มติ พท. ให้สถาบันการศึกษาดูแก้รธน.คาดใช้เวลา60วัน

มติ พท. ให้สถาบันการศึกษาดูแก้รธน.คาดใช้เวลา60วัน

มติ พท. ให้สถาบันการศึกษาดูแก้รธน.คาดใช้เวลา60วัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้ มี 3 แนวทาง คือ 1.เดินหน้าลงมติวาระ 3  2.แก้ไขเป็นรายมาตรา และ 3.ทำประชามติ แต่จากการรวบรวมความเห็นทั้งหมด ยังพบว่า ไม่ว่าจะเลือกทางใด ก็มีทั้งข้อสนับสนุน และข้อขัดแย้ง ดังนั้น พรรคเพื่อไทย จึงขอสถาบันการคึกษา คณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ สถาบันชั้นนำ มาช่วยกันศึกษา ว่าควรจะแก้ไขอย่างไร ประเด็นใดบ้าง โดยจะใช้การศึกษาประมาณ 45-60 วัน จากนั้น จะนำข้อศึกษาดังกล่าวมาหารือกันอีกครั้ง ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็จะดำเนินการทุกประการ  นายกฯ สัมมนา พท. ขอคิดบวกเมตตากันพัฒนา ปท. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงโรงแรมกรีนเนอรี่ รีสอร์ท แอนด์ สปา เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา แล้ว เพื่อร่วมสัมมนาใหญ่พรรคเพื่อไทย ก่อนเดินทางทักทายกับบรรดาผู้ร่วมงาน และบรรดา ส.ส.ของพรรค ที่เดินทางมาร่วมสัมมนากันอย่างคึกคักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ท่ามกลางสื่อมวลชนที่เดินทางมาร่วมทำข่าวกันเป็นจำนวนมากเช่นกัน แต่ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามคาดว่า การสัมมนาใหญ่พรรคเพื่อไทย วันนี้ จะมีการหารือเรื่องแนวทางที่ชัดเจน รวมถึงแนวทางที่ชัดเจนในเรื่องตัวแทนผู้สมัครเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคเพื่อไทย หน.พท. ยัน รธน.ฉบับปัจจุบัน ทำลายระบบพรรคการเมืองนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดการสัมมนา ส.ส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ว่า รัฐธรรมนูญปี 50 เป็นกฎหมายที่เกินขอบเขต ทำลายระบบพรรคการเมือง มีการยุพรรคอย่างไม่เป็นธรรม พร้อมทั้งยังวางกับดักในการทำประชามติ ซึ่งทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างยากลำบาก นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญปี 50 ยังเป็นสาเหตุของความขัดแย้งภายในประเทศในขณะนี้ และเป็นอุปสรรคของการพัฒนาประเทศในอนาคต นายกฯยันเดินหน้าแก้กม.ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาปท.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาในการสัมมนาพรรคเพื่อไทย เรื่อง "เหลียวหลัง แลหน้า มุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย" โดยกล่าวว่า ในปีนี้อยากให้เป็นปีของการคิดบวก เพราะเมื่อมีความคิดบวกแล้ว ก็จะมีความรักความเมตตาในการร่วมกันคิด ร่วมกันแก้ไขปัญหา เพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศ พร้อมกล่าวด้วยว่า ภายหลังการปฏิวัติรัฐประหารปี 2549 ทำให้ประเทศไทยขาดการยอมรับในต่างประเทศ แต่เมื่อมีการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.2554 ทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ข้อกฎหมายต่างๆ ก็ไม่เอื้ออำนวยในการพัฒนาประเทศ และมีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยครั้ง ทำให้การบริหารประเทศขาดความต่อเนื่อง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า หากรัฐบาล และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ร่วมแรงร่วมใจกัน เศรษฐกิจของไทยจะดีขึ้นภายใน 6 เดือน และคาดว่าในปี 2556 นี้ เศรษฐกิจจะเติบโตได้ถึงร้อยละ 5.5 พร้อมยืนยันว่า จะเร่งปรับสมดุลของประเทศในด้านต่างๆ โดยเฉพาะ ด้านเศรษฐกิจ เพื่อพัฒนาประเทศต่อไป 'เฉลิม'ย้ำควรแก้รธน.เป็นรายมาตราใน9ประเด็นหลัก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนาในหัวข้อ รัฐธรรมนูญปี 50 ปัญหาของประเทศ ภาระของคนไทย ว่า ส่วนตัวต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ใน 9 ประเด็น 81 มาตรา ประกอบด้วย ให้ยกเลิกศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แก้ไขให้ ส.ว. มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เปลี่ยนแปลงสถานะของศาลรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนแปลงสถานะของศาลปกครอง ยกเลิกผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องมาจากการเลือกตั้งจากรัฐสภา โดยสามารถดำรงตำแหน่งได้ 4 ปี แก้ไขมาตรา 190 เพื่อไม่ต้องขอความเห็นจากรัฐสภา และแก้ไขมาตรา 237 ไม่ให้มีการยุพรรค อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ไม่เห็นด้วยกับการทำประชามตินั้น เพราะเกรงว่า ประชาชนจะออกมาใช้สิทธิ์ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง แต่ถ้าพรรคมีมติให้ทำประชามติก่อน ส่วนตัวก็ไม่ขัดข้อง "คมเดช" ส.ส.กาฬสินธุ์ จับรางวัลได้กินข้าวกับนายกฯบรรยากาศงานเลี้ยงปีใหม่ของพรรคเพื่อไทย ภายหลังการสัมมนาในช่วงบ่ายของวันนี้ เป็นไปอย่างคึกคัก มีแกนนำของพรรค ส.ส. สมาชิกของพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมภายในงานกันอย่างคับคั่ง โดยรูปแบบงานเป็นไปในรูปแบบตะวันตก และให้ผู้ร่วมงานแต่งชุดคาวบอยและคาวเกิร์ล และมีการจัดซุ้มการละเล่นต่างๆ เช่น สาวน้อยตกน้ำ และปาลูกโป่ง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเล่นกิจกรรมสาวน้อยตกน้ำด้วย ก่อนจะเดินทักทายผู้ร่วมงานอย่างเป็นกันเอง หลังจากนั้น นายกรัฐมนตี ได้ขึ้นเวทีกล่าวอวยพรปีใหม่แก่ผู้ร่วมงานทุกคน และจับฉลากรางวัลพิเศษแก่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย คือ ร่วมรับประทานอาหารแบบส่วนตัวกับ นายกรัฐมนตรี และผู้ได้รับรางวัล คือ นายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์    
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook