ธาริตย้ำสุขุมพันธุ์ผิดชัดปมBTSจี้พบDSIรับข้อกล่าวหา

ธาริตย้ำสุขุมพันธุ์ผิดชัดปมBTSจี้พบDSIรับข้อกล่าวหา

ธาริตย้ำสุขุมพันธุ์ผิดชัดปมBTSจี้พบDSIรับข้อกล่าวหา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณีที่จะแจ้งข้อกล่าวหา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับพวก รวม 11 คน ฐานร่วมกันประกอบกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภคโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการต่อสัญญาให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุง โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ รถไฟฟ้า BTS เป็นเวลา 30 ปี ในวงเงิน 190,000  ล้านบาท ในวันที่ 9 มกราคมนี้ ว่า ยืนยันว่า ดีเอสไอ มีอำนาจตรวจสอบกรณีการต่อสัญญาสัมปทานบีทีเอสอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าก่อนหน้านี้ ได้มีการประสานขอข้อมูล และเอกสารจากทาง กรุงเทพมหานคร มาโดยตลอด จึงไม่จำเป็นต้องเรียกตัวบุคคลมาสอบปากคำ เนื่องจากเป็นความผิดที่ชัดเจนนายธาริต ยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ วอนให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาอย่างถูกต้อง ตามวัน เวลา เพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย รวมถึง ผู้ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่ เป็นข้าราชการ จึงไม่อยากให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ดีเอสไอเผยมี2รายรับปากมาคดีบีทีเอสพรุ่งนี้พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ในฐานะ หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี กทม. ต่อสัญญาสัมปทานให้บีทีเอส กล่าวกับ ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้บริหารกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า ขณะนี้ นางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกทม. และนายประพันธ์พงษ์ เวชชาชีวะ ประธานบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เป็นผู้ถูกกล่าวหา 2 ราย  จาก 11 ราย ที่ติดต่อกลับ ดีเอสไอ โดยยืนยันว่า จะเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ในวันที่ 9 ม.ค.แน่นอน ส่วนคนอื่นๆ นั้น คาดว่า จะทราบผลในช่วงเที่ยงวันนี้ ทั้ง ผู้ว่าฯกทม. และคนอื่นๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. ทำหนังสือแจ้งมายัง ดีเอสไอ โดยระบุว่า คดีเป็นอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีที่ ดีเอสไอ มีหนังสือแจ้งให้มารับทราบข้อกล่าวหาจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ จึงขอให้ ดีเอสไอ พิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของหนังสือ รวมถึงให้ยกเลิกข้อกล่าวหา ซึ่งคงกระทำไม่ได้ เพราะเป็นมติคดีพิเศษ และพิจารณาตามพยานหลักฐานไปแล้ว ส่วนการประสานขอกำลังตำรวจหรือไม่นั้น จะพูดคุยกับ ผู้ว่าฯกทม. อีกครั้งว่า จะมีมวลชนมาให้กำลังใจหรือไม่ หากมีมาจำนวนมาก จะประสานกับตำรวจอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมาดูแลความเรียบร้อยอย่างไรก็ตาม แม้คดีดังกล่าวกฎหมายจะกำหนดโทษไว้น้อย คือจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท แต่คดีทางแพ่ง อาจมีมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านบาท เนื่องจากเป็นการทำสัญญาสัมปทานที่มีระยะเวลานานถึง 30 ปี ซึ่งคดีแพ่งนั้นจะสามารถฟ้องร้องกันได้ก็ต่อเมื่อศาลบอกว่าสัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะจริง ตามคำฟ้องของดีเอสไอเสียก่อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook