นายกฯมอบสนั่นคุมงานศาสนาองค์กรพุทธรับได้

นายกฯมอบสนั่นคุมงานศาสนาองค์กรพุทธรับได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯ มอบ สนั่น คุมงานศาสนา องค์กรพุทธรับได้ พร้อมเรียกร้องให้บรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ ออกพ.ร.บ.คุ้มครองพระพุทธศาสนา

// //

เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2552 พระครูสังฆพินัย เลขาธิการองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แบ่งงานให้กับรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลหน่วยงานต่างๆ ซึ่งในส่วนของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบให้ดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ด้วยนั้น เท่าที่ดูรายชื่อของทั้งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีโอกาสจะเข้ามาดูแล พศ. ก็พบว่า พล.ต.สนั่น มีความเหมาะสมมากที่สุด เพราะที่ผ่านมาพล.ต.สนั่น มีความใกล้ชิดกับพระผู้ใหญ่หลายรูป ซึ่งจะส่งผลให้เข้าใจปัญหาของพระสงฆ์ได้ดี อย่างไรก็ตามในส่วนขององค์กรพุทธ อยากให้พล.ต.สนั่น ให้เวลาตัวแทนจากองค์กรพุทธต่างๆ เข้าพบ เพื่อที่จะเสนอปัญหาต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ในส่วนจุดยืนขององค์กรชาวพุทธฯนั้น ยังคงเหมือนเดิม คือ เรียกร้องให้มีการบรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ และเร่งออกพ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยเร็ว

พระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไม่ว่าใครจะมาดูแล พศ. ในส่วนของพระสงฆ์แล้วรับได้ทุกคน ซึ่งสิ่งที่อยากให้พล.ต.สนั่น ดำเนินงานเกี่ยวกับการส่งเสริมพระพุทธศาสนา คือ การยกสถานะของพศ. ขึ้นเป็นหน่วยงานระดับกระทรวง รวมทั้งหาแนวทางในการตั้งธนาคารพระพุทธศาสนา เพื่อจะได้มีแหล่งในการรวบรวมเงินรายได้ของแต่ละวัด และอยากให้เน้นในเรื่องของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่เยาวชน โดยควรหาเวลาออกอากาศทางโทรทัศน์ประมาณ 1 ชั่วโมง เฉพาะในวันพระ ซึ่งอาจจะเป็นในช่วงเช้า หรือช่วงพักกลางวัน เพื่อเสนอรายการเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา โดยนิมนต์พระวิทยากรที่เก่งๆ มาสอนในเรื่องศาสนพิธี การสวดมนต์ ขณะเดียวกันก็ควรที่จะเชิญนายกรัฐมนตรี และผู้ใหญ่ของบ้านเมืองมาออกในรายการดังกล่าวด้วย เพื่อให้เป็นแบบอย่างกับเด็กและเยาวชน และเมื่อถึงเวลาที่รายการนี้ออกอากาศทางภาครัฐก็ควรขอความร่วมมือไปยังโรงเรียนต่างๆ หน่วยงานราชการ เปิดรายการนี้ให้เด็กนักเรียนได้ดูด้วย

 

 

ตะลุยข่าว : THE GREEN POLICE กองปราบฯ สู่ศตวรรษที่ 21

ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกสามารถระงับยับยั้งปัญหาอาชญากรรมให้ลดลงและควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ ตรงกันข้ามกับประเทศไทย กลับมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และมีการกล่าวถึงในระดับนานาชาติว่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook