ความฝันของครูด.ช.อภิสิทธิ์อยากเห็นลูกศิษย์เป็นนายกฯก่อนตาย

ความฝันของครูด.ช.อภิสิทธิ์อยากเห็นลูกศิษย์เป็นนายกฯก่อนตาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ในฐานะคนเป็นครูเป็นความใฝ่ฝันอยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลูกศิษย์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีขณะที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ เพราะเชื่อมั่นว่าความเป็นคนดีของลูกศิษย์คนนี้จะทำประโยชน์ให้แก่ชาติได้ เมื่อก่อนไม่แน่ใจว่าจะทันได้เห็นหรือไม่

// //

เคยสั่งลูกชายไว้ ถ้าแม่ตายไปก่อนแล้วอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ ขอให้จุดธูปบอกแม่ด้วย แต่วันนี้ไม่ต้องแล้วเพราะได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว

รศ.ลินจง อินทรัมพรรย์ ผอ.โรงเรียนอู่ทิพย์ จ.สมุทรปราการ และอดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายประถม) วัย 64 ปี ครูสอนวิชาสังคมศึกษา หนึ่งในคุณครูประจำชั้นของ อภิสิทธิ์ สมัยอยู่ชั้น ป.5-ป.6 โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ (ฝ่ายประถม) ช่วงปี พ.ศ.2517-2518 เล่าถึงความฝันที่อยากเห็นลูกศิษย์เป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ ดังนั้นในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 15 ธันวาคม 2551 จึงอธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ มาร์ค ลูกศิษย์รัก ชนะโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ คนที่ 27 ของไทย ซึ่งพรนี้ก็สำเร็จดังหวัง และได้ส่งการ์ดแสดงความยินดีด้วยข้อความสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษว่า good news

เช่นเดียวกับช่วงปี 2535 ที่ทราบข่าวจากเพื่อนของ มาร์ค ว่าเขาลงเลือกตั้ง ส.ส.กรุงเทพฯ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ด้วยความที่อดห่วงลูกศิษย์ไม่ได้ เพราะกระแสพรรคพลังธรรมแรงเหลือเกิน ทุกครั้งที่โทรศัพท์ไป ใครๆ ก็จะบอกเลือกพรรคพลังธรรม แนะนำให้ มาร์ค เขียนจดหมายถึงผู้ปกครองโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ (ฝ่ายประถม) แนะนำตัวเองว่าเป็นศิษย์เก่า อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ อภิสิทธิ์ ฝ่าสนามเลือกตั้งสุดหินเข้ามาเป็น ส.ส.กทม.เพียงคนเดียวของพรรคประชาธิปัตย์

นายกฯ อภิสิทธิ์เป็นผู้ใหญ่กว่าเพื่อนๆ มีความเป็นผู้นำสูงมาตั้งแต่เด็ก เพราะโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ สอนเด็กทุกคนให้เป็นผู้นำ จนเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตผู้นำด้านต่างๆ ของสังคม เคยเป็นหัวหน้ามาตั้งแต่ชั้น ป.1-ป.6 เพราะมีการเลือกหัวหน้าห้องทุกเดือน เพื่อฝึกเด็กในเรื่องประชาธิปไตยตั้งแต่ชั้น ป.1 แต่ไม่เคยคิดว่าเขาจะมาเป็นนักการเมือง เพราะพ่อแม่ของนายกฯ อภิสิทธิ์เป็นหมอ หลังจบไปแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย มาเห็นบทความในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งลงชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงรู้ว่ามาเป็นนักการเมือง เมื่อรู้ว่าลงเล่นรเมือง ก็ส่งกำลังใจไปให้ มีอะไรสนับสนุนได้ก็ทำเต็มที่ วันนี้เขาเป็นนายกฯ แล้ว เราเป็นครูก็ภาคภูมิใจที่มีลูกศิษย์เป็นนายกฯ และให้กำลังใจเขา รศ.ลินจง บอกเล่าความรู้สึก

ความประทับใจที่มีต่อลูกศิษย์ที่ชื่อ ด.ช.มาร์ค ของ รศ.ลินจง เพราะว่า เป็นเด็กดี พูดจาดี สุภาพเรียบร้อย น่ารัก เรียนเก่ง ได้รางวัลบัตรเกียรติยศประเภทที่หนึ่ง ซึ่งเป็นประเภทสูงสุดตั้งแต่ชั้นป.1-ป.6 ซึ่งผู้ที่จะได้รางวัลนี้ต้องเป็นนักเรียนเรียนดีเยี่ยม มีความประพฤติดี และตอนที่เรียนอยู่ชั้นป.5 ได้รางวัลเรียนดีเด่น รางวัลชนะเลิศประกวดเรียงความระดับโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ จากเรียงความเรื่อง แม่ ด้วย เป็น หนอนหนังสือ ทำให้เป็นคนที่มีความรู้กว้างขวางและมีทักษะภาษาไทยที่ดี เป็นคนมีน้ำใจ คอยช่วยสอนเพื่อนที่เรียนช้ากว่า ช่วยเตือนและดูแลเพื่อนๆ ในห้อง ไม่เคยสร้างปัญหาอะไรให้หนักใจ มีความรับผิดชอบสูงมาก และรู้จักกาลเทศะ ไม่พูดแซงครู รู้จักเวลาในการถาม-ตอบ

นายกฯ อภิสิทธิ์เป็นนักเรียนตัวเล็กที่สุดในห้องและหน้าตาดี อาจารย์สอนภาษาไทยเล่าให้ฟังว่า เคยพาไปโต้วาทีระดับประถมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวเล็กมาก ขนาดที่นั่งเก้าอี้ที่เวที นั่งแล้วจมลงไปต้องหาเบาะรองนั่ง 2 ใบมาให้นั่งเพื่อให้ตัวสูงขึ้น พูดเก่ง แต่รู้จักกาลเทศะผู้ฟังที่ดี จะฟังและคิดตามจะมีท่าคิดเป็นของตัวเอง (แล้วทำท่าประกอบยกศอก มือแตะข้างใบหน้า) รศ.ลินจง เล่าถึงศิษย์รักอย่างเอ็นดู

รศ.ลินจง บอกถึงวิธีสั่งสอนลูกศิษย์ ทุกคนรวมทั้งนายกฯ ว่าสอนให้ทุกคนเป็นคนมีคุณธรรม โดยเฉพาะความซื่อสัตย์ รับผิดชอบ มีวินัย รู้จักสิทธิและหน้าที่และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ที่ตลอด 50 ปี ก็ยึดหลักเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ รู้จักค้นคว้าหาความรู้ ทำให้เด็กกล้าแสดงออกและคิดอย่างอิสระ และได้ให้นักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ (ฝ่ายประถม) รุ่นของนายกฯ อภิสิทธิ์เขียนเรียงความ ถ้าฉันเป็น...นายกรัฐมนตรี และได้รวบรวมเรียงความและภาพวาดของนักเรียนจัดพิมพ์เป็นหนังสือ เสียงจากเด็กรุ่นใหม่ ถ้าฉันเป็น...นายกรัฐมนตรี พิมพ์ครั้งแรกเดือนธันวาคม 2517 มีอาจารย์เลิศ อานันทนะ เป็นผู้จัดทำ เมื่อ 2-3 ปีก่อน นายกฯ อภิสิทธิ์เคยถามหาหนังสือเล่มี้ว่ามีบทความของท่านที่เขียนไว้อยู่ด้วยหรือไม่ แต่น่าเสียดายไม่ได้นำมารวมพิมพ์ไว้ ต้นฉบับเรียงความของนักเรียนทุกคนมีเก็บไว้ แต่เรียงความของนายกฯ นั้นน่าเสียดายที่ปลวกกินไปหมดแล้ว และนายกฯ ก็จำไม่ได้ว่าเขียนไว้ว่ายังไง แต่อยากให้นายกฯ ได้อ่านหนังสือ ถ้าฉันเป็น...นายกรัฐมนตรี เพราะคนรุ่นเดียวกับนายกฯ เขียนไว้เมื่อ 35 ปีก่อน ซึ่งปัญหาบ้านเมืองคล้ายกับเวลานี้ เช่น ปัญหาว่างงาน ความไม่สงบในภาคใต้ รศ.ลินจงอธิบาย

พร้อมกับฝากนายกฯ ให้แก้ปัญหาการศึกษาในเรื่องการประเมินวิทยฐานะครู ขอให้ดูจากผลการสอนเป็นหลัก เพราะการดูจากผลงานวิชาการ ทำให้ครูเสียเวลาสอนเด็กและเสียเงิน ควรให้ครูอยู่สอนเด็กให้มากที่สุด ไม่ควรจะใช้ให้ครูไปทำงานอย่างอื่น และคัดเลือกเด็กเก่ง เด็กดี และมีความมุ่งมั่นอยากเป็นครูจริงๆ มาเป็นเรียนครู ซึ่งสถาบันอุดมศึกษา โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฏต้องทำหน้าที่ผลิตครูที่มีคุณภาพออกสู่สังคมเช่นในอดีต รวมทั้งปรับปรุงหนังสือเรียนให้ทันสมัย น่าอ่านเช่นเดียวกับต่างประเทศ และปลูกฝังให้เด็กๆ รักการอ่านด้วย

ในวันที่ 16 มกราคม ซึ่งเป็นวันครูประจำปี 2552 สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้จัดงานวันครูขึ้น ที่หอประชุมคุรุสภา กรุงเทพฯ และเชิญนายกฯ อภิสิทธิ์ มาเป็นประธานพิธีเปิด และเชิญ รศ.ลินจง มาในฐานะครูของนายกฯ โดยงานนี้ รศ.ลินจง มีของขวัญสุดเซอร์ไพรส์มาให้ลูกศิษย์ด้วย !!

0 ทีมข่าวการศึกษา 0

เสียงเล็กๆ นวันเด็กขอนายกฯช่วยคนไทยรักกัน

วันเด็กแห่งชาติปีนี้...ผู้ปกครองต่างพาบุตรหลานไปเที่ยวชมตามสถานที่ต่างๆ ที่เปิดเป็นพื้นที่ต้อนรับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะ ทำเนียบรัฐบาล ที่เคยโอ่อ่ากว้างใหญ่ กลับแคบลงไปถนัดตา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook