ประชานิยมกับผู้ว่าฯ กทม.
เลือกตั้งผู้ว่า กทม. ดูจะเป็น "เรื่องเดียวกันไปเสียแล้ว" ระหว่างการเลือกตั้งกับนโยบายประชานิยม เรียกได้ว่า มีการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อไร มีการ "ลด แลก แจก แถม" เมื่อนั้นคะแนนเสียงของท่านจึงเหมือน "เงิน" ที่ซื้อสินค้าจากนักการเมือง โดยมี "ประชานิยม" เป็นโปรโมชั่น
แนวคิดประชานิยมนั้นแน่นอนว่า ต้นตำรับที่นำมาปรับใช้กับสังคมไทยคือ "อดีตนายกฯ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร" กลุ่มคนที่ไม่ชอบ "นักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย" ก็ใช้วิธีการลดความน่าเชื่อถือของนักการเมืองด้วยการชี้ให้เห็นผลเสียของ "ประชานิยม โดยมี "พรรคประชาธิปัตย์" ศัตรูคู่อาฆาต(แค่หน้าสื่อ???) เป็นแกนหลักที่โจมตีโครงการประชานิยมอย่างหนักตลอด 6-7 ปีที่ผ่านมา
แต่เมื่อมาดูป้ายหาเสียงของ "คุณชายหมู" ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 16 พรรคประชาธิปัตย์แล้วก็จะพบว่ามีนโยบาย "เพิ่ม สร้าง ต่อเติม" เช่นกัน
แต่ก็ยังถือว่าเป็นประชานิยมที่เน้นเรื่องระบบสาธาราณูปโภคและระบบมวลชนขนส่ง ซึ่งจะว่าไปก็เป็นแนวทางหลักในการหาเสียงของผู้สมัครชิงผู้ว่าพ่อเมืองเสาชิงช้าในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
สังเกตได้จาก "ป้ายหาเสียง" ของผู้สมัครก็พอจะทราบได้ว่าแต่ละคนมีประชานิยมใดบ้าง จะแตกต่างกันก็แค่เป็นประชานิยมแบบ "รู้แน่ว่าจะทำ (ได้) อะไร" กับ "รู้แน่ ๆ ว่า น่าจะทำไม่ได้"
การหาเสียงแบบประชานิยมในสนามเลือกตั้งผู้ว่า กทม. นั้น เมื่อพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าไม่มีผู้สมัครคนไหนมีนโยบายประชานิยมในเชิง "ปฎิรูปโครงสร้างเท่าที่ควร"
จึงไม่แน่ใจว่าชาวกทม.ไม่ต้องการปฎิรูปโครงสร้างของเมืองหลวงหรือเปล่า จึงไม่มีผู้สมัครคนไหนชูนโยบายในการปฎิรูปโครงสร้าง ทำให้กลับมาคิดเพ้อ ๆ ไปเองว่า หรือตัวผู้สมัคร "ไม่กล้าที่จะเสนอนโยบายในเชิงปฎิรูปโครงสร้างเมืองหลวงกันแน่"
พันธวิศย์ เทพจันทร์