุข ทุก อย่างที่ออกมามันจะดี เอ๊า..แนวคิดแบบนี้ถ้าน้อง ๆ อยากจะทำตามพี่โบ เราก็ไม่ว่ากัน ขอแค่ชีวิตมีความสุขทุกอย่างก็จะตามมา. กาญจนา สิทธิเม่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook