คนดังแนะเทคนิครับมือปีวัวดุ

คนดังแนะเทคนิครับมือปีวัวดุ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พูดกันได้พูดกันดี หรือเป็นข่าวเด่นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวสีกันอย่างต่อเนื่อง ให้ระมัดระวังในเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะปีวัว หรือปีพุทธศักราช 2552 นี้แหละ เศรษฐกิจอาการหนักหนาสาหัส

 

//

//

 

ทั้งสาเหตุจากเศรษฐกิจโลกดิ่งลงเหว ผนวกกับความวุ่นวายในสถานการณ์บ้านเมืองของเราเอง ยิ่งฉุดให้เศรษฐกิจพังพินาศ ทำเอาตกอกตกใจกันทั้งประเทศ

 

หลายคนออกมาปลอบขวัญพร้อมแนะทางรอด ถ้าเราไม่รู้จักปรับตัว เอาแต่เครียดกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือวิตกกังวลเกินเหตุจนไม่เป็นอันทำอะไร ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น เอาเป็นว่า ขึ้นปีใหม่ทั้งทีเราได้รวบรวมคำบอกเล่าของคนในสังคม เพื่อเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตในปีวัวมาบอกกัน

 

เริ่มจาก กบ เกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผู้บริหารสายการตลาด บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด แม้จะยอมรับว่า ปีนี้เศรษฐกิจไม่ดี หรือเป็นปีเผาจริงแน่สำหรับภาวะเศรษฐกิจเมืองไทย แต่ก็ต้องช่วยกัน อย่าเครียด อย่ามองว่าเศรษฐกิจไม่ดี จะต้องไม่ใช้จ่าย ก็ขอให้สนุกสนานและมีความสุขกับสถานการณ์ตามสถานะ

 

ไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องสุรุ่ยสุร่ายนะครับ แน่นอนธุรกิจห้างสรรพสินค้าต้องการให้คนเข้ามาจับจ่าย แต่เราก็มีการวางแผนที่จะทำการตลาดที่แตกต่างออกไป เพื่อให้คนมาใช้จ่ายได้คุ้มค่ามากที่สุด ผมเชื่อแน่ว่า ในธุรกิจของห้างสรรพสินค้าในปี 2552 นี้ จะมีความสนุกในการทำโปรโมชั่นและจะมีแนวทางการตลาดใหม่ๆ มากขึ้น แต่สำคัญที่สุด ผมไม่อยากให้คนไทยคิดว่าเรื่องเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ของทุกคน หรือเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ความจริงแล้ว ปัญหาที่สำคัญที่สุดและต้องช่วยกันเร่งแก้ไข และร่วมมือร่วมใจกันมากที่สุดคือ เรื่องของภาวะโลกร้อนนะครับ เกรียงศักดิ์ กล่าว

 

ขณะที่เจ้าพ่อวงการแฟชั่นทรงผม แดง สมศักดิ์ ชลาชล กล่าวว่า คนไทยได้ยินเรื่องของพิษเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นว่าหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนต้องนำมาใช้ ซึ่งส่วนตัวก็ปฏิบัติเช่นนั้น อย่างธุรกิจร้านชลาชล ปีนี้คงไม่มีการขยายสาขาเหมือนปีก่อนๆ แต่เปลี่ยนเป็นการพัฒนาร้านที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้ในสิ่งที่ดีที่สุด และจะพยายามรักษาฐานของบริการให้ดีอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นสิ่งที่ควรกระทำที่สุด เพื่อรับมือเศรษฐกิจปีวัวดุ

 

ด้าน ฟลุค ชลัคร ชีวเกษมสุข กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไกซริน จำกัด ผู้นำเข้าแบรนด์นาฬิกาอามานดี นิโคเล็ท และเทคโนมารีน บอกถึงการเตรียมตัวตั้งรับกับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ว่า พยายามประหยัดค่าใช้จ่าย ต้นทุนของสินค้า และต้นทุนในการบริหารจัดการให้อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมกับเพิ่มยอดขาย และปรับราคาสินค้าให้ถูกลงเพื่อรับกับสถานการณ์

 

ส่วนตัวจะนำมาตรการประหยัดมาใช้ ลดการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น และจากที่จะไปเที่ยวต่างประเทศก็หันมาเที่ยวในประเทศ เพื่อเงินไม่รั่วไหลออกนอกประเทศ ถึงสภาพเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดี ก็ให้ใช้ความพยายาม ความตั้งใจ และความอดทน และพยายามมองว่าไม่ใช่วิกฤติอย่างเดียว อาจจะเป็นโอกาสที่เราจะเริ่มอะไรหลายๆ อย่างได้ ถึงยังไม่เริ่มทำก็สามารถเริ่มต้นศึกษา และคิดหาโอกาสที่เหมาะสมในการที่จะลงมือทำได้ นักธุรกิจหนุ่ม บอก

 

ส่วน ดิ๋น ดลิน โสภณพนิช ยังพิชิต เจ้าของร้านเสื้อผ้าแนวสตรีทแวร์ ดิ แอดเจคทีฟ เผยว่า จะมีการซื้อเสื้อผ้าก่อนในส่วนของปีนี้ ซึ่งตอนนี้วางแผนว่าจะซื้อของที่คิดว่าน่าจะดึงดูดลูกค้าได้จริงๆ และดูความต้องการของลูกค้าว่าชอบแบบไหน ไม่เสี่ยงซื้ออะไรที่ไม่มั่นใจ นอกจากนี้ ในช่วงปีใหม่ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าวีไอพีหรือลูกค้าทั่วไป จะมีของขวัญพิเศษที่ทางร้านจัดทำขึ้นมอบให้ด้วย

 

พอเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวเวลาทุกอย่างก็เป็นเงินเป็นทอง ไม่ค่อยได้ไปเดินช็อปปิ้งมาก และจะซื้อของที่เราต้องการจริงๆ ไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย และซื้ออะไรก็จะคิดมากขึ้นด้วย เพราะเงินที่ได้มาแต่ละบาทมันยาก และกว่าจะขายเสื้อผ้าได้แต่ละตัวก็ยากขึ้นด้วย นั่นทำให้รู้ว่าเงินแต่ละบาทมีค่า ดิ๋นกล่าว

 

มาฟัง ตุ๊ก เพียงเพ็ญ พรายแสง นักประชาสัมพันธ์งานชุกตลอดปี ผู้อำนวยการบริษัท พับบลิค ฮิต รายนี้บอกว่า ในฐานะที่ดูแลบริษัทก็จะรัดเข็มขัด ประหยัดทุกอย่าง การจ้างงานพนักงานใหม่ต้องงดไว้ก่อน ใช้คนที่มีอยู่ให้เต็มศักยภาพ ก็จะเป็นโอกาสในการพัฒนาพนักงานให้ถึงขีดสุด งานบางอย่างมีทีมงานทำอยู่แล้ว แต่ก็ต้องฝึกให้พนักงานทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น แล้วทุกอย่างก็จะไปด้วยกันได้

 

ต้องทำงานมากขึ้น แต่ลูกค้าจ่ายเราเท่าเดิม ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่าที่จ้างเรา พยายามไม่คิดว่าเป็นงานของลูกค้าหรือเป็นงานที่ทำครั้งเดียวจบ แต่ให้ทำเหมือนเป็นงานของเราเอง และต้องใส่ใจมากขึ้น จากเคยทำแค่ 1-5 ต่อจากนี้ต้องทำ 15 เศรษฐกิจแย่ลง จึงต้องช่วยๆ กันทั้งเราและลูกค้า ส่วนเรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัวก็ต้องพยายามกระตุ้นให้เกิดการใช้เงินบ้าง ไม่ใช่ประหยัดจนเกินไป เคยซื้อเสื้อผ้าเดือนละ 4 ครั้ง ก็ลดลงเหลือเดือนละครั้ง แต่ก็ต้องซื้ออยู่ ไม่อย่างนั้นวงจรการหมุนเวียนจะหายไป ถือเป็นการกระจายรายได้ให้ทั่วถึง พีอาร์สาวคนเก่ง แนะ

 

เรื่องเงินๆ ทองๆ คงไม่มีใครพูดได้ถึงแก่นเท่านักวิเคราะห์เศรษฐกิจมือเก๋า อย่าง ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ซึ่งมองว่า ปี 2552 นี้ แนวโน้มการว่างงานสูงขึ้น ต้องให้มีงานทำ ดูเหมือนพูดง่ายแต่ทำยาก เพราะเศรษฐกิจย่ำแย่รายได้เข้าบริษัทก็หดหาย นายจ้างก็อยากปลดพนักงาน เพื่อลดค่าใช้จ่าย ตามขั้นตอนจะเลือกคนทำงานดีไว้ คัดคนแย่ที่สุดออก เพราะฉะนั้นต้องขยันกว่าเดิม ก็จะเป็นโอกาสให้ได้อยู่ต่อ ส่วนการใช้จ่ายพยายามอย่าให้มีภาระการเงิน เงินออกให้น้อย เงินเข้าให้มาก ที่สำคัญอย่าเป็นหนี้บัตรเครดิตโดยไม่จำเป็น มีภาระสองอย่างเท่านั้นที่พอจะเป็นหนี้ได้ คือ การผ่อนบ้านและรถ อย่างอื่นอย่าเพิ่งคิด

 

สำหรับนักลงทุนช่วงนี้ต้องบอกว่าลำบาก หุ้นมีแนวโน้มตกมากกว่าขึ้น พอหุ้นขึ้นมานิดหน่อยคนก็หวังว่ารัฐบาลใหม่จะช่วยได้ เรียกว่าช่วง ฮันนีมูน แต่พอหมดช่วงนี้ก็เป็นขาลง ส่วนตัวเห็นว่าดัชนีประมาณ 350 จุด ยังมีความเสี่ยงอยู่ เราอย่าหวังพึ่งรัฐบาลอย่างเดียว ต้องทำตัวให้แข็งแรงด้วย สำหรับมนุษย์เงินเดือนหรือคนหาเช้ากินค่ำ ต้องดูแลรายจ่าย คือ ต้องทำบัญชีค่าใช้จ่ายครัวเรือนแต่ละเดือน บางเรื่องไม่จำเป็นก็ต้องตัด อย่างกินข้าวนอกบ้าน เที่ยวเตร่ หรือของฟุ่มเฟือย ส่วนการให้ออกมาใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นอยู่ว่าใครมีเงินพอใช้จ่ายแค่ไหน ต้องบอกตัวเองว่าข้างหน้ามีความลำบากอยู่ และถ้าคิดจะลงทุนมีสองอย่างคือ พันธบัตรรัฐบาล และทองคำ โดยเฉพาะทองคำช่วงนี้ยังไม่แพงมาก ถ้ามีกำลังก็ซื้อเก็บ เพราะยิ่งน้ำมันลดราคา ราคาทองคำก็จะยิ่งสูงขึ้นตาม เป็นไปตามกลไกตลาดโลก

 

ปิดท้ายด้วยข้อคิดดีๆ จากพระนักเทศน์ชื่อดัง พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิเมธี) ซึ่งกล่าวถึงการตั้งรับกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นว่า อันดับแรกให้มองความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ เมื่อชีวิตมีช่วง ขาขึ้น ก็ให้ตระหนักว่าย่อมมี ขาลง ฉะนั้นต้องพร้อมเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง เมื่อความเปลี่ยนแปลงผ่านไป สิ่งที่ได้กลับมาคือ ชีวิตที่มีภูมิคุ้มกัน เมื่อทุกข์สาหัสก็จะไม่ทำร้ายตัวเอง และเมื่อประสบความสำเร็จสูงสุดก็ไม่หยิ่งทะนงตน ขณะที่การอยู่ร่วมกันในสังคมก็ให้ก้าวผ่านความขัดแย้งโดยใช้วิธีสันติทุกรูปแบบ นั่นคือ คิด พูด และทำอย่าง สันติ

 

ใช้สติในการดำเนินชีวิต เพราะสติจะบอกว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ขาดสติเมื่อไหร่ก็ขาดใจ แต่ถ้ามีสติเมื่อไหร่ก็มีอนาคตก้าวไกลเท่านั้น ถ้าไม่อยากลำบากก็ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เน้นเรื่อง ใช้สอย มากกว่า ใช้สวย ก็จะเหลือเงินในกระเป๋าเยอะขึ้น และขอให้คนไทยดำรงชีวิตด้วยความ ลึก ไกล และใจกว้าง การมองลึก ไม่ว่าเราไปเกี่ยวข้องกับอะไร จะทำให้มองถึงคุณค่าแท้จริงของสิ่งนั้นใช่เพียงผิวเผิน มองไกล คือทุกครั้งที่ทำอะไร อย่ามัวถามว่าเราจะได้อะไร เห็นแก่ส่วนรวมให้มาก ลดความรู้สึกลง เพิ่มความรู้ให้มากขึ้น และใจกว้าง คือ ให้เราพร้อมอยู่ร่วมกับคนที่มีความต่างทางความคิดอย่างสันติ โดยมีวิธีมองว่า เราเป็นมนุษย์แต่ชาติก่อน แล้ววันนี้เกิดเป็นคนไทย และเราเป็นคนไทยก่อนมาเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง หากทำได้ดังนี้ก็จะทำให้เราก้าวสู่ปีใหม่ ปีที่ใครๆ ว่าเป็น ปีวัวดุ ด้วยความร่มเย็นและเป็นสุขตลอดทั้งปี...

 

หลากหลายมุมมอง หลากหลายแนวคิด และหลากหลายแนวทาง ก็สามารถนำไปปรับใช้กับการใช้ชีวิตตามแบบฉบับของตัวเองได้นะคะ

 

 

 

อาถรรพณ์นรกซานติก้า ที่ดินนี้มีตำนาน...เลือด!!!

 

จากที่ดินทำเลทองย่านเอกมัย เพียงชั่วข้ามคืนของวันแรกที่ย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2552 กลับกลายเป็นสุสานของเหยื่อเพลิงนรก นำมาสู่การผูกโยงถึงความเชื่อของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับ สุสานซานติก้าผับ ด้วยความหวาดผวา และบอกเล่าถึงเรื่องราวอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงลางร้ายบอกเหตุที่อาจจะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook