จ้องเก็บภาษี′เบียร์-ไวน์′เพิ่ม ขยายเพดานสูงสุดจาก100เป็น400บ.

จ้องเก็บภาษี′เบียร์-ไวน์′เพิ่ม ขยายเพดานสูงสุดจาก100เป็น400บ.

จ้องเก็บภาษี′เบียร์-ไวน์′เพิ่ม ขยายเพดานสูงสุดจาก100เป็น400บ.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รัฐเตรียมรีดภาษีบาปเพิ่มชดเชยนโยบายประชานิยม สรรพสามิตเสนอตุ๊กตาขยายเพดานเบียร์-ไวน์ เก็บสูงสุดจากลิตรละ 100 เป็น 400 บาท ดันรายได้เพิ่มอีกหลายพันล้าน รอประชาพิจารณ์ฝ่ายเกี่ยวข้องให้เรียบร้อย พร้อมปรับวิธีจัดเก็บตามดีกรีเป็นหน่วยลิตรเหมือนสิงคโปร์ สลายจัดกลุ่มเบียร์ อีโคโนมี-สแตนดาร์ด-พรีเมียม ยุติปัญหาถูกร้องเรียน

แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า แนวทางการแก้ไขเพดานสุราเพื่อปรับเพิ่มภาษีตามการศึกษาของกรมสรรพสามิต จะเสนอให้เพิ่มเพดานสุราแช่ ใน 2 รายการ คือ เบียร์และไวน์ เป็นเพดานสูงสุดลิตรละ 400 บาท พร้อมปรับวิธีการจัดเก็บจากเดิมตามดีกรีแห่งลิตรแอลกอฮอล์ เป็นจัดเก็บตามหน่วยลิตรแบบเดียวกับระบบการจัดเก็บภาษีเบียร์ของสิงคโปร์ จากปัจจุบันจัดเก็บในอัตราส่วนตามมูลค่า 60% และในเชิงปริมาณหรือดีกรีลิตรละ 100 บาท เต็มเพดานแล้วทั้งสองฝั่ง

แหล่งข่าวกล่าวว่า แนวทางการจัดเก็บใหม่ดังกล่าวคาดว่าจะจัดเก็บภาษีไวน์ในอัตราลิตรละ 250-270 บาท ส่วนการจัดเก็บภาษีเบียร์จะกำหนดจัดเก็บเป็น 4 ระดับ เช่น เบียร์ที่มีปริมาณส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 0.-0.99% ไม่มีการจัดเก็บ และให้เพิ่มอัตราการจัดเก็บตามปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ เป็นต้น ทั้งนี้วิธีการจัดเก็บใหม่นี้ยังยกเลิกการจัดเก็บที่มีการกำหนดต้นทุนเพื่อคำนวณภาษีเบียร์ 3 กลุ่ม คือเบียร์อีโคโนมี (ช้าง, ลีโอ) เบียร์สแตนดาร์ด (สิงห์) และเบียร์พรีเมียม (ไฮเนเก้น, คาร์ลสเบอร์ก) เพื่อแก้ปัญหาการถูกร้องเรียนว่าการจัดเก็บมีความลักลั่น เพราะฐานภาษีสแตนดาร์ดกับพรีเมียมมีการจัดเก็บในอัตราที่ใกล้เคียงกัน

แหล่งข่าวกล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 ได้จัดกลุ่มสุราเพื่อจัดเก็บภาษีเป็น 2 ประเภทคือ สุรากลั่น และสุราแช่ หรือเบียร์ ไวน์ กำหนดการจัดเก็บ 2 แบบคือ ตามมูลค่ากับปริมาณหรือดีกรี โดยให้เลือกว่าฝั่งไหนเก็บภาษีได้มากกว่า ในส่วนสุรากลั่น ประกอบด้วย สุราพิเศษ ประเภทวิสกี้ บรั่นดี และสุราปรุงพิเศษ มีการจัดเก็บภาษีเต็มเพดานแล้ว เช่นเดียวกับสุราแช่ ที่จัดเก็บเต็มเพดาน ยกเว้นสุราแช่พื้นเมือง (สุราผสมผลไม้ หรือไวน์คูลเลอร์) ที่จัดเก็บในอัตรา 25% ในเชิงมูลค่า และ 70 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ เพราะจะกระทบต่อผลิตภัณฑ์โอท็อปชุมชน

"ทางออกคือการขยายเพดานเบียร์และไวน์ เพราะเบียร์เป็นตลาดใหญ่มีมูลค่าการขายมากกว่า 1.3 แสนล้านบาทต่อปี ส่วนไวน์มักนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก กรมฯจะนำตุ๊กตานี้ไปทำประชาพิจารณ์ร่วมกับผู้ประกอบการและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะช่วยเพิ่มฐานภาษีได้อีกหลายพันล้านบาท" แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การขยายเพดานต้องไปแก้ไข พ.ร.บ.สุราฯ ต้องผ่านกระบวนการรัฐสภาซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะประกาศวิธีจัดเก็บได้ การออกเป็นพระราชกำหนดหรือ พ.ร.ก.จะทำได้เร็วกว่า แต่การออก พ.ร.ก. ถือว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกโจมตีและนำไปเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงตามวัตถุประสงค์หลักในการออก พ.ร.ก.

แหล่งข่าวกล่าวว่า เหตุที่ต้องหาแนวทางปรับเพิ่มภาษีดังกล่าว เพราะรัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากกับนโยบายประชานิยมหลายโครงการที่รัฐบาลหาเสียงไว้ และยังคงดำเนินการอยู่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook